บทที่ 20 กระต่ายอ้วนกับหัวไชเท้าป่า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 20 กระต่ายอ้วนกับหัวไชเท้าป่า

บทที่ 20 กระต่ายอ้วนกับหัวไชเท้าป่า

สักพักก็มีเสียงกรอบแกรบดังมาจากด้านหน้า

กู้เสี่ยวหวานโผล่ศีรษะออกไปอย่างเงียบ ๆ และเมื่อนางเห็นมัน นางก็รู้สึกปลื้มปริ่มอย่างมาก มันอดไม่ได้ที่จะมีความสุขจริง ๆ

กระต่ายป่าตัวอ้วนมองไปรอบ ๆ อย่างตื่นตัวพร้อมเงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวัง

กู้เสี่ยวหวานไม่กะพริบตา เด็กสาวจ้องกระต่ายที่กำลังหาอาหารในทุ่งหญ้าแห้ง มันค่อย ๆ ก้าวอย่างช้า ๆ เข้าใกล้ที่ที่นางหลบอยู่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนหัวใจของกู้เสี่ยวหวานแทบจะกระดอนออกมาถึงลำคอแล้ว

มันเป็นกระต่ายป่าตัวโตที่มีน้ำหนักอย่างน้อยสี่ชั่ง ถ้านางสามารถจับกระต่ายตัวนี้มาปรุงเป็นอาหารให้น้องชายกับน้องสาวได้ พวกเขาจะสามารถกินได้นานกว่าสามวันเลยทีเดียว

กู้เสี่ยวหวานข่มความตื่นเต้นในใจตัวเองลงและจ้องมองด้วยลมหายใจหอบแรง หัวใจของนางเต้นแรงอย่างมาก

ใกล้แล้ว ใกล้อีก กระต่ายป่าอ้วนนี่ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย มันกำลังเข้าใกล้อันตรายทีละก้าว

หัวใจของกู้เสี่ยวหวานเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกระต่ายป่าเข้ามาทีละก้าว

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังตุ้บ กระต่ายป่าเตะขาของมันอย่างแรง แต่ขาข้างหนึ่งกลับถูกผ้าคลุมไว้ มันต้องการที่จะหนี แต่ปลายขาอีกข้างหนึ่งก็อยู่ในมือของกู้เสี่ยวหวานแล้ว และนางจับมันไว้แน่นมาก กระต่ายตัวน้อยถูกลากไปด้วยกำลัง แม้ว่ามันจะถูกมัดแล้ว แต่กู้เสี่ยวหวานก็ยังกังวลอยู่ ถ้าเจ้าก้อนเนื้อนี่หนีหายไปได้ วันนี้นางคงจะต้องหดหู่มากแน่

นางผูกมันไว้กับตะกร้าโดยไม่ได้คิดอะไร และกระต่ายก็ดิ้นรนมากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงอย่างนั้นกู้เสี่ยวหวานก็โล่งใจ

กู้เสี่ยวหวานยิ้มกริ่มอย่างตื่นเต้น ฮ่า ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่นางออกมา และนางก็ไม่สามารถกลับบ้านมือเปล่าได้

นางหยิบตะกร้าขึ้นมาแล้วพลิกคว่ำ กระต่ายป่าตัวนี้มีน้ำหนักอย่างน้อยสี่หรือห้าชั่ง ต้องเอาไปให้น้อง ๆ ชิมหน่อยเสียแล้ว

เด็กสาวย่อตัวลงและแบกตะกร้าไว้บนหลัง เมื่อกำลังจะเดินจากไป สายตาพลันเห็นว่ามีบางอย่างสีเขียวอยู่ในทุ่ง นางจึงก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูมัน

สิ่งนี้ทำให้นางมีความสุขอีกแล้ว

นี่มันหัวไชเท้าป่าไม่ใช่หรือ!

หัวไชเท้าป่าเป็นของดี มันประกอบไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ มากมายที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารอินเตอร์เฟอรอน ซึ่งสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ แถมยังอุดมไปด้วยสารอาหารอย่างแคโรทีนและวิตามิน ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะที่ปรุงเองได้ที่บ้าน

ไม่อย่างนั้นจะมีคำโบราณกล่าวไว้ว่า ‘หากกินหัวไชเท้าในฤดูหนาวและขิงในฤดูร้อนแล้วก็ไม่ต้องพบแพทย์’ หรือ?

กู้เสี่ยวหวานรีบถอนหัวไชเท้าป่าขึ้นมาทันที ฤดูหนาวเป็นเพียงฤดูเดียวที่จะกินหัวไชเท้าได้อร่อย แม้หัวไชเท้าป่านี้จะมีขนาดเล็ก แต่ในระยะเวลาอันสั้น กู้เสี่ยวหวานก็ถอนมันออกมาได้เยอะทีเดียว เด็กสาวโยนผักทั้งหมดลงในตะกร้า จากนั้นก็กระชับตะกร้าบนหลังแน่น มืออีกข้างถือขวาน แล้วเดินกลับไปอย่างตื่นเต้น

นางนัดกับกู้หนิงอันไว้ครึ่งชั่วโมง และคาดว่าน่าจะถึงเวลาพอดีเมื่อนางเดินกลับไป อย่างน้อยก็จับกระต่ายป่าได้แล้ว ยังมีเวลาเหลือเฟือทีเดียว

กู้เสี่ยวหวานรีบกลับไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อคิดว่าน้อง ๆ จะมีความสุขเพียงใดเมื่อได้เห็นกระต่ายตัวอ้วน แค่คิดเด็กสาวก็รู้สึกอิ่มเอมใจแล้ว

นางคุ้นเคยสถานการณ์ในตอนนี้ดี จึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ใช้เวลาเพียงเศษเสี้ยวของชั่วโมงเท่านั้นนางก็มาถึงคูน้ำเล็ก ๆ แล้ว

กู้หนิงอันที่อยู่อีกฟากหนึ่งของคูน้ำมองไปรอบ ๆ ภูเขาลึกอย่างใจจดใจจ่อ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เขากังวลอย่างมาก และรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเช่นกัน แต่หลังจากได้เห็นกู้เสี่ยวหวานไม่ได้รับบาดเจ็บ และปรากฏตัวออกมาจากป่าอย่างเป็นปกติ ความหนักอึ้งในหัวใจของกู้หนิงอันก็สลายหายไปทันที

เมื่อกู้เสี่ยวหวานข้ามคูน้ำมาได้ กู้หนิงอันก็รีบไปดูพี่สาวของตนทันทีเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่มีอาการบาดเจ็บทางกายใด ๆ และถามว่า “ท่านพี่ พี่สบายดีหรือไม่? บาดเจ็บอะไรหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานหันซ้ายหันขวาแล้วพูดด้วยอาการสงบและโล่งใจ “เจ้าดูสิ พี่สบายดีไหมล่ะ?”

กู้หนิงอันได้รับคำตอบในเชิงบวก หัวใจของเขาก็เบิกบาน พี่สาวของเขาไม่เป็นไรแล้ว เขาจึงพยักหน้าอย่างมีความสุข

“พี่ไม่ได้ไปไกลหรอก แล้วก็ไม่กล้าไปไกลด้วย แค่ผ่านป่าทึบนี้ไปได้ก็จะมีพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่แล้ว ครั้งนี้เรามาช้าไปหน่อย ครั้งหน้าพออากาศดีขึ้น เราไปด้วยกันนะ” กู้เสี่ยวหวานกล่าวพลางชี้ไปที่ส่วนลึกของป่า

กู้หนิงอันมีความสุขมากเมื่อเห็นพี่สาวกลับมาโดยสวัสดิภาพ เมื่อเด็กชายได้ยินว่าพี่สาวจะพาเขาไปในครั้งต่อไป เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าตนสามารถช่วยนางได้ มันทำให้เขามีความสุขจนยิ้มออกมา

กู้เสี่ยวหวานหยิบตะกร้าและพูดอย่างเป็นนัยว่า “ข้ามีบางอย่างที่จะทำให้เจ้ามีความสุขมากกว่านี้ด้วยนะ”

กู้หนิงอันมองเข้าไปในตะกร้า และร้องอุทานออกมา กระต่ายอ้วนตัวใหญ่กำลังกระโดดไปมาอยู่ในตะกร้าพร้อมกับในมือของมันที่ถืออะไรบางอย่างไว้ด้วย

กู้หนิงอันตกตะลึง เขากลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว จากนั้นมองไปที่กู้เสี่ยวหวานอย่างเหลือเชื่อ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “ท่านพี่ ท่านไปจับมันมาจากที่ใดน่ะ?”

กู้เสี่ยวหวานพยักพเยิดหน้าไปทางป่าลึก และกู้หนิงอันก็เข้าใจ ต้องมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในภูเขาลึกเยอะแน่ เพราะชาวบ้านไม่เคยเข้าไป ที่ตีนเขาเองก็เคยมีกระต่าย ไก่ฟ้า และอื่นๆ อยู่ด้วย ต่อมาจึงมีการล่ามากขึ้นจนที่ตีนเขาแทบไม่มีเหลืออีกต่อไป

ชาวบ้านไม่กล้าเข้าไปในภูเขาลึก ๆ เมื่อเวลาผ่านไปพวกสัตว์จึงขยายพันธุ์และให้กำเนิดลูกหลาน เพราะฉะนั้นจะต้องมีเหยื่อตัวเล็ก ๆ จำนวนมากอยู่ข้างในอย่างแน่นอน

“ท่านพี่ นี่คืออะไร?” กู้หนิงอันหยิบหัวไชเท้าป่าขึ้นมาและถามด้วยความสงสัย เนื่องจากเขาเห็นกระต่ายตัวนี้กินอย่างมีความสุข เป็นไปได้ไหมที่พี่สาวกลัวว่ากระต่ายจะหิวและหาอะไรให้กระต่ายกิน “ผักหญ้าพวกนี้กินได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่ามีพิษนะ!”

ผู้คนในหมู่บ้านอู๋ซีไม่กินสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นกู้หนิงอันจึงโยนพวกมันทิ้งไปด้วยความตื่นตระหนก ราวกับว่าเขากลัวว่าเขาจะถูกวางยาพิษหากเขาสัมผัสพวกมัน

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ตกตะลึง หัวไชเท้าป่าที่นางลงแรงไปอย่างหนักเพื่อถอนมันขึ้นมาถูกปาทิ้งจนเกลี้ยง ทำให้นางสงสัยว่าหัวไชเท้าป่าที่นี่ต่างจากหัวไชเท้าในศตวรรษของนางเองหรือไม่ ประมาณว่าผักป่าเหล่านี้มีพิษหรือไม่?

“พี่ลืมแล้วหรือ คนในหมู่บ้านเราไม่กินของพวกนี้ พวกมันจะกินได้อย่างไร! เดี๋ยวก็ตายหรอก” กู้หนิงอันกล่าว ขณะชี้ไปยังผักป่าที่ถูกโยนทิ้งบนพื้น

กู้เสี่ยวหวานมองไปยังหัวไชเท้าป่าที่ถูกโยนลงบนพื้น ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี ดูเหมือนว่าคนในโลกนี้ไม่รู้ว่าผักป่าเหล่านี้สามารถรับประทานได้

กู้เสี่ยวหวานก้มลงหยิบหัวไชเท้าป่าที่กระจัดกระจายไปทั่วพื้นขึ้นมา แล้วพูดว่า “หนิงอัน เจ้าคิดมากไปแล้ว ของพวกนี้เป็นผักที่ล้วนไม่มีพิษ และผักป่าอุดมไปด้วยสารอาหาร ถ้าปรุงอย่างถูกต้อง มันจะอร่อยมาก เจ้ารอก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะทำเนื้อกระต่ายตุ๋นหัวไชเท้าให้เจ้าชิมเอง”

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ได้อาหารมื้ออร่อยแล้ว รอชมฝีมือของเสี่ยวหวานนะคะ

ไหหม่า(海馬)