บทที่ 8 ชักชวน (รีไรท์)
บทที่ 8 ชักชวน (รีไรท์)
โจวอี้ ซื้อสมาร์ตโฟน แต่ราคานั่นทำให้เขาเจ็บปวดมาก
เขาเอาเงินสี่พันหยวนติดตัวมาด้วยก่อนจะออกจากภูเขาชางหลาง จนถึงตอนนี้เขาใช้เงินไปสองพันสองหยวนแล้ว ยังเหลือเงินในกระเป๋าอีกพันแปดร้อยหยวน
ไม่สิยังมีอีกสี่ดอลล่าร์ในกระเป๋า
เงินที่เพิ่มมาได้มาจากการช่วยเหลือผู้คนในที่เกิดเหตุทางรถยนต์
“ราคานี้มันขูดเลือดขูดเนื้อกันชัด ๆ”
“ฉันต้องทำเงินให้ได้เร็ว ๆ ซะแล้วไม่งั้นหลังจากนี้ฉันคงต้องกินดินแทนข้าวแน่ ๆ”
โจวอี้สูดหายใจเข้าลึกและมองไปที่โรงเรียนอนุบาลนานาชาติโยโกฮาม่า
******
โรงเรียนอนุบาลนานาชาติโยโกฮาม่า
ในสำนักงาน ผู้อำนวยการเฉินเยว่ฉินไม่รีบร้อนในการทำงาน เธอยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูเกล็ดหิมะตกข้างนอก และยังคงคิดถึงเรื่องฉุกเฉินในตอนเช้า
พ่อของถังเหมียวเหมียว!
ผู้ชายของดาราดัง ‘ถังหว่าน’!
เธออยากรู้มากเกี่ยวกับชายหนุ่มที่ชื่อโจวอี้
ทุกชั้นเรียนในโรงเรียนอนุบาลมีกล้องวงจรปิดถ่ายอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง เธอยืนยันว่าโจวอี้ช่วยชีวิตเธอจริง ๆ เมื่อเธออยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากอาการหัวใจวาย และยังใช้การฝังเข็มในการแพทย์แผนจีนอีกด้วย
ในตอนนี้เธอรู้สึกดีมาก หัวใจของเธอเต้นแรงและมั่นคง
“ก๊อก ก๊อก……”
ประตูสำนักงานถูกเคาะและมีหญิงสาวคนหนึ่งรีบเข้ามา
“ผู้อำนวยการ เขา… เขามาอีกแล้ว” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก
“ใครมาอีกแล้ว อธิบายให้ชัด” เฉินเยว่ฉิน หันกลับมาขมวดคิ้วและถาม
“เป็นไอ้คนชั่วร้ายที่มาเมื่อเช้า…แค่ก ๆ ไม่ใช่ เป็นพ่อของถังเหมียวเหมียว สุภาพบุรุษชื่อโจวอี้ เขาบอกว่าเขาต้องการพบคุณ” หญิงสาวรีบพูด
โจวอี้?
เขากลับมาทำไม?
ถังเหมียวเหมียวถูกถังหว่านอุ้มกลับไปแล้ว วันนี้เขาไม่ควรมาที่โรงเรียนอีก!
เฉินเยว่ฉิน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ให้เขามาที่นี่! ฉันอยากรู้ว่าเขาต้องการอะไร”
ครู่ต่อมา
โจวอี้ ผลักเปิดประตูสำนักงานและเดินตรงดิ่งเข้าหาเฉินเยว่ฉิน
“คุณโจว ในเมื่อยืนยันแล้วว่าคุณเป็นพ่อของถังเหมียวเหมียวจริงดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าจึงล้วนเป็นความเข้าใจผิด ดังนั้นแล้วคุณมาที่นี่อีกทำไม? ถังเหมียวเหมียวกลับบ้านกับแม่ของเธอแล้ว” เฉินเยว่ฉินกล่าว
“ผมมาหาคุณโดยเฉพาะ” โจวอี้ยิ้ม ชี้ไปที่โซฟาแล้วถามว่า “นั่งลงแล้วคุยกันได้ไหม?”
“งั้นก็เชิญนั่ง!”
เฉินเยว่ฉิน ไม่เข้าใจว่าโจวอี้ต้องการอะไร แต่เธอไม่ต้องการแสดงออกทางสีหน้าใด ๆ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ เธอจึงไม่ต้องการแบไพ่ให้อีกฝ่ายเห็น
“บอกฉันมาว่าคุณมาที่นี่ทำไม”
“คุณป่วยหนัก” โจวอี้กล่าว
“คุณหมายถึงอะไร?” ใบหน้าของ เฉินเยว่ฉิน ก็มืดลงมาและเธอรู้สึกว่าอีกอีกฝ่ายกำลังตำหนิเธอ
“ผมกำลังระบุข้อเท็จจริงที่เป็นรูปธรรม คุณเป็นโรคหัวใจที่ร้ายแรง คุณน่าจะได้รับการผ่าตัดบายพาสหัวใจมาก่อนใช่ไหม” โจวอี้ผายมือและเอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดนี้เฉินเยว่ฉินก็ตระหนักได้ทันทีว่าเธอเข้าใจโจวอี้ผิด
“คุณรู้ได้อย่างไรว่าฉันผ่าตัดบายพาสหัวใจ ยกเว้นครอบครัวของฉัน แพทย์ และพยาบาลในโรงพยาบาล ไม่มีใครรู้เรื่องนี้” เฉินเยว่ฉิน สงสัย
“ผมเป็นหมอ ผมได้วินิจฉัยในขณะที่รักษาอาการป่วยก่อนหน้านี้ของคุณยังไงล่ะ” โจวอี้กล่าว
“ค่ะ ฉันขอบคุณ” เฉินเยว่ฉิน พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
ขณะเดียวกันเธออยากจะตำหนิโจวอี้ ฉันเป็นโรคหัวใจแต่คุณกลับพยายามทำให้ฉันโกรธคุณเนี่ยนะ?
“ไม่เป็นไร ผมมาที่นี่เพื่อถามคุณว่าอยากจะทำการรักษาต่อเพื่อรักษาโรคหัวใจของคุณให้หายขาดหรือไม่” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้ม
“หายขาด… คุณล้อเล่นหรือเปล่า” เฉินเยว่ฉิน กล่าวด้วยน้ำตาและเสียงหัวเราะ
“ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมรักษาโรคได้ แต่ราคาที่ผมจะคิดไม่ถูกหรอกนะ” โจวอี้กล่าว
“คุณโจว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นพ่อของถังเหมียวเหมียวและเป็นสามีของถังหว่าน ฉันคงไล่คุณออกไปแล้ว คุณช่วยหยุดพูดจาเพ้อเจ้อได้ไหมเราทั้งคู่ต่างเป็นผู้ใหญ่ การพูดอะไรต้องอยู่บนหลักเหตุและผลของความเป็นจริง!” เฉินเยว่ฉินเริ่มจริงจังและเตือนโจวอี้อย่างไม่อ้อมค้อม
“คุณไม่รู้สึกเหรอ? หลังจากการฝังเข็มของผมหัวใจของคุณเต้นแรงมากตอนนี้ และมันมีพลังมากกว่าเมื่อก่อน?” โจวอี้ถามอย่างใจเย็น
“ก็ใช่…”
“ถ้าผมสามารถรักษาคุณได้ คุณต้องจ่ายค่ารักษาให้ผม ถ้าผมไม่สามารถรักษาคุณ คุณไม่จำเป็นต้องให้เงินผมเลยแม้แต่แดงเดียวตกลงไหม” โจวอี้กล่าว
“คุณโจว นี่ไม่ใช่เรื่องของเงิน ฉันเคยไปรักษาที่โรงพยาบาลชื่อดังมาหลายแห่งในประเทศจีนแล้ว ฉันผ่านมือแพทย์โรคหัวใจมาจำนวนมากซึ่งผู้เชี่ยวชาญทุกคนต่างก็มีข้อสรุปเช่นเดียวกัน โรคหัวใจของฉันจะไม่มีทางหายขาดได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะเป็นเหมือนคนปกติ…” เฉินเยว่ฉินกล่าวอย่างเศร้าสร้อย
“เพียงเพราะพวกเขาทำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าผมทำไม่ได้ ดังคำกล่าวที่ว่า: อย่าทำงานกับเครื่องลายครามโดยไม่ใช้เพชร ในเมื่อผมกล้ากลับมาหาคุณ ผมย่อมมั่นใจ และอีกอย่างในเมื่อคุณเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ทำไมไม่ให้ผมลองล่ะ?” โจวอี้ยิ้ม
“คุณทำได้จริงๆเหรอ” เฉินเยว่ฉินลังเล
“ผมกล้าโกหกคนอื่น แต่ไม่กล้าโกหกคุณเพราะยังไงซะลูกสาวของผมก็ยังต้องมาเรียนที่โรงเรียนอนุบาลนี้ ถ้าผมรักษาคุณไม่หาย ผมเกรงว่าต่อจากนี้คุณคงจะดูแลลูกสาวผมไม่ดี!” โจวอี้พูดในเชิงบวก
เฉินเยว่ฉิน ได้ยินคำพูดและคิดอย่างเงียบ ๆ
ให้เขาลองดีไหม?
เขาพูดถูก การที่เขากล้ากลับมาแบบนี้เขาจะไม่มั่นใจได้อย่างไร?
และถ้าเขาสามารถรักษาโรคหัวใจของฉันได้จริง ๆ มันจะดีแค่ไหนกัน?
หลังจากผ่านไปพักใหญ๋
เฉินเยว่ฉินเอ่ยถาม “คุณจะรักษาฉันอย่างไร”
“ผมจะให้ใบสั่งยาแก่คุณ คุณสามารถซื้อยาและต้มกินเองได้ ทานทุกเช้าและเย็นเป็นเวลาเก้าวัน” โจวอี้หยิบกระดาษและปากกาออกมา เขียนใบสั่งยา ยื่นให้อีกฝ่ายแล้วพูดว่า “ผมจะฝังเข็มให้คุณทุกสามวัน รวมทั้งหมดสามครั้ง หลังจากการรักษาสิ้นสุดลง คุณไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจและถามแพทย์โรคหัวใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ได้เลย”
“ฉันให้คุณลองได้ ราคาเท่าไหร่?” เฉินเยว่ฉินถาม
“สองหมื่น!”
“ได้!”
ต่อมาทั้งสองคุยกันอีกเล็กน้อยและโจวอี้ก็ลุกขึ้นจากไป
เมื่อเขาออกจากโรงเรียนอนุบาลนานาชาติโยโกฮาม่า เขารู้สึกโล่งใจอย่างช่วยไม่ได้
อันที่จริง เขาเข้าใจความจริงข้อหนึ่ง: ในยุคนี้ ผู้คนมักคิดว่าแพทย์แผนจีนสูงอายุมีทักษะทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือกว่าแพทย์แผนจีนที่เป็นคนหนุ่ม
วันนี้เขาสามารถเกลี้ยกล่อมเฉินเยว่ฉินได้เพราะอ้างเหตุผลที่ลูกสาวของเขาเรียนที่นี่ ไม่งั้นอีกฝ่ายคงไม่ตอบตกลงรับการรักษาง่ายขนาดนี้
โรงพยาบาลจินหลิงที่สาม
เกาหลงออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
เขารู้สึกว่าเขาได้พบกับเหตุการณ์ที่น่าสงสัย ชายผู้บาดเจ็บสาหัสที่มีหลอดเลือดแดงแตกและปอดที่เจาะทะลุ แต่ก่อนเข้าห้องผ่าตัดเลือดกลับหยุดไหลและหายใจได้ราบรื่นซึ่งส่งผลให้ระหว่างการผ่าตัดไม่มีปัญหาใดๆเกิดขึ้นเลยและสิ้นสุดการผ่าตัดอย่างราบรื่น
นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์!
มันยังขัดต่อกฎทางการแพทย์อีกด้วย!
“จริงสิ วีดีโอนั้น…”
เกาหลงนึกบางอย่างขึ้นได้ เขารีบถอดหน้ากากออกอย่างรวดเร็วและรีบไปที่ห้องทำงานโดยไม่แม้แต่จะถอดชุดผ่าตัด เขาแทบรอไม่ไหวที่จะดูวิดีโอและดูว่าหมอหนุ่มทำอะไรก่อนมาถึงที่เกิดเหตุ