บทที่ 13 เรื่องวุ่นวายที่ร้านสมุนไพร

สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!

บทที่ 13 เรื่องวุ่นวายที่ร้านสมุนไพร

“มีอะไรน่าละอายใจกัน? แค่ใช้ได้ก็พอแล้วนี่” ชิงอวี่ยักไหล่ “อีกอย่าง ถึงสองคนนั้นจะยโสแล้วก็ชอบข่มคนอื่นไปสักหน่อย ทว่าจิตใจก็ไม่ได้ชั่วร้ายไปเสียหมด ให้รับมือพวกนางอย่างจริงจังคงทำไม่ได้ แค่ไล่ให้กลัวไปเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”

สายตาของชิงเป่ยพลันอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว

เขาเคยเห็นพี่สาวตนยามสังหารคนอย่างไร้ความปรานี ทว่าแท้จริงแล้วเด็กสาวผู้นี้ภายในลึก ๆ กลับมีจิตใจเมตตาอ่อนโยนนัก

นางที่เป็นเช่นนี้ ดึงสายตาของคนหลายคนเข้ามาได้มากอย่างแท้จริง

“พี่ พวกนางมาเยาะเย้ยเรา ท่านพ่อกลับจากวังหลวงครั้งนี้ในจวนคงจะมีงานเลี้ยงต้อนรับครั้งใหญ่ แล้วพวกเรา…..” ยิ่งพูดน้ำเสียงชิงเป่ยก็ยิ่งอ่อนลง “ที่เป็นเพียงลูกอนุภรรยาย่อมไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยง”

ไม่ต้องแปลกใจ ชิงเป่ยพลันโดนเคาะหัวเข้าให้อีกครา เด็กหนุ่มร้องขึ้นเบาๆด้วยความเจ็บปวด

“สิ่งที่เจ้าต้องทำตอนนี้คือบำเพ็ญตนและแข็งแกร่งขึ้นเสีย แทนที่จะนั่งคิดว่าอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเช่นนั้น เหตุใดไม่เอาเวลาตรงนั้นไปบำเพ็ญเพียรแทนเล่า เมื่อถึงเวลาที่เจ้ามีความสามารถโดดเด่นเหนือใคร จะมีผู้ใดไม่ต้องการช่วงชิงโอกาสพยายามประจบเอาใจเจ้า? ถึงเวลานั้นแล้วเจ้ายังจะรู้สึกขาดท่านพ่อเช่นนี้ของเจ้าอยู่อีกหรือไม่?”

ชิงอวี่ไม่ชอบให้เขาแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา

สีหน้าที่โหยหาถึงความห่วงใจความใส่ใจจากญาติพี่น้อง โหยหาเพียงสายตาแวบหนึ่งจากคนที่ได้ชื่อว่าพ่อผู้นั้น

หึ ญาติพี่น้องอันใดกัน? หากมีเงินตรามีผลประโยชน์ ก็เกิดการทรยศหักหลังขึ้นได้ทุกเมื่อ

เอาอีกแล้ว นัยน์ตาแบบนั้น แววตาที่ดูราวกับไม่ใส่ใจสิ่งใดของนาง

หกปีผ่านมาที่ได้อยู่ด้วยกัน ชิงเป่ยได้เห็นนัยน์ตาที่ราวกับจะเสียดแทงเข้าไปในร่างคนได้เช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง

ทั้งเย็นชา ไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด ราวกับไม่มีสิ่งใดมีค่าพอในสายตานาง

นางคงเคยสัมผัสความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดมาแล้วเป็นแน่

ชิงเป่ยกัดริมฝีปากตนก่อนจะกุมมือนางไว้ “พี่ ข้าขอโทษ ข้าเคยกล่าวจะไม่ทำให้ท่านโกรธอีกแต่กลับทำผิดสัญญา”

“ข้าไม่ได้โกรธ” ชิงอวี่ส่ายหัว “ข้าแค่ไม่อยากเห็นเจ้าดูเศร้าโศกและรู้สึกว่าตนด้อยค่าเช่นนั้น หลังจากไฟไหม้ครั้งนั้นข้านึกว่าเจ้าจะตื่นขึ้นเต็มตาและตัดสินใจได้แล้วว่าคนที่เจ้าสามารถเชื่อใจได้มีเพียงข้า”

“เสี่ยวเป่ย เจ้ามีความโดดเด่น อย่าได้เวทนาตนเองเช่นนั้น วันที่เยี่ยนซู่รู้สึกเสียใจที่ตนทอดทิ้งบุตรชายที่ฉลาดหลักแหลมเช่นเจ้าต้องมาถึงแน่”

“ข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นได้แน่ ข้าจะทำให้พี่ภูมิใจ!” ชิงเป่ยพลันประกาศความมุ่งมั่นออกมา ใบหน้าจริงจังยิ่ง เขาอยากเห็นรอยยิ้มของชิงอวี่ อยากเห็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของนาง

“ข้าเชื่อในตัวเจ้า” นัยน์ตาเด็กสาวอ่อนโยน ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องใบหน้างามที่ดูสวยเย้ายวนราวกับนางจิ้งจอกที่ราวกับถูกอาบด้วยแสงแห่งความบริสุทธิ์

กระทั่งคนใจแข็งอย่างชิงเป่ย ยามเห็นรอยยิ้มบางของนางยังรู้สึกเหมือนตกอยู่ในภวังค์อยู่ชั่วขณะ

พี่สาวคนนี้ของเขา….. ช่างงดงามเกินไปแล้ว!

ไม่แปลกใจเลยที่คุณหนูสองคนนั้นถึงกับหน้าแดงและรีบวิ่งหนีไปอย่างลนลานเช่นนั้น…..

ชิงเป่ยกลับไปบำเพ็ญเพียรต่อ และเพื่อไม่ให้มีผู้ใดสามารถรบกวนเขาได้อีก ชิงอวี่จึงกางเกราะป้องกันรอบกายไว้ให้เขา ล้อมออกไปจนถึงสวนด้านนอก

การถูกรบกวนขณะที่กำลังดำดิ่งอยู่กับการบำเพ็ญเพียร อาจทำให้จิตมารเข้าแทรกได้ นางไม่อยากให้เจ้าเด็กน้อยที่นางเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูมาหลายปีต้องถูกทำลายลงเช่นนั้น

แถมตอนนี้นางยังมีเรื่องสำคัญให้ต้องจัดการด้วย

เวลาเจ็ดวันที่ตกลงกันไว้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว นางยังไม่ลืมหนี้ที่ติดค้างไว้ เมื่อลองนับวันดู….. ฤทธิ์ของยานั่นคงใกล้จะหมดลงเต็มที

นางถอนหายใจออกมาอย่างไร้หนทาง ในช่วงเวลาเหล่านี้ คนเราอาจติดค้างผู้อื่นได้หลากหลายเรื่อง แต่ต้องไม่ใช่หนี้เช่นนี้

มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าบุรุษสองคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ถึงนางจะมีชีวิตอยู่มานานหลายปี ทว่าก็ยังไม่อาจมั่นใจว่าตนจะสามารถรับมือกับพวกเขาได้ ฉะนั้นนางต้องรอบคอบเสียหน่อยเป็นการดี!

เรื่องชวนปวดหัวเช่นนี้….. นางเกลียดเป็นที่สุด

“แม่นาง เจ้าทำผ้าเช็ดหน้าตกไว้…..”

“ท่านน้า ยังต้องการผักเหล่านี้หรือไม่?”

“เอ้ ๆ เดี๋ยวเถอะ เจ้ายังไม่ได้จ่ายเงิน…..”

“ขอทางหน่อย ขอทางหน่อย ทุกคนมารวมกันตรงนี้…..” ทันใดนั้นทุกเสียงก็เงียบลง

บนถนนสายหนึ่งในเมืองหลวง มีชาวบ้านออกมายืนออกันเกือบเต็มถนน พื้นถนนถูกบดบังจากฝูงชนที่มากันมาร่วมกลุ่มกันทำอะไรบางอย่าง

ส่วนสถานที่ที่ชาวเมืองต่างพากันมารวมกลุ่มกันนั้นคือร้านขายยาสมุนไพรเก่าแก่และเป็นที่รู้จัก มีชื่อว่าร้านยาจี้ชื่อ กิจการร้านขายยาดำเนินไปอย่างไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เป็นเพราะเจ้าของร้านเป็นคนหัวรั้น นอกจากจะไม่ยืดหยุ่นเวลาค้าขายแล้ว สมุนไพรทุกชิ้นในร้านยังมีราคาสูงจนน่าขันอีกต่างหาก ชิ้นที่ถูกที่สุดมีมูลค่าถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงิน

เจ้าของร้านกล่าวว่า สมุนไพรเหล่านี้เติบโตในสถานที่ที่มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยม ผลของยาจึงมีฤทธิ์ดีกว่าสมุนไพรธรรมดาสิบเท่า ทว่าไม่มีใครเชื่อคำเขา คิดว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเพียงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งเท่านั้น

หนึ่งคนปล่อยเรื่องขำขัน ร้อยคนเล่ากันปากต่อปาก จนกระทั่งกิจการร้านยาสมุนไพรจี้ชื่อนั้นไร้ลูกค้าเข้ามาเยี่ยมเยียน ทว่าเจ้าของร้านก็ยังยืนยันคำเดิม เชื่อว่ายังมีคนที่เห็นคุณค่าที่แท้จริงของสมุนไพรของเขา

และในวันนี้ คนที่เห็นค่าในสมุนไพรของเขาก็ได้มาถึงจริง ๆ

ไม่เพียงแต่รู้ถึงคุณค่าที่แท้จริงของตัวยา ทว่าร้านยาที่ไม่เคยมีลูกค้า วันนี้กลับเต็มไปด้วยผู้คนที่แห่แหนพากันมาจนแน่นร้าน

เถ้าแก่ร้านวัยชราลูบหนวดยาวของตน มองใบหน้าเด็กหนุ่มร่างผอมสูงในชุดสีม่วงเข้มตรงหน้าด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“เถ้าแก่ร้าน ยังมีหญ้าจือหลานอยู่อีกหรือไม่? ข้าต้องการอีกสามกำ” เถ้าแก่ร้านที่กำลังมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างครุ่นคิดเพิ่งนึกได้ว่ามีคนเรียกหาตน ยามเมื่อสบสายตาเจือรอยยิ้ม และนัยน์ตาที่แฉลบขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้าชายชราก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงจาง ๆ

“มีสิ นายน้อยรอสักครู่ ข้าจะไปนำมาให้เดี๋ยวนี้” พูดจบก็เดินไปที่หลังร้าน

เด็กหนุ่มผู้นี้….. มีใบหน้าเย้ายวนดั่งปีศาจ

“ฮิ ๆ….. เขายิ้มให้ข้าด้วย….. คนอะไรจะมีใบหน้างดงามได้ถึงเพียงนี้…..” หญิงสาวอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปีผู้หนึ่งกัดผ้าเช็ดหน้าตนด้วยความตื่นเต้น ดวงตาปริ่มไปด้วยน้ำตา

“ชีวิตข้าได้เห็นความงามเช่นนี้เป็นขวัญตา ถึงตายข้าก็ไม่เสียดายชีวิต!” ท่านน้าผู้หนึ่งในชุดเรียบง่ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่าร้อน

“เจ้าโง่นี่ ข้าก็ว่าทำไมเจ้าถึงไม่ไปขายเนื้อ แต่ดันวิ่งมาที่ร้านยาจี้ชื่อแทนเสียนี่ มาแอบดูเด็กชายรูปงามอยู่นี่เอง!”

ท่านป้าอายุสามสิบกว่าผู้หนึ่งยืนเท้าสะเอวสีหน้าดุร้ายยิ่งนัก มือหนึ่งกำลังดึงหูของชายร่างกำยำผู้หนึ่งออกมาจากฝูงชน ทำให้ชายผู้นั้นส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา “เมียจ๋า….. เบา ๆ หน่อย เบา ๆ หน่อย ข้าแค่ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มที่ไหนรูปงามขนาดนี้ก็เลยแอบมาดูเท่านั้นเอง…..”

“เพ้ย! ฟังเจ้าพูดเข้าสิ! บุรุษตัวโตอย่างเจ้ามาแอบดูแม่นางน้อยยังพอว่า เจ้ากลับมาแอบดูเด็กหนุ่ม!” ท่านป้าร้องเพ้ยออกมาทีหนึ่ง ก่อนจะเบิกตามองเข้าไปในร้านเพื่อดูว่าเจ้าเด็กคนนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร เหตุใดจึงสามารถพาสามีของนางแล่นมาถึงที่นี่ได้

เถ้าแก่ร้านเพิ่งจะเดินออกมาจากหลังร้าน ในมือถือหญ้าจือหลานสามกำมาด้วยก่อนจะส่งให้เด็กหนุ่ม “นายน้อย ท่านซื้อสมุนไพรข้าตั้งเยอะ หญ้าจือหลานห้ากำ ผลไม้เคลือบสีหนึ่งผล ดอกร่ำไห้โลหิตสองดอก ทั้งหมดราคาสองพันสามร้อยห้าสิบตำลึงเงิน ข้าจะลดราคาให้ก็แล้วกัน เหลือแค่สองพันสองร้อยตำลึงเงิน”

“ขอบคุณเถ้าแก่มาก ด้านในนี้มีเงินสองพันสองร้อยตำลึงเงินอยู่” ชิงอวี่ยิ้มก่อนส่งแผ่นสีทองแผ่นหนึ่งให้เถ้าแก่ร้าน หลายปีมานี้นางขายยาได้เงินมาบ้าง เงินเพียงเท่านี้นางไม่คิดว่าจะมากอันใด

นางเก็บสมุนไพรที่ซื้อมาไว้อย่างดี ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากร้าน จากนั้นจึงถึงสังเกตว่าที่หน้าประตูร้านมีฝูงชนยืนมุงอยู่เต็มไปหมด ส่งผลให้นางชะงักไปชั่วครู่

เมื่อครู่นางมัวแต่ตั้งใจเลือกสมุนไพร ไม่ได้รับรู้ถึงเหตุการณ์รอบตัวเลย

และแววความสับสนในดวงตาหงส์ยวนใจคู่นั้นก็ถูกฝูงชนที่มาออกันอยู่หน้าร้านจับจ้องไว้ได้พอดี

“โอ๊ย….. ช่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน! ราวกับนัยน์ตาของสัตว์ตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความสับสนมึนงงเสียนี่กระไร….. หัวใจเปราะบางของสาวน้อยอย่างข้าไม่อาจทนรับไหว~~”

ท่านป้าผู้นี้คือท่านป้าที่เพิ่งจะเอ็ดสามีตนเองไปหมาด ๆ ทว่าตอนนี้สีหน้าของนางกลับเต็มไปด้วยความหลงใหลในนัยน์ตาหงส์คู่นั้นแทนเสียนี่