บทที่ 2 ตอนที่ 9

 

「นาย พักนี้จะทำตัวหย่อนยานไปหน่อยไหม?」

 

    วันต่อมา เนื่องจากว่าเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์จึงได้มาที่เขาวงกตในตอนเช้า และนั่นคือสิ่งที่เร็นกะพูดกับผม

 

「ม-มีอะไรเหรอ จู่ๆก็」

「นายนี่น้า พักนี้ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าเลยซักนิดไม่ใช่เหรอ ที่ไม่ได้มาเขาวงกตนี่ไปทำอะไรมาล่ะ」

「อุ…..」

 

    พอได้เห็นเร็นกะยืนเท้าสะเอวพร้อมเงยหน้าจ้องตามาก็ทำเอาผมหวาดกลัวเล็กน้อย

    ตามที่เธอพูด ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมไม่ได้มาเขาวงกตเลย เพราะว่าถูกอันนาลากไปมา, ยุ่งกับการหาสมาชิกชมรมและอื่นๆ

    ถึงแม้ว่าจะมา มันก็เป็นได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆประมาณ 2 ชั่วโมง

    จากลิงค์ รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเหล่าการ์ดส่งผ่านมา…..

 

「ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนนี้ลงเขาวงกตไปแทบจะทุกวันเลยน้า กะอีแค่ของมันไปได้สวยนิดหน่อยก็ปล่อยตัวซะแล้ว แต่ไหนแต่ไรแล้ว—-」

「อ-เอาน่าเร็นกะซัง มาสเตอร์เองไม่เหมือนกันกับพวกเราที่ต้องใช้ชีวิตอยู่นะฮะ」

「ช-ใช่ใช่ ผมเองก็มีเรื่องยุ่งหลายๆเรื่องเหมือนกันนะ」

 

    ยูคิปลอบเร็นกะที่กำลังจะพ่นความไม่พอใจออกมาราวกับเขื่อนแตกอย่างนุ่มนวล ผมอาศัยจังหวะนั้นพูดแก้ตัว ทำให้เร็นกะจ้องมา

 

「เรื่องยุ่งๆ สินะ? เท่าที่ชั้นเห็น เหมือนกับว่ากำลังเล่นสนุกอยู่กับเด็กผู้หญิงที่เพิ่งทำความรู้จักกันเท่านั้นเอง?」

 

    อุ ทำไมเรื่องนั้น…..

    พอเร็นกะจี้จุดผมมา ก็ทำเอาเหงื่อแตกพลั่ก

 

「เอ๋ เป็นแบบนั้นเหรอฮะ?」

「เอ๋~ อะไรกัน โหดร้าย!」

 

    พอยูคิได้ยินคำพูดของเร็นกะก็ดูตกใจนิดหน่อย เมอาเองก็เข้ามาใกล้ด้วยท่าทางโมโหเล็กน้อย

 

「อา~ ไม่สิ เรื่องนั้นมัน…..」

 

    ขณะที่ผมกรอกลูกตาไปมาและกำลังสับสนจากการถูกสายตาว่างเปล่าของเหล่าพรรคพวกจ้องมอง สายตาของผมก็ไปผสานกับเอลิซ่าที่ยืนห่างออกไปเล็กน้อยอยู่เงียบๆ

    ถ้าเป็นเอลิซ่า ถ้าเป็นเอลิซ่าซังแล้วล่ะก็จะต้องทำอะไรกับสถานการณ์นี้ได้แน่ๆ…..!

    ขณะที่มองเธอด้วยความคาดหวังอันริบหรี่ เธอก็ยิ้มและพยักหน้าให้

 

「…..ถึงจะแค่สงสัยแต่ว่า เร็นกะซังสามารถรับรู้แม้แต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกเขาวงกตได้ด้วยงั้นเหรอค่ะ?」

「หืม?」

「อะ เรื่องนั้นเมอาเองก็สงสัยด้วย! แบบว่า มีแค่เร็นกะที่ดูแตกต่างไปจากการ์ดอื่นหลายๆอย่างเลย! ทำไมถึงมีแค่เร็นกะที่รู้ว่ามาสเตอร์ไปเที่ยวเล่นข้างนอกได้ล่ะ?」

 

    โอ้ สมแล้วที่เป็นเอลิซ่าซัง เปลี่ยนหัวข้อได้ยอดเยี่ยม!

    ด้วยความเป็นธรรมชาติ ความสนใจของทุกคนมุ่งไปทางเร็นกะ

    ยิ่งไปกว่านั้น ตัวหัวข้อนี้ยังเป็นสิ่งที่ผมเองก็ค่อนข้างสงสัยอยู่เหมือนกัน

    ก่อนนี้ ตอนช่วงพักได้เคยถามว่าตอนที่อยู่ภายในการ์ดมันมีความรู้สึกเป็นยังไง

    จากที่ได้ยินเมื่อตอนนั้น พอเหล่ามอนสเตอร์อยู่ภายในการ์ด ถ้าพูดในแง่ของมนุษย์แล้วก็เหมือนกับว่าอยู่ในความฝัน

    ถ้าให้เจาะจงมากยิ่งขึ้น ก็แบบความรู้สึกทางร่างกายนั้นเลือนลาง มีแค่ดวงจิตล่องลอยไปมา…..พูดแบบนั้นคงจะได้ล่ะมั้ง

    ในช่วงเวลานั้น เหล่าการ์ดจะสามารถมองดูสถานการณ์นอกการ์ดได้ในรูปแบบของความฝัน และก็มีความเป็นไปได้ที่จะไร้สติสัมปชัญญะโดยสมบูรณ์และเร่งเวลาให้เร็วขึ้น

    ด้วยเหตุนี้เมื่อการ์ดปรากฏขึ้นมา จึงอาจจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจสิ่งรอบข้างก็ได้

    แต่ว่า ตอนที่ยกหัวข้อนี้ขึ้นมา ไม่มีใครรับรู้สภาพของผมภายนอกเขาวงกตเลย

    เพราะแบบนั้น การ์ดจึงไม่สามารถรับรู้สถานการณ์ภายนอกเขาวงกตได้…..นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ดูเหมือนเร็นกะจะแตกต่างออกไป

    พอเร็นกะถูกพวกเราจ้องใส่อยู่คนเดียว ก็ทำสีหน้าแปลกๆออกมา

 

「นี่หมายความว่า พวกเธอไม่สามารถมองดูรอบๆเขาวงกตได้งั้นเหรอ?」

「ฮ-ฮะ พอมาสเตอร์ออกนอกเขาวงกต สติมันก็วูบไปเลย…..」

「เป็น งั้นหรอกรึ…..」

 

    ด้วยคำตอบที่ดูสับสนของยูคิ เร็นกะก็เริ่มเป็นกังวลพร้อมด้วยสีหน้าปั้นยาก

 

「อืม…..เป็นความสามารถอย่างหนึ่งของหวนคืนจิตวิญญาณรึเปล่า?」

「ไม่…..ไม่น่าจะใช่ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนสกิลร่วงหล่นแล้ว…..」

 

    ในตอนนั้นเอง ซุซูกะที่กำลังมองดูอยู่เงียบๆด้านนอกวงก็-ซึบซึบซึบ-…..ค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้

 

「มาสเตอร์ จริงๆแล้วชั้นเองก็เห็นโลกภายนอกด้วยเหมือนกันนะ…..」

「เอ๋ เป็นงั้นหรอกเหรอ?」

 

    ด้วยคำที่คาดไม่ถึง ผมก็-จริงดิจริงดิ-จ้องไปทางซุซูกะ

    นอกเหนือไปจากแยงกี้ซาชิกิวาราชิที่『ไม่ปกติ』ในหลายๆอย่างแล้ว ปีศาจสาวที่ดูปกติยกเว้นแต่หน่มน้มกับนิสัยแล้ว สามารถมองเห็นภายนอกเขาวงกตได้ก็ทำเอาตกใจเล็กน้อย

 

「เร็นกะกับซุซูกะมีอะไรที่เหมือนกันงั้นเหรอ?」ผมถาม

「ทั้งคู่เป็นมอนสเตอร์ที่มีถื่นฐานจากญี่ปุ่นใช่รึเปล่าฮะ」ยูคิเอียงคอ

「หรือเพราะชื่อเป็นคันจิ?」

「ไม่เกี่ยวหรอก ก่อนที่จะตั้งชื่อให้ก็ทำได้อยู่แล้ว」ผมส่ายหน้าให้กับคำของเร็นกะ

「อะ เข้าใจแล้ว!」

 

    ขณะที่ทุกคนกำลังคาดเดากัน จู่ๆเมอาก็ตะโกนขึ้น

 

「ทั้งเร็นกะและซุซูกะเองต่างก็มีนิสัยเสียและเป็นพวกแปลกๆไงล่ะ!」

「เดี๋ยวก็เขกให้!」

「เจ็บ! อย่ามาพูดหลังจากทำไปแล้วสิ!」

「ก็เพราะพูดอะไรไร้สาระออกมาทั้งๆที่กำลังคุยเรื่องจริงจังกันอยู่น่ะสิ」

「ชั้นเองก็จริงจังนะ! ก็ทั้งเธอและก็ซุซูกะเอง ไม่ว่าจะมองทางไหนก็มีนิสัยแตกต่างไปจากการ์ดเผ่าเดียวกันนี่นา!」

『มู…..』

 

    จากคำแย้งของเมอา พวกเราก็ครางให้กับความมีประเด็นของมัน

    ถ้าถามกันแล้วล่ะก็ มันก็จริง การ์ดทั้ง 2 ใบนี้มีลักษณะนิสัยที่แตกต่างไปมากจากการ์ดซาชิกิวาราชิและคนยักษ์ทั่วไป…..

    ซาชิกิวาราชิทั่วไปจะมีลักษณะนิสัยที่ซื่อตรงและเชื่อฟังมากกว่า คนยักษ์เองก็มีลักษณะนิสัยร่าเริงแบบขวานผ่าซากเป็นค่าเริ่มต้น

    ไม่ว่าลักษณะนิสัยของการ์ดจะสามารถเปลี่ยนไปตามการปฏิบัติของมาสเตอร์มากแค่ไหน มันก็เป็นเรื่องหายากที่คาแรคเตอร์จะเปลี่ยนไปมากอย่างเร็นกะหรือซุซูกะ

 

「แต่ว่าที่ลักษณะนิสัยแตกต่างไปแล้วสามารถมองเห็นภายนอกเขาวงกตได้นี่มันก็น่าแปลกนะฮะ」

「ก็นั่นสินะ」

 

    ผมพยักหน้าให้ยูคิ

    ในตอนนั้นเอง

 

「—-เรื่องแบบนั้นจะยังไงก็ช่างมันเถอะ~」

 

    จู่ๆ ก็มีอะไรบางอย่างสีขาวเข้ามาพันรอบตัวของผม ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงไอความร้อนของร่างกาย แล้วอะไรนุ่มๆ ก้อนใหญ่…..ซุซูกะล่ะ

    สิ่งที่พันรอบตัวผมราวกับงูนั้น จริงๆแล้วก็คือแขนของเธอ

 

「มาสเตอร์ เห็นหรอกน้า มีพวกผู้หญิงแสนสดใสมาห้อมล้อมดูมีความสุขเลยไม่ใช่เหรอ? ขี้โกงจัง นี่มันคือการทรยศนะ」

 

    ซุซูกะกระซิบมาที่หู พูดกล่าวโทษด้วยเสียงน่าสะพรึง การพูดแบบแผ่วเบาของเธอเข้าไปกระตุกอะไรแปลกๆบางอย่างในหัว ราวกับว่าเสียงมันเป็นรยางค์รุกล้ำเข้ามา

 

「ก่อตั้งชมรม งั้นสินะ? อย่าได้เข้าใจผิดไปสิ มาสเตอร์ ต่อให้ไปคลุกคลีอยู่กับพวกตัวเอกยังไง ก็ไปเป็นพรรคพวกเดียวกันไม่ได้หรอก ตัวเอกก็คือตัวเอก ตัวประกอบก็คือตัวประกอบ บทบาทที่เกิดมามันไม่มีทางเปลี่ยนแปลงหรอก ถึงแม้ในตอนนี้จะทำอะไรด้วยกันก็ตาม นั่นมันก็แค่ตัวแทนจนกว่าจะเจอตัวเอกคนอื่น พอหมดประโยชน์ก็จะถูกทิ้งไปใช่ไหมล่ะ?」

「อุ…..」

 

    คำของซุซูกะทำเอาเวียนหัว และไปกระทุ้งความกังวลที่หลับไหลอยู่ภายในตัวของผมขึ้นมา

    เธอพูดถูกแล้ว ผมกับพวกอันนา เกิดมาฐานะแตกต่างกัน ตัวอันนาเป็นลูกครึ่งสาวสวย เป็นลูกสาวประธานบริษัทใหญ่โต เป็นเด็กอัจฉริยะที่ได้เป็นกึ่งมืออาชีพขณะที่ยังอยู่แค่ชั้นม.ต้น โอริเบะเองก็ด้วย เป็นสาวสวยเทียบได้พอๆกับอันนา เมื่อตอนที่อยู่ม.ต้นก็ยังมีกำลังในการเป็นนักผจญภัย

    แตกต่างไปจากผม เป็นคนที่สามารถเปล่งแสงได้ด้วยตัวเอง

    ผมมันก็แค่ คนธรรมดาที่ได้การ์ดพิเศษมา…..

 

「เพราะฉะนั้น นะ? อย่าฝืนตัวเองไปเข้ากลุ่มกับพวกคนพิเศษเลย มาสนิทกับเหล่าตัวประกอบกันดีกว่าน้า」

 

    จริงด้วย…..ต่อให้ฝืนตัวเองไปเป็นเพื่อนกับพวกคนพิเศษ บางทีซักวันก็จะถูกเบื่อไป

    ถ้าหากต้องเป็นแบบนั้นแล้ว มันคงจะมีความสุขมากกว่าถ้าจะใช้การ์ดธรรมดาอย่างซุซูกะ—-

 

「—-โอ่ย」

「!?」

 

    -ผิ๊ง- รู้สึกราวกับว่าเบรกเกอร์ถูกบังคับใช้งาน แล้วสติผมก็กลับคืนมา

    อะไร เมื่อกี้…..อะไรกัน รู้สึกเหมือนผมจะไม่ใช่ตัวผมอีกต่อไป…..ไม่สิ รู้สึกราวกับว่าอารมณ์ด้านลบของผมที่อยู่ในซอกหลืบของหัวใจ มันถูกขยายใหญ่ขึ้นราวกับลูกบอลลูน…..

    ด้วยความสับสน มองไปทางเร็นกะเจ้าของเสียง เห็นเธอกำลังจ้องไปที่ซุซูกะด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดปกติ

 

「…..ก็ไม่ได้สนใจหรอกนะ ถ้าหมอนี่ตัดสินใจเรื่องนั้นด้วยเจตจำนงของตัวเอง ถ้าเป็นแบบนั้นก็แล้วไป แต่ว่า นี่มันแตกต่างออกไปนิดหน่อย」

「ถ้าหากว่าเด็กที่ว่ายน้ำไม่เป็นพยายามที่จะกระโดดลงไปในกระแสน้ำขุ่นโคลนไหลเชี่ยวแล้ว การที่จะห้ามเอาไว้ไม่ใช่การแสดงความรักหรอกเหรอ? นี่ก็คือรูปแบบการแสดงความรักของชั้นไงล่ะ」

「ความรัก? เข้าใจผิดกับการผูกมัดรึเปล่า? สิ่งสำคัญคือการมีชีวิตอยู่ตามเจตจำนงของตัวเองต่างหาก จากนั้นก็เป็นพวกเราที่คอยจัดการสะเก็ดไฟที่หล่นใส่…..ไม่ใช่รึ?」

「อ๊า~~ สมแล้ว…..พวกคนพิเศษก็ต้องพูดอะไรที่แตกต่าง ช่างหยิ่งผยองและโหดร้ายจริงๆ…..」

 

    บรรยากาศตึงเครียด ราวกับว่าจะสามารถเกิดการฆ่าฟันกันได้ทุกเมื่อ

    ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าพูดอะไรกันอยู่ก็เถอะแต่…..ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปแย่แน่!

    พวกเรารีบเข้าไปแทรก

 

「จ-ใจเย็นๆกันหน่อยนา~」

「ช-ใช่แล้วฮะ จู่ๆเป็นอะไรกันเหรอฮะ?」

 

    เมอากับยูคิเข้าไปคั่นระหว่างทั้ง 2 คน ด้านเอลิซ่าเข้ามายืนบังหน้าผมราวกับว่าจะปกป้อง

    เมื่อเห็นเป็นแบบนั้นเร็นกะก็-ฟู่-ถอนหายใจ แล้วค่อยๆผ่อนคลายความตึงเครียดที่แผ่ออกมาลง

    ซุซูกะจ้องเธอที่เป็นแบบนั้น

 

「ก็ไม่มีอะไรหรอก~ ยิ่งไปกว่านั้น รีบๆไปกันดีกว่า」

「อ-อา…..」

 

    มีอะไรหลายๆอย่างที่อยากจะถามอยู่แต่ว่า ผมก็กลืนมันลงไป…..แล้วเริ่มการสำรวจ

 

 

 

 

「…..โย้ช วันนี้หยุดพักกันตรงนี้ล่ะกัน」

 

    เมื่อมาถึงจุดปลอดภัยของชั้นที่ 21 ผมก็บอกกับทุกคนแล้วลงจากหลังของยูคิ

    สำหรับผู้ที่มีขลุ่ยของฮาเมลินอย่างผมแล้ว โดยปกติจะไม่ได้ทำการสำรวจแบบค้างคืน

    แต่ว่า มันก็มีตอนที่อยากจะเริ่มการสำรวจต่อในตอนเช้าตรู่ หรือตอนที่อยากจะสานความสัมพันธ์กับพรรคพวกด้วยการตั้งแคมป์ บางครั้งก็เลยตั้งแคมป์อยู่ตรงบริเวณพื้นที่ปลอดภัยใกล้กับบันได

    ส่วนในคราวนี้ก็เป็นอย่างหลัง นี่ก็เพื่อชดเชยที่พักนี้ไม่ค่อยได้เอาใจใส่

    ขณะที่ร่วมมือช่วยกันกับยูคิและเอลิซ่า ผมก็เริ่มทำการเตรียมพร้อมสำหรับตั้งแคมป์

    ในช่วงเวลาแบบนี้ เร็นกะและเมอาจะไม่ได้มาช่วย ทั้ง 2 คนกำลังเล่นลูกบอลกันอยู่ พวกเธอที่รูปลักษณ์เป็นเด็กๆ ยึดถือแนวทางที่จะไม่ทำอะไรที่ตัวเองไม่สนใจ

    ด้านซุซูกะเป็นคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางครั้งก็ช่วยบางครั้งก็ไม่ช่วย แต่ในคราวนี้คงจะเป็นเพราะสิ่งที่เกิดเมื่อครู่ ดูแล้วไม่มีท่าทางว่าจะมาช่วย

 

「โย้ช เท่านี้ก็เสร็จแล้ว」

 

    เขาวงกตแห่งนี้ เป็นป่าในตอนกลางคืนของฤดูร้อนที่อากาศแจ่มใส การเตรียมตั้งแคมป์เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่จำเป็นต้องตั้งเต็นท์

    เมื่อพวกเราทำการตั้งแคมป์ มื้อเย็นมักจะเป็นหม้อไฟไม่ก็บาร์บีคิว

    ตอนแรกเริ่มนั้นมักจะไปซื้อเบนโตะมาจากร้านสะดวกซื้อด้านบน อยากกินอะไรก็ไปซื้อเอา แต่พอไปนานๆเข้าก็เริ่มรู้สึกว่ามันธรรมดาไป เพราะงั้นก็เลยลองทำเป็นหม้อไฟ ซึ่งผลตอบรับก็ออกมาดีเยี่ยม นับตั้งแต่นั้นมาหม้อไฟและบาร์บีคิวจึงกลายมาเป็นสิ่งปกติไป

    จะเป็นหม้อไฟหรือบาร์บีคิวนั้นก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ในตอนนั้น แต่สำหรับเขาวงกตร้อนๆมักจะเป็นบาร์บีคิว ในขณะที่เขาวงกตหนาวๆะเป็นหม้อไฟ ในวันนี้พวกเราก็ตัดสินใจเป็นบาร์บีคิวกัน

 

「โอ่ย เมอา! อย่าเอาเนื้อลงไปทันทีเพราะแค่มันมีไฟสิ! เนื้อมันจะติดที่ปิ้งนะ พื้นฐานของบาร์บีคิวน่ะคือความร้อนที่ตกค้าง ความร้อนที่ตกค้างนะ โอ่ย อุทามาโร่ เคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่าให้แช่เย็นเนื้อมาให้ทั่วถึง ถ้าหากเอาไปปิ้งทั้งๆที่มันเป็นอุณภูมิห้องล่ะก็ เนื้อสัมผัสมันจะแห้ง 」

 

    เร็นกะที่ไม่ได้ช่วยตอนการเตรียมตั้งแคมป์ แต่พอเป็นบาร์บีคิวแล้วกลับเป็นคนละเรื่อง จู่ๆก็คึกแล้วเริ่มจัดการเรื่องต่างๆแบบเสร็จสรรพ

    กับคนประเภทชอบสั่งการแบบนี้หากต่อต้านไปก็มีแต่จะทำให้บรรยากาศแย่ลง แม้แต่เมอาเองก็ยังเชื่อฟังไปเงียบๆด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ

 

「ฟู่~ อิ่มแล้วอิ่มแล้ว」

 

    และแล้ว บาร์บีคิวแสนสนุก(ของเร็นกะเป็นส่วนใหญ่) ก็จบลง ผมเอนตัวลงนอนโดยใช้ขนของยูคิเป็นหมอนหนุน ขนอันอ่อนนุ่มและมีไออุ่นเล็กน้อย หน้าท้องที่ยืดหยุ่นโอบอุ้มตัวผมไว้ เป็นเตียงที่ดีที่สุดที่สามารถนอนหลับได้แค่ภายในเขาวงกตเท่านั้น

    เมื่อมองไปบนท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ก็มองเห็นดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า

    ทุกครั้งที่ได้เห็นดวงดาวในเขาวงกตก็ต้องคิด

    ถ้าหากส่งจรวดไปยังดวงจันทร์ที่เห็นอยู่ตรงนั้น  จรวดมันจะไปถึงดวงจันทร์ได้รึเปล่า

    ดวงดาวที่มองเห็นอยู่นั้นเป็นของจริงงั้นรึ? หรือเป็นแค่ดวงดาวที่ถูกวาดเอาไว้แบบท้องฟ้าจำลอง?

    เหล่านักวิชาการมากความสามารถต่างบอกว่าภายในเขาวงกตคือพื้นที่ที่แตกต่างออกไป

    ถ้างั้นแล้ว พื้นที่ที่แตกต่างนั้นมันใหญ่แค่ไหน

    ถ้าหากทำลายกำแพงของเขาวงกตแล้วพุ่งออกไปให้ไกลอย่างที่สุด สิ่งที่รออยู่ปลายทางคืออะไร

    ไร้ที่สิ้นสุด หรือว่าไปสิ้นสุดที่กลางทาง หรือว่าจะกลมเหมือนโลก…..

    พวกเราเหล่ามนุษยชาติยังไม่รู้แม้แต่เรื่องนี้

    ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแบบนั้นอยู่

 

「นี่ เอลิซ่า เล่นซักเพลงหน่อยสิ」

 

    จู่ๆ เร็นกะก็บอกมาแบบนั้น

 

「รับทราบแล้วคะ จะรีเควสอะไรรึเปล่าค่ะ?」

 

    เอลิซ่านำขลุ่ยออกมาอย่างรวดเร็วแล้วถามเร็นกะ

 

「นั่นสินะ…..」

 

    เร็นกะหยุดคิดไปชั่วครู่ แล้วจึงรีเควสเพลงที่เธอชอบเมื่อเร็วๆนี้

    เอลิซ่ายิ้มให้แล้วจึงเริ่มเล่นขลุ่ย

    ท่ามกลางป่าตอนกลางคืน เสียงดนตรีชวนให้คิดถึงเริ่มบรรเลง

    มันคือเสียง BGM ของเกมย้อนยุคที่ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อตอนก่อนเขาวงกตจะปรากฏขึ้น

    มันเป็นเกม RPG ที่เหล่าตัวเอกหาทางที่จะเดินทางไปยังอดีต・ปัจจุบัน・อนาคต เป็นการผจญภัยเพื่อปกป้องโลกจากการล่มสลาย

    ด้วยเรื่องราวและระบบที่ปฎิวัติวงการ โลกทัศน์ที่ถูกวาดด้วยนักวาดมังงะชื่อดังและ BGM อันน่าดึงดูด มันถูกกล่าวขานว่าเป็นผลงานชิ้นเองแม้แต่ในยุคปัจจุบัน

    ผมเองตอนเป็นเด็กก็เคยเล่นมัน อยู่ในระดับที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นของเครื่องซูเปอร์แฟมิคอมเลย

    น่าเสียดายที่มันเกิดขึ้นผิดช่วงเวลา…..

    ด้วยเนื้อเรื่อง『ในปี 1999 สัตว์ประหลาดได้ปรากฏตัวขึ้นและเข้าทำลายโลก』เป็นอะไรที่กระตุ้นมากเกินไปหน่อย

    นั่นก็เพราะ ปี 1999 มีเขาวงกตปรากฏขึ้นมาจริงๆ และก็แองโกลมัวร์ที่เกิดขึ้นตามมาหลังจากนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

    เพราะตัวเกมถูกปล่อยมาก่อนที่เขาวงกตจะปรากฏ มันจึงไม่ได้ถูกตำหนิออกมาตรงๆ แต่ทว่ากำหนดการปล่อยภาคต่อที่เป็นที่รอคอยมาอย่างยาวนานก็ได้ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

    ตัวเกมที่กลายสภาพไปราวกับเป็นหนังสือพยากรณ์ เมื่อผสานเข้ากับคุณภาพของมันแล้วก็ทำให้ยิ่งโด่งดังในระดับตำนาน ทุกวันนี้มันได้กลายเป็นของพรีเมี่ยมที่ราคามากเกินกว่า 100,000 เยน

    สาเหตุที่ตัวผมตอนเด็กได้เล่นก็เพราะว่าคุณพ่อที่ชื่นชอบเกม ซื้อมันมาในราคาเต็ม

    ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูงี่เง่า แต่ในตอนนั้นรู้สึกกังวลเอามากๆ

    อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป บรรยากาศรอบๆโลกก็เปลี่ยนแปลง เกมและมังงะที่นำเสนอเรื่องของเขาวงกตและมอนสเตอร์ได้กลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป

    นอกจากนี้ ตัวรีเมคและภาคต่อก็ได้ถูปล่อยออกมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน

    ที่เร็นกะได้เล่นไปก็เป็นตัวรีเมคของมัน

    ความสนใจของตัวเธอในตอนนี้ นอกจากมังงะก็รวมไปถึงเกมและอนิเมะแล้ว

    ยิ่งกว่านั้น การที่เอลิซ่าสามารถบรรเลงเสียงของตัวเกมได้ ไม่ใช่เพราะว่ามีเตรียมโน๊ตอะไร แต่เพราะได้ฟัง BGM จากตอนที่เร็นกะเล่นเกม ทำการเลียนแบบมันออกมาด้วยหูของเธอ

    เอลิซ่าซัง สวดยอด…..

    และแล้ว ในขณะที่กำลังผ่อนคลายอยู่แบบนั้น

 

「…..มาสเตอร์ มีกลิ่นอายของใครบางคนฮะ」

 

    ยูคิที่ทำหน้าที่เป็นเบาะให้ผม เตือนมาเงียบๆ

    ได้ยินดังนั้น ผมจึงทำการเชื่อมต่อเหล่าการ์ดด้วยลิงค์แล้วลุกขึ้นนั่ง

    เหล่าพรรคพวกที่ใช้เวลาส่วนตัวอยู่ก็เริ่มเกร็งขึ้นมาเล็กน้อย

    …..มันเป็นเรื่องหายากที่จะพบเจอนักผจญภัยอื่นในเขาวงกตแบบนี้

    ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว เขาวงกตตอนกลางคืนที่ทัศนวิสัยไม่ดี และเขาวงกตที่มีฝนหรือหิมะตกหนักที่ทำให้การสำรวจเป็นไปได้ยากจะไม่เป็นที่นิยม

    ด้วยเหตุนี้ นักผจญภัยที่จะเลือกเขาวงกตตอนกลางคืนแบบที่นี่ จึงจำกัดอยู่กับพวกที่มีการ์ดที่ต้องการอยู่อย่างผม…..หรือพวกที่มีวิธีการรับมือกับความมืดอย่างเช่นลิงค์

    ไม่ว่ายังไง ก็เป็นอีกฝ่ายที่ต้องระมัดระวังตัวเอาไว้

    ขณะที่เฝ้าดูสถานการณ์ไปซักพัก นักผจญภัยที่ถือตะเกียงส่องแสงไฟในมือก็ปรากฏตัวขึ้น

    เพศเป็นผู้ชาย อายุราวๆนักศึกษามหาวิทยาลัย เป็นหนุ่มหล่อให้ความรู้สึกสดใสแบบ Johnnys

    พอเขาสังเกตุเห็นพวกเราก็ส่งรอยยิ้มเป็นมิตรมาทักทาย

 

「โอ้ กะแล้วว่าต้องมีคนอยู่จริงๆด้วย สวัสดียามเย็นครับ!」

「…..สวัสดียามเย็น」

 

    ขณะที่ผมทักทายกลับไปก็รู้สึกได้ถึงความอึดอัดเล็กน้อย

    มันอะไรกัน หมอนี่ รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน…..อ๊ะ!

    ในตอนนั้นเองผมก็จำหน้าของชายหนุ่มขึ้นได้

    หมอนี่ ไม่ใช่ว่าเป็นหนุ่มหล่อที่มักถูกตามจีบอยู่แถวสถานีฮาชิโอจิงั้นเหรอ! นี่เป็น 3 ดาวงั้นหรอกเรอะ!

    การพบกันโดยบังเอิญกับคนที่คาดไม่ถึง ทำเอาผมอารมณ์เสีย

 

「คือว่า รู้ว่ามันไม่ค่อยดีแต่ ขอผมพักตรงนี่ด้วยจะได้ไหมครับ? อย่างที่คิดว่าจะให้ไปอีกชั้นตอนนี้มันคงลำบากเกินไป」

「อา~……ก็ ไม่ว่าอะไรหรอกนะ」

 

    อันที่จริงแล้วไม่อยากเลย แต่จะให้พูดปฏิเสธไปมันก็หยาบคายเกิน มันจะเป็นเหมือนกับการพูดอ้อมๆว่า คิดว่าเป็นพวกอาชญากร

    พอเหลือบตาไปมองเอลิซ่า เธอก็พยักหน้าเงียบๆกลับมา

    ตัวเธอที่เป็นแวมไพร์ภายในพื้นที่ตอนกลางคืนเช่นนี้ สามารถเคลื่อนที่ได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องหยุดพักหรือนอนหลับ ถือเป็นคนคอยเฝ้ายามให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบขณะที่พักผ่อน

    พอผมพยักหน้าให้ เขาก็วางตะเกียงคั่นกลางระหว่างเราแล้วนั่งลง

 

「อา รอดไปที…..จะว่าไปแล้ว หรือว่านายจะเป็นผู้เข้าแข่งขันคิทากาว่า? ที่ชนะทัวร์นาเมนต์นักเรียนนั่นน่ะ」

「…..ทำไมถึงคิดงั้น?」

「ไม่หรอก ก็รู้สึกว่าการ์ดที่พามาด้วยมันรู้สึกคุ้นๆน่ะ….. อย่างซาชิกิวาราชิตรงนั้นไง」

 

    พอผมหันไปมองเร็นกะ ก็ทำได้แค่ยิ้มกลบเกลื่อน

 

「เอ ก็นะ ทางนั้นเองก็มักจะมาที่สถานีอยู่บ่อยๆเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?」

「โอ้! อย่างที่คิดเลย ก็รู้สึกอยู่ว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แหม~ ได้มาเจอกันคนดังในสถานที่แบบนี้นี่คาดไม่ถึงจริงๆ อะ หรือว่าตอนนี้ควรจะขอลายเซ็นหรืออะไรซักอย่างไว้ดี? ซักวันหนึ่งจะเป็นมืออาชีพใช่รึเปล่าล่ะ?」

「คือแบบ ไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้น ขอโทษที」

「งั้นเหรอ น่าเสียดาย」

 

    บอกปฏิเสธกลับไปอย่างนุ่มนวล ทางเขาก็ยอมถอยไปแต่โดยดีง่ายกว่าที่คิดไว้

    ถึงน้ำเสียงจะนุ่มนวลแต่เขาคงจะอ่านออกจากสีหน้าของผมว่ามันเป็นการปฏิเสธอย่างจริงจัง หรือไม่ก็ไม่ได้อยากจะได้มากขนาดนั้น

    ตอนที่ได้เจอกันเป็นครั้งแรกก็พูดกับผมมาโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัว และวิธีการพูดก็เป็นที่น่าชื่นชอบ เป็นผู้ชายที่มีบุคลิคภาพที่ร่าเริง

    หลังจากนั้น พวกเราก็คุยเรื่องเล็กๆน้อยๆกับต่ออีกหลายนาที

 

「…..จะว่าไปแล้ว คิทากาว่าคุงสนใจแลกเปลี่ยนการ์ดไหม?」

 

    จู่ๆชายหนุ่มก็พูดขึ้น

    ในที่สุดก็มาแล้วสินะ!…..ถึงแม้ว่าภายในจะยังรู้สึกระแวง แต่ภายนอกก็ทำเป็นสงบนิ่ง

 

「…..ก็นะ ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เลยซะทีเดียว」

「เข้าใจแล้วเข้าใจแล้ว จริงๆแล้วผม ตอนนี้มีการ์ดค่อนข้างจะแรร์อยู่ด้วยน้า ถ้าเป็นคนอย่างคิทากาว่าคุงน่าจะสนใจอยู่ล่ะนะ ไง? ลองดูหน่อยไหม?」

「อืม~ ถ้าแค่ดูก็นะ」

「โย้ช จัดไป! เอ็ตโต นี่ไงล่ะ」

「! นี่มัน…..!」

 

    ผมพยายามที่จะไม่แสดงออกทางสีหน้า ทว่าทันทีที่ได้เห็นมันเข้า ก็ต้องอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้

 

【เผ่า】ดราโกเน็ต(Dragonette)

【พลังต่อสู้】145

【ทักษะติดตัว】

    – มณีมังกรเล็ก : หัวใจของมังกรที่สร้างและกักเก็บพลังชีวิต

    – เกล็ดมังกร : เกราะแข็งแกร่งมหาศาลของมังกร, ทนทานต่อการโจมตีทางกายภาพและเวทมนตร์

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – ตัวตนที่ร่วงหล่น

    – อุทิศตัวรับใช้ : จิดใจที่หักห้ามความปราถนาส่วนตัวของตนและอุทิศตัวเองเพื่อรับใช้, ค่าบวกต่อการกระทำที่ถูกออกคำสั่ง, ค่าลบต่อการกระทำอิสระ, หากความเครียดสะสมมากเกินไปจะระเบิดออกได้บางครั้ง

 

「สกิลร่วงหล่น…..」

「ไง? น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?」

「เอ ก็ใช่อยู่ ทุกวันนี้ สกิลร่วงหล่นมันมีค่ามากล่ะนะ」

「ใช่ม้า? แล้ว ว่าไง? เริ่มรู้สึกอย่างจะแลกเปลี่ยนขึ้นมาบ้างไหม?」

 

    เขาถามพร้อมโน้มตัวมาข้างหน้า ผมเอามือกอดอกแล้วเริ่มคิด

    นี่มัน ชักจะน่ารำคาญซะแล้วสิ

    ที่ผมค้นพบการหวนคืนจิตวิญญาณก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน การศึกษาค้นคว้าตัวสกิลร่วงหล่นและหวนคืนจิตวิญญาณยังคงไม่คืบหน้าไปมากเท่าไหร่

    อันที่จริงก็มีการวิจัยเกิดขึ้นจำนวนมากแล้ว ทว่าข้อมูลที่เผยแพร่ยังไม่แพร่หลายนัก

    ตัวอย่างเช่น การ์ดไหนต้องใช้ไอเทมอะไรเพื่อที่จะทำให้เกิดจิตวิญญาณหวนคืนบ้าง จะเกิดอะไรขึ้นกับสกิลร่วงหล่นและหวนคืนจิตวิญญาณเมื่อทำการแรงค์อัพให้กับการ์ด

    ข้อมูลพวกนั้นไม่ได้ถูกเปิดเผยแก่สาธารณะ

    ถ้าให้เจาะจงเลยคือ ไม่รู้ว่าข้อมูลไหนกันแน่ที่มันถูกหรือข้อมูลไหนผิด

    ถ้าหากแรงค์อัพให้การ์ดแรงตค์ C ที่มีสกิลร่วงหล่น สกิลร่วงหล่นจะหายไป แล้วก็ ในขณะที่ถ้าเป็นการ์ดแรงค์ D ที่มีหวนคืนจิตวิญญาณ ถ้าไปแรงค์อัพจะได้สืบทอดหวนคืนจิตวิญาณมา อะไรแบบนั้น

    แต่ไหนแต่ไรการแรงค์อัพก็มีตัวแปรของโชคเข้ามาเกี่ยวข้องในการโอนถ่ายสกิลอยู่แล้ว ยิ่งมีข้อมูลมากมายมาผสมปนเปก็ทำให้เป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาอย่างผมจะตัดสินได้ว่าอันไหนจริง อันไหนปลอม

 

    …..รูปแบบที่มันยุ่งยากอันดับหนึ่งเลยก็คือ ข้อมูลทุกอย่างจริงหมด

    ถ้าเกิดสกิลร่วงหล่นและหวนคืนจิตวิญญาณมันจะหายหรือไม่หายไปตอนแรงค์อัพ โดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับโชคแล้วล่ะก็ มันจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการวางแผนในอนาคต

    แม้แต่กับเร็นกะเอง ถ้าหากว่าแรงค์อัพแล้วหวนคืนจิตวิญญาณสามารถสืบทอดได้ล่ะก็ ไม่ว่ายังไงก็อยากจะแรงค์อัพให้ได้ แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น ก็มีตัวเลือกอยู่ที่การเป็นซาชิกิวาราชิต่อไป

    อีกทั้ง สงสัยด้วยว่าลักษณะเฉพาะตัวของเร็นกะหลายๆอย่างมันเป็นเพราะหวนคืนจิตวิญญาณรึเปล่า

    ถึงแม้ว่าอยากจะตรวจสอบสิ่งที่กล่าวไป ก็อยากจะได้การ์ดที่มีสกิลร่วงหล่นมาอีกใบ

    ผมคิดแบบนั้นมาโดยตลอด

 

    ทว่า ปัญหาตรงนี้คือการแลกเปลี่ยนครั้งนี้มันปลอดภัยรึเปล่า แล้วถึงจะแลกเปลี่ยน มันจะมีมูลค่าเท่าไหร่

    ถึงแม้ว่าทางกิลล์จะไม่สั่งห้ามการแลกเปลี่ยนระหว่างตัวบุคคล แต่ก็จะไม่ทำอะไรหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับมันขึ้นเช่นกัน แถมยังไม่บันทึกการ์ดที่ซื้อเป็นค่าใช้จ่ายด้วย

    จะมียกเว้นก็แค่ การบังคับข่มขู่ให้ทำการแลกเปลี่ยนแบบไม่เป็นธรรม….. หรือก็คือที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมเท่านั้น

    แต่ถ้าเป็นการหลอกต้มตุ๋นหรืออะไรที่คล้ายๆกัน แม้ว่าจะเป็นอาชญากรรม ทางกิลล์ก็จะไม่ทำอะไร

    หรือก็คือ หากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้มีลูกเล่นที่ผมไม่สามารถคาดเดาได้ ผมก็เรียกร้องอะไรไม่ได้เลย

 

「…..อยากจะถามอะไรซักอย่างก่อน ถ้าหากแลกเปลี่ยนด้วยเงิน คิดเอาไว้ประมาณเท่าไหร่? แล้วจะทำการแลกเปลี่ยนยังไง?」

「นั่นสิน้า ก่อนอื่น ไม่ค่อยอยากจะแลกเปลี่ยนด้วยเงินซักเท่าไหร่ ก็ไม่ได้นึกสงสัยคนที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างคิทากาว่าคุงหรอกนะ แต่อย่างที่คิดว่าวิธีนั้นมันปัญหาเยอะ ถ้าเป็นกรณีแลกเปลี่ยนด้วยการ์ด ก็เริ่มจากให้ทั้ง 2 ฝ่ายยกเลิกความเป็นเจ้าของกันต่อหน้า จากนั้นก็ลงทะเบียนมาสเตอร์ แล้วสุดท้ายจึงอัญเชิญเพื่อทำการยืนยันไหม?」

「อย่างงี้นี่เอง」

 

    ถ้าแบบนั้นอย่างน้อยก็หลีกเลี่ยงเรื่องการ์ดปลอมที่เป็นปัญหาอย่างแย่ที่สุดไปได้

    อย่างแรกตรงที่หากการยกเลิกความเป็นเจ้าของไม่ใช่การทำจริง แล้วแอบอัญเชิญออกมาเองขณะที่อีกฝ่ายทดลองอัญเชิญ…..มันก็ยังมีที่ให้คิดแบบนั้นได้อยู่ แต่ก็สามารถตัดสินได้ด้วยการเชื่อมต่อลิงค์

    ถ้าเป็นตัวผมในตอนนี้ ถึงแม้จะเป็นการ์ดที่เพิ่งได้มา ก็สามารถใช้ในระดับเทเลพาทได้

 

「ส่วนเรื่องการ์ดที่จะแลกเปลี่ยน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะได้เป็นการ์ดที่มีราคาตลาดราวๆ 30 ล้านเยนล่ะนะ」

「มุมุมุ…..」

 

    ราคาเสนอคือ 30 ล้านงั้นเหรอ เป็นระดับการ์ดแรงค์ C กลางๆ หากเทียบกับการแลกเปลี่ยนกับการ์ดแรงค์ D แล้วก็ค่อนข้างจะไม่เท่าเทียมกันอยู่ แต่ด้วยความหายากของสกิลร่วงหล่นที่มีคุณค่าเกินกว่าแบบทั่วไปแล้วก็ถือว่าเหมาะสม

    จะว่าไปแล้ว ราคาตลาดในปัจจุบันของใบที่มีสกิลร่วงหล่นจะอยู่ที่ประมาณ 3 เท่าของเผ่าเดียวกัน แต่ถึงอย่างไร ราคาของใบที่มีสกิลร่วงหล่นมันมักจะผันผวนไปมา เพราะงั้นการพูดเรื่องราคาปัจจุบันมันก็แทบจะไร้ความหมายอยู่ดี….. แต่ก็ยังพอถือเป็นแนวทางได้บ้าง

    อย่างน้อย ก็มีของต่อรอง ไลแคนโทรปที่ถูกเก็บไว้ในคลัง…..นี่คือ 1 ใบในนั้น

 

【เผ่า】ไลแคนโทรป(Lycanthrope)

【พลังต่อสู้】400

【ทักษะติดตัว】

    – ยามจันทราเต็มดวง : ความสามารถทางกายภาพเพิ่มขึ้นโดยขึ้นอยู่กับดิถีของดวงจันทร์『ภายนอกเขาวงกต』

    – ชุดหมาป่า : เปลี่ยนร่างเป็นรูปแบบมนุษย์ได้ ได้รับสกิลปกปิดตัวตนโดยแลกกับสเตตัสที่ลดลง, ในขณะที่หากเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์หมาป่า จะมีสเตตัสที่สูงขึ้น

    -การตื่นขึ้นของสัญชาตญาณ

 

【ทักษะเรียนรู้】

    – ตรวจจับตัวตน

    – จ้าวแห่งฝูง : เพิ่มค่าบวกให้กับตนเองและพรรคพวกเมื่อกระทำการร่วมกันเป็นกลุ่ม

    – ศิลปะการต่อสู้

 

    ถ้าหากใช้นี่เป็นของแลกเปลี่ยนล่ะก็ 9 ใน10 อีกฝ่ายน่าจะทำการตกลง

    นั่นเพราะ แม้จะมีสกิลร่วงหล่นอันมีค่า แต่ดราโกเน็ตมีพลังต่อสู้เพียง 145 ตัวสกิลเองก็สูญเสียไป จนกว่าจะได้ปลุกตื่นหวนคืนจิตวิญญาณคงจะไม่สามารถใช้เป็นกำลังรบได้ แถมไอเทมสำคัญก็ยังไม่ถูกค้นพบ

    อีกด้านหนึ่ง ไลแคนโทรปทั้งหมดล้วนเพิ่งได้มาใหม่ ความสามารถก็ไม่มีข้อเสีย

    ถ้าหากเป็นนักผจญภัย 3 ดาวแล้วอยากจะได้การ์ดแรงค์ C ซักใบ ก็คงอยากจะได้ไลแคนโทรปเอาไว้

    พอมาคิดแบบนี้ ก็เริ่มชักจะไม่อยากปล่อยให้หลุดมือไปซะละ

    ยังไงดี ยังไงดี ยังไงดี…..แล้วผมก็ตัดสินใจ

 

「ผมขอ—-」

 

 

 

 

【Tips】แบบแผนของการ์ด

    ว่ากันว่าลักษณะนิสัยของมอนสเตอร์แต่ละเผ่า คือสิ่งที่สะท้อนมาจากภาพที่ผู้คนมีให้กับมอนสเตอร์นั้นๆ 「ภูติมีนิสัยเอาแต่ใจและชอบแกล้ง」「ปีศาจนั้นเจ้าเล่ห์และโหดร้าย」「เทวทูตของเมกา〇นมันก็เทวทูตเก๊ดีๆนั่นแหละ」อะไรพวกนี้ มอนสเตอร์ทั้งหลายจะมีลักษณะนิสัยและคุณสมบัติเช่นเดียวกับที่ถูกคิดไว้

    แต่ว่าไม่ว่าอะไรมันก็ต้องมีข้อยกเว้นด้วยกันทั้งหมด ในหมู่นั้นอย่าง「ซาชิกิวาราชินักเลง」「ซัคคิวบัสที่กลัวผู้ชาย」「ยักษ์ขี้ยึดติด」เหล่านี้ก็มีอยู่

    กรณีแบบนี้แทบทั้งหมดมักเกิดจากการจัดการของมาสเตอร์มีปัญหา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปของลักษณะนิสัย แต่ก็มีบางครั้งที่「เป็นแบบนั้นตั้งแต่ตอนที่ดรอปมาแล้ว」ถูกรายงานมา

 

 

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม

เมกา〇น อันนี้คำย่อของเกมเมกามิเท็นเซย์ = เมกาเท็น