ตอนที่ 39 – เส้นทางนั้นที่ยาวไกลที่สุดในหมู่ทางลัดทั้งหมด
หลินเสี่ยวเสี้ยวเป็นคนที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง แต่ไม่ได้มีเล่ห์กลลึกซึ้งเลย
ตอนที่อีกฝ่ายกลับมาถึงโรงอาหารแต่กลับไม่ยอมปริปากถึงผลการสอบสวนเมื่อครู่นี้ ในใจชิ่งเฉินก็มีคำตอบแล้ว
เพราะว่าข้อมูลพวกนั้นไม่ได้มีอะไรที่ไม่สามารถพูดได้เลย โลกภายในจะรู้เรื่องของผู้ทะลุมิติกันหมดไม่ช้าก็เร็ว
นอกเสียจาก…… ในผลการสอบสวนมีความลับที่เกี่ยวข้องกับคนบางคนในสถานที่นี้
ชิ่งเฉินกำลังคิดว่าคนของโลกภายในจะคิดเห็นอย่างไรต่อโลกภายนอกนะ?
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น หลี่ซูถงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่อำนาจการควบคุมแกร่งเป็นพิเศษ คนประเภทนี้จะให้เรื่องราวหลุดออกไปจากการควบคุมได้อย่างไร
ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะสะสมความรู้สึกที่ดีไว้มากน้อยแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่ล้วนไม่มีค่าให้เอ่ยถึง
ชิ่งเฉินก็ไม่ได้มั่นใจว่าหลี่ซูถงจะฆ่าเขา ทว่าเตรียมแผนต่อสิ่งที่เลวร้ายที่สุด
แต่ทว่าหลี่ซูถงก็เป็นคนที่ชาญฉลาดยิ่ง หลินเสี่ยวเสี้ยวไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เขาก็เข้าใจแล้ว
“เสี่ยวเสี้ยว พาเพื่อนโพธิ์ดำของพวกเราไปที่อื่น” หลี่ซูถงสั่ง
“ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” กัวหู่ฉานตระหนักในทันใดว่าที่นี่อาจจมีความลับใหญ่หลวง
ทว่าเยี่ยหว่านจู่ ๆ ก็เปิดบาร์เรียร์ใสขึ้นมา ล้อมหลี่ซูถงกับชิ่งเฉินไว้ข้างใน
กัวหู่ฉานที่อยากจะแอบฟังอยู่ข้าง ๆ ตั้งรับไม่ทัน ถึงกับถูกบาร์เรียร์ผลักออกไป
รอจนคนหัวโล้นอยากจะพุ่งกลับไป กลับพบว่าเยี่ยหว่านและหลินเสี่ยวเสี้ยวมาขวางอยู่ข้างหน้าของเขาแล้ว
หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวด้วยรอยยิ้มแฉ่งว่า “ถ้ายังคิดจะอยู่ที่นี่หาวัตถุต้องห้าม ACE-005 ก็อย่าเดินมาข้างหน้า”
“ไม่ฟังก็ไม่ฟัง!” กัวหู่ฉานว่าอย่างโมโห
ขณะนี้ หลี่ซูถงมองไปทางชิ่งเฉินอย่างสงบนิ่งถามว่า “ดังนั้น หลายวันนี้ที่เธอให้ลู่ก่วงอี้สอบถามนักโทษที่มาใหม่ก็คือจะหาพวกเขาสินะ?”
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “ไม่ผิด”
“นิ่งกว่าที่ฉันจินตนาการเอาไว้หน่อย” หลี่ซูถงเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ฉันตอนที่อายุเท่าเธอสู้เธอไม่ได้เลย”
“ไม่ใช่นิ่ง แต่ว่าแตกตื่นไปก็ไร้ประโยชน์” ชิ่งเฉินกล่าว
“ถึงเสี่ยวเสี้ยวยังไม่ได้บอกผลการสอบสวนกับฉัน แต่ฉันรู้ว่าจะต้องเป็นความลับใหญ่” หลี่ซูถงกล่าว “ตลอดมาฉันตอนที่เผชิญหน้ากับเรื่องที่ควบคุมไม่ได้จะไร้ความปรานีสักนิด เธอเคยคิดบ้างไหมว่าเธออาจจะมีชีวิตไม่ถึงพรุ่งนี้”
“เคยคิด” ชิ่งเฉินเงยหน้ามองทุกสิ่งรอบด้าน
หลังคาโดมเหล็กกล้าที่แปลกใหม่ ปืนเมทัลสตอมสีดำแวววาว พัศดีจักรกลที่กระจัดกระจายไปทั่วเรือนจำถือปืนยืนเหม่อ
ยังมีเหล่านักโทษที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เหล่าคนใหม่ที่เดินกะเผลกกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
ชิ่งเฉินไม่แน่ใจว่าตนเองยังจะสามารถเห็นทุกสิ่งนี้ได้หรือไม่ ดังนั้นอยากจะมองเพิ่มขึ้นสักหลาย ๆ ที
จู่ ๆ เขาก้มศีรษะให้หลี่ซูถงยิ้มกล่าวว่า “การคบหากันหลายวันมานี้อันที่จริงแล้วค่อนข้างมีความสุขมากเลย ถ้าหากสามารถก็หวังว่าจะสามารถได้รู้จักกันใหม่”
“ตอนที่เล่นหมากรุกวันแรกเธอชนะฉัน ดังนั้นอันที่จริงแล้วฉันยังติดค้างคำขอร้องหนึ่งอย่างกับเธอ เธอมีคำขอร้องอะไรตอนนี้สามารถเอ่ยมาเลย” หลี่ซูถงกล่าว
ชิ่งเฉินคิดดู “สามารถเล่นเพลงอำลาอีกครั้งได้ไหมครับ”
“ไม่แลกกับชีวิตตัวเองเหรอ” หลี่ซูถงยิ้มแล้ว
“ชีวิตของผมไม่ต้องแลก แล้วก็แลกไม่ได้ด้วย” ชิ่งเฉินกล่าว
“ดี ฉันชื่นชอบความกล้าหาญของเธอมาตลอด บทเพลงนี้ถือว่าฉันมอบให้เธอ คำขอร้องนั้นเธอสามารถเอ่ยขึ้นมาได้ทุกเมื่อ” หลี่ซูถงให้เยี่ยหว่านไปเอาฮาโมนิก้ามา
บทดนตรีอำลาเหมือนจะเป็นสิ่งที่ชิ่งเฉินมอบให้ตัวเอง ดนตรีอันไพเราะทำให้บรรยากาศของเรือนจำเงียบสงบขึ้นมาหน่อย
“ขอบคุณครับ” ชิ่งเฉินกล่าว
พูดจบแล้ว เขากลับไปที่ห้องขังเองคนเดียว นอนอยู่บนเตียงไม้อันเย็นเยียบรอคอยเงียบ ๆ
เวลาผ่านไปทีละนิด ๆ
จากกลางวันถึงกลางคืน
ชิ่งเฉินได้ยินเสียงตามสายในเรือนจำกล่าวเตือนนักโทษทุกคนให้เข้าแถวกลับห้องขัง จากนั้นประตูเลื่อนโลหะปิดลงทีละบาน เสียงกลไกไฮดรอลิกปิดฉากเสียงอึกทึกของเรือนจำหมายเลข 18 หนึ่งวัน
ทุกสิ่งล้วนตัดขาดจากกัน
พริบตาถัดมา ทั่วทั้งเรือนจำจู่ ๆ ก็ตกลงไปในความมืดมิดอย่างสิ้นเชิง
จากนั้น ประตูเลื่อนโลหะของห้องขังชิ่งเฉินเปิดขึ้นมาใหม่
ในความมืดมิด มีคนสวมหมวกโม่งสีดำให้เขา ยกตัวเขาไปที่ไหนไม่รู้
หลายนาทีต่อมา คนสองคนที่ยกตัวเขาวางเขาลงไปในที่แห่งหนึ่ง จากนั้นพากันจากไป
เสียงกลไกไฮดรอลิกดังขึ้นอีกครั้ง คล้ายกับว่าปิดอะไร แล้วก็ตัดขาดอะไร
ชิ่งเฉินนอนอยู่ในความมืดเงียบ ๆ เขาถึงขนาดไม่ได้ลุกขึ้นมองว่าตนเองอยู่ในสถานที่อะไร
ที่นี่มีเพียงเสียงหอบหายใจของเขา สิ่งที่ส่องแสงก็มีเพียงเลขนับถอยหลังที่ตัวเขาสามารถมองเห็น ไม่อาจจะส่องพื้นที่ใดให้สว่างขึ้นมา
เวลาเดินไปอย่างช้า ๆ และหนักอึ้ง
ชิ่งเฉินรู้ว่าคนหนึ่งคนเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดสนิทจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ไม่อาจพูดคุยกับผู้ใด เวลานี้ความโดดเดี่ยวและความกลัวจะกลืนกินคนคนหนึ่งไปได้อย่างสิ้นเชิง
แล้วก็สูญเสียแนวคิดด้านเวลา
การไม่มีเวลาถึงเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด
คนมากมายถึงขนาดทนผ่าน 24 ชั่วโมงไปไม่ได้ เคยมีการทดสอบแจกรางวัลหนึ่งล้านให้คนอยู่กับที่ห้าวัน แต่ไม่มีใครสามารถหยิบเงินหนึ่งล้านนั้นไปได้
เงินทองดึงดูดผู้คนจริง ๆ แต่คน 99% ล้วนล้มลงก่อนที่จะถึง 72 ชั่วโมง
แต่ทว่า
เกรงว่าหลี่ซูถงกับพวกจะคิดไม่ถึงว่าชิ่งเฉินไม่เคยเกรงกลัวความโดดเดี่ยวเลย
หลังจากที่พ่อแม่หย่ากัน เขาก็เริ่มเป็นเพื่อนกับความโดดเดี่ยว
ชิ่งเฉินตระหนักอย่างชัดเจนว่าการขาดน้ำจึงเป็นศัตรูที่ใหญ่หลวงที่สุดของเขา
นับถอยหลังกลับ 146:09:02
การนับถอยหลังบนท้องแขนสามารถช่วยให้เขาคำนวณเวลา
วันที่หนึ่ง
ชิ่งเฉินลดความถี่ในการหายใจ เขาเริ่มนึกย้อนถึงภาพยนตร์ในสมอง ก่อนอื่นเขาดู <<ชอว์แชงค์ มิตรภาพ ความหวัง ความรุนแรง>> แล้วก็ดู <<ปาปิยอง หนีตายเเดนดิบ>> ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการทลายคุกและความศรัทธา
พวกนี้ล้วนเป็นภาพยนตร์ที่เขาเคยจดจำไว้ในสมอง แต่ไม่ต้องการอุปกรณ์ในการรีเพลย์
เพราะว่าไม่มีน้ำให้ดื่ม เซลล์ประสาทสับสนจากความต้องการอาหารและน้ำ เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อย
นับถอยหลังกลับ 122:09:02
วันที่สอง
ชิ่งเฉินหลับไปหนึ่งตื่น ดูซ้ำภาพยนตร์แปดเรื่องในสมอง
เขานอนหลับตาทั้งสองบนพื้นเงียบ ๆ เพลิดเพลินกับความมืด
ความหิวและกระหายเริ่มรุกราน แต่เขาเหมือนกับจะละทิ้งประสาทสัมผัสภายนอกของตนเองไปแล้ว ไม่ขยับเขยื้อน
นับถอยหลังกลับ 98:09:02
วันที่สาม
ความหิวเริ่มเผาผลาญพลังใจของเขา กัดกร่อนสติของเขา
ครั้งนี้ชิ่งเฉินดูภาพยนตร์ 12 เรื่อง ไม่หลับแม้แต่นาทีเดียว
การสูญเสียน้ำภายในร่างกายทำให้เขาตกอยู่ในความทรมาน เนื่องจากการสูญเสียน้ำ ร่างกายของเขาเริ่มเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน ผิวหนังก็เริ่มแตกแห้ง
พลังความทรงจำของเขาเริ่มถดถอย ภาพยนตร์ในสมองกลายเป็นภาพสไลด์ติด ๆ ขัด ๆ
ความทรงจำในอดีตเริ่มผสมปนเป
ชิ่งเฉินหลับไม่ลงแล้ว
นับถอยหลังกลับ 74:09:02
วันที่สี่
ความหิวของชิ่งเฉินเริ่มจางหาย เขาลืมตาขึ้นมามองดูความว่างเปล่าและมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่าคิดอะไร
เขาไม่ได้มองเวลามานานมากแล้ว คล้ายกับว่าการมองเวลาก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความหมาย
แต่ทว่า ตั้งแต่ต้นจนจบ ชิ่งเฉินไม่เคยพูดสักคำ ไม่เคยส่งเสียงร้องสักแอะ
ในความมืดมิด โลกเงียบเชียบตลอดเวลา
เขาไม่ได้นับว่าตนเองไม่ได้นอนมานานเท่าไหร่ แต่นี่ก็คล้ายกับว่าจะไม่ค่อยสำคัญอีกนั่นแหละ
ชิ่งเฉินใช้ความเงียบของตนเองต่อต้านความเงียบและความมืดของโลก
……
ในเรือนจำหมายเลข 18 เป็นยามราตรีอันมืดสลัวแล้ว แสงไฟภายในปราการกลายเป็นแสงสลัวเลือนราง
แม้แต่โดรนในรังยังเหมือนกับจะตกอยู่ในการหลับใหล
หลี่ซูถงนั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะยาวเขตอ่านหนังสืออันมืดสลัวหลับตาพักผ่อน หลินเสี่ยวเสี้ยวมองดูเวลาอยู่ข้าง ๆ “เจ้านาย สี่วันแล้ว”
“อืม” หลี่ซูถงพยักหน้า
เวลานี้ ในที่ห่างไกลมีเสียงทุบประตูอย่างอ่อนแรงดังออกมา ลู่ก่วงอี้สบถด่าอยู่ในประตูสักบาน พูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ ว่า “หลี่ซูถง คุณเอาเจ้านายผมไปขังที่ไหน ผมลู่ก่วงอี้จะไม่ปล่อยคุณ ตระกูลชิ่งก็จะไม่ปล่อยคุณ”
วันที่หนึ่งที่ชิ่งเฉินหายตัวไปลู่ก่วงอี้ก็ค้นพบว่าไม่ถูกต้องแล้ว ก่อจราจลใหญ่ในเรือนจำหมายเลข 18 แทบจะชักนำปืนเมทัลสตอมมาเป็นครั้งที่สอง
ดังนั้น ชิ่งเฉินหายตัวไปสี่วัน ลู่ก่วงอี้ก็ถูกขังในห้องขังสี่วัน
จนกระทั่งวันที่สี่นี้ ลู่ก่วงอี้จึงได้หยุดลงไปบ้างในที่สุด
หลินเสี่ยวเสี้ยวไม่สนเสียงด่าของลู่ก่วงอี้ ทว่ากล่าวต่อไปว่า “เจ้านาย สี่วันที่ชิ่งเฉินอยู่ข้างในไม่พูดไม่จาสักคำ แล้วก็ไม่มีสัญญาณว่าจะพังทลายลงไปด้วย”
“เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง ตั้งแต่วันแรกก็เริ่มลดความถี่ในการหายใจ หลีกเลี่ยงการสูญเสียน้ำอย่างรวดเร็ว ทนมาถึงวันที่สี่ไม่ประหลาดเลย” หลี่ซูถงกล่าว
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ คนที่สามารถทนไม่พูดไม่ร้องมาสี่วันก็หายากเหมือนขนหงส์เขากิเลนแล้วนะครับ เขาไม่เหมือนกำลังถูกทรมาน แต่กลับเหมือนกำลังรอคอยมากกว่า แต่เขาไม่ได้ดื่มน้ำมาสี่วันแล้ว ไม่ดื่มน้ำอีกเขาจะตายเอานะครับ” หลินเสี่ยวเสี้ยวเอ่ยอย่างกระวนกระวาย “เจ้านายท่านทะนุถนอมผู้มีความสามารถ ปล่อยไปเขาเลยเถอะนะครับ”
หลินเสี่ยวเสี้ยวผู้ที่เดิมทีขัดตากับความหยิ่งทะนงของชิ่งเฉินกลับกลายเป็นมาขอร้องให้เด็กหนุ่มแล้ว
เพราะเขาก็รู้ว่าชิ่งเฉินกำลังประสบกับอะไร
เยี่ยหว่านจู่ ๆ ก็กล่าวว่า “เจ้านาย ห้องมืดอาจจะทำอะไรเขาไม่ได้ ปล่อยเขาออกไปเถอะครับ”
เพียงแค่หลังจากหลี่ซูถงคิด ๆ ดูแล้วจู่ ๆ ก็กล่าวว่า “เปลี่ยนเป็น waterboarding*”
“เจ้านาย ตอนนี้เขาขาดน้ำสุดขีดเลยนะ พอเห็นน้ำก็จะดื่มลงไปจากจิตใต้สำนึก อย่างนี้เขาจะตายเอานะ” หลินเสี่ยวเสี้ยวลนลานแล้ว
waterboarding ก็คือการวางผ้าขนหนูเอาทับบนใบหน้าของเหยื่อ จากนั้นเทน้ำใส่ผ้าขนหนู
waterboarding ก็เหมือนกับวาล์วทางเดียว น้ำไหลเข้าไม่หยุด ส่วนผ้าขนหนูขัดขวางไม่ให้คุณพ่นน้ำออกมา ด้วยเหตุนี้คุณสามารถหายใจออกได้เพียงหนึ่งเฮือก ถึงจะกลั้นลมหายใจก็ยังจะรู้สึกว่าอากาศถูกดูดออก เหมือนกับเป็นเครื่องดูดฝุ่น
หลินเสี่ยวเสี้ยวทราบชัดมากว่าคนทั่วไปล้วนทน waterboarding ไม่ได้ อย่าว่าแต่ชิ่งเฉินคนที่กระหายน้ำมาสี่วันเลย?
พริบตาที่ waterboarding เริ่มต้นขึ้น คนที่ขาดน้ำอย่างยิ่งยวดคนหนึ่งจะดื่มน้ำอย่างสุดกระหาย
แต่ว่าน้ำที่ไหลผ่านผ้าขนหนูไม่เพียงจะไหลเข้าไปในท้องของชิ่งเฉินดับกระหาย ยังจะท่วมเข้าไปในปอดด้วย ทำลายโอกาสรอดชีวิตสุดท้ายของอีกฝ่าย
แต่ทว่า หลี่ซูถงเหมือนกับไร้หัวใจ
“ชีวิตและความตายล้วนต้องดูการเลือกของเขาเอง ไม่เคยเห็นความตายอย่างแท้จริงจะเดินบนเส้นทางของฉันได้ยังไง” หลี่ซูถงถามอย่างสงบนิ่ง
……
นับถอยหลัง 50:09:02
วันที่ห้า
ห้องมืดถูกคนเปิดแล้ว ชิ่งเฉินถูกคนยกตัวออกไปโดยไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
มีคนวางเขาลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง จากนั้นใช้ผ้าขนหนูผืนหนาปิดบนใบหน้าของเขา
น้ำอันเย็นเฉียบเทลงบนผ้าขนหนู ขวางกั้นออกซิเจนและโอกาสรอดชีวิตทั้งหมด
ชิ่งเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยไม่ขยับเขยื้อน เม้มปาก
เขาพยายามขัดขืนแรงกระตุ้นจะดื่มน้ำของตนเอง ไม่ให้ตนเองถูกเหยื่อล่อตรงหน้าทำลายไป
ที่ด้านข้าง หลินเสี่ยวเสี้ยวและเยี่ยหว่านสบตากัน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าจนถึงเวลานี้ชิ่งเฉินถึงกับยังสามารถรักษาสติสัปชัญญะอันแจ่มใสไว้ได้ รู้ว่าตัวเองเผชิญหน้ากับอะไร รู้ว่าต้องใช้แรงใจเฮือกสุดท้ายมาแย่งชิงโอกาสในการมีชีวิต
ชิ่งเฉินรู้สึกได้ว่าน้ำกำลังไหลจากโพรงจมูกของเขาเติมเต็มไปทั้งร่างกาย
เขารู้สึกว่าตนเองคล้ายกับกำลังฝัน
เขาตอนยังเด็กในความฝันถูกคนจูงมือ ฝ่ามือนั้นอบอุ่นและอ่อนนุ่ม
ในสวนสาธารณะ
เหมือนกับมีน้ำทะเลอบอุ่นโอบล้อมร่างกายใต้แสงแดด แสงแดดสีทองค่อย ๆ เคลื่อนคล้อย
ผู้หญิงที่จูงเขาจู่ ๆ ถามขึ้นมาโดยไม่หันหน้ากลับว่า “เสี่ยวเฉิน พ่อลูกมีคนอยู่ข้างนอกแล้ว ไม่ต้องการพวกเราแล้ว”
“แม่ ผมอยากกินถังหูลู่” เขาวัยเด็กอ้าปากกระซิบบอกผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า
ผู้หญิงหันกลับมามองเขานิ่งอึ้งอยู่เป็นนาน “ได้ แม่จะซื้อถังหูลูให้ลูก”
ผู้หญิงตาแดง ๆ ไปซื้อถังหูลู่ให้เขา “เสี่ยวเฉินลูกกินถังหูลู่อยู่ตรงนี้นะ แม่จะไปห้องน้ำ”
แต่ว่าผู้หญิงพอไปแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย
ชิ่งเฉินรอจากเที่ยงถึงตกเย็น
เขาเริ่มร้องไห้ แต่ร้องไห้แล้วไม่มีประโยชน์อะไรเลย
มีคนช่วยเขาหาตำรวจ แต่ชิ่งเฉินไม่เต็มใจจะติดตามตำรวจไป เขาเชื่อมั่นว่าแม่ยังจะกลับมา
จนฟ้ามืด ผู้หญิงกลับมาแล้ว กอดเขาส่งเสียงร้องไห้อย่างขมขื่น
ชิ่งเฉินวัยเด็กเพียงนึกว่าอีกฝ่ายหลงทาง ตอนนี้จึงหาเขาพบ
ในระหว่าง waterboarding สมองของชิ่งเฉินกลับค่อย ๆ แจ่มใสขึ้นมา ที่แท้ตนเองไม่ได้ถูกทิ้งเป็นครั้งแรก
เหมือนว่าสกิลความทรงจำกันพิสดารของตนเองก็เริ่มขึ้นตั้งแต่เวลานั้น
แต่ความทรงจำดีเกินไปไม่ได้เป็นเรื่องดีอะไรเลย ความขมขื่นทุก ๆ ประเภท เขาล้วนจดจำได้
อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ชิ่งเฉินสัมผัสได้ถึงสมองที่ขาดออกซิเจน ยังมีแขนขาที่สั่นกระตุก น้ำเริ่มไหลเข้าไปท่วมปอด แต่เขากลับยังคงนั่งนิ่งเหมือนหุ่นอยู่ตรงนั้น
ไม่ดิ้นรน แล้วก็ไม่อ้อนวอน
มีคนพูดในความมืดว่า “ตามแม่ไปเถอะ”
ชิ่งเฉินตอบเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องแล้ว แม่”
เสียงในความมืดกล่าวอีกครั้งว่า “ตามแม่ไปเถอะ”
เสียงของชิ่งเฉินหนักแน่นขึ้นมา “ไม่ต้องแล้ว ผมบอกว่าไม่ต้องแล้ว แม่”
พริบตานั้น ผ้าขนหนูเปียกชุ่มบนใบหน้าเขาถูกคนดึงออกไป
แสงอันมืดสลัวในขณะนั้นก็ดูเหมือนจะแสบตาอยู่บ้าง เขาเห็นอย่างเลือนรางว่าหลินเสี่ยวเสี้ยวกำลังตบหลังของตนเองอย่างกระวนกระวาย
หลี่ซูถงยืนอยู่เบื้องหน้าเขาเงียบ ๆ ถามว่า “เพราะอะไรถึงไม่เคยอ้อนวอน ฉันยังติดค้างคำขอร้องเธอหนึ่งเรื่องนะ”
ชิ่งเฉินเผชิญกับแสงอันบาดนัยน์ตา มองไปทางอีกฝ่ายอย่างดื้อรั้น เขาสำลักน้ำที่อยู่ในหลอดลมออกมา จากนั้นกล่าวอย่างหนักแน่นว่า “เพราะว่าพวกคุณไม่ต้องกันคนที่อ่อนแอ”
ณ ขณะนี้ จู่ ๆ หลี่ซูถงคิดถึงท่านทางตอนที่อีกฝ่ายเล่นหมากรุกครั้งแรกขึ้นมาอีก ก็คือความกล้าหาญและดื้อรั้นอย่างไร้ทางถอยสักนิด คล้ายกับหมาป่าเดียวดายในป่าตัวหนึ่ง
เขารู้แล้ว นี่ก็คือคนที่เขาตามหา
หลี่ซูถงถามอีกว่า “เธอสามารถจะลืมทุกสิ่งที่ฉันทำกับเธอในวันนี้ได้ไหม”
“ลืมไม่ได้” ชิ่งเฉินกล่าว “แต่ผมไม่ถือสา”
“ตรงมาก ดีมาก” หลี่ซูถงหมุนตัวเดินออกไปนอกห้องสอบสวน “เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ฉันจะสั่งสอนเธอเอง ฉันจะพาเธอเดินไปบนเส้นทางนั้นที่ยาวไกลที่สุดในหมู่ทางลัดทั้งหมดบนโลกนี้”
………………………………………
* waterboarding (水刑) คำนี้มีภาษาไทยไหมคะ เราพยายามหาแต่เห็นทุกคนเขียนเป็น ‘waterboarding’ หมดเลย เรารู้สึกเหมือนจะเคยเห็นเรียกว่าทะเลบก?? เหมือนว่าเป็นรับน้องโหดของที่ไหนนี่แหละ แต่พอกูเกิ้ลคำนี้เจอแต่เป็นชื่อสถานที่……
ตอนนี้ยาวประมาณสองเท่าของตอนปกติเลย
สงสัยอย่างหนึ่งว่าข้าวน้ำไม่กินน่ะได้ แต่จะห้ามไม่ให้ของเก่าออกมายังไงอะ ไม่ได้พูดถึงจุดนี้เลยด้วยสิ
ถ้ารู้ว่าเควสทดสอบสายอาชีพมันโหดขนาดนี้ น้องหลิวเต๋อจู้ยังจะอยากได้เควสไหมหนอ
ตอนที่ 40 – ไขความลับ