ในฤดูหนาวอันหนาวเย็นเช่น เวลากลางคืนนั้นจะมาเร็วเป็นพิเศษ เพียงแค่แปปเดียวท้องฟ้าก็ได้มืดมิดแล้ว
เคานต์เซลินรีบจุดเทียนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ด้วยสายลมที่พัดมาจึงทำให้เปลวไฟบนเทียนได้สั่นไหวตามแรงลม
ตอนนี้ทุกคนอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดเนื่องจากการหายตัวไปของพ่อมดทั้งสอง
เมอร์ลินมองไปข้างหน้า เขารู้สึกถึงเสียงต่อสู้ที่อยู่ในความืดได้ นอกจากนี้เขายังรู้สึกถึงความผันผวนที่แผ่ออกมาจากตัวของเมอแรงค์ มันให้ความรู้สึกราวกับห้วงอากาศที่บิดเบี้ยว
นี่คือความผันผวนของธาตุมืด
*หวู่ม!!*
จู่ ๆ เงาทั้งสองร่างก็ปรากฏขึ้นมาในอากาศราวกับภูต สภาพของทั้งสองดูเหนื่อยหอบแต่อาการของพ่อมดฮิลล์จะหนักกว่า ใบหน้าของเปลี่ยนเป็นสีแดงและร่างกายของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“แค่ก แค่ก”
พ่อมดฮิลล์ออย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาแดงก่ำราวกับเลือดจะไหลออกมาจากใต้ผิวหนัง
“นี่คือคาถาธาตุมืดสินะ ช่างน่าประทับใจจริง ๆ” เขากล่าวออกมา ภายหลังจากที่หยุดไอ เสียงของเขาสั่นจนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน
เมอร์ลินรู้สึกได้ว่าพลังเวทย์ของชายชรากำลังปั่นป่วนแต่เขาก็ใช้พลังจิตควบคุมกระแสพลังที่ปั่นป่วยให้กลับมาคงที่อย่างรวดเร็ว
“ทำได้ไม่เลวนะที่รอดมาได้แต่คุณรู้อะไรมั้ยก่อนหน้านี้ฉันได้ฆ่าพ่อมดพเนจรมาแล้วครั้งหนึ่ง เขาเป็นนักเวทย์ระดับหนึ่งมันก็เลยยากนิดหน่อยที่จะจัดการเขา ฉันเลยไม่คิดว่าคุณจะมีพลังต่อสู้ที่พอ ๆ กับนักเวทย์ระดับหนึ่งด้วย แต่ก็ไม่แปลกนะเพราะคุณรอดมากจาก ‘โรงเชือด’ มาได้แต่ช่างน่าเสียดายที่โครงสร้างเวทมนต์ของคุณไม่เสถียร คุณจะปกป้องเซลินได้ยังไง หากคุณยังปกป้องตัวเองไม่ได้แบบนี้?”
แม้ว่าสีหน้าของเมอแรงค์จะซีดแต่พลังโดยรวมของเขายังปกติ นั่นหมายความว่าพ่อมดฮิลล์ถูกโจมตีเพียงแค่ฝ่ายเดียว
ทั้งพ่อมดฮิลล์และคูกในตอนนี้ เสียพลังการต่อสู้ไปแล้วครึ่งหนึ่งแล้วดังนั้นคงไม่สามารถต่อกรเมอแรงค์ได้อีกต่อไป
เมอแรงค์ได้เปลี่ยนความสนใจไปที่เคานต์เซลินริมฝีปากของเขาได้โค้งงอ เขาได้เผยรอยยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
ช่วงระหว่างที่เมอแรงค์กำลังเข้ามา เชลลี่ที่ปกติร่าเริงเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ตอนนี้เธอกำลังสั่นกลัวและหลบอยู่ข้างหลังเคานต์เซลิน
แม้ว่าเคานต์เซลินจะมีอัศวินและนักดาบธาตุจำนวนมากมายแต่ก็ไม่มีใครสามารถปกป้องเขาจากเมอแรงค์ได้เลย
เคานต์เซลินได้สูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาได้ชักดาบออกมาและติดสินผลักเชลลี่ไปทางเมอร์ลิน
“พ่อมดเมอร์ลินพาเชลลี่หนีไปจากที่นี่ เธอไม่ควรต้องมาตายที่นี่” เขากล่าวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
เคานต์เซลินมองไปที่เชลลี่ด้วยความรัก จากนั้นเขาก็หันไปมองเมอแรงค์และตะโกนเสียงดัง
“เข้ามาเลยเมอแรงค์!! ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ปกครองเมืองปรากาซ ไม่มีสิ่งใดขัดขวางสิ่งที่ข้าต้องการได้ พ่อของเจ้าได้ทำการต่อต้านข้าและทรยศต่อปรากาซ นั่นคือเหตุผลที่เขาสมควรตาย เขาได้คุกเข้าต่อหน้าข้าเหมือนคนขี้ขลาดในขณะที่เขาอ้อนวอนขอร้องให้ข้าอภัย…
แต่มันไม่ใช่กับข้า เซลิน คาโรห์ ข้าไม่ใช่คนขี้ขลาดเหมือนพ่อของเจ้า!”
ใบห้าของเขาสีแดงก่ ในขณะเดียวกันดาบของเขาเปล่งประกายสีเหลือง จากนั้นแสงสีเหลืองก็ได้ปกคลุมร่างกายของเขา
เคานต์เซลินนั้นเป็นนักดาบปฐพีระดับสาม
“พ่อของฉันไม่ใช่คนขี้ขลาด! คนที่ขี้ขลาดคือแกต่างหากล่ะเซลิน ฮ่า ๆ ดูเหมือนแกอยากจะให้ลูกสาวของแกหนีไปสินะ ได้ฉันจะฆ่าเธอก่อน!!” เมอแรงค์กล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันชั่วร้าย เขาเปลี่ยนความสนใจไปที่เชลลี่
“พ่อมดเมอร์ลินช่วยพาเธอออกไปจากที่นี่ด้วย นี่เป็นคำขอสุดท้ายของข้า” เคานต์เซลินกล่าว
ส่วนเมอร์ลินนั้นตอนนี้ยังไม่ขยับไปไหน เขาสูดหายใจลึกและพูดด้วยน้ำเสียงอันสงบขณะมองเมอแรงค์ที่กำลังค่อย ๆ เดินมาทางพวกเขา
“ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับที่ผมไม่สามารถทำตามคำขอสุดท้ายของท่านเคานต์ได้ ผมได้เดินทางออกมาจากอาณาจักรแห่งแสงอย่างยากลำบากเพื่อมายังที่เมืองปรากาซ ดังนั้นผมจึงไม่อยากหนีอีกต่อไปแล้ว!!”
เมอร์ลินได้ลูบจี้ห้อยคอที่อยู่ตรงอกของเขาเบา ๆ โดยที่ไม่สนใจท่าทีของเคานต์เซลิน เขาในตอนนี้ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยอมสู้ตาย
“ดูเหมือนว่าแกจะไม่ค่อยจะฉลาดเท่าไหร่นะ” เมอแรงค์มองไปที่เมอร์ลินแล้วยิ้มเยาะ “หายไปซะ”
*หวู่ม!!*
เมอแรงค์สะบัดนิ้วออกมา กลุ่มลูกไฟได้พุ่งไปหาเมอร์ลินและระเบิดออกมาทันที
แม้ว่าคาถาของเมอแรงค์จะเป็นคาถาลูกไฟระดับศูนย์เช่นเดียวกับเมอร์ลินแต่ของเมอแรงค์มุ่งเน้นไปที่การสังหารเป้นวงกว้าง
ตอนนี้มีทะเลเพลิงปกคลุมเป็นวงกว้างไม่มีทางที่เมอร์ลินจะหลบหนีได้
“แช่แข็ง!!!”
ถึงจะหนีไม่ได้แต่ใช่ว่าจะไร้ความหวัง
เมอร์ลินที่เคยต่อสู้กับพ่อมดเจสันมาก่อนทำให้เขารู้สึกว่าพ่อมดเจสันนั้นดูแตกต่างจากเขา เมอแรงค์หรือนักเวทย์คนอื่น ๆ จากอาณาจักรแบล็กมูนทั้งหมด
เขาไม่รู้ว่ามันต่างยังไง มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
ส่วนเมอแรงค์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเป็นนักเวทย์ที่แท้จริงและยังสมาชิกขององค์กรนักเวทย์ ตัวเขาสามารถร่ายเวทย์ไอย่างอิสระแล้วยังมีเวทมนต์ที่หลากหลาย
เมอร์ลินไม่ได้กลัวที่จะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่ง ตรงกันข้ามเขาโหยหาโอกาสเช่นนี้มาตลอด โอกาสที่จะได้สู้กับพ่อมดตัวจริง!!
*ครึ่ก!!*
เมอร์ลินหรี่ตาและโยนผลึกน้ำแข็งลงไปที่ทะเลเพลิง ทันใดนั้นความหนาวเย็นได้แพร่กระจายไปทั่วบริเวณ ทำให้ทะเลเพลิงถูกแทนที่ด้วยผลึกน้ำแข็งหนา
ด้วยการเปลี่ยนแปลงอันฉับพลันนี้ ทำให้เมอแรงค์ที่กำลังมุ่งหน้าไปหาเชลลี่ได้หยุดฝีเท้าลงและเปลี่ยนความสนใจไปที่เมอร์ลิน เขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นการปรากฏตัวของพ่อมดอีกคนในที่แห่งนี้
แต่ถึงเขาจะรู้อย่างนั้น ท่าทางของเขาก็ไม่เปลี่ยนไป
‘ก็แค่พ่อมดพเนจรอีกคน แค่กำจัดมันให้พ้นทางซะแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว’