“ฉันไม่คิดว่าเขาจะมีความสามารถในการควบคุมจิตใจเหมือนกับฉัน ดังนั้นครั้งนี้ถือว่าเป็นความประมาทของฉันเองที่ไม่ตรวจสอบดูให้ดีซะก่อน … แถมเขาก็แค่อยากจะเอาคืนที่ฉันไปควบคุมจิตใจของบริ๊งค์ก็แค่นั้น และมันก็เป็นคำเตือนไปในตัวด้วย“ น้ำเสียงที่พูดออกมาของราชินีสีขาวมันดูหม่นหมองเล็กน้อย ทำให้ปีศาจแดงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ถึงกับมึนงง ไม่ใช่ว่าเธอควรจะโกรธเขาไม่ใช่หรอที่เขาทำให้เธออับอายขายขี้หน้าขนาดนั้น ? แม้ว่าซู่เจินจะแข็งแกร่ง แต่มันก็ไม่น่าจะทำให้ราชินีสีขาวถึงกับต้องหวาดระแวงหรอกจริงไหม ?

และสิ่งที่ทำให้ปีศาจแดงยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีกก็คือ ตอนนี้ราชินีสีขาวกำลังยิ้มอยู่ราวกับว่าเธอพอใจในผลลัพธ์นี้มาก?

“ตอนนี้พวกเราจะต้องเพ่งความสนใจไปที่แม็กนีโต้ให้มากที่สุด และถ้าเกิดว่าเขามาสร้างปัญหาให้กับซู่เจิน ให้รีบแจ้งให้ฉันทราบทันที!” ราชินีสีขาวไม่ได้สนใจท่าทางที่ปีศาจแดงแสดงออกมาอีกต่อไป และเธอก็ค่อย ๆ พูดขึ้นมาเบา ๆ

“รับทราบ“

ปีศาจแดงตอบรับขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับพาเจอร์นี่ออกไปทันที

ราชินีสีขาวเดินกลับไปที่โซฟาและนั่งลงพร้อมกับยกเลิกความสามารถร่างกายเพชรของเธอ และค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะที่ริมฝีปากของเธอเบา ๆ

“ซู่เจิน! ยิ่งฉันรู้จักคุณมากเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งสนใจคุณมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น … ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าคุณจะเติบโตไปได้ไกลแค่ไหน ดังนั้นก่อนที่จะถึงตอนนนั้นฉันจะช่วยคุณแก้ปัญหาบางอย่างให้ก่อนแล้วกัน หวังว่า … คุณจะไม่ทำให้ฉันผิดหวัง!“ ราชินีสีขาวบ่นพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ ในขณะเดียวกันตอนนี้ซู่เจินและบริ๊งค์ก็ปรากฏตัวขึ้นมาในสถานที่ที่ค่อนข้างห่างไกลที่ไหนสักแห่งหนึ่ง

“บอส! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? แล้วพวกเขาเป็นใคร ?” บริ๊งค์อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอย่างสงสัย

“คุณเคยได้ยินเรื่องของเฮลไฟร์คลับมาบ้างไหม? “ ซู่เจินไม่ได้ตอบแต่ถามขึ้นมาแทน

บริ๊งค์พยักหน้าเบา ๆ และพูดว่า “นิดหน่อย ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่รวบรวมมนุษย์กลายพันธ์เอาไว้มากมาย หรือว่าเมื่อกี้คือเฮลไฟร์คลับงั้นหรอ ? แล้วทำไมพวกเราถึงไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ ? “

“ผู้หญิงผมบลอนด์คนนั้นถูกเรียกว่าราชินีสีขาวเธอมีความสามารถในการใช้พลังจิตและควบคุมจิตใจ และหลังจากที่เธอเกิดการกลายพันธ์ครั้งที่สองเธอก็มีความสามารถในการทำให้ร่างกายของเธอกลายเป็นเพชรได้ นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงผิวสีแดงอีกคนหนึ่งเธอถูกเรียกว่าปีศาจแดง ซึ่งมีความสามารถคล้าย ๆ กับของคุณ และผู้ชายที่คุณเคยส่งเขาไปที่อื่นนั้นมีชื่อว่าเจอร์นี่! และคุณก็อย่าคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่ไม่มีความสามารถพิเศษล่ะ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถพิเศษ แต่เขาก็เป็นถึงปรมาจารย์ด้านการต่อสู้และกลยุทธ์!“ ซู่เจินค่อย ๆ อธิบายขึ้นมาอย่างช้า ๆ และพูดต่อว่า “สำหรับเรื่องที่ว่าพวกเราไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร ก็เพราะว่าคุณถูกราชินีสีขาวควบคุมจิตใจเอาไว้! ไหนคุณลองคิดดูสิว่าก่อนที่คุณจะถูกควบคุมคุณกำลังทำอะไรอยู่“

บริ๊งค์ส่ายหัวเบา ๆ และพูดว่า “ฉันจำได้ว่าฉันออกมาซื้อของ แล้วหลังจากนั้น … ฉันก็ไม่รู้อะไรอีกเลย นอกจากเหตุการณ์เมื่อกี้นี้!”

“ดูเหมือนว่าราชินีสีขาวจะให้ความสนใจเกี่ยวกับผมมานานมากแล้ว เพราะว่าเธอสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของผมได้อย่างแม่นยำ รู้แม้กระทั่งเวลาที่ผมออกมาจาก SHIELD และเธอก็รู้เวลาที่คุณจะออกไปซื้อของ พร้อมกับใช้โอกาสนั้นในการควบคุมจิตใจของคุณ และเธอก็ใช้คุณเป็นตัวล่อให้ผมต้องไปที่เฮลไฟร์คลับ “ ซึ่งซู่เจินก็รู้แล้วว่าบริ๊งค์ถูกควบคุมอยู่ตั้งแต่ตอนที่เธอเปิดประตูพอร์ทัลขึ้นมาอย่างกระทันหัน

และซู่เจินก็คิดว่าเธอคงจะคาดเดาได้อย่างแน่นอนว่าเขาจะบินผ่านไปทางไหน ทำให้เธอเลือกที่จะควบคุมบริ๊งค์ไปที่นั่นเพื่อที่จะให้ซู่เจินสามารถสังเกตุเห็นบริ๊งค์ได้อย่างชัดเจน

ซึ่งมันอยู่ในการคำนวนทั้งหมดของเธอ!

แม้ว่าราชินีสีขาวจะทำแบบนี้ก็เพื่อให้เขาร่วมมือกับเธอและเข้าร่วมกับเฮลไฟร์คลับ แต่ถึงอย่างงั้นซู่เจินก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี อาจจะเป็นเพราะว่าความแข็งแกร่งของราชินีสีขาวในตอนนี้มันมีมากเกิดว่าที่ซู่เจินจะกำราบเธอได้อย่างสมบูรณ์

มันคงจะดีกว่าที่เขาจะไม่ยั่วโมโหผู้หญิงที่มีความสามารถในการคาดเดาเก่งขนาดนี้ แม้ว่า … รสชาติของไวน์ในตอนนั้นมันจะดีมากก็ตาม!

“คุณยังไม่ได้ซื้อของใช่ไหม ? งั้นเดี๋ยวพวกเราไปซื้อของแล้วกลับไปที่ฐานกันเถอะ“ ซู่เจินพูดขึ้นมา พร้อมกับมองไปที่บริ๊งค์ที่กำลังมีท่าทางเย็นชาเล็กน้อยในตอนนี้

“อืม“ บริ๊งค์พยักหน้าเบา ๆ

หลังจากที่พวกเขาซื้อของด้วยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับไปที่ฐานและเริ่มทำงานกันทันที

หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ซู่เจินไม่ได้ออกไปไหนเลยแม้แต่น้อย เขาอยู่แต่ที่ฐานเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนงานก่อสร้างอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับดูดกลืนอนุภาคอีเทอร์ในช่วงเวลาก่อนนอนทุกวัน ๆ

แถมในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้แม็กนีโต้ก็ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษหรือส่งคนมาจัดการกับเขา ส่วนทางด้านของเฮลไฟร์คลับก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน ราวกับว่าเรื่องที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

แม้แต่ S.H.I.E.L.D. ก็ยังไม่มีภารกิจอะไรเข้ามาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าโลกในตอนนี้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าโลกแห่งนี้มันจะไม่มีวันสงบสุขอย่างแน่นนอน แต่อย่างน้อยขอแค่มันสงบสุขสักสองสามวันแค่นี้มันก็เยี่ยมมากแล้ว ขอแค่ให้เขาสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น เพราะว่าในช่วงที่ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแบบนี้มันทำให้การก่อสร้างฐานของเขาคืบหน้าไปเร็วมาก

อย่างไรก็ตามชีวิตที่แสนสงบสุขของซู่เจินก็จะสิ้นสุดลงในเร็ว ๆ นี้ เพราะว่าตอนนี้ดันเจี้ยนได้ถูกรีเฟชรเสร็จเรียบร้อยแล้ว แถมหลังจากที่เขาอัพเกรดระบบมันก็ทำให้การรีเฟรชของดันเจี้ยนมันสั้นลงเหลือเพียงแค่ 15 วันเท่านั้น และระยะเวลาที่เขาจะอยู่ในดันเจี้ยนได้ก็เพิ่มขึ้นเป็น 7 วัน พร้อมกับดันเจี้ยนแห่งที่สาม ซึ่งซู่เจินก็ได้คิดพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าดันเจี้ยนแห่งที่สามของเขาจะเอาเป็นอะไรดี!

ในโลกของ DC นั้นเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับดันเจี้ยนของแอร์โรว์และเดอะแฟลชมาก และเนื่องจากที่ดันเจี้ยนทั้งสองแห่งนี้มันอยู่ในโลกของ DC เหมือนกัน มันก็เลยทำให้เนื้อเรื่องมันสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้

เมื่อลองสังเกตจากไทม์ไลน์และการวิเคราะห์ของเขาแล้ว สิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดกับดันเจี้ยนของกรีนแลนเทิร์นก็น่าจะเป็นแอร์โรว์เพราะว่าหลังจากที่เดอะแฟลชถือกำเนิดขึ้นมาแอร์โรว์ก็น่าจะประจำการอยู่ในเมืองสตาร์ซิตี้มาสักพักหนึ่งแล้ว บวกกับข้อมูลที่เขาหาได้จากดันเจี้ยนกรีนแลนเทิร์นแล้ว ในตอนนี้ โอลิเวอร์ ควีน น่าจะยังมีสถานะ ‘ตาย’ อยู่หรือก็คือเขาในตอนนี้ยังไม่ได้กลับมาจากการติดเกาะนรกนั่นอยู่

ดังนั้นดันเจี้ยนแห่งที่สามของเขาจึงเป็นแอร์โรว์ไปโดยปริยาย

แล้วถ้าถามว่าทำไมเขาถึงได้เลือกดันเจี้ยนแห่งนี้ ? ข้อหนึ่งเพราะว่าเฟลิเซ่ ข้อสองเพราะว่าเควสที่มีให้ทำหลังจากการเปิดดันเจี้ยนแห่งใหม่มันให้พลังงานที่ใช้สำหรับการอัพเกรดระบบได้ อย่างไรก็ตามความสามารถในการต่อสู้ของแอร์โรว์นั้นค่อนข้างแข็งแกร่งมาก และเขาก็ค่อนข้างจะมีจุดอ่อนในด้านนี้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงอยากใช้โอกาสนี้ในการพัฒนาความสามารถของเขาเพื่อลบจุดอ่อนนี้ทิ้งไป!

“ดันเจี้ยน : Arrow”

“คุณต้องการเข้าสู่ดันเจี้ยนตอนนี้เลยใช่หรือไม่? “

ทันทีที่ซู่เจินตั้งค่าดันเจี้ยนแห่งที่สามเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้ยินเสียงระบบดังขึ้นมาทันที

“ใช่!“

หลังจากซู่เจินพูดจบฉากตรงหน้าของของก็เปลี่ยนไปทันที

เมืองสตาร์ซิตี้!

ซู่เจินในตอนนี้กำลังเดินอยู่บนฟุตบาทอย่างช้า ๆ

ซูเปอร์ฮีโร่ทุกคนจะมีอาณาเขตเป็นของตัวเองในการทำหน้าที่ปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ เช่น เมืองสตาร์ซิตี้เป็นของ แอร์โรว์ , เมืองเซ็นทรัลซิตี้เป็นของ เดอะแฟลช , เมืองวอเตอร์ฟรอนท์เป็นของ กรีนแลนเทิร์น หรือเมืองเมโทรโพลิสของ ซูเปอร์แมน และแน่นอนว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่คาดไปไม่ได้นั่นก็คือ แบทแมนผู้ร่ำรวยและหล่อเหลาจากเมืองก็อตแธม!

โดยที่เมืองสตาร์ซิตี้ก็ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองมากสักเท่าไหร่ เพราะว่ามันยังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวยอยู่ ซึ่งคนที่รวยอยู่แล้วก็จะยิ่งรวยขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนคนที่ยากจนอยู่แล้วก็จะยิ่งยากจนมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะนึกถึงสภาพความเป็นอยู่ของคนในเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี

“โอลิเวอร์ ควินน์ ยังมีชีวิตอยู่ … “

“มหาเศรษฐีที่หายตัวไป ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งแล้วบนโลก“

ในขณะที่ซู่เจินกำลังเดิน ๆ อยู่ เขาก็ได้ยินเสียงทีวีดังออกมาจากร้านค้าบริเวณใกล้เคียง ทำให้เขารีบหันไปไปมองทันที และเขาก็พบว่าในตอนนี้กำลังมีข่าวเกี่ยวกับ โอลิเวอร์ ควินน์ เศรษฐีที่หายตัวไปเมื่อ 5 ปีก่อนกำลังฉายอยู่บนหน้าจอทีวี … ดูเหมือนว่าแอร์โรว์จะเพิ่งกลับมาถึงเมืองสตาร์ซิตี้เมื่อเร็ว ๆ นี้

“ฉันไม่คิดเลยว่าคนพรรณนี้จะมีชีวิตรอดกลับมาจริง ๆ ช่างเป็นคนที่โชคดีอะไรแบบนี้!” คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ซู่เจินบ่นพึมพำขึ้นมาและหันหลังเดินจากไปด้วยความโกรธ

ซู่เจินยักไหล่เล็กน้อย ดูเหมือนว่าโอลิเวอร์ ควินน์ คนนี้จะไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจสักเท่าไหร่สำหรับคนอื่น ๆ… ใช่! พวกคุณคิดถูกแล้วเพราะว่าก่อนที่โอลิเวอร์ ควีนน์จะติดเกาะเขาเคยเป็นเจ้าหนุ่มเพลย์บอยเจ้าสำราญ แต่หลังจากที่เขาติดเกาะเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนกลายเป็น แอร์โรว์ในที่สุด!