ตอนที่ 34 โน้มน้าว

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 34 โน้มน้าว

เถาฮองเฮากะเวลาได้อย่างแม่นยำในการทูลเรื่องนี้ต่อฮ่องเต้หย่งไท่

นางยอมรับว่าก่อนหน้านี้ขาดการคำนึงให้รอบคอบ หมั้นหมายคุณหนูรองตระกูลเยียนให้องค์ชายใหญ่อย่างไม่เหมาะสม

“เป็นความละเลยของหม่อมฉันที่ไม่ได้ถามความยินยอมจากเจ้าใหญ่ก่อนตัดสินใจ แต่กลับลืมไปว่าเรื่องใหญ่อย่างคู่ครองย่อมต้องมาจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย”

“วันนั้นเจ้ารองเข้าวังมาขอเข้าเฝ้าได้เอ่ยถึงตระกูลเยียน ไม่คิดว่าเขาจะโปรดปรานคุณหนูรองตระกูลเยียนอย่างมาก ถึงแม้เขาจะไม่เคยพบคุณหนูรองตระกูลเยียนมาก่อน แต่กลับมั่นใจในตัวอีกฝ่าย”

“หากเรื่องที่เจ้าใหญ่และเจ้ารองแย่งชิงสตรีคนเดียวกันแพร่กระจายออกไปคงไม่ดีนัก หม่อมฉันหมดหนทางจึงต้องมาทูลขอให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัย”

เถาฮองเฮาเอ่ยถึงความผิดของตนเองบทยาว

นางแสดงความจริงใจตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีการปิดบังซ่อนเร้น อีกทั้งรูปลักษณ์งดงามของนาง ทำให้คนเกิดความรู้สึกดีอย่างง่ายดาย

ฮ่องเต้หย่งไท่หรี่ตา ท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่น

เขาสังเกตกิริยาท่าทางของเถาฮองเฮา เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยสงสัยนาง

สงสัยว่านางมีเจตนาร้ายต่อองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ สงสัยว่าตระกูลเถามีกลอุบายใหม่

แต่เขาไม่พูดสิ่งใด เขาเพียงแค่มองดูอย่างเงียบๆ เฝ้าดูทุกคนสร้างความวุ่นวาย

ความรู้สึกของเขาต่อองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ซับซ้อนอย่างมาก ทั้งรังเกียจทั้งโกรธที่เขาไร้ความสามารถ นอกจากนี้ยังมีความสงสาร…

เขาหวังให้องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่มีการพัฒนา

เสียดายที่การแสดงออกขององค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ในจวนองค์หญิงเฉิงหยางทำให้เขาผิดหวังอย่างมาก

แต่เขายังไม่คงพูดสิ่งใด

เขาคิดว่าวันนี้เถาฮองเฮาเชิญเขามาเพื่อผลักดันเรื่องสมรสขององค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่กับตระกูลเยียน

เขามีความคิดก่อนที่จะมาอยู่แล้ว

เจ้าใหญ่ไร้ความสามารถเพียงนี้ ทำให้เยียนอวิ๋นฉีสมรสกับเจ้าใหญ่ตามความปรารถนาของฮองเอาก็ดีเช่นเดียวกัน

แต่ไม่คิดเลยว่าเถาฮองเฮาจะสร้างความประหลาดใจให้เขาอีกรั้ง

เจ้ารองก็โปรดปรานคุณหนูตระกูลเยียนอย่างนั้นหรือ

เรื่องนี้เป็นจริงหรือหลอกลวง

ฮ่องเต้หย่งไท่ถาม “เจ้ารองก็ไม่เด็กแล้ว ควรแก่เวลาที่จะหาพระชายาให้เขา แต่เขาไม่เคยพบคุณหนูรองตระกูลเยียนมาก่อน เหตุใดจึงโปรดปรานอีกฝ่าย หรือเขามีเจตนาจะแย่งชิงกับเจ้าใหญ่”

เถาฮองเฮาอธิบายอย่างไม่รีบร้อน “เจ้ารองไม่มีเจตนาจะแย่งชิงเจ้าใหญ่อย่างแน่นอน ไม่กล้าปิดบังฝ่าบาท หม่อมฉันก็เคยถามเหตุผลเจ้ารอง เขาบอกว่าเขาร่างกายไม่ดี ควรสมรสกับหญิงสาวที่ร่างกายแข็งแรง แบกรับหน้าที่ได้ ไม่เกรงกลัวปัญหา อีกทั้งยังมีความสามารถในการปกป้องตนเอง

เขายังบอกว่าคุณหนูรองตระกูลเยียนเหมาะสมอย่างมาก หากเจ้าใหญ่ไม่ยินดีสมรส เขายินดี! เฮ้อ หม่อมฉันเกลี้ยกล่อมเขาอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เขาไม่ฟัง! อีกทั้งยังดื้อรั้นกับข้า ร่างกายของเขาเป็นแบบนั้น ข้าจะกล้าเอาจริงกับเขาได้อย่างไร มีเพียงขอให้ฝ่าบาททรงช่วยตัดสิน พี่น้องสองคน จัดการเรื่องสมรสของคนหนึ่งก่อนก็ยังดี”

ฮ่องเต้หย่งไท่สีหน้าเรียบเฉย “ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูตระกูลเยียนงดงามจนทำให้องค์ชายทั้งสองแย่งชิงกันได้! เหลวไหลสิ้นดี!”

เถาฮองเฮาฉลาดเฉลียวอย่างมาก นางคล้อยตามฮ่องเต้หย่งไท่ “ฝ่าบาทตรัสได้ถูกต้องยิ่งนัก หรือพระองค์ขับไล่แม่ลูกตระกูลเยียนออกจากเมืองหลวงดีหรือไม่เพคะ”

ฮ่องเต้หย่งไท่เงียบในทันใด

เถาฮองเฮาหลุบตาต่ำ ปิดซ่อนรอยยิ้มภายในดวงตา

นางลุกขึ้น ต้มชาด้วยตนเอง

น้ำชาที่มีอุณหภูมิกำลังดีแก้วหนึ่งวางอยู่ข้างมือของฮ่องเต้หย่งไท่

“ฝ่าบาทเสวยชาเพคะ!”

ฮ่องเต้หย่งไท่ยกแก้วขึ้น จิบหนึ่งคำ

ความหอมของชาที่คุ้นเคยทำให้จิตใจที่กระสับกระส่ายของเขาสงบลง

หลังจากดื่มด่ำกับความหอมของชาแล้ว เขาจึงลืมตาขึ้น

“เจ้ารองจะสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน เจ้าในฐานะฮองเฮา อีกทั้งเป็นมารดาของเขา เจ้าคิดเห็นอย่างไร”

“ข้าไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับฝ่าบาทจะทรงตัดสินพระทัย”

“ข้าอยากฟังความจริง เจ้าอย่าได้พูดเล่น”

เถาฮองเฮาแสดงสีหน้าเศร้าหมองทันที “ข้าย่อมไม่เต็มใจ แต่อย่างไรก็ตาม นิสัยของเจ้ารองนั้นดื้อรั้นอย่างมาก มารดาย่อมไม่สามารถชนะบุตรได้ ข้าทำได้เพียงจำยอม!”

ฮ่องเต้หย่งไท่กระจ่างใจ “ฮองเฮาต้องการให้ข้าอนุญาตหรือ”

เถาฮองเฮาพยักหน้าเล็กน้อย “ฝ่าบาททรงอนุญาตด้วยเพคะ!”

ฮ่องเต้หย่งไท่ถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้ารองสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน เจ้าไม่ติดใจอะไรหรือ?”

เถาฮองเฮาถอนหายใจ “ไม่กล้าปิดบังฝ่าบาท หลายวันนี้ หม่อมฉันนอนพลิกไปมาอย่างไม่อาจหลับได้ แต่คนที่เจ้ารองโปรดปราน หม่อมฉันก็ไร้หนทาง ทำได้เพียงปลอบใจตนเอง สตรีที่ออกเรือนเปรียบเหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว หากคุณหนูรองตระกูลเยียนสมรสกับเจ้ารองจริง นางก็ถือเป็นสะใภ้ของราชวงศ์ ต้องขีดเส้นแบ่งกับตระกูลเยียนให้ชัดเจน”

ฮ่องเต้หย่งไท่พยักหน้า “เรื่องการสมรสของเจ้ารอง ข้าจะพิจารณาดู”

เถาฮองเฮากล่าวขอบพระทัย ก่อนจะยอมรับความผิด “เป็นความผิดของหม่อมฉันที่ทำให้งานสมรสของเจ้าใหญ่ล่าช้า หม่อมฉันไม่รู้ว่าเจ้าใหญ่โปรดปรานสตรีแบบใด หากรู้ความคิดของเขา ข้าจะจัดงานสมรสตามความคิดของเขา ฝ่าบาททรงส่งคนไปถามเขาได้หรือไม่เพคะ”

ฮ่องเต้หย่งไท่ส่งเสียงไม่พอใจ “เหตุใดจึงต้องถามเขา!”

“ฝ่าบาททรงโกรธหรือเพคะ ความโกรธกระเทือนตับ ฝ่าบาทอย่างได้ทรงโกรธไปเลย! หากฝ่าบาทไม่ทรงสนพระทัยเรื่องนี้ วันพรุ่งข้าพบเขา ข้าจะถามเขาด้วยตนเอง”

“ไม่ต้องจัดการให้เขา!”

ฮ่องเต้หย่งไท่พูดอย่างหนักแน่น

“เจ้าเด็กเหลวไหลคนนั้น ให้เขาอยู่ตัวคนเดียวไปทั้งชีวิตเถิด”

เถาฮองเฮาปลอบ “ฝ่าบาทกำลังตรัสด้วยความโกรธ องค์ชายใหญ่จะอยู่ตัวคนเดียวไปตลอดชีวิตได้อย่างไร ในเมืองหลวงไม่รู้มีสตรีชนชั้นสูงมากนอยเพียงใดต้องการสมรสกับเจ้าใหญ่ ข้าได้ยินว่าคุณหนูตระกูลหลี่มักวิ่งไปที่จวนเจ้าใหญ่เป็นประจำ ระหว่างพวกเขาคงไม่มีอะไรใช่หรือไม่เพคะ! เจ้าใหญ่ขี้อาย หากมีอะไร คาดว่าเขาคงไม่เปิดปากพูดเอง”

ตระกูลหลี่เป็นตระกูลมารดาของเซียวเฉิงเย่ ตระกูลอาศัยการแต่งบุตรสาวแสวงหาความร่ำรวยมั่งคั่ง

เถาฮองเฮาตรัสถึงตระกูลหลี่ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการเล่นงานเซียวเฉิงเย่

เขาไม่ยอมสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน อย่างนั้นก็สมรสกับคุณหนูตระกูลหลี่เสียเถิด!

เถาฮองเฮาหลุบตายิ้ม

นางมีวิธีจัดการองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่อีกมากมาย

ทำให้เขาต้องกล้ำกลืนความขมขื่นจนพูดไม่ออก

ฮ่องเต้หย่งไท่ทำหน้าบึ้งตึงแสดงถึงความไม่พอใจ

“ข้าได้ยินเรื่องคุณหนูตระกูลหลี่วิ่งไปที่จวนของเจ้าใหญ่มาเช่นเดียวกัน”

เถาฮองเฮาคล้อยตาม “ชายหนุ่มต้องแต่งภรรยา หญิงสาวต้องออกเรือน อาจเป็นเพราะคุณหนูตระกูลหลี่รีบร้อน อีกทั้งเจ้าใหญ่ก็เป็นคนเงียบขรึมไม่ยอมพูดสิ่งใด หม่อมฉันได้ยินองค์หญิงเฉิงหยางตรัสถึงเรื่องนี้ถึงได้รู้ว่าเขาไม่ยอมแต่งกับคุณหนูตระกูลเยียน หม่อมฉันคิดว่าภายในใจของเขาคงมีคนที่โปรดปรานอยู่แล้ว เขาจึงไม่ยินยอมสมรสกับตระกูลเยียน”

ฮ่องเต้หย่งไท่ส่งเสียงไม่พอใจ “ข้าคิดว่าเขาอยากจะสมรสกับคุณหนูตระกูลหลี่ เจ้าคนไร้ความสามารถ”

“ฝ่าบาทอย่าได้ต่อว่าเจ้าใหญ่เลยเพคะ ท่านยิ่งต่อว่าเขา เขายิ่งกลัว บุตรเติบใหญ่แล้ว ต้องสั่งสอนให้ดี”

“ควรสั่งสอนเจ้าใหญ่อย่างไร ข้ารู้ดีแก่ใจ ในเมื่อเจ้ารองยินดีที่จะสมรสกับคุณหนูตระกูลเยียน ข้าจะให้เขาสมหวัง”

เถาฮองเฮาผงะไปก่อน จากนั้นทำท่าดีใจออกมา “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงช่วยให้เจ้ารองสมดังปรารถนา หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทแทนเจ้ารอง!”

ฮ่องเต้หย่งไท่พยุงเถาฮองเฮาขึ้น “ฮองเฮามีจิตใจเมตตาของผู้เป็นมารดา ก่อนหน้านี้ข้าเข้าใจเจ้าผิด เรื่องสมรสของเด็กๆ ยังต้องให้เจ้าดูแล”

“ทั้งหมดเป็นเรื่องที่หม่อมสมควรทำ แม้จะได้รับความไม่เป็นธรรมเพียงใดก็ทนได้ เพียงแค่ฝ่าบาทเชื่อหม่อมฉัน”

“ข้าย่อมเชื่อจ้า!”

เถาฮองเฮาเอนกายอยู่ในอ้อมกอดของฮ่องเต้หย่งไท่

“การสมรสกับฝ่าบาทเป็นความโชคดีที่สุดในชีวิตนี้ของหม่อมฉัน”

ฮ่องเต้หย่งไท่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก “ต่อจากนี้ยังมีโชคที่ยิ่งใหญ่กว่ารอเจ้าอยู่”

เถาฮองเฮาหัวใจเต้นระรัว

จากนั้นใบหน้าของนางแดงก่ำ สองแก้มร้อนระอุ

นางไม่กล้าแม้แต่จะขยับ กลัวจะถูกฮ่องเต้หย่งไท่สังเกตเห็นความผิดปกติ

คำพูดนี้หมายถึงสิ่งที่นางกำลังคิดอยู่หรือไม่

ในที่สุดฝ่าบาทตัดสินใจจะแต่งตั้งองค์ชายสามเป็นองค์รัชทายาทแล้วหรือ

ไม่ๆ…

นางตื่นเต้นไม่ได้ นางต้องอดทนเอาไว้

นางไม่อาจแสดงออกถึงความผิดปกติได้แม้แต่น้อย

เถาฮองเฮาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กอดเอวของฮ่องเต้หย่งไท่เอาไว้แน่น พูดด้วยความจริงใจ

“ไม่มีโชคใดยิ่งใหญ่กว่าการสมรสกับฝ่าบาท”

“ฮ่าๆ…”

ฮ่องเต้หย่งไท่หัวเราะร่าอย่างพึงพอใจ!