สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ท่านให้ความสนใจและเข้ามาอ่านนิยายของผม นี่เป็นนิยายเรื่องแรก ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ผมต้องปรับปรุง ขอบคุณทุกท่านที่เข้าสนับสนุนกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ท่านจะสนับสนุนกันต่อไปในอนาคต

ช่วงเวลาสี่โมงเย็นคือช่วงเวลาที่นักเรียน ม.ปลาย ส่วนใหญ่กลับบ้านกัน แต่ก็มีบางส่วนที่ทำกิจกรรมชมรมและบางส่วนที่ยังอยู่โรงเรียนด้วยสาเหตุบางอย่าง ตัวอย่างเช่นฉัน เป็นต้น

ทั้งที่วันนี้ขอประธานไว้แล้วว่ามีธุระและประธานก็อนุญาตแล้วเพราะไม่มีงานสภานักเรียนอะไรสำคัญมากมาย แต่ก็ยังไม่วายโดนอาจารย์ขอให้ช่วยจัดเอกสาร

สุดท้ายก็ต้องพาเซริ คุณทาเคโนะอุจิ และเพื่อนของคุณทาเคโนะอุจิอีกสองคนมาเป็นผู้ร่วมชะตากรรมด้วย

ถ้าถามว่ามันเกิดอะไร ทำไมถึงมาลงเอยแบบนี้ก็คงต้องเล่าย้อนไปเมื่อสักยี่สิบนาทีที่แล้ว

– “กลับบ้านกันดีๆ นะเด็กๆ ระวังสุขภาพด้วย โดยเฉพาะเครื่องแบบฤดูร้อน ถ้าตากฝนจะป่วยเอาได้ง่ายๆ นะ” –

คร๊าบบบบ/ค่าาาาา

– “อ่อ คุณโอโตเมะ ครูรบกวนเวลาสักแปบซิ มาที่ห้องพักครูหน่อย” –

– “อ๊ะ ค่ะ” –

อาจารย์เดินออกไปแล้วฉันก็หันไปมองหน้าเซริที่กำลังมองมา

– “ไม่รู้มีเรื่องอะไร ฉันขอไปดูก่อนนะ” –

– “ไปด้วยกันนี่แหละ จะได้ไม่เสียเวลา เสร็จแล้วเราก็ไปกันเลย” –

– “งั้นก็ไปกัน” –

แล้วเราทั้งคู่ก็ตรงไปห้องพักครู ระหว่างทางก็บังเอิญเจอคุณทาเคโนะอุจิกับเพื่อน ดูเหมือนจะเดินไปทางเดียวกันฉันก็เลยทักไป

– “สวัสดีคุณทาเคโนะอุจิ” –

– “อ้าวคุณโอโตเมะ สวัสดีค่ะ” –

เราต่างฝ่ายต่างทักทายกัน ฉันทักทายเพื่อนของคุณทาเคโนะอุจิ ทั้งสองคนก็คงจำฉันได้จากการไปติวกันคราวก่อน แล้วก็แนะนำเซริให้ทางฝั่งคุณทาเคโนะอุจิรู้จัก

พอสอบถามกันไปมาก็รู้ว่าพวกคุณทาเคโนะอุจิกำลังจะเอาสมุดจดที่อาจารย์สอนเลข พวกเราเลยรวมกลุ่มกันไปที่ห้องพักครู

มาถึงแล้วก็แยกกันไป ฉันเดินไปหาอาจารย์ที่ปรึกษา ส่วนเซริรอข้างนอก คุณคาวากุจิเองก็รอเพื่อนข้างนอกเหมือนกัน

– “คุณโอโตเมะช่วยหน่อยนะ ถ่ายเอกสารพวกนี้แล้วเอาไปที่ห้องวิทยาศาสตร์ให้ที” –

ได้ยินคำไหว้วานแล้วก็หันไปมองกองเอกสารบนโต๊ะอาจารย์ แล้วก็หันไปมองหน้าอาจารย์อีกครั้ง

– “ทั้งหมดเลยหรอคะ?” –

– “อื้ม เอาสองร้อยชุดนะ” –

แล้วอาจารย์ก็หันไปมองทางหน้าประตูห้อง

– “ไหนๆ ก็มากันแล้ว พวกเธอก็เข้ามาช่วยเพื่อนซิ จะได้เสร็จเร็วๆ เดี๋ยวครูเลี้ยงน้ำนะ จะเอาอะไรกัน” –

อาจารย์ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธได้เลย สุดท้ายกลายเป็นว่าพวกเราห้าคนต้องมาทำงานถ่ายเอกสารกันอยู่ตรงนี้

ตัดภาพมาปัจจุบัน ที่ตอนนี้กำลังขนเอกสารไปไว้ที่ห้องวิทยาศาสตร์

“เรียบร้อย”

“““““เฮ้อออ”””””

เสียงถอนหายใจ 5 เสียงดังขึ้นพร้อมกัน พวกเราต่างเงียบมองหน้ากันไปมาแล้วก็หลุดขำออกมาพร้อมกัน

“ฮิๆ อย่างกับนัดกันไว้แน่ะ”

“นั่นซินะ ฮ่าๆๆ”

แล้วก็ขำกันอยู่สักพักก่อนจะพากันเดินกลับไปที่ล็อกเกอร์

“ขอบคุณทุกคนนะที่มาช่วย เพราะฉันเลยต้องกลับบ้านช้ากันเลย”

ฉันขอบคุณเซริ คุณทาเคโนะอุจิ และเพื่อนๆ ที่มาช่วยฉันทั้งที่อาจารย์วานฉันแค่คนเดียว

“คิดมากน่า เธอกับฉันก็เพื่อนกันนะ มีอะไรต้องช่วยกันซิ”

เซริตบไหล่ฉันเบาๆ ส่งยิ้มเจิดจ้ามาให้

“นั่นซิคะ เพื่อนกันทั้งนั้น อย่าคิดมากเลยค่ะ”

คุณทาเคโนะอุจิเองก็พูดพร้อมกับยิ้มมาให้ เพื่อนเธออีกสองคนก็พยักหน้าไปพร้อมกัน

“อีกอย่างก็ไม่ได้ถือว่ากลับช้าอะไรเลย ปกติเราก็กลับเวลาประมาณนี้กันอยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ”

พอคุณทาเคโนะอุจิพูดเสริมมาแบบนั้นฉันก็นึกขึ้นได้ ตอนนี้เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว

ปกติถ้าไปช่วยงานที่ห้องสภานักเรียนก็จะกลับบ้านกันประมาณนี้เป็นเรื่องปกติ แต่วันนี้ไม่ได้ไปฉันเลยรู้สึกว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว

“ถ้างั้นพวกฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ต้องไปซื้อของกันนิดหน่อย”

“อื้ม ฉันกับเซริก็จะไปซื้อของเหมือนกัน งั้นไว้เจอกันนะ”

“ค่ะ แล้วเจอกัน คุณอาโออิด้วยนะคะ”

“จ้า ไว้เจอกันนะ”

โบกมือบ๊ายบายและก็แยกกันที่หน้าโรงเรียน…ซะที่ไหนล่ะ พวกเรายังเดินไปทางเดียวกัน

“เอ๊ะ?!” “อ๊ะ!?”

ต่างฝ่ายต่างมองกันแล้วก็หลุดขำออกมา

“เพิ่งลากันเมื่อกี้ เจอกันอีกแล้วนะคะ”

“ฮ่าๆๆ นั่นซินะ ว่าแต่คุณทาเคโนะอุจิจะไปซื้ออะไรหรอ?”

“ว่าจะไปซื้อกล่องข้าวใหม่น่ะค่ะ คิดว่าหลังจากนี้จะห่อข้าวมากินทุกวัน”

“อ๊ะ ฉันก็จะไปซื้อเหมือนกัน”

“คุณโอโตเมะก็จะห่อข้าวมากินที่โรงเรียนเหมือนกันหรอคะ”

“ออ..อ่ออ เปล่าหรอก”

“เอ๊ะ?”

เห็นคุณทาเคโนะอุจิเอียงคอสงสัยแล้วก็รู้สึกผิดกับผู้ชายทั้งโรงเรียน ท่าทางแบบนี้พอมาแสดงให้ฉันเห็นแล้วรู้สึกเสียของยังไงก็ไม่รู้

“คือว่า…”

“อามายะจะทำข้าวกล่องให้ผู้ชายน่ะ”

จู่ๆ เซริที่คุยกับเพื่อนของคุณทาเคโนะอุจิอยู่ก็พูดแทรกขึ้น ทำเอาตกใจหัวใจแทบวาย

“เอ๋..ทำให้แฟนหรอคะ~”

คุณทาเคโนะอุจิถามพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ท่าทางน่ารักน่าชังแม้ว่าจะกำลังแกล้งฉันอยู่ มองแล้วโกรธไม่ลงจริงๆ

“ปะ…เปล่า คือ..”

“นิโนะมิยะคุงหรอ?”

“ห๊ะ!?”

อยู่ๆ เพื่อนคุณทาเคโนะอุจิก็ถามขึ้นมา ชื่อของเธอคือทาคิซาว่า ริกะ ส่วนอีกคนที่กำลังมองมาอย่างสนใจใคร่รู้นั่นชื่อซาซากิ มาริยะ

“ไม่ใช่หรอก แล้วไหงชื่อของนิโนมิยะคุงถึงโผล่มาได้ล่ะ?”

ฉันทำหน้ามุ่ยตอบพวกเธอกลับไปแต่ไม่ได้จริงจังอะไร พวกเธอเองก็คงรู้เลยหัวเราะกันคิกคัก

“ก็พวกฉันได้ยินข่าวของคุณสองคนมาตั้งแต่เปิดเรียนแล้วนิคะ คิดว่าคบกันไปแล้วซะอีก”

“มะ..ไม่ได้คบกันซะหน่อย”

เผลอตอบปฏิเสธแบบตะกุกตะกักไปเสียได้ แบบนี้ก็เหมือนมีอะไรในกอไผ่จริงๆ น่ะซิ ไม่ได้ๆ ต้องใจเย็นๆ

สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วค่อยๆ ผ่อนออก ความเร็วในการเต้นของหัวใจลดลงมาจนเกือบเป็นปกติ

“ไม่ได้คบกันจริงๆ นะ เป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”

“แต่ดูเหมือนนิโนะมิยะจะเห็นเธอพิเศษนะ”

“เอ๊ะ! เซริ พูดอะไรเนี่ย”

“เอ๊ะ!? จริงหรอ? ยังไงๆ เล่าให้พวกเราฟังมั่งซิคุณอาโออิ”

เสียงหัวเราะคิกคักจากเซริและเพื่อนๆ ของคุณทาเคโนะอุจิทำให้ฉันปวดหัวนิดๆ หันกลับมามองคุณทาเคโนะอุจิเห็นเธอมองมายิ้มๆ ฉันเลยยิ้มตอบแบบเหนื่อยๆ

“คุณโอโตเมะไม่ได้สนใจนิโนะมิยะคุงหรอคะ?”

คุณทาเคโนะอุจิถามขึ้นระหว่างที่เราเดินคู่กันไปแล้วปล่อยสามสาวสามสหายของพวกเราไว้ด้านหลัง

“ก็ไม่ได้กระตือรือร้นขนาดนั้นหรอก จะว่าไงดี ไม่ได้รังเกียจอะไรเขาหรอกนะคะ แต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษอะไร”

“แต่นิโนะมิยะคุงแสดงออกชัดเจนนะคะว่าสนใจคุณโอโตเมะ แม้แต่ห้องฉันยังรู้เลยค่ะ”

“อ๊ะ งั้นหรอ เขาแสดงออกชัดแบบนั้นเลยหรอ?”

“ฉันเองก็ไม่ได้รู้จากปากเขาหรอกนะคะ แต่เห็นพวกผู้ชายที่อยู่ชมรมเดียวกันจะพูดแบบนั้น ประมาณว่าผู้หญิงที่สนใจเป็นแบบคุณโอโตเมะน่ะค่ะ”

“แบบนี้มีหวังฉันได้โดนผู้หญิงทั้งโรงเรียนเกลียดขี้หน้าแน่ๆ -_-”

ถอนหายใจอย่างห่อเหี่ยว คุณทาเคโนะอุจิมองฉันแล้วขำเบาๆ ฉันชำเลืองมองเธอก็เห็นเธอหันกลับไปมองข้างหน้าแล้ว

“นิโนะมิยะคุงไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะคะ เขาแค่ไม่ค่อยมีประสบการณ์กับผู้หญิงแค่นั้นเอง”

“เอ๊ะ? คุณทาเคโนะอุจิรู้จักกับนิโนะมิยะคุงด้วยหรอ?”

“เราเรียน ม.ต้น ด้วยกันค่ะ สมัยก่อนเรามักจะรวมกลุ่มอยู่ด้วยกันเลยค่อนข้างจะสนิทกัน เขาหน้าตาดีเลยถูกผู้หญิงมารุมล้อมบ่อยๆ แต่แทนที่จะชินกับผู้หญิง เขากลับกลัวที่จะเข้าหาผู้หญิงซะงั้น ตอนนั้นเพื่อนๆ ก็ช่วยกันดันหลังเขาเต็มที่เลยค่ะ แต่เขาก็ไม่กล้าจีบใครสักคนเลย ฮุๆๆๆ”

คุณทาเคโนะอุจิเล่าเรื่องสมัย ม.ต้น ออกมาแล้วก็ขำเบาๆ อย่างนี้นี่เอง สมัยก่อนเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันนี่เอง ช่วงแรกถึงได้มีข่าวลือว่าทั้งสองคนคบกันอยู่

“งั้นตอนนี้ก็สนิทกันซินะ?”

ถามออกไปแล้วพลันรู้สึกเสียใจที่ตัวเองปากไว สีหน้าคุณทาเคโนะอุจิแข็งค้างอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะระบายยิ้มเศร้าๆ ออกมา

“นั่นซินะคะ”

ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่ โชคดีที่มันไม่ได้ดำรงอยู่นานนักเพราะเราเดินมาถึงสถานีรถไฟแล้ว

“พวกคุณอาโออิจะไปซื้อของที่ไหนกันหรอ มาด้วยกันกับพวกเราไหม?”

คุณทาคิซาว่าถามเซริกับฉัน อาจเป็นเพราะเธอรู้ว่าเราจะไปซื้อของอย่างเดียวกันเธอจึงชวนพวกเรา

ฉันมองไปทางคุณทาเคโนะอุจิก็เห็นเพียงเธอยืนยิ้มพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าท่าทางกลับมาเป็นปกติแล้ว

ขณะกำลังลังเลว่าจะเอาไง เซริก็ให้คำตอบคุณทาคิซาว่าเรียบร้อย

“ก็ดีนะ ไหนๆ ก็ซื้อของอย่างเดียวกัน ช่วยกันเลือกก็น่าจะดี อามายะว่าไง?”

“อะ อื้มม เอาซิ”

แล้วพวกเราห้าสาวก็ออกเดินทางสู่การเลือกซื้อกล่องข้าวด้วยกัน

ในโซนขายของใช้ในครัวเรือนภายในห้างบันโชวค่อนข้างใหญ่ มีของใช้ในครัวเรือนแทบทุกชนิดที่คนเราจะนึกออก

ความจริงแล้วฉันตั้งใจไปดูกล่องข้าวที่ร้านสินค้าราคาประหยัดแต่เซริบอกว่าจะตอบแทนทั้งที่ต้องให้ดูมีความตั้งใจหน่อย จะซื้อกล่องข้าวแบบส่งๆ แบบนั้นไม่ได้ พวกคุณทาคิซาว่า กับคุณซาซากิก็เห็นดีเห็นงามด้วย

อนึ่งพวกเธอรู้เรื่องข้าวกล่องที่ฉันตั้งใจจะทำหมดแล้วแถมดูกระตือรือร้นที่จะช่วยเลือกกล่องข้าวด้วย เซริก็หัวเราะคิกคักตามกันไป ไม่รู้ไปสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน

หลังจากเดินค้นหากันอยู่พักหนึ่งเราก็เจอเข้ากับโซนหีบห่อบรรจุภัณฑ์สารพัดซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีกล่องข้าววางอยู่เรียงรายละลานตา

“ว๊าว สวยๆ เต็มเลย มาดูเร็วๆ”

เซริกับอีกสองคนเดินดูกล่องข้าวพร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างสนุกสนาน เห็นแบบนั้นแล้วก็ชักไม่แน่ใจว่าเธอมาช่วยใครเลือกของกันแน่

“คุณโอโตเมะอยากได้แบบไหนหรอคะ?”

คุณทาเคโนะอุจิที่อยู่อยู่ข้างๆ กันถามขึ้นมา เธอมองมาที่ฉันแล้วหันไปมองสินค้าทางวางเรียงรายตรงหน้า

“นั่นซินะ เด็กผู้ชายชอบแบบไหนกันมั่งนะ อุตส่าห์ให้เซริมาช่วยเลือกเพราะเธอมีแฟนน่าจะรู้จักความชอบของผู้ชาย แต่ตอนนี้หายไปไหนแล้ว”

ฉันบ่นเพื่อนสาวที่ตอนนี้หายไปในมุมใดมุมหนึ่งของโซนบรรจุภัณฑ์แล้ว คุณทาเคโนะอุจิที่ได้ยินก็หัวเราะเบาๆ

“นั่นซินะคะ ริกะกับมาริยะก็เหมือนกัน ถ้ายังไงให้ฉันช่วยเลือกดีไหมคะ เห็นแบบนี้แต่สมัยก่อนฉันอยู่ชมรมบาสเกตบอลนะคะ คุ้นเคยกับเด็กผู้ชายพอสมควรเลย”

“เอ๋…คุณทาเคโนะอุจิเล่นบาสด้วยหรอ จะเก่งเกินไปแล้ว”

ฉันตกใจนิดหน่อยที่ได้ข้อมูลใหม่นี้มาแบบไม่ตั้งใจ คุณทาเคโนะอุจิปิดปากหัวเราะคงจะขำท่าทางของฉัน

“ฉันเป็นผู้จัดการทีม แค่คอยช่วยเหลือสมาชิกในชมรมก็แค่นั้น”

“เหหห..สุดยอดเลยนะเนี่ย”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ฮุๆๆ”

ฉันนึกภาพชมรมบาสที่มีคุณคาวากุจิเป็นผู้จัดการทีมแล้วก็รู้สึกว่าคนในทีมคงจะตั้งใจเล่นกันอย่างเต็มที่เพื่อผู้จัดการทีมแน่ๆ

“ไปกันเลยนะคะ”

“อ๊ะ อ่อ… รบกวนด้วยค่ะ”

เป็นครั้งแรกที่ได้ออกมาเดินช็อปปิ้งกันเพื่อนนับตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายมา รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างสนุก รู้ตัวอีกทีท้องฟ้าก็มืดซะแล้ว

เราสี่คนแยกย้ายกันที่สถานีรถไฟ ส่วนคุณซาซากิบ้านอยู่ใกล้กับห้างเดินแยกตัวออกไปก่อนแล้ว

“วันนี้สนุกมากเลย ไว้มาเที่ยวด้วยกันอีกนะ”

“อื้มมม ต้องมาแน่นอนอยู่แล้ว”

เซริกับคุณทาคิซาว่าจับมือร่ำลากัน สองคนนี้เพิ่งจะคุยกันจริงๆ วันนี้วันแรกแต่ก็สนิทกันเร็วมาก

“ขอบคุณนะคุณทาเคโนะอุจิที่ช่วยฉันเลือกของตั้งนาน”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันเองก็ได้คุณโอโตเมะช่วยเลือกเหมือนกัน ขอบคุณเช่นกันนะคะ”

“งั้นหรอออ… แบบนั้นก็ค่อยยังชั่ว”

เราสองคนยิ้มให้กันก่อนจะบอกลาแล้วแยกย้ายกันกลับ

ก้มหน้ามองกล่องข้าวสี่ใบในมือแล้วก็รู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองถึงกับพยายามดั้นด้นมาตั้งไกลเพื่อกล่องข้าวแค่นี้

แต่ที่น่าประหลาดใจมากกว่ากลับเป็นช่วงเวลาที่ได้เดินเลือกซื้อของกับคุณทาเคโนะอุจิที่เราทั้งคู่ต่างพบว่าความชอบพอของเราทั้งสองคนคล้ายกันมาก

อย่างกล่องข้าวที่ฉันได้มานี้คุณทาเคโนะอุจิแนะนำว่าควรจะมีขนาดใหญ่หน่อย เพราะเด็กผู้ชายกินมากกว่าเด็กผู้หญิงอย่างเรา เป็นความจริงที่ฉันลืมคิดถึงไปซะสนิท จากนั้นเราก็เดินหาเป้าหมายของเรา

ทันทีที่เห็นเราก็ส่งเสียงร้องบอกอีกฝ่ายพร้อมกัน ตอนนั้นฉันกับคุณทาเคโนะอุจิมองหน้ากันอึ้งๆ แล้วก็ขำกัน

และที่ตลกกว่าคือตอนที่เดินเลือกกล่องข้าวของคุณทาเคโนะอุจิ เราก็ชี้กล่องข้าวใบเดียวกัน ร้องบอกอีกฝ่ายพร้อมกันอีก คราวนี้ยืนขำกันยกใหญ่เลยทีเดียว

ทั้งที่ภายนอกไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยแท้ๆ แต่กลับมีความชอบที่คล้ายกันเลยเป็นเหตุผลที่ทำให้รู้สึกสนิทกันได้เร็วกว่าปกติ เพราะนอกจากเซริแล้วก็มีแค่คุณทาเคโนะอุจินี่แหละที่ฉันรู้สึกว่าจะสามารถคุยกันได้อย่างสนิทใจ

รถไฟยังคงแล่นต่อไปเช่นเดียวความคิดในหัวของฉันที่ยังโลดแล่นไม่หยุด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงประกาศชื่อสถานีแล้ว รู้สึกว่าเวลามันผ่านไปไวมากๆ

ฉันลงจากรถไฟแล้วตรงกลับบ้าน จากตอนแรกที่คิดจะแวะซูเปอร์มาเก็ตก็เลิกล้มความตั้งใจเพราะเวลาล่วงเลยมาจนดึกแล้ว เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ค่อยเตรียมแล้วเอาไปให้วันพฤหัสบดี แบบนี้ไม่น่ามีปัญหา ส่วนวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ฉันต้องเตรียมเก็บข้าวของย้ายกลับบ้าน เนื่องจากพี่สาวจะย้ายออกในสัปดาห์หน้า ดังนั้นวันอาทิตย์นี้คือวันสุดท้ายที่ฉันจะได้อยู่ในบ้านหลังนี้

ฉันเปิดประตูบ้านพร้อมกับเปิดไฟ พี่สาวยังไม่กลับมาแต่คงอีกไม่นานนัก หลังจากเปลี่ยนรองเท้าแล้วก็เดินเอาของไปเก็บในห้องครัวก่อนจะมานั่งพักที่โซฟา

ถึงจะเป็นเวลาแค่สองเดือนที่มาอยู่ในบ้านหลังนี้แต่ฉันก็รู้สึกผูกพันกับมันไม่น้อย พอคิดว่าจะต้องย้ายออกจริงๆ แล้วก็ใจหาย

“เสียดายบ้านดีๆ แบบนี้จังเลยน้าาา…”

ฉันเอนหลังฝังตัวเองลงในพนักพิงของโซฟา ลมเย็นที่โชยมากับเสียงครางต่ำเบาๆ แต่สม่ำเสมอของเครื่องปรับอากาศทำให้สมองที่คิดโน่นคิดนี่ของฉันเริ่มจะเฉื่อยชาลง

ความคิดสุดท้ายที่แวบเข้ามาคือ ไม่อยากย้ายออกเลย

แจ้งท่านผู้อ่าน เรื่องการเลื่อนเวลาลงนิยาย เนื่องจากเป็นช่วงที่โรงเรียนเปิดเทอมแล้ว ทำให้ผู้แต่งมีภารกิจติดพันหลายด้าน ช่วงเวลาที่ลงนิยายอาจจะไม่สม่ำเสมอและห่างกันนานมากกว่าปกติ ต้องขออภัยมา ณ โอกาสนี้