ต๊อก ต๊อก ต๊อก

 

“ฮ…ฮื้ม…?”

 

ในช่วงเช้าของวันถัดมาหลังจากที่พวกเขาได้แยกย้ายกันไปนอนด้วยความเหนื่อยล้านั้นเอง อยู่ๆ ก็มีเสียงของมีดกระทบกับเขียงดังออกมาจากในครัว ทำให้นากานั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมาขยี้ตาด้วยท่าทีงัวเงีย

 

ซึ่งเมื่อเขามองเข้าไปในห้องครัวก็พบว่าเอริกะที่สวมผ้ากันเปื้อนอยู่นั้นกำลังหั่นอะไรสักอย่างอยู่บนเคาน์เตอร์สำหรับทำอาหาร และดูเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นการขยับตัวของเขา ทำให้เธอหยุดมือลงและหันมาโบกมือทักทายเขาก่อนที่จะถามออกมา

 

“อ่าว นี่ฉันทำให้ตื่นเธอหรือเปล่าเนี่ย?”

 

“ฮึ้บ— อ่า ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่นี่ทำข้าวเช้าอยู่หรอ?”

 

“ช่ายยย~ พอดีกว่าฉันจะจัดการอะไรเสร็จมันก็เกือบจะเช้าอยู่แล้ว ก็เลยคิดว่ามาทำอาหารเตรียมเอาไว้ให้พวกเธอเลยน่าจะดีกว่าน่ะ~”

 

“หะ—นี่เธอยังไม่นอนอีกหรอ”

 

นากาที่ได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยปากถามออกมาด้วยความแปลกใจ แต่ว่าเอริกะก็ตอบกลับมาแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรนักก่อนจะเทผักที่เธอหั่นเสร็จแล้วลงไปในหม้อและคนมันไปมา

 

“อื้อ แต่ปกติฉันก็นอนบ้างไม่นอนบ้างอยู่แล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรไปหรอก~”

 

“ถ้ายังไงเดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึงนะ…”

 

“เห~ เห็นฉันในชุดผ้ากันเปื้อนแบบนี้เลยแอบคิดอะไรอยู่หรือเปล่าน่ะ~ แหม่~ เด็กวัยรุ่นก็งี้ละน๊า~”

 

“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย!”

 

เอริกะที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นากาพร้อมพูดหยอกเขาเล่นทันที ซึ่งแน่นอนว่านากาก็รีบปฏิเสธออกมาทันควันก่อนที่จะรีบเดินหนีเธอเข้าห้องน้ำไป

 

และหลังจากที่นากาใช้เวลาไปสักพักในการจัดการธุระยามเช้าของตนจนเสร็จเรียบร้อย เขาก็เดินกลับเข้าไปในครัวและพบกับคอนแนลที่หน้าแดงก่ำเดินสวนเขาเข้าห้องน้ำไป

 

“ผ–ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นซะหน่อยครับ!”

 

ซึ่งมันก็ทำให้นากาทราบได้ทันทีว่าเพื่อนอัศวินของเขาถูกเอริกะใช้มุกเดียวกันหยอกเล่นต้อนรับอรุณไปเป็นที่เรียบร้อย

 

“เฮ้อ…เธอเนี่ยน๊า”

 

“ฮิฮิฮิ~ ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ หน่า~ แถมถ้าต่อให้พวกเธอแอบคิดอะไรอยู่จริงๆ ฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไรมากนักหรอก~”

 

“ปัญหามันอยู่ตรงนั้นซะที่ไหนกันล่ะ!!”

 

นากาถอนหายใจออกมาใส่เอริกะที่กำลังยืนหัวเราะคิกคักไปทีหนึ่ง ก่อนที่เอริกะจะปิดฝาหม้อนั้นลงจนเกือบสนิท โดยเว้นช่องว่างเอาไว้เล็กน้อยให้มีไอน้ำลอยออกมาได้

 

หลังจากนั้นเธอก็ปิดเตาไฟและเดินออกจากห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อโยนผ้ากันเปื้อนของเธอกองไว้ข้างโซฟาอย่างส่งๆ

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอตัวไปหาอารอนเขาก่อนละกันเนอะ จะได้เตรียมตัวอะไรกันให้พร้อมด้วย”

 

เอริกะพูดออกมาก่อนที่เธอจะหยิบเอาแฟ้มเอกสารกับกล่องอุปกรณ์เล็กๆ ที่วางไว้บนโต๊ะห้องนั่งเล่นขึ้นมาและทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจากบ้าน ทำให้นากาถามขึ้นมาอย่างแปลกใจ

 

“อ่าว ไม่อยู่กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนหรอ?”

 

“ไม่ล่ะ ฉันแค่ทำอาหารฆ่าเวลาเผื่อว่าพวกนายอยากกินข้าวเช้าเฉยๆ น่ะ ถ้าจะกินก็กินกันได้ตามสบายเลย ส่วนข้าวก็กำลังหุงอยู่ในหม้อข้างๆ นั่นน่ะ แล้วถ้าจะออกไปไหนก็อย่าลืมล็อคประตูด้วยล่ะ ส่วนกุญแจสำรองก็แขวนอยู่ข้างๆ ประตูตรงนั้นนะ”

 

เอริกะหันมาพูดกับนากาพร้อมกับชี้ไปในห้องครัว เมื่อนากาหันไปดูก็พบกับหม้อหน้าตาแปลกๆ ใบหนึ่งที่กำลังพ่นไอน้ำและส่งเสียงแหลมๆ ออกมา จนทำให้นากานั้นต้องเลิกคิ้วมองมันอย่างสงสัย เพราะว่าหน้าตามันไม่เหมือนกับหม้อสำหรับหุงข้าวที่คนในหมู่บ้านของเขาใช้กันเลยแม้แต่น้อย

 

“หม้อนั่นเธอก็สร้าง…..ไปซะแล้วแฮะ”

 

แต่เมื่อเขาหันกลับมาเพื่อถามเอริกะก็พบว่าเธอเพิ่งจะปิดประตูบ้านลงไปและกำลังเดินอยู่นอกตัวบ้านซะแล้ว

 

“ฮื้ม…? นายหมายถึงเอริกะหรอ…?”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางบันไดและตามมาด้วยโมโกะที่เดินขยี้ตาลงมาจากชั้นสอง เขาจึงโบกมือทักทายเธอไปก่อนจะตอบคำถามของเธอออกมา

 

“อ่ะ— นี่เธอก็ตื่นแล้วเหมือนกันหรอโมโกะ? เอริกะเขาทำข้าวทิ้งเอาไว้ให้น่ะ พวกเธอจะกินเลยหรือเปล่า?”

 

“ห๊าวววว~ เอาสิ แต่เดี๋ยวฉันขอเข้าห้องน้ำก่อนก็ละกัน…”

 

โมโกะหาวออกมาก่อนจะพูดตอบนากากลับพลางยกมือขึ้นมาเกาหูแมวของตนเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ได้ถูกล็อกเอาไว้ เมื่อคอนแนลที่อยู่ด้านในยังคงจัดการธุระของตนไม่เสร็จ

 

“ขอแป๊บนึงครับบบ!”

 

“อ่าว…มีคนใช้อยู่หรอเนี่ย…”

 

“ดูเหมือนบ้านนี้จะเล็กเกินไปสำหรับอยู่หลายคนจริงๆ สินะเนี่ย…”

 

“ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ… เพราะถ้าพวกเราไม่อยู่ที่นี่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนเหมือนกันนี่สิ…”

 

นากาที่ได้ยินโมโกะบ่นกลับมาแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้เธอกลับไป ก่อนที่ตัวเขาเองนั้นจะหันไปเก็บฟูกที่นอนต่อ แล้วจึงนั่งรอคนอื่นๆ จัดการตัวเองกันให้เรียบร้อย

 

ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานพรีมูล่ากับอลิซก็ได้เดินลงมานั่งต่อคิวด้านหลังโมโกะเพิ่มไปอีก และหลังจากที่ทุกคนทำธุระส่วนตัวกันเสร็จแล้ว พวกเขาก็ได้มานั่งรวมตัวกันทานอาหารเช้าที่เอริกะเตรียมไว้ให้

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันเอาจานไปล้างให้ละกัน”

 

“อื้อ~ ขอหนูพาพี่อลิซไปนั่งที่โซฟาก่อนแป๊บนึงนะโมโกะจัง แล้วเดี๋ยวหนูตามไปช่วย~”

 

“ฉันพอจะเดินเองได้อยู่หน่า…”

 

“เอาจริงๆ ถ้าพี่อลิซยอมนั่งกินที่โซฟาตั้งแต่แรกมันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วล่ะ~”

 

หลังจากที่พวกเขาทานข้าวกันเสร็จแล้ว โมโกะก็ได้อาสาที่จะจัดการล้างจานชามที่พวกเขาใช้กันให้

 

ในขณะที่พรีมูล่านั้นก็พยุงตัวอลิซขึ้นมาเพื่อให้เธอไปนั่งเล่นที่โซฟาโดยไม่สนใจคำบ่นของเธอเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเธอจึงช่วยโมโกะยกจานข้าวที่ใช้แล้วเข้าห้องครัวไป

 

ส่วนทางนากาเขาก็หันไปทางคอนแนลและเอ่ยปากท้าเขาออกมาในทันที

 

“ถ้างั้นพวกเรามาซ้อมกันเลยมั้ยคอนแนล!”

 

“ผมก็กะเอาไว้แล้วล่ะครับว่านากาต้องพูดแบบนี้น่ะ!”

 

คอนแนลที่ได้ยินแบบนั้นเขาก็หันมายิ้มตอบ และเดินไปหยิบเอาดาบและโล่ไม้ที่เขาวางไว้ก่อนจะกินข้าวมายื่นให้กับนากา

 

“เดี๋ยวนะ— พวกนายเพิ่งจะกินข้าวกันเสร็จไม่ใช่หรือไง…? ไปฝึกซ้อมกันทันทีแบบนี้เดี๋ยวก็ข้าวเช้าก็ได้พุ่งย้อนกลับออกมาทางปากหรอก…”

 

ซึ่งอลิซที่นอนมองอยู่ที่โซฟานั้นก็เอ่ยปากเตือนออกมานิดหน่อย แต่นากาก็หันไปมองพร้อมพยักหน้าให้คอนแนลกันอย่างรู้ใจ ก่อนที่เขาจะพูดตอบอลิซกลับออกมา

 

“พวกฉันคุยกันไว้แล้วน่ะว่าจะเริ่มฝึกกันเลย เพราะงั้นก็เลยกินข้าวไปไม่เยอะเท่าไหร่ไง!”

 

“ถ้างั้นวันหลังก็บอกให้ฉันตักให้น้อยๆ ก็ได้!! มันเปลืองของกินนะรู้มั้ย!!”

 

“หน่าๆ โมโกะจัง ถ้างั้นเดี๋ยวไว้เก็บจานของพี่นากากับพี่คอนแนลไว้ให้พวกเขากินกันทีหลังก็ได้”

 

“ให้ตายสิ! ถ้างั้นไว้พวกนายฝึกเสร็จก็กลับมากินที่เหลือด้วย! เดี๋ยวฉันเอากลับไปวางที่โต๊ะให้!!”

 

ซึ่งแน่นอนว่าโมโกะที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบร้องโวยวายกลับออกมาจากในห้องครัวทันที ก่อนที่พรีมูล่าจะเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเอาจานข้าวของพวกเขากลับไปวางไว้บนโต๊ะที่ห้องนั่งเล่นให้

 

“อ–อ่า ได้สิครับคุณโมโกะ”

 

“คร๊าบๆ แหม่ ขี้งกจริงๆ เลยนะเธอน่ะ”

 

“เขาเรียกว่าประหยัดต่างหาก!!”

 

“แต่จะว่าไปเอริกะเขามีของแบบนี้เตรียมเอาไว้ด้วยหรอเนี่ย…”

 

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเถียงกันเรื่องอาหารเช้านั่นเอง อลิซที่เหลือบตามามองโล่กับดาบไม้ที่คอนแนลและนากาถือกันอยู่ก็เอ่ยถามออกมาด้วยความแปลกใจ

 

“เมื่อก่อนผมเคยมาฝึกที่นี่กับเพื่อนอีกคนอยู่บ่อยๆ คุณเอริกะก็เลยบอกให้เก็บอุปกรณ์ไว้ที่นี่ได้เลยน่ะครับจะได้ไม่ต้องขนไปขนมา …พอต้องเอามันมาใช้อีกครั้งแบบนี้ก็นึกถึงสมัยก่อนเลยนะครับเนี่ย”

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวไว้เล่าให้ฉันฟังบ้างสิ หลังจากที่ฝึกกันเสร็จน่ะนะ”

 

นากาที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปที่สวนหลังบ้าน และกำชับอาวุธของตนขึ้นมาตั้งท่าเตรียมพร้อมไว้

 

“งั้นเอาเป็นว่า… ถ้าเกิดนากาสามารถโจมตีโดนตัวผมได้ ผมจะเล่าเรื่องสมัยเด็กๆ ให้ฟังดีมั้ยล่ะครับ”

 

“อ่าว แบบนี้ก็สวยเซ่!”

 

“ถ้างั้นก็เข้ามาเลยครับ!!”

 

คอนแนลร้องตอบรับนากาพร้อมกับตั้งโล่ของเขาขึ้นมา ซึ่งในจังหวะเดียวกันนั้นนากาก็ได้พุ่งตัวเข้าไปฟาดดาบใส่คอนแนลในทันที

 

“–!?”

 

ปึก!

 

ซึ่งความเร็วของนากานั้นก็ถึงกับทำให้คอนแนลต้องตกใจ ก่อนที่เขาจะรีบหันโล่ในมือเข้าไปรับดาบของนากาอย่างรวดเร็ว

 

“ไวกว่าอัศวินรุ่นพี่ที่ผมเคยฝึกด้วยอีกนะครับเนี่ย!”

 

คอนแนลพูดออกมาก่อนจะออกแรงใช้โล่ของเขากระแทกเข้าใส่ดาบของนากาจนเบี่ยงออกไปด้านข้าง จากนั้นเขาก็ใช้ดาบในมือแทงเข้าใส่กลางลำตัวของนากาอย่างรวดเร็ว

 

แต่ว่าด้วยประสาทสัมผัสอันฉับไวของนากา เขาก็สามารถเอี้ยวตัวหลบดาบของคอนแนลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เมื่อเห็นแบบนั้นคอนแนลจึงตวัดมือเพื่อเปลี่ยนการแทงที่พลาดเป้าของเขาให้กลายเป็นการฟันในทันที

 

“ยังหรอกครับ!”

 

“!!”

 

“…”

 

หลังจากที่เปลี่ยนวิถีดาบของตนไปแล้วคอนแนลก็ได้แต่มองตามนากาไปแบบอึ้งทึ่ง เพราะเขาเห็นกับตาว่านากานั้นได้กระโดดหลบออกไปก่อนที่เขาจะออกแรงขยับดาบไปทางด้านข้างซะด้วยซ้ำ

 

“นากาเคยฝึกการต่อสู้มาบ้างสินะครับ? ถึงหลบการโจมตีได้อย่างง่ายๆ แบบนั้นน่ะ …แต่ว่าถ้าไม่ใช้วิซออกมาวันนี้ทั้งวันก็โจมตีผมไม่โดนหรอกนะครับ”

 

คอนแนลพูดออกมาอย่างไม่เกรงกลัว เพราะถึงแม้ว่านากานั้นจะจัดว่าว่องไวและหลบหลีกได้เก่งกาจ แต่ว่าเขาเองก็มั่นใจในความสามารถทางด้านการป้องกันของตนเองมากเช่นกัน

 

“หึ ไม่ลองดูก็ไม่รู้ไม่ใช่หรือไงล่ะ…”

 

“ก็พี่นากาเขาใช้วิซไม่ได้อ่ะ พอไม่มีวิซให้ฝึกพี่เขาเลยเอาแต่ฝึกต่อสู้กับการใช้ดาบอย่างเดียวเลยอะ”

 

“เรื่องแบบนั้นไม่ต้องพูดก็ได้นะพรีมูล่า!!”

 

พอนากาได้ยินเสียงของพรีมูล่าที่มานั่งดูตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ดังขึ้นมาเขาก็หันไปดุเธอทันที และเมื่อเขาหันกลับไปหาคอนแนลก็พบว่าคอนแนลนั้นกำลังทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา

 

“เอ่อ…”

 

ซึ่งนั่นมันก็ทำให้นาการีบพุ่งตัวเข้าไปฟาดดาบในมือใส่คอนแนลทันทีโดยไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสพูดอะไรที่นาการู้ดีอยู่แล้วออกมา

 

หลังจากนั้นทั้งสองก็ได้สลับกันรุกสลับกันรับอยู่ต่อเนื่องหลายชั่วโมง ในขณะที่เหล่าสาวๆ ก็กำลังนั่งล้อมวงกินคุกกี้ที่พรีมูล่าแอบไปหยิบมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้พร้อมกับมองดูการฝึกซ้อมของทั้งสองคนไปด้วย

 

“เห นากาเขารับมือกับอัศวินไหวด้วยหรอเนี่ย?”

 

“ก็น้า~ พี่นากาเขาพยายามฝึกหลายๆ อย่างเพื่อทดแทนพลังวิซที่พี่เขาใช้ไม่ได้นี่นา เท่ดีออกนะ ถ้าถามหนูน่ะนะ~”

 

“ฟังดูลำบากเหมือนกันนะ…”

 

พออลิซได้ยินที่โมโกะและพรีมูล่าคุยกันนั้น เธอก็เอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงเห็นใจปนสงสารเล็กน้อย

 

ซึ่งมันก็ทำให้ทั้งสองนั้นหันมามองอลิซด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะส่วนมากแล้วพวกเธอจะเคยได้ยินแต่อลิซปากร้ายใส่คนอื่นซะมากกว่า จนทำให้อลิซที่เพิ่งจะรู้ตัวหน้าแดงก่ำขึ้นมาและหันไปตวาดใส่ทั้งคู่ในทันที

 

“อ–อะไรล่ะหะ! มองหน้าฉันแบบนั้นหมายความว่าไง!?”

 

“เปล๊า~ ฉันไม่ได้พูดอะไรสักหน่อยนะ”

 

“หนูคิดว่าพี่อลิซจะเป็นแนวพี่สาวใจร้ายซะอีกอ่ะ! ที่แท้แค่ปากไม่ตรงกับใจเฉยๆ ไม่ใช่หรอไงเนี่ย~”

 

“เธอพูดแบบนี้จงใจหาเรื่องกันใช่มั้ยหะ…!”

 

ในขณะที่โมโกะหันหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองอยู่นั้น พรีมูล่าก็กลับพูดสิ่งที่เธอคิดเอาไว้อยู่ออกมาตรงๆ จนทำให้อลิซรีบยันตัวเองขึ้นมาจากเก้าอี้และใช้มือข้างที่ยังขยับได้สะดวกของเธอดึงแก้มพรีมูล่าจนยืดทันที

 

“โอ๊ยยยยย หนูแค่พูดความจริงเฉยๆ เองอ๊าาาา!!”

 

“คิก–คิก–”

 

ซึ่งในขณะที่พรีมูล่ากำลังก็ร้องโอดครวญอยู่โมโกะก็เผลอหลุดเสียงหัวเราะของตนออกมา ทำให้อลิซที่ได้ยินหันมาจ้องเธอบ้างในทันที แต่ว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร เสียงร้องของนากาและคอนแนลก็ดึงความสนใจของพวกเธอไปซะก่อน

 

“ย๊ากกก!!”

 

“กระโดดเข้ามาตรงๆ แบบนั้นมันจะไปได้ผลได้ยังไงล่ะครับ!!”

 

ซึ่งเมื่อพวกเธอหันไปมองก็พบว่านากานั้นกำลังกระโดดลอยตัวอยู่กลางอากาศและจับดาบไม้ของเขาชูขึ้นเหนือศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง โดยที่บนพื้นด้านล่างของเขานั้นก็มีคอนแนลกำลังตั้งโล่ของตนรอรับดาบของนากาอยู่

 

เปรี๊ยง!! กร๊อบ!!

 

“!? /!!”

 

แต่ว่าเมื่อดาบไม้ของนากาปะทะเข้ากับโล่ไม้ของคอนแนลเข้า พวกมันก็ส่งเสียงดังลั่นออกมาก่อนจะปริแตกออกและกระจายเป็นชิ้นๆ เลยทำให้พวกเขาทั้งสองที่เห็นแบบนั้นก็ตัดสินใจหยุดการฝึกซ้อมลงเพียงเท่านี้ก่อน

 

“ซ้อมสู้กับนายนี่ก็ตึงมือเหมือนกันนะครับเนี่ย”

 

“เรื่องการป้องกันของนายก็ใช่ย่อยซะที่ไหนล่ะ เป็นเคล็ดลับอะไรของพวกอัศวินเขารึเปล่าน่ะนั่น?”

 

“ก็ประมาณนั้นล่ะครับ เพราะผมเน้นเรื่องการใช้โล่มากกว่าพวกเขาก็เลยสอนเทคนิคนู่นนี่สำหรับโล่มาให้เต็มไปหมดเลยน่ะครับ แต่ว่าเรื่องการหลบกับวิธีการโจมตีของนากานี่น่าแปลกใจกว่าอีกนะครับ แน่ใจหรอว่าฝึกมาด้วยตัวเองน่ะ?”

 

ทั้งสองคนพูดคุยเล่นกันเล็กน้อยระหว่างที่กำลังเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับสามสาวที่นั่งกันอยู่ใกล้ๆ ทำให้โมโกะที่เห็นแบบนั้นก็รีบยื่นผ้าขนหนูมาให้ทั้งสองคนเช็ดหน้าเช็ดตากันไป

 

“แล้วนี่เรื่องที่พรีมูล่าพูดเมื่—–”

 

“เป็นไงบ้างล่ะคอนแนล? คิดว่านากาพอจะมีหวังมั้ยเรื่องสอบเข้าน่ะ?”

 

เมื่อพวกเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่โมโกะลากมาไว้ให้แล้ว คอนแนลก็มองนากาอยู่สักพักก่อนที่เขาจะตัดสินใจถามถึงสิ่งที่พรีมูล่าพูดขึ้นมาเมื่อตอนที่พวกเขาเริ่มฝึกกัน แต่อลิซที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบพูดขัดเขาขึ้นมาซะก่อน

 

ซึ่งคอนแนลที่โดนพูดขัดขึ้นมาก็หันไปมองทางอลิซและพบว่าเธอกำลังส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าไม่ให้เขาพูดเรื่องนี้ออกมา ซึ่งมันก็ทำให้เขานิ่งคิดไปสักพักแล้วจึงพยักหน้าให้กับเธอและเปลี่ยนไปตอบคำถามที่เธอถามขึ้นมาแทน

 

“ถ้าถามผม ผมคิดว่าคงจะไม่มีปัญหาอะไรนะครับ ความสามารถของนากานี่น่าจะพอๆ กับเพื่อนของผมที่นับว่าเก่งในระดับนึงเลยล่ะครับ …เอาจริงๆ เรื่องการหลบหลีกนี่นากาอาจจะเหนือกว่าเพื่อนของผมซะด้วยซ้ำนะครับ เพราะหลายครั้งที่ผมคิดว่าน่าจะโจมตีโดนแน่ๆ แล้วแต่เขาก็หลบได้เฉยเลย”

 

ฟุ๊บ—

 

“เหวอ!”

 

คอนแนลใช้จังหวะที่นากากำลังนั่งใช้ผ้าขยี้หัวของตนเพื่อเช็ดเหงื่ออยู่นั้นแทงดาบไม้ของเขาที่ยังเหลือรอดจากการฝึกมาได้เข้าใส่นากาจากมุมที่เขาไม่น่าจะมองเห็นได้อย่างรวดเร็ว

 

แต่ว่านากานั้นก็กลับหงายตัวไปข้างหลังหลบดาบไม้ไปได้ในชั่วพริบตาก่อนที่จะโดนตัวได้อย่างน่าแปลกใจ

 

“เห็นมั้ยละครับ”

 

“อัศวินเล่นทีเผลอแบบนี้ได้ด้วยหรอหะ!?”

 

“ฮะฮะ ผมแค่แสดงให้โมโกะเขาดูเฉยๆ แหล่ะ ขอโทษทีครับๆ ”

 

แกร๊ง!!

 

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังหัวเราะมองดูนากาที่กำลังโวยวายอยู่นั้นเอง ประตูบ้านก็ได้ถูกผลักออกอย่างแรงจนเกิดเสียงดังลั่น และทำให้พวกเขารีบผุดลุกยืนขึ้นพร้อมกับหันไปมองในทันที

 

“กลับมาแล้ว…”

 

ซึ่งคนที่เดินเข้าประตูมานั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไปนอกจากเอริกะ ที่ได้แบกกล่องใส่ของจำนวนมากที่ถูกพันรวมกันเอาไว้มาบนหลังด้วย ก่อนที่เธอจะผลักประตูรั้วให้มันปิดกลับไปและเดินโซซัดโซเซเข้าไปในตัวบ้านด้วยท่าทีอ่อนแรง

 

โคร๊ม!!

 

“เหวอ—”

 

หลังจากที่เอริกะหายเข้าไปในตัวบ้านได้ไม่นานก็มีเสียงอะไรบางอย่างดังลั่นออกมา ทำให้พวกเขารีบวิ่งตามเอริกะเข้าไปในตัวบ้านทันที ก่อนจะพบกับเอริกะนอนคว่ำหน้าอยู่บนฟูกของนากาที่เขาพับวางไว้ในห้องนั่งเล่น พร้อมกล่องจำนวนมากที่ตกกระจายอยู่เต็มพื้น

 

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณเอริกะ!?”

 

“พัง… พังหมดเลย… ไม่เหลืออะไรเลย…”

 

เอริกะพูดพึมพำออกมาเหมือนกับว่าเธอกำลังจะสติหลุดไปแล้ว ทำให้นาการีบเดินลัดเลาะกล่องที่ตกกระจายอยู่ไปทั่วเพื่อเข้าไปถามถึงเรื่องของแมรี่ที่เธอออกไปจัดการมาในทันที

 

“หะ? พังหมด? เธอหมายถึงอะไรพังน่ะเอริกะ? จะว่าไปแบบนี้แล้วเรื่องแมรี่เป็นไงบ้างล่ะเนี่ย?”

 

“ผมว่าคุณเอริกะเขาคงจัดการให้เรียบร้อยแล้วล่ะครับ ตอนนี้ปล่อยให้เขาพักก่อนน่าจะดีกว่านะ”

 

“ไม่อยู่แล้ว…”

 

เอริกะที่เอาหน้าซุกฟูกอยู่นั้นพูดกลับมาด้วยเสียงอู้อี้ฟังแทบไม่รู้เรื่องจนทำให้นากาต้องเอ่ยปากถามเธอซ้ำดูอีกครั้งหนึ่ง

 

“ไม่อยู่? เธอหมายถึงอะไรไม่อยู่หรอเอริกะ?”

 

“แมรี่… เธอไม่อยู่กับพวกเราแล้ว…”

 

“หะ—”