ตอนที่ 15 ปล่อยให้ตายต่อหน้าต่อตา ตอนที่ 16 ช่วยชีวิตเขาไว้แท้ๆ!

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 15 ปล่อยให้ตายต่อหน้าต่อตา

ซ่งอิงทึ่งกับคำพูดดังกล่าวของหลี่จิ้นเป่าจริงๆ

เมื่อก่อนเคยแต่ได้ยินว่าสองปีมานี้หลี่จิ้งเป่าเอาแต่หมายปองผู้ที่สูงส่งกว่าทั้งที่ตนไร้ความสามารถ กลับไม่คิดว่าจะเป็นคนไร้เหตุผลได้เพียงนี้

เขามีทัศนคติแน่วแน่ไปแล้วว่า นางรูปลักษณ์อัปลักษณ์เกินเยียวยา จึงคิดหาบุรุษที่เป็นดั่งใจปรารถนาสักคน? ส่วนเขา คิดเองเออเองไปว่าตนเองก็คือบุรุษที่เป็นดั่งใจนางปรารถนาผู้นั้นน่ะหรือ

ฮ่าๆ…

ครั้นซ่งอิงนึกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจในความไม่เป็นธรรมที่เจ้าของร่างอดกลั้นกระทั่งตายจากไป แววตาพลันเย็นเยียบ

สายตากวาดมองทั่วสี่ทิศแวบหนึ่ง ค้นพบว่ารอบข้างไร้ซึ่งผู้คน อีกทั้งเพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่รกร้าง ดังนั้นยังมีพงหญ้าขนาดสูงบดบังอยู่ เป็นสถานที่สงบเงียบแห่งหนึ่ง

ซ่งอิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย

หลี่จิ้นเป่ามุ่นคิ้ว “เจ้ายิ้มอันใด!”

“ข้ายิ้มที่พี่หลี่พูดถูกแล้วน่ะสิ?” ซ่งอิงย่างก้าวมุ่งเข้าไปทิศทางเขา “ข้าหน้าตาน่าเกลียดเพียงนี้ คิดจะออกเรือนนั่นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว พี่หลี่ เจ้ากับข้ามีความรู้สึกต่อกันถึงเพียงนั้น ข้าจะอดทนให้เจ้าไปแต่งกับคนอื่นได้อย่างไรกันล่ะ ดังนั้น ข้าจะคอยจับตาดูเจ้าไว้ตลอดก็แล้วกัน…”

ขณะกล่าว ซ่งอิงยังคงเดินหน้าเข้าใกล้ไปเรื่อยๆ ส่วนหลี่จิ้นเป่ารู้สึกรังเกียจถึงขีดสุด

“ขืนเจ้ายังเข้ามาอีก อย่าโทษที่ข้าลงไม้ลงมือต่อเจ้าเชียวล่ะ!” เขาส่งเสียงตะโกน

ซ่งอิงไม่ได้เกรงกลัว

ร่างกายนางในตอนนี้แตกต่างไปจากเจ้าของร่าง แข็งแรงและกระปรี้กระเปร่ายิ่ง ชีวิตก่อนหน้านี้ดีที่พอมีพื้นฐานทักษะป้องกันตัวเองอยู่บ้าง การต่อกรกับไก่อ่อนอย่างหลี่จิ้นเป่า ยังถือว่าเป็นอะไรที่ไม่คณามือสักเท่าใด?

ทั้งแค้นใหม่แค้นเก่า ถือโอกาสช่วงที่ไม่มีผู้คน คิดบัญชีในคราวเดียวเสียสิ้นเรื่อง!

ซ่งอิงเดินไปถึงตรงหน้า หลี่จิ้นเป่ามองเห็นใบหน้าที่ใหญ่ขึ้นนั่น รู้สึกถึงเพียงท้องไส้ปั่นป่วน ไม่แม้แต่จะครุ่นคิด ยกมือขึ้นต้องการจะตบเข้ามา ครั้นซ่งอิงเห็นดังนั้นจึงยกเท้าขึ้นจู่โจมเข้าไปที่บริเวณท้องน้อยของหลี่จิ้นเป่า

“อ๊า!” หลี่จิ้นเป่าร้องเสียงหลงพลางหลบหลีก แต่ก็ยังถูกเตะเข้าจนเจ็บปวดไม่น้อย

ซ่งอิงฉวยโอกาสนี้ กดทับตัวคนไว้ใต้ร่างในทันที จากนั้นตะบันกำปั้นใส่หลี่จิ้นเป่าเต็มแรงในตำแหน่งที่หากผู้คนเห็นเข้าแล้วเป็นต้องเกิดความอับอาย

จะให้ถึงแก่ชีวิตนั่นคงเป็นไปไม่ได้

นั่นจะติดคุกติดตะรางเอาได้

แม้นางก็อยากทำลายใบหน้าหลี่จิ้นเป่าที่ตัวเขาภาคภูมิใจนักหนาเสียเหลือเกินเช่นกัน แต่นั่นก็ทำไม่ได้ เพราะจะง่ายต่อการถูกคนเขานำมาเป็นจุดอ่อนเพื่อเอาผิด

ดังนั้นซ่งอิงจึงลงมือด้วยท่าทางง่ายๆ และตรงไปตรงมา คิดว่าแค่ใช้หมัดต่อยคนคงไม่เกินไป มุมปากยกยิ้ม แล้วออกแรงบิด

หมุนสามร้อยหกสิบองศา

หลี่จิ้นเป่าร้องโหยหวนขึ้นในทันใด

ซ่งอิงขมวดคิ้ว ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือไม่ ทำไมถึงเอะอะโวยวายเสียงดังอย่างนี้!

เพียงทว่าการเสียงดังถึงเพียงนี้ ซ่งอิงรู้อยู่เช่นกันว่าจะหนีไปคงไม่ง่ายดายเสียแล้ว

หลังบิดอยู่สองรอบ ก็เร่งรีบหิ้วถังไม้ของตนแล้ววิ่งออกไปจากที่นี่ ทว่า ยามที่หิ้วถังไม้…ซ่งอิงรู้สึกว่าดินนี่คล้ายจะเบามาก ดินเต็มถัง นางกลับไม่รู้สึกเปลืองแรงเลยสักนิด…

นางเรี่ยวแรงมากมายเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?

พละกำลังของเจ้าของร่างก็ไม่ได้มากมายขนาดนี้นี่?

หรือว่าเป็นประสิทธิผลของผลไม้ในช่องว่างระหว่างมิตินั่น?

ดังนั้นหลี่จิ้นเป่าไม่ได้จงใจแผดเสียงกึกก้อง แต่เป็นเพราะเจ็บปวดเกินไปแล้วจริงๆ!?

ซ่งอิงพลันรู้สึกสะใจขึ้นมาก หลี่จิ้นเป่าผู้นี้ก็สมควรถูกเล่นงานแล้ว!

“หนูอิง! แถวๆ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ เมื่อครู่พวกข้าได้ยินเสียงคนร้องด้วย…” มีชาวบ้านเร่งรีบเดินเข้ามา ทันทีที่เห็นซ่งอิงก็รีบเอ่ยปากถาม

ซ่งอิงในยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยอาการลนลานเล็กน้อย “ลุงๆ ป้าๆ ข้า เมื่อครู่ข้าขุดหาไส้เดือนอยู่ พอหันไปมองเห็นหลี่จิ้นเป่านอนอยู่บนพื้นร้องห่มร้องไห้อย่างสาหัสสากรรจ์ เล่นเสียข้าตกอกตกใจแทบแย่ เขาไม่สบายอะไรแล้วหรือ? น่ากลัวเหลือเกิน! พวกท่านรีบไปช่วยเขาเร็วเข้าเถอะเจ้าค่ะ!”

คำพูดนี้หลุดออกไป คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ครุ่นคิดอะไรให้มากมาย เร่งรีบมุ่งไปมองดู

ผลปรากฏว่า มองเห็นหลี่จิ้นเป่านอนอยู่บนพื้น มือนั่นประเดี๋ยวกุมท้อง ประเดี๋ยวกุมต้นขา ดูแปลกพิกลอย่างยิ่ง

“เร็วเข้าๆๆ แบกเขากลับบ้านเร็ว…” พวกเขาตื่นตระหนกตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก

หลี่จิ้นเป่าในตอนนี้เจ็บปวดจริงๆ!

คิดว่าเนื้อของตนเองถูกซ่งอิงบิดจนขาดไปแล้วด้วยซ้ำ!

“ซ่ง ซ่งอิง…” หลี่จิ้นเป่าส่งเสียงตะโกนอย่างยากลำบาก

“ไอ้หย่า! พี่หลี่ เจ้ามิต้องขอบใจข้าหรอก! ล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันทั้งนั้น ข้าก็ไม่อาจมองดูคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้เช่นกัน เจ้ารักษาอาการป่วยให้ดีๆ ล่ะ!” ซ่งอิงส่งเสียงตะโกน จากนั้นวิ่งหนีไปอย่างว่องไว

ตอนที่ 16 ช่วยชีวิตเขาไว้แท้ๆ!

ไม่เพียงแค่พละกำลังมหาศาล ซ่งอิงคิดว่าตอนนี้ระดับความเร็วของตนก็ชวนให้ตระหนกตกใจอย่างยิ่งเช่นกัน

ริมแม่น้ำกับบ้านซ่งมีระยะทางห่างกันพอประมาณ แต่หลังวิ่งกลับถึงบ้าน ซ่งอิงหายใจหอบยังไม่ถึงสองครั้งสีหน้าก็กลับคืนสู่สภาวะปกติแล้ว แม้กระทั่งตนเองยังรู้สึกเหลือเชื่อ

“อาอิง?” หร่วนซื่อตกอกตกใจ รีบรับของในมือนางมาถือไว้ ปรากฏว่าท่อนแขนรู้สึกหนักอึ้ง วางลงพื้นแทบไม่ทัน “ไยถึงหนักเพียงนี้!”

ซ่งอิงคลี่ยิ้มกว้าง “ท่านแม่ ลานหลังบ้านเรายังพอมีที่เหลือหรือไม่ นี่เป็นแมลงในดินที่ข้าจับมาได้ เอาไว้ให้ลูกเจี๊ยบกินเจ้าค่ะ”

หร่วนซื่อมองนางอย่างจนใจ “ลูกคนนี้ เจ้าทำงานหนักอย่างนี้ได้ที่ไหนกันล่ะ ดูมือเจ้านี่สิ เปรอะเปื้อนหมดแล้ว รีบไปล้างเร็วเข้า!”

ซ่งอิงแย้มยิ้มกว้าง ไม่ต้องให้หร่วนซื่อพูดมากความ นางก็ต้องไปล้างให้สะอาดอยู่แล้ว!

หร่วนซื่อเห็นท่าทางนางกลับมาอย่างรีบๆ ร้อนๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย

ทว่าไม่นานนัก คนทางด้านครอบครัวหลี่นั่นก็มาเยือน

เป็นหลิวซื่อมารดาผู้ให้กำเนิดของหลี่จิ้นเป่า ในหมู่บ้านคนแซ่หลี่มีจำนวนไม่น้อย ดังนั้นหลิวซื่ออยู่ในครอบครัวลำดับที่สาม แต่งเข้าสู่ครอบครัวหลี่ก็เป็นลูกสะใภ้บ้านสาม ด้วยเหตุนี้คนอื่นล้วนเรียกขานนางจากสะใภ้สามหลิวเป็นหลิวซานเหนียง[1]

หลิวซานเหนียงรูปลักษณ์กลมๆ จ้ำม่ำ ดูอ้วนท้วมสมบูรณ์ ซึ่งพบเห็นได้น้อยคนในหมู่บ้านนี้

นางเท้าสะเอว ยืนอยู่หน้าประตูบ้านครอบครัวซ่ง ชะโงกศีรษะแล้วเริ่มก่นด่า “ซ่งอิง! ซ่งอิง นางโสเภณี! เสียดายที่ตอนแรกข้าอุตส่าห์คิดว่าเจ้าดีงาม ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเป็นประเภทคนต่ำช้าใจดำอย่างนี้! อย่างน้อยลูกชายข้าก็เติบใหญ่มาพร้อมเจ้า เจ้าไร้น้ำจิตน้ำใจได้เพียงนี้เชียวหรือ ซ่งอิง เจ้าเสนอหน้าออกมาเดี๋ยวนี้เลย! หากลูกชายข้าเป็นอะไรไป คอยดูเถอะข้าจะถลกหนังเจ้าเสียเลย!”

หร่วนซื่อรีบเดินออกมาทันทีที่ได้ยิน

ซ่งอิงก็พอคาดเดาได้เช่นกันว่าคนครอบครัวหลี่จะมา เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมาค่อนข้างไวทีเดียวเชียว

การที่หลิวซานเหนียงส่งเสียงเอะอะโวยวายนี้ เท่ากับการร้องเรียกให้เพื่อนบ้านพากันออกมาในชั่วพริบตา

แม้สองวันนี้เป็นช่วงของการเพาะปลูก แต่นั่นก็ขัดขวางบรรดาชาวบ้านให้ออกมาร่วมรับชมฉากเอะอะโวยวายไปด้วยไม่ได้ โดยเฉพาะบ้านนั้นที่แม่สามีวัยชราและลูกสะใภ้คนเล็กซึ่งเพิ่งเข้าสู่ครอบครัวมาหมาดๆ ไม่ต้องทำการทำงานใด อยู่บ้านว่างงานไม่มีเรื่องอะไรต้องทำ ชื่นชอบการรับฟังเรื่องทะเลาะวิวาทเหล่านี้เป็นชีวิตจิตใจ

“ทุกคนมาดูกันเร็ว! นางสารเลวนี่ตอแยลูกชายข้าไม่เลิกราก็แล้วไป เมื่อครู่แสดงความรักแล้วไม่เป็นผลสำเร็จ เลยลงไม้ลงมือต่อลูกชายข้า ตอนนี้ลูกข้ายังนอนซมอยู่บนเตียงนู้น! สวรรค์! หากจิ้นเป่าบ้านข้ามีอันเป็นไป จะให้ข้ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน!” หลิวซานเหนียงเอ่ยปากคร่ำครวญ

ตามจริงหลิวซานเหนียงก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น

รู้เพียงแค่บุตรชายถูกหามกลับมาที่บ้าน และเอาแต่เอ่ยว่าซ่งอิงทุบตี

แม้นางรู้สึกว่าค่อนข้างประหลาดชอบกล แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย โดยเฉพาะเห็นบุตรชายรู้สึกแย่จนหน้าซีดเผือด ในใจบังเกิดความลนลาน เกรงว่าบุตรชายจะล้มป่วยด้วยโรคประหลาด ดังนั้นจึงรีบมายังบ้านซ่งเป็นอันดับแรก

หากจริงๆ แล้วความผิดส่วนใหญ่เป็นเพราะบุตรชาย ก็ต้องพูดออกมาจนเป็นความผิดของซ่งอิงให้จงได้!

เดิมทีนางเด็กสาวสารเลวนี่ก็ตอแยจิ้นเป่าไม่เลิก ตอนนี้ก็ควรสั่งสอนนางเสียบ้าง!

“หลิวซื่อ เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร!” หร่วนซื่อโกรธจัดจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

ภายในบ้านซ่ง เพราะเรื่องราวเมื่อเช้า เหยาซื่อบ้านใหญ่ไม่สบอารมณ์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงทำเพียงมองดูจากบานหน้าต่างด้านหน้า ไม่เตรียมออกหน้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด

ทางด้านบ้านสามนั่นยังคงทำงานอยู่ในไร่ เดิมทีหร่วนซื่อกำลังช่วยบ้านสามทำงาน เพียงแต่เวลานี้เป็นช่วงเที่ยงแล้ว ดังนั้นจึงกลับมาทำอาหารเพื่อนำกลับไป ส่วนบ้านสี่…

นางเหยาบ้านสี่และบ้านใหญ่มีความสัมพันธ์ทางญาติกัน จึงเป็นพรรคพวกเดียวกันมาแต่ไหนแต่ไร ตอนนี้หลบอยู่ในบ้านเลี้ยงดูเด็กๆ

ชายชราและหญิงชราในครอบครัวเพิ่งไปช่วยทางด้านบ้านสามนั่นทำงานเช่นกัน จึงไม่อยู่บ้านทั้งคู่

มีเพียงหร่วนซื่อ ลำพังตัวคนเดียว ไร้ผู้ช่วย เห็นบุตรสาวถูกว่ากล่าวสาดเสียเทเสีย จึงบันดาลโทสะในชั่วพริบตา

“อาสะใภ้หลิวซาน ท่านว่าอะไรนะ? เมื่อครู่ข้าขุดไส้เดือนอยู่ริมแม่น้ำ พอหันไปมองเห็นหลี่จิ้นเป่านอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ทำให้ข้าตกใจแทบแย่ เลยรีบวิ่งออกไปเรียกหาคน นี่ถึงได้หามเขากลับไป ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตเขาต่างหาก เหตุใดท่าน…กลายเป็นมาโทษข้าเสียล่ะ” ซ่งอิงไม่เป็นเดือดเป็นร้อนหรือโกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด ทำเพียงมองพลางเอ่ยถามพร้อมเผยท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ

[1] ซานเหนียง (三娘) ในที่นี้เป็นคำเรียกสตรีวัยกลางคนที่อยู่ลำดับสามในครอบครัว คำว่า ‘ซาน’ เป็นคำอ่านในภาษาจีนซึ่งหมายถึง สาม ส่วนคำว่าเหนียง เป็นคำอ่านในภาษาจีนซึ่งหมายถึง แม่ หรือคำใช้เรียกหญิงที่มีอายุ