บทที่ 25 การสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ (ต้น)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 25 การสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ (ต้น)

บทที่ 25 การสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ (ต้น)

เมื่อเทียนเหยียนเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจ เขามองซวี่รั่วหลิงพลางกล่าว “แม่นางน้อย ในเมื่อเจ้ามีแผนการเรื่องนี้ในใจอยู่แล้ว ตาแก่คนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องบังคับผู้อื่นให้ทำเรื่องยุ่งยาก”

ในทางกลับกัน เทียนเหยียนจ้องมองคุณชายตำหนักธารสุญญะด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้าหนุ่ม สาวน้อยผู้นี่ถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดของข้า เจ้าจะรังแกหรือทำร้ายนางไม่ได้!”

ลู่หยวนพยักหน้า “ขอผู้อาวุโสอย่าเป็นกังวล”

เทียนเหยียนพยักหน้าพลางกล่าวต่อซวี่รั่วหลิง “ข้าจะส่งต่อเจตจำนงแห่งกระบี่ให้เจ้าในภายหลัง ข้าได้ทิ้งค่ายกลเวทเอาไว้ หลังจากที่ร่างกายของเจ้าได้รับการฟื้นฟูแล้ว เราจะเข้าสู่ค่ายกลเวทและทำการฝึกฝนเจตจำนงกระบี่ให้สมบูรณ์”

“ขอบคุณท่านอาจารย์ยิ่งนัก!”

ท่านเทียนเหยียนเอื้อมมือออกไปแตะคิ้วของซวี่รั่วหลิง ทันใดนั้นพลังงานอันมหาศาลก็ระเบิดออกมา พลังงานโดยรอบสั่นสะเทือน

แม้แต่ลู่หยวนก็ยังรู้สึกประหลาดใจกับความแข็งแกร่งดังกล่าว

ซวี่รั่วหลิงนั่งขัดสมาธิและหลับตาลง รัศมีพลังรอบตัวนางค่อย ๆ เปลี่ยนไปภายใต้การหล่อเลี้ยงของรัศมีอันกว้างใหญ่นั้น

จิตวิญญาณที่เหลืออยู่ของท่านเทียนเหยียนค่อย ๆ จางหายไป “คุณชายตระกูลลู่ สำนักฟ้าประทาน และสาวน้อยผู้นี้จะได้รับการปกป้องจากข้านับตั้งแต่นี้ไป”

“ขอรับ”

หลังวิญญาณที่เหลือกระจายออกไป ลู่หยวนก็เห็นว่าซวี่รั่วหลิงเข้าสู่การฝึกฝน นางนั่งขัดสมาธิ และในขณะที่เส้นลมปราณกำลังเคลื่อนตัวในร่างกาย ชั่วเวลาเดียวกันเขาก็เรียกระบบออกมา

ชายหนุ่มเห็นว่าซวี่รั่วหลิงถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อผู้ติดตามของเขา และด้านหลังชื่อนาง มีข้อความระบุว่า นางได้กลายเป็นธิดาแห่งโชคชะตาของสำนักฟ้าประทานเสียแล้ว

ลู่หยวนจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้ เมื่อซวี่รั่วหลิงแสดงความไม่ไว้วางใจต่อสำนักฟ้าประทาน ค่าชะตาวายร้ายของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น แต่เมื่อนางได้กลายเป็นธิดาแห่งโชคชะตาของสำนักฟ้าประทานแล้ว มันจะยังส่งผลกระทบต่อค่าชะตาวายร้ายของเขาหรือไม่?

บุตรศักดิ์สิทธิ์ครุ่นคิดครูหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามระบบ “ในฐานะธิดาแห่งโชคชะตาของสำนักฟ้าประทาน จะมีผลกระทบต่อข้าในอนาคตหรือไม่?”

[มีโอกาส!]

ชายหนุ่มคิดตามขณะฟังต่อไป

[ในฐานะธิดาแห่งโชคชะตาของสำนักฟ้าประทานที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับค่าชะตาของสำนักฟ้าประทาน เมื่อความแข็งแกร่งของสำนักเพิ่มขึ้น ค่าชะตาของซวี่รั่วหลิงก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน และในฐานะผู้ติดตามของท่าน นางก็จะส่งผลกระทบต่อค่าชะตาวายร้ายของท่าน เพราะจะช่วยให้ค่าชะตาวายร้ายเพิ่มขึ้นโดยตรง!]

ชายหนุ่มยกยิ้ม “ด้วยวิธีการนี้ ตราบใดที่ค่าโชคชะตาของผู้ติดตามข้าเพิ่มขึ้น ค่าชะตาวายร้ายของข้าก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกันใช่หรือไม่?”

[ใช่แล้ว!]

“แล้วหากในอนาคต หากข้าสามารถปราบปรามธิดาหรือบุตรแห่งโชคชะตาได้อีก ค่าชะตาวายร้ายของข้าก็จะเพิ่มขึ้นด้วยใช่หรือไม่?”

[ใช่แล้ว!]

หัวใจของลู่หยวนเปี่ยมความสุขดั่งมีบุปผาเบ่งบาน

เดิมทีเขาคิดว่าการเผชิญหน้ากับบุตรหรือธิดาแห่งโชคชะตา เขาทำได้เพียงสังหารเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าชะตาวายร้ายที่เพิ่มขึ้น

แต่ตอนนี้มีวิธีใหม่ นั่นคือการปราบปรามผู้คนให้ยอมจำนน!

หากลู่หยวนสามารถปราบปรามบุตรแห่งโชคชะตาเหล่านั้นไว้ภายใต้คำสั่งของเขาได้ แม้พวกเขาจะแยกออกไปใช้ชีวิตในฐานะบุตรแห่งโชคชะตาและมีค่าชะตาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะนำไปสู่การเพิ่มพูนค่าชะตาวายร้ายของตัวชายหนุ่มเองด้วย

หากพวกเขาได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มค่าชะตาโดยเร็ว ค่าชะตาวายร้ายของลู่หยวนก็จะเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน

ชายหนุ่มหัวเราะอยู่ในใจชั่วขณะ จากนั้นจึงกล่าวต่อระบบ “ข้ายังมีของขวัญที่ได้รับจากการยอมรับธิดาแห่งโชคชะตาใช่หรือไม่?”

[ใช่แล้ว ท่านมีของขวัญที่ได้จากการยอมรับธิดาแห่งโชคชะตา ต้องการเปิดหรือไม่?]

“เปิดเดี๋ยวนี้!”

[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดี ท่านได้รับยันต์จำลองดัชนีทองคำ สามารถลอกเลียนแบบดัชนีทองคำของบุตรแห่งโชคชะตา ใช้งานได้เป็นเวลาครึ่งชั่วยาม!]

[ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับยันต์นำโชคแห่งสำนัก สามารถใช้เพิ่มค่าชะตาของสำนัก และการฝึกฝนของสมาชิกทุกคนในสำนักจะเพิ่มขึ้น 10% ในปีถัดไป!]

[ขอแสดงความยินดีกับท่านที่ได้รับค่าชะตาล่วงหน้าจำนวน 10,000 แต้ม! ต้องหามาคืนให้ได้ในระยะเวลาหนึ่งเดือน!]

ลู่หยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจ ยันต์จำลองดัชนีทองคำอย่างนั้นหรือ?

ดัชนีทองคำคงหมายถึงพลังสุดเทพของพวกตัวเอกลูกรักสวรรค์สินะ?

น่าสนใจไม่น้อย นี่คือยันต์จำลองดัชนีทองคำของบุตรแห่งโชคชะตาใช่หรือไม่?

ค่าโชคชะตาล่วงหน้าก็มีประโยชน์เช่นเดียวกัน!

สำหรับยันต์นำโชคแห่งสำนัก ลู่หยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อระบบ “มอบยันต์นำโชคแห่งสำนักให้แก่สำนักฟ้าประทาน!”

เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่มีสำนักอื่นใดที่ควรค่าแก่การมอบให้ คงเป็นการดีกว่าที่จะมอบให้กับสำนักฟ้าประทาน เมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ค่าชะตาของซวี่รั่วหลิงก็จะเพิ่มมากขึ้น หากค่าชะตาของนางเพิ่มมากขึ้น ค่าชะตาวายร้ายของเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยไม่ใช่หรือ?

[ติ๊ง! ระบบแจ้งเตือนการถ่ายโอนยันต์นำโชคแห่งสำนักสำเร็จ!]

ทันทีที่สิ้นเสียงของระบบ ลำแสงสีรุ้งก็สาดส่องลงมาและล้อมรอบสำนักฟ้าประทานทั้งหมด จนเหล่าศิษย์ทุกคนรู้สึกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นในร่างกายของพวกเขา

เพียงเวลาไม่ถึงเสี้ยวพริบตา ลำแสงสีรุ้งนี้ก็จางหายไป ทุกอย่างในสำนักฟ้าประทานกลับคืนสู่ความสงบ

ในขณะนี้ เฉาหงได้ติดต่อถ่ายทอดเสียงมายังหูของลู่หยวน “คุณชาย การเปลี่ยนแปลงในสำนักฟ้าประทานดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย หลายสำนักที่อยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยลี้เริ่มรวบรวมกำลังคน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการโจมตีและกอบโกยโชคนี้”

ลู่หยวนเลิกคิ้ว จิตสังหารปรากฏชัดในแววตาทันที “สำนักเหล่านั้นเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อย ข้านั่งอยู่นี่แล้ว พวกเขาคิดจะคว้าเอาโชคไปได้อย่างไร?”

ผู้ติดตามเฒ่ากล่าวต่อ “ข้าทำการตรวจสอบแล้ว ดูเหมือนคนเหล่านั้นจะไม่รู้ว่าคุณชายอยู่ที่นี่”

“ต้องการให้ข้าจัดการทำลายพวกเขาให้สิ้นหรือไม่ขอรับ?”

ขณะลู่หยวนกำลังจะออกคำสั่ง เขาพลันนึกถึงบางสิ่งในทันใด จึงเผยรอยยิ้ม “ยอดเยี่ยม! ข้าต้องการใช้โอกาสนี้คว้าเอาสำนักฟ้าประทานให้เป็นของข้าโดยสมบูรณ์!”

“ลุงเฉา ไม่ต้องกังวลต่อการมาถึงของพวกเขา ปิดกั้นบริเวณสำนักฟ้าประทานเสีย เพื่อที่ตู้เหิงและคนอื่น ๆ จะได้ไม่ต้องรับรู้การมาถึงของคนเหล่านั้น!”

“ขอรับ!”

ลู่หยวนหลับตาลงและทำสมาธิ เข้าสู่สถานะการฝึกฝน

อีกด้านหนึ่งจากนั้นไม่นาน ซวี่รั่วหลิงก็ลืมตาขึ้น ดวงตาอันงดงามของนางเฉียบคมดุจกระบี่นับพันเล่มซึ่งทิ่มแทงท้องฟ้าอย่างไม่สิ้นสุด

ทันใดนั้นกระแสแห่งปราณกระบี่ก็ควบแน่นขึ้นและวนเวียนโดยรอบ ปราณกระบี่นั้นทรงพลังไม่น้อย

ซวี่รั่วหลิงยืนขึ้นคำนับต่อกระบี่รุ้งคราม ก่อนจะใส่กระบี่รุ้งครามลงในแหวนเก็บของ

เมื่อหันมองโดยรอบก็พบว่า มีเพียงเจ้านายเท่านั้นที่นั่งขัดสมาธิราวกับกำลังปกป้องนาง

ดวงตาของหญิงสาวฉายแววอ่อนโยนในทันที นางเดินเข้าไปใกล้พลางสะกิดเขาอย่างแผ่วเบา “คุณชาย”

ลู่หยวนลืมตามองซวี่รั่วหลิง รับรู้ได้ทันทีว่านางสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ได้สำเร็จแล้ว

ทว่าเมื่อจ้องมองไปยังรูปลักษณ์ในปัจจุบันของนางก็เข้าใจได้… อีกฝ่ายเพียงได้ครอบครองเจตจำนงแห่งกระบี่ แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงให้เป็นของตนได้ อาจต้องใช้เวลาอีกมากในอนาคตเพื่อทำการบ่มเพาะ

คุณชายตำหนักธารสุญญะกล่าวด้วยน้ำเสียงเชิงหยอกล้อ “รู้สึกอย่างไรที่ได้กลายเป็นผู้ครอบครองเจตจำนงกระบี่?”

ซวี่รั่วหลิงใบหน้าแดงระเรื่อ “เพราะคุณชายช่วยเหลือข้า หากไม่ใช่พราะท่าน รั่วหลิงจะโชคดีเช่นนี้ได้อย่างไร?”

ชายหนุ่มยิ้มตอบและพยายามลุกขึ้น เมื่อเห็นดังนั้น ซวี่รั่วหลิงช่างเอาใจก็เข้ามาช่วยพยุงในทันที

ลู่หยวนจ้องมองอีกฝ่ายจากระยะใกล้ ดวงหน้าของผู้ติดตามหญิงแดงระเรื่อขึ้นอย่างต่อเนื่อง นางกัดริมฝีปากของตนและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “คุณชาย รู้สึกหิวบ้างหรือไม่?”

เมื่อได้ยินคำถามนั้น เขาก็ตระหนักได้ในทันทีว่าตนยังไม่ได้รับประทานอาหาร ตอนนี้ท้องนภาเจิดจรัส อาจกำลังเป็นเวลาเที่ยง และถึงเวลากินข้าวแล้ว

“ไปเถิด เราจะไปกินข้าวกัน”