บทที่ 6 อุบัติเหตุทางถนน (รีไรท์)

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 6 อุบัติเหตุทางถนน (รีไรท์)

บทที่ 6 อุบัติเหตุทางถนน (รีไรท์)

โรงแรมถงฟู่

โจวอี้จองห้องพักในราคาหนึ่งร้อยสิบหกหยวนต่อวัน ห่างจากโรงเรียนอนุบาลนานาชาติโยโกฮาม่าเพียง 2 กิโลเมตร เอาไว้เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราว

โจวอี้ยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองออกไปที่อาคารสูงในเมืองจินหลิง เขารู้สึกซับซ้อนเล็กน้อย

วันนี้เขาได้พบลูกสาวและผู้หญิงของเขา นี่เป็นเรื่องน่ายินดี แต่เขากลับถูกพวกเธอปฏิเสธ มันไม่น่าพอใจนัก

“ฉันจะอยู่ที่นี่คอยดูแลทั้งแม่และลูก”

“แม้ว่าหัวใจของพวกเขาจะเป็นหิน ฉันจะพยายามทุกทางให้พวกเขายอมรับฉันให้ได้”

โจวอี้ มีความมุ่งมั่นมาก แต่เขายังมีเรื่องอีกมากที่ต้องพิจารณาว่าเขาต้องการที่จะตั้งรกรากอยู่ในมหานครที่พลุกพล่านนี้ในอนาคตหรือไม่

เช่น…

เงิน!

ดังคำกล่าวที่ว่า หากคุณมีเงินคุณสามารถทำให้ผีโม่แป้งได้

เขาไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายในภูเขาชางหลาง นอกจากเรียนแพทย์แล้ว เขาเพียงใช้เวลากับดนตรี หมากรุก การประดิษฐ์ตัวอักษร ภาพวาด บทกวีและไวน์ เขาใช้ชีวิตอย่างสบายและมีความสุข แต่การอยู่ในโลกภายนอกนั้นจำเป็นต้องพิจารณาไม้ฟืน ข้าว น้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู และชา

ในกระเป๋าเป้ของเขานอกเหนือจากสัญญาหนี้สินที่ทำโดยตระกูลหวงแล้วยังมีสัญญาหนี้สินอีกกว่าโหล ทว่าตามข้อมูลของอาจารย์ลูกหนี้เหล่านี้ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองจินหลิงดังนั้นเขาจึงไม่สามารถไปเก็บเงินได้ในขณะนี้

“เงินพันหยวนกับการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจินหลิง เงินแค่นี้ไม่พออยู่ได้นานแน่”

“ฉันต้องรีบหางานทำ”

โจวอี้คิดถึงเฉินเยว่ฉินและทันใดนั้นปากของเขาก็เปิดขึ้น ความคิดในการทำเงินเข้ามาในหัวของเขา

ย่านช็องเซลิเซ่ ลานติงวิลล่า

ในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ถังว่านนั่งบนโซฟาและมองดูลูกของเธอนั่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก ๆ ข้างหน้าเธอ จับคางจ้องไปที่ลูกสาวของเธอด้วยดวงตาที่กลมโต

ในตอนแรก การมาถึงอย่างกะทันหันของโจวอี้ทำให้เธอรู้สึกสับสน

ต่อมาโจวอี้อธิบายว่าเขาไม่ได้มีความคิดจะแย่งลูกสาวไปจากเธอดังนั้นเธอจึงโล่งใจ

ตอนนี้ เธอต้องการให้โจวอี้กลับมาและเธอคิดว่าลูกสาวของเธอต้องการพ่อจริง ๆ

“ลูกต้องการจะพูดอะไร?” ถังว่านถอนหายใจและถามอย่างเงียบ ๆ

“แม่คะ หลี่เสี่ยวเทาและพ่อแม่ของเหมิงเหมิงอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว! ทำไมแม่ไม่อนุญาตให้พ่ออยู่ในบ้านของเราล่ะคะ?” ถังเหมียวเหมียวถามอย่างไร้เดียงสา

“เขาต้องกลับไปที่ภูเขา” ถังว่าน ลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เหมียวเหมียว ลูกต้องการให้เขาเป็นพ่อของลูกไหม”

“เขาไม่ใช่พ่อของหนูเหรอ?” ถังเหมียวเหมียวสงสัย

“เขาเป็นพ่อของลูก”

ถังว่าน พยักหน้าเบา ๆ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แม่หมายความว่าลูกต้องการอยู่กับเขาในอนาคตหรือไม่”

“หนูไม่รู้” ถังเหมียวเหมียวแสดงสีหน้ายุ่งเหยิง

เธอไม่เคยเห็นพ่อของเธอตั้งแต่เธอจำความได้ เมื่อเขามาอย่างกะทันหัน เธอรู้สึกว่าเขาไม่ต่างจากคนแปลกหน้า

เธออยากมีพ่อแต่เธอกลัวว่าพ่อที่แปลกหน้าจะใจร้ายกับเธอ

******

ท้องฟ้าที่มืดมิด หิมะที่โปรยปรายซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะหยุด โลกถูกย้อมเป็นสีขาว ทว่าความหนาวเย็นยังคงไม่สามารถเอาชนะความกระตือรือร้นของชาวเมืองได้

โจวอี้ออกจากโรงแรมและเดินผ่านผู้คนที่เดินคราคร่ำไปมาบนถนนท่ามกลางลมหนาวและหิมะ

เขากำลังจะซื้อโทรศัพท์มือถือเตรียมกำจัดโทรศัพท์ Nokia เก่าในกระเป๋าของเขา

ความนิยมของสมาร์ตโฟนเข้ามาแทนที่ของหลายอย่างมากเกินไป เช่น กระเป๋าเงิน กล้อง นาฬิกา ไฟฉาย อุปกรณ์ GPS แผนที่ เครื่องคิดเลข

สภาพแวดล้อมใหม่จำเป็นต้องตามกระแสใหม่

พยายามให้มีทุกอย่างในเครื่องเดียว เพื่อที่เขาจะเข้าใจโลกภายนอกมากขึ้น

“โครม โครม……”

เสียงชนทื่อ ๆ ดังขึ้นที่ด้านหน้าด้านซ้ายของ โจวอี้

ฝีเท้าของเขาหยุดกะทันหัน รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงทันที และเมื่อเขามองดูที่เกิดเหตุบนถนนที่อยู่ห่างออกไปกว่า 20 เมตร ความหนาวเย็นก็เข้ามาในหัวใจของเขา

มีทางแยกข้างหน้า มันคือไฟแดง

รถบัสที่มาจากด้านหลังไม่ยอมเบรกและพุ่งชนรถสองคันข้างหน้าและโชคร้ายที่มีรถบัสอีกคันจอดขวางอยู่ข้างหน้าถัดไปซึ่งส่งผลให้รถสองคันที่ถูกชนถูกประกบบี้อยู่ระหว่างรถบัสทั้งสองคัน

แรงกระแทกนั้นแข็งแกร่งมาก และรถทั้งสองคันได้รับความเสียหายจนเสียรูป

ทว่าผู้โดยสารยังติดอยู่ในรถ

โจวอี้ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์มาก่อน เขาเคยเห็นมันแต่ในภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์เท่านั้น

ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกหนาว และเขาก็ตระหนักว่าโลกภายนอกนั้นอันตรายกว่าในภูเขา อย่างน้อย ๆ ก็ไม่มีอุบัติเหตุจราจรบนภูเขา

ช่วยชีวิตคน?

โจวอี้ ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเสียงเดียว

เขาระงับความตื่นตระหนกและความกลัวของเขา และรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยจิตวิญญาณของแพทย์เพื่อช่วยชีวิตคนรักษาผู้บาดเจ็บ

ผู้ที่ผ่านไปมาต่างตกใจกับอุบัติเหตุกะทันหัน

ผู้คนนับไม่ถ้วนหยุดดู แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รีบเร่งวิ่งเข้าไปเพื่อพยายามช่วยชีวิตผู้คน

เด็กหญิงตัวสูงที่อยู่ไม่ไกลซึ่งกำลังเอามือปิดปากอยู่ พบว่าคู่ของเธอไม่ได้ตั้งใจจะช่วยคนอื่นแต่กลับหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกไปแล้วเปิดกล้องเพื่อถ่ายเหตุการณ์แทน เธอผลักคู่ของเธอด้วยความโกรธทันทีและรีบพุ่งไปที่เหตุการณ์รถชน

โจวอี้รีบเข้าไปถึงที่เกิดเหตุและมองสำรวจเข้าไปในรถสองคันที่พังก่อน มีคนสามคนอยู่ในรถข้างหน้าเขา ตรงที่นั่งคนขับมีชายวัยกลางคนที่มีเลือดออกที่หน้าผาก เขาถูกอัดอยู่ระหว่างพวงมาลัยกับเบาะนั่งอาการเข้าขั้นโคม่า หญิงวัยกลางคนที่มาด้วยนั่งข้างคนขับเต็มไปด้วยเลือดและคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่วัยรุ่นซึ่งอยู่เบาะหลังเห็นได้ชัดว่าติดอยู่กับเบาะไม่อาจเคลื่อนไหวได้

ส่วนในรถคันที่อยู่ด้านหลัง เป็นหญิงสาวนั่งอยู่ที่เบาะคนขับ หัวของเธอแตกและมีเลือดออก แขนซ้ายของเธอถูกเจาะด้วยประตูที่หัก ชายชราที่นั่งเบาะหลังได้รับบาดเจ็บ

“ช่วยคนสิ! คุณกำลังมองอะไรอยู่?” ชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดสั้นตวาดขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาหงุดหงิดกับอุบัติเหตุอันน่าสลดใจที่อยู่ตรงหน้าเขา ขณะที่ตาของเขาแดง เขาตะโกนใส่โจวอี้ซึ่งกำลังเฝ้าดูผู้บาดเจ็บอยู่ในรถ

“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกังวล”

โจวอี้ยังคงเฝ้าสังเกตสถานการณ์ผู้บาดเจ็บในรถและตอบกลับอย่างใจเย็น

“เสียสติหรือเปล่า ตอนนี้ชีวิตคนเจ็บกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแต่นายกลับดูอยู่อยู่เฉย ๆ เนี่ยนะ?” ชายวัยกลางคนตวาดอีกครั้งและเอื้อมมือไปดึงประตูรถด้านคนขับที่อยู่ข้างหลังเขา

“อ๊า… เจ็บ…”

“อย่าขยับ!”

เมื่อโจวอี้ได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่นั่งคนขับ เขาก็คว้าข้อมือชายวัยกลางคนผลักเขาออกไปและตะโกนว่า “อย่ารีบร้อน ดูสถานการณ์ผู้บาดเจ็บในรถก่อน ไม่เช่นนั้นไม่เพียงคุณไม่ได้ช่วยชีวิตพวกเขา แต่คุณกำลังทำให้พวกเขามีโอกาสเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น!”

“ฉ…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…” เสียงของชายวัยกลางคนอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกผิด

ขณะนี้ชายวัยกลางคนได้รู้ตัวแล้วว่าเขาได้ทำสิ่งที่เป็นผลเสียด้วยเจตนาดี เขากระตือรือร้นที่จะช่วยผู้คน แต่เมื่อเขาดึงประตูมันกลับเป็นการทำร้ายผู้หญิงที่บาดเจ็บในรถคันที่สอง

โจวอี้ไม่สนใจที่จะคุยต่อ

จากการสังเกต เขาพบว่าคนที่มีอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงที่สุดคือชายชราที่นั่งเบาะหลังซึ่งหมดสติไปแล้ว

“ครืด…”

โจวอี้จับประตูหลังที่เสียรูปอย่างร้ายแรงแล้วฉีกออกจากตัวรถ

ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้เห็นฉากนี้ที่โจวอี้กระทำ ดวงตาของเขากระตุกอย่างรุนแรง เขาอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง

ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้

แม้ว่าประตูจะเสียรูปแต่น็อตยึดไม่ได้หลุดสักหน่อย!

เขาฉีกประตูรถด้วยมือเปล่า เขามีพลังมากแค่ไหนกัน!?