ตอนที่ 34 อนาคตในวันข้างหน้าจะเป็นยังไงนะ

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

?

 

 

หือ? เกิดอะไรขึ้น? ผมมาอยู่ที่ไหนนิ?

 

 

เมื่อผมได้ลืมตาขึ้นมา ก็ได้เห็นว่ารอบตัวผมนั้นเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่แสนสวยงามราวกับทุ่งลาเวนเดอร์ เพียงแต่ที่นี่มีดอกไม้หลากหลายชนิดไม่ซ้ำกันเลย เพียงแต่ว่าผมมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง แล้วที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่

 

 

ทว่า ไม่นานนักเสียงของหญิงสาวก็ได้ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาด เหมือนว่าผมจะเคยได้ยินเสียงของเธอมาก่อนเลยแฮะ ไม่สิ อาจจะเคยได้ยินมาก่อนจริงๆก็ได้

 

 

“ ตื่นแล้วหรอ? ” ???

 

 

“ ? ”

 

 

ผมหันไปตามเสียง และได้พบเข้ากับหญิงสาวร่างบางที่มีปีกอยู่ข้างหลังถึงสามคู่ และใช่เธอคือมิคาเอลที่ผมได้ผนึกเธอไว้ในลองกินุสไปแล้ว

 

 

“ ม- มิคาเอล!!? ”

 

 

“ ใช่ค่ะ ”มิคาเอล

 

 

เธอยิ้มให้กับผมอย่างสดใส เอ่อ… แล้วไอ้คนข้างหลังที่ยืนกอดอกอยู่นั่นมัน..

 

 

“ อ- ไอ้ลูซิเฟอร์นี่หว่า!!? ”

 

 

“ เสียมารยาทนะ ไอ้เวร ”ลูซิเฟอร์

 

 

อืม อีกคนที่อยู่กับมิคาเอลก็คือลูซิเฟอร์ล่ะ ซึ่งทั้งคู่นั้นเป็นทูตสวรรค์ที่ถูกผมผนึกลงอาวุธและนำอาวุธของพวกเธอแปลงมาเป็นรอยสักบนร่างของผมนั่นเอง แต่หากมองที่ลูซิเฟอร์ดีๆแล้ว ที่หลังเธอมีปีกนางฟ้าสีดำติดอยู่หกคู่เหมือนกับมคาเอล อีกทั้งเหนือหัวของเธอยังมีวงแหวนสีดำอยู่ด้วย

 

 

นี่เธออยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้แปลงร่างเป็นพระเจ้าสินะ

 

 

“ กินแอปเปิ้ลไหมคะ? ”มิคาเอล

 

 

“ ข- ขอบคุณครับ ”

 

 

มิคาเอลยื่นลูกแอปเปิ้ลมาให้ผมหนึ่งลูก ผมที่กำลังชะงักอยู่ได้รับของมาจากเธออย่างตะกุกตะกัก

 

 

“ ~ ”มิคาเอล

 

 

เธอมองผมที่กำลังกินแอปเปิ้ลที่เธอยื่นให้มาอย่างอิ่มเอมใจ… พร้อมทั้งรอยยิ้มที่สุดแสนจะไร้เดียงสาที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอทำเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยล่ะ 

 

 

ผมยอมรับตรงๆเลยว่า หลังจากที่ผมได้มาที่อีกโลกเนี่ย ผมก็เกือบจะหัวใจวายไปหลายรอบเพราะผู้หญิงงามๆพวกนี้เลยล่ะ ทั้งเมเดียร์บ้างเอย ครูว์บ้างเอย เร็กซ์ วี หรือแม้กระทั่งนางฟ้าที่อยู่ตรงหน้าผม ไม่รู้ทำไมดวงของผมถึงสมพงศ์กับผู้หญิงพวกนี้นัก.. แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดีอะไร ถึงผมจะเกือบหัวใจหยุดเต้นไปหลายรอบเลยก็เถอะ

 

 

“ เป็นไง ความรู้สึกตอนที่ได้ใช้พลังของพระเจ้าน่ะ ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ เหนื่อยแทบตายเลยล่ะ ”

 

 

“ ก็แกกากไง ”ลูซิเฟอร์

 

 

ระหว่างนั้นลูซิเฟอร์ก็คอยถามคำถามผมบ้าง เข้ามาคุยเล่นใกล้ๆบ้าง หรือแม้กระทั่งหยิกแก้มผมเธอก็ทำ สงสัยลูซิเฟอร์จะว่างจริงๆแฮะ พอผมหันไปมองมิคาเอลบ้างเธอก็ยิ้มให้ผมอย่างพอใจ 

 

 

ทุกการกระทำของพวกเธอ ทำให้ผมมึนตึ๊บและไม่เข้าใจเลยสักนิด สุดท้ายแล้วผมก็ได้เปิดปากพูดขึ้นมา

 

 

“ แล้วที่นี่ที่ไหนอ่ะ? ”

 

 

“ ในใจท่านค่ะ~ ”มิคาเอล

 

 

“ อย่าไปพูดกับยัยนี่เลย มันเพ้อ ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ สรุปแล้ว? ”

 

 

“ ที่นี่คือ.. ผนึกที่แกขังพวกข้าไว้ เท่าที่ข้าพอจะรู้คือผนึกจะสร้างพื้นที่สำหรับพักผ่อนของตัวตนอย่างข้าขึ้นมาภายในอาวุธ และจะทำให้พวกข้าจำศีลไปตลอดจนกว่าผนึกจะคลาย ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ แต่พวกเธอก็ตื่นอยู่หนิ? ”

 

 

“ เป็นเพราะว่าตัวตนของพวกข้ามันต่างกันยังไงล่ะ ประมาณว่าพลังที่ต่างขั้วกันจะทำให้ตัวตนที่ถูกผนึกอยู่ตื่นขึ้นมาภายในพื้นที่ในจิตใจของเจ้าของผนึก อย่างแกไง ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ ข้าไม่รู้ว่าในใจของแกมันมีแต่ทุ่งลาเวนเดอร์หรืออะไร แต่ข้าจะเรียกที่นี่ว่าอีเดน เพราะมันช่างคล้ายคลึงกันเหลือเกิน ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ ออ ”

 

 

“ ไหนๆแกก็อยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะแนะนำท่าที่แกควรใช้ให้ฟัง ในฐานะที่แกสามารถใช้ ดุจแสงสว่าง ได้ แกก็ควรจะรู้จักท่าพื้นฐาน เข้าใจใช่ไหม? ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ อือ ”

 

 

“ แต่ไม่ใช่ว่าปกติแล้วเธอจะหยิ่งกว่านี้หรอ? เป็นถึงมหาบาปแห่งความหยิ่งเลยหนิ?”

 

 

“ ข้าหยิ่งในพลัง ไม่ได้หยิ่งในอำนาจซะหน่อย อีกอย่างแม้ข้าจะเกลียดมนุษย์… (แต่ข้าก็ไม่ได้เกลียดเจ้าขนาดนั้นหรอกนะ) ”ลูซิเฟอร์

“ ? พูดว่าไงนะ? ”

 

 

“ ช่างมันเถอะน่า รีบๆตามข้ามาได้แล้ว! ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ … โอเคร จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ ”

 

 

“ หุหุ ท่านพี่ของข้าล่ะก็ ข้าเองก็ควรจะสอนเขาใช้ปีกอย่างถูกวิธีสินะ ”มิคาเอล

 

 

ลูซิเฟอร์เดินนำไปทางด้านล่าง ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้จะเป็นเหมือนกับภูเขาที่สูงพอสมควรและบนยอดสูงสุดของมันก็มีทุ่งดอกไม้อยู่ ขณะที่ลูซิเฟอร์ได้เดินลงไปไม่กี่ก้าว เธอก็สยายปีกทั้งสามคู่ของเธอออกมา ซึ่งความใหญ่ของมันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมเลย

 

 

“ ปีกของพวกทูตสวรรค์นี่อย่างใหญ่อ่ะ ”

 

 

หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นแสงสีดำพุ่งลงไปที่ทุ่งหญ้าโล่งและกว้างใหญ่ที่อยู่ด้านล่างในทันที ไม่นานนักมิคาเอลก็เข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลัง ก่อนที่เธอจะถอนกอดที่อบอุ่นนั้นออกในเวลาต่อมา

 

 

“ นั่นคือทักษะพื้นฐานของอาร์ตดุจแสงสว่างค่ะ ”มิคาเอล

 

 

“ ฉันคิดว่าคุณคงจะเคยเห็นและได้ใช้มันมาบ้างแล้ว จริงๆมันก็ไม่ได้เป็นท่าที่ยากอะไร เพียงแต่พลังทำลายล้างของมันนั้นสงมากๆเลยค่ะ ”มิคาเอล

 

 

“ ปกติแล้วทูตสวรรค์จะสามารถใช้ได้เพียงแค่ดุจแสงสว่างเท่านั้น แต่กับอัครเทวทูตอย่างข้าและตัวตนระดับสูงในหมู่เทวดาตกสวรรค์และทูตสวรรค์อย่างคุณลูซิเฟอร์นั้นมีทักษะที่แตกต่างจากสาวๆพวกนั้นค่ะ ”มิคาเอล

 

 

“ พวกข้าสามารถใช้ ดุจแสงศักดิ์สิทธิ์ ได้ ส่วนท่านพี่นั้นสามารถใช้ ดุจแสงทมิฬ ได้ค่ะ ”มิคาเอล

 

 

“ แต่อย่างไรซะ ท่านก็จำเป็นจะต้องใช้ดุจแสงศักดิ์สิทธิ์ และดุจแสงทมิฬให้คล่องนะคะ! เผื่อไว้ว่าในอนาคตท่านอาจจะได้ปะทะกับคนอย่างท่านพี่อีกครั้งก็ได้ ”มิคาเอล

 

 

“ จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็อย่าลืมพวกข้านะคะที่รัก ”มิคาเอล

 

 

“ ท- ที่รักหรอ!!? ”

 

 

“ ค่ะ! ฝากตัวด้วยนะคะ บี๋! ”มิคาเอล

 

 

… ผมเอ๋อไปเลยล่ะตอนนี้

 

 

“ เห้ย ข้าบอกให้รีบตามมาไง ”ลูซิเฟอร์

 

 

“ ตายจริง ท่านพี่เรียกซะแล้วล่ะค่ะ ไปกันเถอะ! ”มิคาเอล

 

 

“ … ”

 

 

มิคาเอลกางปีก และออกบินไปอย่างรวดเร็วขณะที่หูของเธอยังแดงอยู่.. แสดงว่าเธอพยายามฝืนพูดคำนั้นออกมาทั้งๆที่อายมากๆเลยนะนั่น เหลือจะเชื่อจริงๆ

 

 

ผมส่ายหัว ก่อนที่จะกางปีกทั้งสามคู่ออกมา แล้วบินดิ่งตรงไปหาสองคนนั้น 

 

 

ดูเหมือนว่า ผมจะยังต้องฝึกอีกเยอะเลยล่ะนะ ฮ่ะๆ

 

 

 

 

 

 

วันที่ 1 พฤษภาคม ปีสักการะเทพีที่ 2567

 

 

เช้าตรู่

 

 

“ เช้าแล้วแฮะ ”

 

 

วันนี้เป็นวันที่ผมจะต้องไปที่โรงเรียนวันแรกล่ะ ถ้าเป็นไปตามที่เมเดียร์เล่ามาผมคงจะต้องอยู่ที่หอพักที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้เป็นเวลา 2 ปีสินะ

 

 

ผมไม่รู้ว่าผมจะได้อยู่ห้องอะไรเลยด้วยซ้ำแฮะ ชักจะตื่นเต้นซะแล้วสิ

 

 

หลังจากที่ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงได้ไม่นาน แสงแดดก็ส่องเข้ามาทางหน้าต่างจนเข้ามากระทบกับดวงตาของผม ทำให้ผมจำเป็นต้องหรี่ตาอย่างช่วยไม่ได้

 

 

ตลอด 3 วันที่ผ่านมานี้ผมทำอะไรมาเยอะเลยล่ะ ทั้งมารยาทต่างๆ และความรู้พื้นฐานของที่นี่ รวมถึงการฝึกการต่อสู้พร้อมๆกับเฉินจือหนาน

 

 

จริงสิ พอพูดถึงเธอแล้ว เธอทำหน้าที่ของเธอในบ้านนี้ได้ดีเลยเชียวล่ะ เธอสามารถจำทุกอย่างได้ภายในสองวันตามที่หัวหน้าแม่บ้านบอกจริงๆ อีกทั้ง ทั้งน้องๆ พ่อแม่ หรือแม้แต่เมเดียร์เองก็ยังชื่นชอบในตัวของเธอหลังจากที่ได้เรียนรู้หลากหลายสิ่งแล้ว

 

 

เธอดูมีความสง่าขึ้นมาเลยล่ะหลังจากจบคอร์สการฝึกสุดหฤโหดของเมดนั้นมา และเมื่อ 2 วันก่อนในช่วงค่ำผมยังปลดเรื่องมานาอุดตันให้เธอ ทำให้จือหนานสามารถใช้วรยุทธ์ของเธอได้อย่างเต็มที่ ผมเองก็ดีใจกับเธอด้วยล่ะนะ

 

 

และจากที่ผมได้ช่วยเธอเมื่อวันก่อน มันได้ทำให้เส้นมานาของผมฉีกขาดจนไม่สามารถใช้การได้จนกว่าจะได้รับการรักษา แต่ในตอนนี้เส้นมานามันก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ เพราะผมสามารถใช้ลองกินุสได้คล่องแล้วในระดับหนึ่ง 

 

 

ยังไงซะ เมื่อลองกินุสได้เข้ามาอยู่บนร่างผมและกลายเป็นรอยสักอีกครั้ง ผมก็จะไม่สามรถใช้เวทมนตร์ได้อยู่ดี มันเลยไม่ได้เป็นปัญหามากอะไรสำหรับผม ส่วนจือหนานดูเหมือนมันจะเป็นคนละเรื่องเลยล่ะ

 

 

การที่เธอสามารถกลับมาใช้เวทมนตร์ได้ นั่นหมายความว่าเธอสามารถกลับไปฝึกวรยุทธ์ได้แล้ว ควาทดีใจที่เธอแสดงออกมาเป็นสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ากอด

 

 

ด้วยเหตุนั้นตลอดสองวันมานี้เธอเลยจะดูแลผมดีเป็นพิเศษ

 

 

“ ขออนุญาตค่ะนายน้อย ”เฉินจือหนาน

 

 

“ บอกแล้วไง ให้เรียกว่าบอส ”

 

 

“ .. ตื่นแล้วนี่คะบอส ”เฉินจือหนาน

 

 

[ เฉินจือหนาน (27ปี) ]

 

 

จือหนานเปิดประตูเข้าห้องมาเพื่อที่จะมาปลุกผมโดยเฉพาะ เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของเด็กๆของบ้านนี้

 

 

นั่นก็คือการไปโรงเรียนนั่นเอง 

 

 

จือหนานเข้ามาช่วยผมสวมเสื้อหลังจากที่ผมอาบน้ำเสร็จแล้วโดยที่ผมยังไม่ทันได้สั่งให้เธอทำอะไรเลย แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธมันหรอกนะ ชุดนักเรียนของสถาบันนี้มีสีที่ค่อนข้างสว่างเลยทีเดียว มันเป็นเนื้อผ้าสีขาวตัดด้วยลวดลายสีแดงที่งดงาม ดูรวมๆแล้วมันก็มีเสน่ห์ในแบบของมันเอง

 

 

ผมกับจือหนานเดินลงไปที่ห้องทานอาหารพร้อมกัน ระหว่างทางเธอก็ถามผมหลายๆเรื่องเลย

 

 

“ เมื่อคืนท่านนอนหลับดีใช่ไหมคะ? ”เฉินจือหนาน

 

 

“ อือ ”

 

 

“ ปวดเมื่อยตรงไหนรึเปล่าคะบอส? ”เฉฺินจือหนาน

 

 

 “ ไม่มีนะ ”

 

 

ผมก็รู้อยู่หรอกว่าเธอแค่ต้องการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด แต่มันก็ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยนี่นา

 

 

“ … ”

 

 

“ มาแล้วหรอ? ”นัวร์

 

 

“ อ่ะ พ่อ? ทำไรอยู่อ่ะ? ”

 

 

มาถึงชั้นแรก ผมก็เห็นพ่อกำลังยืนคุมงานเหล่าคนใช้ที่กำลังนำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆเข้ามาในบ้านอยู่ ก็เกิดสงสัยขึ้นมาจงได้ถามท่านไป

 

 

“ แม่แกน่ะสิ ซื้อของใช้อะไรไม่รู้มาตั้งเยอะแยะ เลยให้คนใช้ไปเก็บให้ไง แล้วนี่จะไปที่อ็อคตาเซียแล้วใช่ไหม? ไปพร้อมกับเมสิ ส่วนน้องๆแกล่วงหน้าไปก่อนแล้วนะ ”นัวร์

 

 

“ ครับพ่อ ”

 

 

และโรงเรียนที่ผมกำลังจะไปนั้นมีชื่อว่าอ็อคตาเซียเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆทั้งใน และนอกทวีป เนื่องจากมีผอ.เป็นถึงจอมเวทระดับ 9 ครึ่งขั้นระดับ 10  ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากพอจะล้มล้างกองทัพของจอมมารได้ด้วยตัวคนเดียว

 

 

สถาบันอ็อคตาเซียมีชื่อเสียงในเรื่องของการเรียนที่เน้นที่ประสิทธิภาพของตัวนักเรียน เป็นการเรียนแบบเลือกสานอาชีพ และจะมีภาควิชาบังคับเรียนที่ต้องเรียนพร้อมๆกับเพื่อนในชั้นเดียวกัน

 

 

แต่ถึงกระนั้นภายในสถาบันเองก็มีความเบี่ยงเบนไปทางขุนนางมากกว่าจะคงความสมดุลระหว่างสามัญชนและขุนนางไว้พอสมควร

 

 

นั่นเป็นผลอันเนื่องมาจากการที่มีนักเรียนที่เป็นขุนนางมากเกินไป ค่าเล่าเรียนก็แพงแสนแพง อีกทั้งยังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างบุคคลภายในอีก

 

 

ถ้าที่เมเล่ามาถูกต้องล่ะก็ มันคงจะเป็นเหมือนกับโรงเรีบนเวทมนตร์ตามไลท์โนเวลและมังงะทั้งหลายเลย มันอาจจะเป็นชีวิตที่ผมใฝ่ฝัน แต่ผมขอบอกเลยว่าที่มาเรียนเนี่ย เพราะแม่บังคับเรียนล้วนเลยๆ

 

 

ถึงแม้ว่ามันจะมีความเหลื่อมล้ำทางสังคมไปบ้าง ทางสถาบันก็จัดการเรื่องนั้นได้ดีเลยล่ะ ทำให้ที่นั่นทั้งขุนนางและสามัญชนสามารถอยู่ในคลาสเรียนเดียวกันได้

 

 

เพราะที่สถาบันนั้นลำดับชั้นขึ้นอยู่กับพลังเพียงอย่างเดียวล่ะนะ

 

 

” ก่อนจะไปนะอัลเลียน พ่อจะบอกอะไรให้ลูกฟัง “นัวร์

 

 

” ครับ? “

 

 

” ที่นั่นสามารถใช้ตำแหน่งของขุนนางได้ตามใจชอบ ทำให้มีเด็กหลายคนที่เอนไปทางที่ผิด แม้ลูกจะอยู่ในตำแหน่งที่เป็นพี่ใหญ่สุดที่ของที่นี่ แต่ลูกไม่สามารถใช้ตำแหน่งบุตรคนโตของเจเนซิสได้หรอกนะ “นัวร์

 

 

” เพราะว่าเรายังไม่ได้ลงทะเบียนกับทางรัฐบาลว่าลูกเป็นบุตรของเรา นั่นเลยทำให้ลูกเป็นคนนอกหรือก็คือสามัญชน ยังไงก็ระวังตัวดีๆล่ะ “นัวร์

 

 

” ที่นั่นแม้แต่เมก็ไม่สามารถทำอะไรกับเสียงวิพากวิจารณ์ของผู้คนได้ พ่อเลยเป็นห่วงลูกนิดหน่อย ก็ตั้งแต่ที่ลูกมา ที่นี่ก็สดใสขึ้นมากเลยล่ะ พ่อเลยอยากขอให้ลูกอย่าทำตัวเด่นจนเกินไปไม่งั้นพวกระดับสูงอาจจะไม่พอใจได้ เท่านี้แหละ เอาล่ะไปได้แล้ว! “นัวร์

 

 

” ขอบคุณครับ พ่อ “

 

 

แม้ว่าผมจะไม่ได้คุยกับพ่อบ่อยนัก แต่ผมก็สามารถพูดได้เลยล่ะว่าเขาเป็นคนที่อบอุ่น และเข้มแข็งสมกับที่มีฐานะเป็นผู้นำตระกูลเจเนซิสที่อข็งแกร่งอย่างมาก

 

 

ทั้งที่ผมพึ่งมาเจอเขาได้แค่ไม่กี่วัน เขาก็ยอมรับผมเป็นลูกของเขาโดยไม่เกี่ยงว่าผมมาจากที่ไหน นั่นทำให้เขาเป็นคนที่วิเศษมาก

 

 

ผมจะจำคำของเขาเอาไว้ แต่ก็รับปากไม่ได้ว่าผมจะทำตามคำพูดของเขาได้รึเปล่า ก็นะ ผมมันเป็นพวกน้ำตาไหลง่าย กับหัวอุ่นง่ายนี่นา

 

 

” ช้านะ “เมเดียร์

 

 

” ทันเวลาจ้ะ “วิเวียน

 

 

” ผมตื่นเต้นนิดหน่อยน่ะแม่ “

 

 

” อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณนาย คุณหนู “เฉินจือหนาน

 

 

” จือหนานลูกสบายดีใช่ไหมจ๊ะ? “วิเวียน

 

 

” … ค่ะ “เฉินจือหนาน

 

 

ออกมาจากบ้านทางประตูใหญ่หน้าบ้านแล้ว ผมสังเกตเห็นรถม้าที่กำลังจอดรออยู่เลยเดินเข้าไปใกล้ ดูเหใอนว่าเมกับแม่จะรอมาได้สักพักแล้วนะ

 

 

หลังจากที่ได้พบกัน ทุกคนก็ทักทายกันตามปกติ ส่วนแม่ก็ยังคงเอ็นดูจือหนานมากเป็นพิเศษเช่นเคย

 

 

” บี๋จ๊ะ “วิเวียน

 

 

” คะแม่? “เมเดียร์

 

 

” อีกคนจ้ะ “วิเวียน

 

 

” ครับ แม่ “

 

 

” ฟังแม่ให้ดีนะลูก “วิเวียน

 

 

คุณแม่วิเวียนเข้ามาจับบ่าของผมด้วยสีหน้าที่จริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

ผมกลืนน้ำลายดัง อึก ผมไม่รู้ว่าแม่จะพูดอะไร แต่มั่นใจได้เลยว่ามันต้องเกี่ยวพันกับอนาคตของผมแน่นอน

 

 

” ถ้าลูกสามารถเก็บพลังนั้นจากคนรอบตัวลูกได้จะดีมากเลยจ้ะ แม่ไม่ได้ขอให้ลูกเก็บพลังนั่นให้มิดหรือจะทำให้ลูกอึดอัด แต่ที่แม่อยากจะสื่อคือ พลังที่มากเกินไปของลูกจะสร้างหายนะกับตังลูกเอง จำคำแม่ไว้ให้ดีนะบี๋ลูก แม่ไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บตัวเหมือนกับตอนออกเดินทางอีก “วิเวียน

 

 

” แต่จะมีใครทำอะไรผมได้ล่ะแม่? ผมก็ออกจะเก่งขนาดนี้ “

 

 

” ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตัวลูกเอง เข้าใจนะจ๊ะ? อ้อ แล้วก็อีกเรื่อง ลูกอย่าอยู่ใกล้เมมากเกินไปเข้าใจไหมจ๊ะ? แม่ไม่ได้ทำเพราะอยากให้พวกลูกห่างกัน แต่ที่แม่เตือนเพราะว่ามันจะมีปัญหาตามมา แม่หวังว่าพวกลูกจะเข้าใจนะ “วิเวียน

 

 

” ครับแม่ ผมเข้าใจ “

 

 

แล้วก็เข้าใจดีเลยล่ะครับแม่ เพราะการที่ผมอยู่ใกล้กับตัวตนที่น่าจะเปรียบเสมือนกับนางเอกของที่นี่มากเกินไปมันน่าจะทำให้ผมมีปัญหา ไม่ว่าจะความอิจฉาหรืออะไรก็ตาม

 

 

” อะไรก็แล้วแต่.. ลูกต้องเข้มแข็งนะ แม่จะดูลูกอยู่เสมอนะจ๊ะ “วิเวียน

 

 

” ครับแม่ “

 

 

” งั้น.. พวกผมไปแล้วนะ “

 

 

“โชคดีจ้ะ “วิเวียน

 

 

หลังจากที่รถม้าออกตัวได้ไม่นาน มันก็เริ่มไกลออกไปจากหน้าบ้านตระกูลเจเนซิสมากขึ้นทุกๆที 

 

 

 

 

” … แม่รู้ว่าลูกไม่เข้าใจว่าแม่หมายถึงอะไร “วิเวียน

 

 

” อนาคตที่แม่เห็นนั้นมีแต่ความพินาศ และหายนะทุกหย่อมหญ้าที่ลูกก้าวเดินไป.. มือของลูกจะเต็มไปด้วยเลือดของเทพ และ… ผู้กลั- “วิเวียน

 

 

เดี๋ยวเจ๊ เจ๊กำลังจะสปอยนะรู้ตัวป่ะ

 

 

” ผู้บรรยายรึคะ? หรือคนเขียน? “วิเวียน

 

 

หลังจากที่เธอเอ่ยถึงคนที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างผม เวลาและทึกๆสิ่งรอบตัวเธอก็หยุดลง และมาพร้อมกับการทำงานของสกิล เทพพยากรณ์ ที่ตอนนี้อยู่ในส่วนหนึ่งของมัน หรือก็คือทักษะการทลายกำแพงที่สี่นั่นเอง

 

 

และใช่ครับ ผมที่กำลังคุยกับตัวละครอยู่คือคนเขียนเรื่องนี้เอง

 

 

แต่คุณรู้ไหมที่คุณกำลังจะพูดอ่ะ มันสปอย

 

 

” มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นนี่คะ “วิเวียน

 

 

สำคัญสิ เพราะมันเป็นถึงเนื้อหาหลักของบทหน้าๆเลยนะเฮ้ยย

 

 

” ไม่หรอกค่ะ ข้ารู้ว่าท่านสามารถแต่งเรื่องราวนี้ไม่ให้มีวันจบสิ้นได้ ดินแดนนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ผู้อ่านยังไม่รู้นะคะ “วิเวียน

 

 

แต่มันสปอยไง อีกอย่างเนื้อหาหลักของบทนี้คือ โรงเรียนเวทมนตร์ นะ ยังไม่ถึงช่วงที่ต้องมีเลือดเยอะขนาดนั้นสักหน่อย

 

 

” ไม่ล่ะค่ะ ข้าว่าบทนี้ของท่านน่าจะดิ่งพอสมควร “วิเวียน

 

 

สปอยยยยย

 

 

ทำงี้ได้ยังงายยยย

 

 

” หุหุหุ ข้าคิดว่าผู้อ่านเรื่องราวนี้ก็คงอยากจะเห็นอะไรที่มัน ดาร์คๆนะคะคุณผู้เขียน “วิเวียน

 

 

ขออะไรที่มันสดใสๆเถอะ นะ อยากให้บทนี้อยู่ในช่วงคลายเครียดอ่ะ

 

 

” ขี้โม้ค่ะ “วิเวียน

 

 

ชิ- 

 

 

” ยังไงก็เถอะ ไว้พบกันใหม่นะคะผู้อ่านทุกท่าน “วิเวียน

 

 

” ตัดจบตอนค่ะ “วิเวียน

 

 

 

 

 

 

 

ตัดจบตอน