บทที่ 23 ไป๋มู่หยาง

ไม่ใช่นางไม่รู้ว่าราคางานปักทั่วไปอยู่ที่เท่าใด ? งานปักที่สตรีขายกันทั่วไปนั้นอย่างมากก็ราคาเพียงหนึ่งหรือสองตำลึงเท่านั้น ถังหลี่และฮูหยินซูคำนวณค่าตอบแทนอย่างคร่าว ๆ และคิดว่าจะขายมันในราคาหนึ่งหรือสองตำลึงก็พอ แต่นี่…กลับกลายเป็นว่าราคาที่เสนอให้นางมีราคาเพิ่มถึงห้าเท่าทีเดียว!

ในยุคนี้ซาลาเปาหนึ่งก้อนมีราคาสามอีแปะ หนึ่งตำลึงเป็นเงินพันอีแปะ และ สิบตำลึงคือหนึ่งหมื่นอีแปะ! ซื้อซาลาเปาได้ถึงสามพันก้อน!

“แม่นาง ข้าเพิ่งคำนวนราคา ท่านมีงานปักทั้งหมดสิบชิ้นเล็กและห้าชิ้นใหญ่ รวมเป็นหนึ่งร้อยตำลึง” ไป๋มู่หยางชำเลืองมองเถ้าแก่ร้าน

“ หลินตง ให้เงินตอบแทนแม่นางถังหนึ่งร้อยตำลึง” เถ้าแก่ร้านรีบไปเบิกหนึ่งร้อยตำลึงมาทันที

ชายหนุ่มอ่อนแอผู้นี้ช่างบ้าบิ่นเกินไปแล้ว!

ถังหลี่รู้สึกนับถือไป๋มู่หยางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัวทันที ภายหลังจากที่ได้รับเงินมาแล้ว นางก็เอ่ยถามเขาว่า

“นายท่านไป๋ เป็นไปได้หรือไม่? หากท่านจะเสนอลายปักที่ท่านต้องการมาให้ข้า ข้าจะจัดทำให้ตามรายการที่ท่านสั่ง”

“แม่นางถังช่างรู้จักคิดได้ดีนัก…” ไป๋มู่หยางพยักหน้า เขาสั่งให้หลินตงไปจดลายปักที่ต้องการ ส่วนตนเองก็นั่งสนทนากับถังหลี่

“ข้าขอเสียมารยาทถามเถ้าแก่ไป๋หน่อยเถิด.. ท่านไม่ได้มาจากเมืองเหยาสุ่ยใช่หรือไม่?”

“แม่นางรู้ได้อย่างไร?”

“เป็นเพราะสำเนียงการพูดของท่าน” ถังหลี่กล่าว

“แม่นางลองเดาดูสิว่าข้ามาจากที่ไหน”

“นายท่านมาจากซ่างจิงหรือ?” ถังหลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง

“แม่นางรู้ได้อย่างไร?” ไป๋มู่หยางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“การแต่งตัวของนายท่านไป๋นั้นแปลกใหม่มาก ดูไม่เหมือนทั่วไป และซ่างจิงก็ขึ้นชื่อด้านรูปแบบเสื้อผ้าที่แปลกใหม่มาก” ถังหลี่กล่าว

“อีกอย่างข้าไม่เคยไปเมืองชิงเหอ ดังนั้นจึงพอคาดได้แบบนี้”

แท้จริงแล้วยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ถังหลี่จำได้ว่าในนวนิยายต้นฉบับ ตระกูลไป๋เป็นตระกูลที่ทำการค้าเป็นอันดับหนึ่งและมั่งคั่งที่สุดในต้าโจว

“แม่นางพูดถูกแล้ว ข้าเคยอยู่ที่ซ่างจิง แต่เนื่องจากสุขภาพของข้าไม่ค่อยจะดี ข้าเลยวางแผนที่จะใช้เวลาพักผ่อนอยู่ที่เหยาสุ่ย อาจจะเป็นโชคชะตาที่ทำให้เราได้พบกันก็ได้”

“เป็นเกียรติของข้าที่ได้พบกับนายท่านไป๋ผู้สง่างาม”

คำพูดของถังหลี่ไม่ได้หวังประจบประแจงแต่อย่างใด นั่นคือความจริงใจของนาง ไป๋มู่หยางช่างสง่างาม เป็นบุรุษที่สุภาพและอ่อนโยน ช่างต่างจากเว่ยฉิงที่ดุร้ายและดุดัน เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่แตกต่างกับสามีของนางอย่างสิ้นเชิง พวกเขาทั้งสองมีเอกลักษณ์ความงามเฉพาะตัวที่หาได้ยากในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ นางเคยได้ยินมาว่าหากได้พบเห็นบุรุษรูปงามนับได้ว่าเป็นโชคดี

“ข้าอาศัยอยู่ที่ตระกูลไป๋ทางตะวันออกของเมืองเหยาสุ่ย หากวันใดที่แม่นางถังไปเยือนเหยาสุ่ย สามารถไปพบข้าได้ที่นั่น”

ทั้งสองพูดคุยกันสักพักก่อนที่ถังหลี่จะจากไป ไป๋มู่หยางยิ้มและมองดูหญิงสาวเดินจากไป

“แม่นางน้อยผู้นั้นน่าสนใจทีเดียว” ไป๋มู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลินตงแปลกใจเล็กน้อย เขาอยู่กับนายท่านไป๋มาเป็นเวลานาน ไป๋มู่หยางเติบโตในซ่างจิงและรายล้อมไปด้วยสาวงาม ชายหนุ่มทั้งเฉยชาและไม่แยแสสตรีเหล่านั้นแม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินนายท่านไป๋ให้ความสนใจกับสตรีผู้หนึ่ง

ภายนอกร้านมีการเคลื่อนไหวเสียงไม่เบานัก ทำให้หลินตงออกไปดูและกลับเข้ามาในเวลาไม่นานนัก

“นายท่านไป๋ ไป๋ซานบอกว่าจะแต่งงานในเดือนหน้า อยากเชิญท่านไปร่วมงานเลี้ยงฉลองด้วยขอรับ”

ไป๋มู่หยางคือทายาทสายตรงของตระกูลไป๋แห่งซ่างจิง และไป๋ซานผู้นี้คือทายาทคนที่สามของตระกูลไป๋สายรองที่เมืองเหยาสุ่ย เมื่อตระกูลไป๋แห่งเหยาสุ่ยทราบว่าไป๋มู่หยางกำลังเดินทางมา พวกเขาก็แทบจะทนรอที่จะประจบประแจงไม่ไหว หากสามารถเชิญนายท่านตระกูลไป๋มาร่วมงานได้ คงจะได้หน้ามิใช่น้อย

“ไป๋ซาน?”

ไป๋มู่หยางเพิ่งมาถึงเมืองเหยาสุ่ย และคนตระกูลไป๋ก็เพิ่งมาทักทายเขา หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็แปลกใจเมื่อนึกถึงไป๋ซาน

“เขายังไม่ตบแต่งฮูหยินหรือ?” มู่หยางคิดว่าไป๋ซานผู้นั้นค่อนข้างมีอายุ ผมหงอกขาวและมีใบหน้าที่เหี่ยวย่น เขายังไม่แต่งงานหรือ?

“นายท่านไป๋ คนผู้นั้นคือชวี่เสวียน..เขารั้งรออยู่ด้านนอก นายท่านต้องการจะพบเขาหรือไม่?”

“ไม่ล่ะ” ไป๋มู่หยางโบกมือปัดอย่างเหนื่อยหน่าย เขาไม่อยากจะเสียเวลากับเรื่องไร้สาระแบบนี้

……..

ถังหลี่กลับบ้านพร้อมเงินหนึ่งร้อยตำลึงในมือ ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเงินมากมายตั้งแต่มายังโลกใบนี้!

หนึ่งร้อยตำลึงเชียวนะ!

แม้มันจะไม่ใช่ของนางทั้งหมดก็ตาม แต่ตอนนี้มันอยู่กำมือของนางแล้ว ถังหลี่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณหนูตระกูลเศรษฐี!

ฝีเท้าของถังหลี่นั้นเร็วกว่าปกติ และตะวันเริ่มคล้อยแล้ว ดังนั้นนางจึงรีบกลับไปที่หมู่บ้านลี่เจีย ถังหลี่เดินทางไปที่บ้านหมอซูและนำเงินห้าสิบตำลึงไปให้ฮูหยินซู รวมถึงอุปกรณ์เย็บปักผ้า และอาหารต่าง ๆ ในคราวเดียวกัน

ซูฟู่ฉิงรับเงินห้าสิบตำลึงมาด้วยความตื้นตัน

นางหาเงินได้แล้ว!

นางไม่ใช่คนไร้ประโยชน์อีกต่อไปแล้ว…

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางคิดจะปลิดชีพตนเองไม่รู้กี่ครั้งกี่หนเพื่อจะไม่เป็นภาระของสามี อย่างไรก็ตามสามีของนางก็รู้ทัน เขาพูดเสมอว่าหากวันใดที่นางตายไป ซูไท่หยวนจะขอตายตาม ทำให้ซูฟู่ฉิงล้มเลิกความคิดนี้ ตอนนี้อาการป่วยของนางดีขึ้นแล้ว อีกทั้งนางสามารถหาเงินได้เองอีกด้วย!

ซูฟู่ฉิงมองออกไปนอกหน้าต่าง โลกของนางไม่มืดมนอีกต่อไป ตอนนี้นางเห็นดวงอาทิตย์ที่สว่างไสวด้านนอกแล้ว

ถังหลี่กลับบ้าน…

เอ้อร์เป่าและซานเป่าอยู่รออยู่ในบ้าน ต้าเป่าและสวี่เจวี๋ยออกไปล่าสัตว์ เมื่อเห็นนางกลับมา เอ้อร์เป่าและซานเป่าก็เข้ามารุมล้อมถังหลี่ทันที เจ้าหัวไชเท้าน้อยทั้งสองเงยหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนว่า

“ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมาก”

ถังหลี่หยิบขนมหวานออกมาจากห่อแล้วยื่นให้เด็กทั้งสอง เอ้อร์เป่าและซานเป่าดวงตาเป็นประกายทันที ซานเป่ายังเด็กมากนางเกาะติดถังหลี่ไม่ห่าง ในมือข้างหนึ่งถือขนมส่วนอีกข้างก็จับชายเสื้อของถังหลี่ไว้แน่น เดินตามเข้าไปในห้อง

ในห้องนอนเต็มไปด้วยกลิ่นของยา ส่วนเว่ยฉิงกำลังออกกำลังกายขาของตัวเอง เขาสวมเพียงเสื้อตัวในโดยเอามือยันกำแพง และ ผลักลำตัวออก กล้ามที่แขนของเขาแสดงให้เห็นถึงพลังที่แข็งแกร่ง ผิวสีน้ำผึ้งถูกปกคลุมด้วยหงาดเหงื่อ ขาที่บาดเจ็บสามารถออกกำลังได้บ้างแล้ว

ดูเหมือนว่ายาและการฝังเข็มของหมอซูจะได้ผล เว่ยฉิงหยุดออกกำลังและหันไปมองภรรยาที่เพิ่งเดินมา สัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนจากใบหน้าดุดันนั่น

“ภรรยาข้า…กลับมาแล้วหรือ?”

“ข้ากลับมาแล้ว! ในเมืองสถานการณ์ดีขึ้นมาก มีเนื้อสัตว์มาขายด้วย! วันนี้ข้าได้เงินมาแล้ว เย็นนี้จะทำหมูตุ๋นให้เจ้ากินนะ!” ถังหลี่เอ่ยอย่างมีความสุข

“อีกอย่างนะ วันนี้ตอนเดินออกมาจากร้านให้ทายว่าข้าเจอใคร” ถังหลี่กระซิบ

“เป็นนายน้อยคนที่สามของตระกูลไป๋ที่เฉินเสี่ยวชุ่ยกำลังจะแต่งด้วย! ชายคนนั้นอายุราวสี่สิบหรือห้าสิบปีเห็นจะได้ ไม่คิดเลยว่าเฉินเสี่ยวชุ่ยจะมีรสนิยมแบบนี้

นี่คือสิ่งที่ถังหลี่เห็นเมื่อเดินออกมาจากร้านขายเสื้อ นางเห็นชายคนหนึ่งยืนรออยู่หน้าร้าน เขาอายุมากมีผมขาวไปถึงครึ่งหัวแล้ว ชายแก่มองมาที่นาง…ดวงตาเขาหรี่เล็กลง ทำให้นางรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก

ถังหลี่กำลังจะหันหลังกลับออกไป นางได้ยินหลินตงพูดกับนายท่านไป๋ว่านายท่านสามของตระกูลไป๋จะแต่งงาน ทันทีที่นางได้ยินจับใจความสำคัญแค่ไม่กี่คำ ถังหลี่ก็เดาตัวตนของผู้ที่มายืนรออยู่ได้ว่า เขาคือชายที่เฉินเสี่ยวชุ่ยจะแต่งงานด้วย!

ถังหลี่ข่มใจและเหลือบมองไปอีกครั้ง ผมก็บางแถมฟันเหลืองซี่โต ถังหลี่อดคิดไม่ได้เลยว่าเฉินเสี่ยวชุ่ยจะจริงจังถึงเพียงนี้..