“มีอะไร?”

จั๋วฝานค่อยๆหันกลับมามองสาวงามตาเฉย แต่ซ่งเฉียนที่โดนจั๋วฝานจต้องกลับหน้าแดง ก้มหัวลงโดยไม่รู้ตัว ไม่กล้ามองเขา

“ข้ายังไม่รู้ชื่อน้องชายเลย บุญคุณวันนี้ เราตระกูลซ่งจะชดใช้ในอนาคต!”

“ไม่จำเป็น!”จั๋วฝานพูดเสียงเย็น หมุนตัวเตรียมจากไป

โดยไม่รู้ตัว ซ่งเฉียนมองเขาอย่างลึกซึ้ง รู้สึกว่ามีบางอย่างในหัวใจนางขาดหายไปแบไร้เหตุผล นางคิดว่านางเป็นสาวงามภายในรัศมีร้อยลี้รอบตระกูลนาง ซึ่งชายใดจะต้องหลงนางตอนพบเจอนาง

แต่ตอนนี้ ในสายตาจั๋วฝาน นางเหมือนอากาศ ซึ่งทำให้นางอดรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในหัวใจไม่ได้

นางเดินไปหาจั๋วฝาน แต่ก็หยุดชะงักทันทีที่ยื่นมือออกไป

แต่ทว่า จั๋วฝานไม่ดูเหมือนจะรู้ความหมาย เขาเลิกคิ้วและพูด”มีอะไรงั้นเหรอ?”

คนโง่เอ้ย!

ซ่งเฉียนก่นด่าภายในใจ แต่รอยยิ้มทรงเสน่ห์กลับก่อตัวที่มุมปาก”น้องชาย เจ้ากำลังจะไปไหนหรือ?”

“ไม่ใช่เรื่องอะไรของเจ้า!”จั๋วฝานตะคอกเสียงเย็น โดยไม่คิดเหลือบมองนาง เขาเดินผ่านนางไป ซ่งเฉียยหน้ากระตุกและรีบตะโกน”เรากำลังจะไปเมืองฮั่วอวี่เพื่อเข้าร่วมงานไป่ตาน ข้าสงสัยว่าน้องชายก็กำลังเดินทางไปที่นั่นหรือเปล่า?”

ฝีเท้าเขาหยุดชะงัก และจั๋วฝานก็ค่อยๆหันมา ขมวดคิ้ว”เมืองฮั่วอวี่ …ใช่ที่อยู่ของเจ็ดตระกูลใหญ่หรือไม่?’

“ใช่!”

ครั้งนี้ ซ่งอวี่พยักหน้าและรีบก้าวมา”หอคอยฮั่วอวี่จะจัดงานไป่ตานทุกสิบปี ใครก็ตามที่มีฝีมือปรุงโอสถหรือตระกูลที่สืบทอดวิชาลับด้านนี้จะได้ไปเข้าร่วม ถ้าพวกเขาโชคดีพอเป็นที่โปรดปรานของหอคอยฮั่วอวี่ พวกเขาจะได้เข้าร่วมเป็นตระกูลภายใต้และจะได้รับการคุ้มครองของเจ็ดตระกูลใหญ่!’

พอได้ยิน จั่วฝานก็อดแตะจมูกอย่างขบคิดไม่ได้

เนื่องจากมันเป็นงานไป่ตาน จำนวนวัตถุดิบปรุงโอสถหายากจะต้องมารวมกัน และบางทีคงมีวัตถุดิบที่สามารถฟื้นคืนชีวิตของไข่ได้

พอคิดได้ มุมปากของจั๋วฝานก็ยกโค้งขึ้น เขามองคนทั้งสอง”ข้าเองก็อยากลองไปดูงานไป่ตานนี้เช่นกัน”

“วิเศษ ทำไมเราไม่ไปด้วยกันละ”ซ่งเฉียนอดยินดีไม่ได้ตอนได้ยินและอุทาน

จั๋วฝานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ยังไงซะ เขาก็ได้เข้าแวดวงอิทธิพลของเจ็ดตระกูลใหญ่อยู่แล้ว มันคงดีที่จะปกปิดตัวตน แค่เข้าไปกับตระกูลซ่งและแกล้งเป็นสมาชิกตระกูลซ่ง

พอเห็นว่าเขาตกลง พี่น้องตระกูลซ่งก็ดีใจมาก เหนือสิ่งอื่นใด ด้วยพลังของจั๋วฝาน ความปลอดภัยของพวกเขาก็จะเป็นที่รับรอง

“แล้ว ข้ายังไม่รู้ชื่อน้องชายเลย?”

“ลั่วฝาน!”จั๋วฝานแตะจมูกและหัวเราะเบาๆ

เขาไม่กล้าใช้ชื่อเขาเพื่อเข้าสังคมอีก ไม่เหมือนกับการไปเมืองชิงหมิง ตอนนี้มันเดาได้ว่าคงมีคนน้อยมากในจักรวรรดิเทียนอวี่ที่จะไม่รู้จักชื่อเขา

แถม เดิมเขาเป็นพ่อบ้านตระกูลลั่ว มันสมเหตุสมผลที่จะยืมสกุลลั่วมา

“ซ่งเฉียน ซ่งอวี่!”สองพี่น้องประสานมือเข้าด้วยกันและหัวเราะ

จากนั้นจั๋วฝานก็ตามติดสองพี่น้องตระกูลซ่งไป ซ่งอวี่ผู้น้องขับรถม้าที่ด้านหน้า ส่วนซ่งเฉียนกับจั๋วฝานนั่งด้านใน ยังมีอุปกรณ์กับวัตถุดิบปรุงโอสถมากมายวางอยู่

มันแค่ว่าจั๋วฝานดูถูกวัตถุดิบเหล่านี้

แต่ซ่งเฉียนที่ไม่รู้เรื่องกลับหัวเราะลั่น ใบหน้าของนางแดงอย่างไม่มีเหตุผล

จั๋วฝานกลอกตาอย่างหน่ายใจ ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะป่วยหรือโง่ เขาก็คิดว่าจะไม่อยู่กับพวกนางอีก

นับตั้งแต่นั้น จั๋วฝานก็โดนซ่งเฉียนจ้องเหมือนเขาเป็นสัตว์ในฤดูผสมพันธุ์ เขาอยากเปลี่ยนไปขับรถม้าแทนซ่งอวี่หลายครั้ง แต่ก็มักโดนชายหนุ่มด้านหน้าขัดด้วยความภาคภูมิ ทำให้เขาต้องทนสายตาเร่าร้อนของหญิงสาวต่อ

ระหว่างทาง ประมาณครึ่งเดือนต่อมา รถม้าค่อยๆหยุดตรงหน้าประตูเมือง ซ่งอวี่ดึงม้าเขาและหัวเราะ”พี่ชายลั่ว พี่สาว เรามาถึงแล้ว”

“ในที่สุด!”จั๋วฝานกระโจนออกรถม้าเหมือนลิงในบัดดล เป็นอิสระจากสายตาเร่าร้อน แต่เมื่อเห็นประตูเมือง เขาก็ขมวดคิ้วและก่นด่า”ไหนเมืองฮั่วอวี่ พวกเจ้าล้ออะไรข้าเล่น?”

ด้านบนประตูเมือง มีตัวอักษรเขียนไว้ชัดว่า’เมืองหลานหลิง!’

สถานที่นี้ไม่ได้อยู่ในแวดวงอิทธิพลของเจ็ดตระกูลใหญ่ แต่เป็นพท้นที่ที่โดนควบคุมโดยราชวงศ์

“ฮ่าๆๆ.พี่ชายลั่ว ไม่ต้องห่วง เมืองหลานหลิงนี้มีเพื่อนของพ่อข้าอยู่ เข้าไปเมืองหลานหลิงเพื่อซื้อวัตถุดิบปรุงโอสถกันหน่อย จากนั้นก็ค่อยไปงานไป่ตาน เพื่อที่เราจะได้มีโอกาสชนะใจหอคอยฮั่วอวี่เพิ่ม”

พอเห็นสายตาแน่วแน่ของซ่งอวี่ จั๋วฝานก็ส่ายหัวและถอนหายใจ

ซ่งเฉียนเปิดม่านและกระโดดลงรถม้า ราวกับเห็นความคิดเขา นางมองเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด”เดินทางกับข้ามันไม่สะดวกหรือไง?’

จั๋วฝานยักไหล่และเงียบ

แต่ซ่งอวี่กลับหัวเราะลั่นและแสดงรอยยิ้มที่ผู้ชายถึงเข้าใจกันได้ให้จั๋วฝาน”พี่ชายลั่ว ข้ารู้ว่าท่านคิดอะไร เหมือนกับท่าน ข้าเองก็อยากเร่งไปเมืองฮั่วอวี่ ข้าได้ยินว่าเถ้าแก่เนี้ยทั้งสิบห้าของหอคอยฮั่วอวี่สวยมาก โดยเฉพาะเถ้าแก่เนี้ยใหญ่ คุณหนูฉู่ชิงเฉิง ผู้สวยสุด และเป็นที่รู้จักกันในนามสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเทียนอวี่ ถ้าข้าได้ยลโฉมนางสักครั้ง ข้าก็ตายตาหลับแล้ว”

ใบหน้าของซ่งอวี่เต็มไปด้วยความโรคจิต ราวกับเขาเห็นหน้าของฉู่ชิงเฉิงแล้ว แต่ตอนเขาได้สติกลับและเห็นใบหน้ามืดมนของพี่สาวเขา เขาก็เม้มปากและพูดกับจั๋วฝาน”คนแบบพี่สาวข้าก็ถือว่าเป็นสาวงามหาจับตัวยาก แต่..ผู้ชายอย่างเราจะยอมออกจากป่าเพื่อต้นไม้ต้นเดียวได้ไง?”

“เสี่ยวอวี่ เจ้ากำลังพูดถึงอะไร?”

มันดูเหมือนหลังได้ยินคำพูดเขา ซ่งเฉียนจึงมองเขาอย่างโกรธ ขณะที่ซ่งอวี่รีบหลบด้วยความกลัว จั่วฝานมองเขาและส่ายหัว

สองพี่น้องเป็นพวกโง่ไร้สาระอย่างแท้จริง ข้าต้องรีบตีตัวออกห่างโดยเร็ว ไม่งั้นสติปัญญาของข้าคงเสื่อมถอย

“เฉียนเอ๋อร์!”

ทันใดนั้น เสียงร้องแปลกใจก็ดังขึ้นและสองพี่น้องก็หยุดหันไปมองแหล่งเสียง แต่ตอนนางเห็นคนคนนั้น ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนไป

ชายคนนั้นคือชายหนุ่มแต่งตัวดูดี เขามีพลังระดับหลอมกระดูกขั้นสี่ และถือเป็นคนหนุ่มมีพรสวรรค์ แต่ทว่า พอเห็นเขามาด้านหน้านาง ซ่งเฉียนกลับพยักหน้าอาย ๆ”พี่ชายเทียนเหล่ย!”

ใบหน้าของซ่งอวี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารีบขยับไปข้างจั๋วฝาน”เขาคือฉีเทียนเหล่ย ตระกูลอันดับหนึ่งในเมืองหลานหลิง นายน้อยของตระกูลฉี ตระกูลฉีกับตระกูลซ่งของข้าเป็นมิตรกัน แต่พวกเขาเป็นตระกูลระดับสอง ส่วนข้าเป็นแค่ระดับสาม ดังนั้น พวกเขาจึงมักดูถูกเรา แต่ฉีเทียนเหล่ย ทุกครั้งที่เขาเห็นพี่สาวข้า เขาจะเป็นบ้า”

จั๋วฝานอดจ้องสองพี่น้องตระกูลซ่งไม่ได้ เขาถอนหายใจและหัวใจก็เต็มไปด้วยอารมณ์

ตระกูลซ่งช่างคล้ายกับตระกูลลั่วนัก แต่ด้วยความช่วยเหลือของจักรพรรดิปีศาจเยี่ยงเขา ตระกูลลั่วจึงเดินไปทางเส้นทางตระกูลระดับหนึ่ง แต่ตระกูลซ่งนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

เห้อ พวกไร้โชคชะตา!

“เฉียนเอ๋อร์ เขาเป็นใคร?”

ทันใดนั้น หลังจับมือเนียนนุ่มของซ่งเฉียน ฉีเทียนเหล่ยก็เห็นอีกคน แต่เมื่อสายตาของเขามองข้ามซ่งอวี่ เขาดันพบจั๋วฝาน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและความเป็นปฏิปักษ์ก็เปิดเผยออกมา

“พี่ชายเหล่ย…เขาคือเพื่อนเรา”ซ่งเฉียนดูเหมือนจะกลัวฉีเทียนเหล่ย และเสียงก็สั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังอยากปกป้องจั๋วฝาน นางรีบใช้รอยยิ้มทรงเสน่ห์และเปลี่ยนเรื่อง”ใช้แล้ว พี่เทียนเหล่ย ท่านรู้ได้ไงว่าเราจะมาถึงวันนี้?”

“ข้าได้รับจดหมายจากลุงซ่ง”

ฉีเทียนเหล่ยพูดออกมา จากนั้นก็เมินการป้องกันของซ่งเฉียน เดินดิ่งไปหาจั๋วฝาน พูดเสียงเย็น”เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเฉียนเอ๋อร์?”

“คือ พี่ชายฉี เขาเป็นเพื่อนของข้า”

เพี้ย!

ซ่งอวี่อยากอธิบาย แต่ฉีเทียนเหล่ยกลับตบหน้าด้วยหลังมือ”ข้าไม่ได้ถามเจ้า!”

จากนั้น ฉีเทียนเหล่ยก็มองจั๋วฝานอีกครั้ง พูดอย่างดุดัน”พูดมา”

จั๋วฝานหรี่ตา เหลือบมองซ่งเฉียนที่รีบมาช่วยซ่งอวี่ พอเห็นทั้งสองตัวสั่น เขาก็รู้ว่าพวกเขาคงโดนนายน้อยตระกูลฉีข่มมาตลอดและอดเผยรอยยิ้มชั่วร้ายไม่ได้

“ระหว่างทาง ข้ากินนอนกับเฉียนเอ๋อร์ เราไม่เคยออกจากรถม้า เจ้าคิดว่าเราเกี่ยวพันกันอย่างไร?”

ซ่งเฉียนตกใจ นางไม่คิดว่าจั๋วฝาน ผู้มักจะไม่แยแสกลับตอบแบบนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจยั่วโมโหฉีเทียนเหล่ย

หลังได้ยินคำพูดนั้น รูม่านตาของฉีเทียนเหล่ยก็หดลง และกลิ่นอายของผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกขั้นสี่ก็ไหลทะลัก

“บัดซบ วันนี้ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย!”ฉีเทียนเหล่ยคำรามและกระโจนใส่จั๋วฝาน

แต่จั๋วฝานกลับยืนนิ่งไม่ขยับ

ทันใดนั้น คลื่นที่มองไม่เห็นก็พลันแผ่ออกจากตัวจั๋วฝาน

ในชั่วพริบตา จิตสังหารเย็นยะเยือกก็กวาดผ่านหัวของทุกคน ทำให้พวกเขาไม่สามารถหยุดตัวไม่ให้สั่น เหมือนกับกระต่ายขาวต่อหน้าสิงโต ไร้อำนาจต่อต้าน

ฉีเทียนเหล่ยผู้กำลังกระโจนไปเองก็หยุดชะงัก ราวกับเห็นขุมนรกตรงหน้า เหงื่อไหลซึมออกมาทั่วตัว ตัวของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่ได้

สำหรับความโกรธก่อนหน้า มันสลายหายไปทันที

จิตสังหาร พลังของผู้บ่มเพาะอาณาจักรเซียน

แม้จั๋วฝานจะยังไม่ถึงอาณาจักรเซียน และไม่สามารถใช้ความคิดฆ่าคนได้ แต่พลังปราณปัจจุบันของเขาก็แข็งแกร่งพอ และเขายังบ่มเพาะวิชามังกรปีศาจคำราม

ต่อให้ไม่ไปถึงระดับที่จิตสังหารจะฆ่าคนได้ มันก็เป็นไปได้ที่จะข่มขวัญคน

พลังประเภทนี้ แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับนภาก็ยังใช้ไม่ได้ แต่ทว่า จั๋วฝานเป็นกรณีพิเศษ

เขาค่อยๆเดินไปตรงหน้าฉีเทียนเหล่ย ฉีเทียนเหล่ยหน้าซีดด้วยความกลัวและไม่สามารถขยับตัวได้ จั๋วฝานค่อยๆยื่นปากไปใกล้หูเขา กระซิบเสียงเบา”ถ้าเจ้ายังปากดีใส่ข้าอีก ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งเสีย!’

ปึก!ฉีเทียนเหล่ยล้มลงกับพื้น หลั่งเหงื่อเย็น และกางเกงก็ยังเปียกชุ่มไปด้วยปัสสาวะของตัวเอง

ตอนตระกูลซ่งเห็น ทั้งคู่ก็ตกตะลึง…