ตอนที่ 34 สมบัติล้ำค่า

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 34 สมบัติล้ำค่า

เฉิงหรานก้มมองดูนาฬิกาข้อมือ ดูเหมือนจะหมดเวลาเรียนแล้ว ดังนั้นเขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะแล้วเลื่อนหาหมายเลขของศิษย์น้องหญิงเล็ก กดโทรออกทันทีโดยไม่ลืมกดเปิดลำโพงไว้

“ศิษย์พี่ใหญ่”

“เยาเยา เมื่อวานนี้เธอได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้หรือเปล่า”

“…หืม ศิษย์พี่ใหญ่รู้ได้อย่างไรกันคะ”

“ก็เพราะครอบครัวเด็กคนนั้นพาเจ้าตัวเล็กมาตามหาเธอถึงที่โรงพยาบาลแล้วน่ะสิ! อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันกับพี่สะใภ้สักคำ คราวที่แล้วก็เป็นแบบนี้! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอจะให้ศิษย์พี่ไปรายงานกับอาจารย์ว่าอย่างไร!”

เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงแรมก่อนหน้านี้พวกเขาก็รู้เพราะเฉิงอันนั่วบอก

“…ฉันสบายดีค่ะ”

“เหอะ รอไม่สบายมันก็สายเกินแก้แล้ว”

“…โอ้ ศิษย์พี่ใหญ่คะ ฉันต้องไปเข้าเรียนต่อแล้ว”

“เด็กคนนี้นี่…ตอนนี้ทั้งสามคนอยู่ที่โรงพยาบาล และพวกเขาบอกว่าพวกเขาอยากจะขอบคุณเธอด้วยตัวเอง”

“ศิษย์พี่ใหญ่ บอกพวกเขาทีว่าฉันไม่ว่าง”

“พวกเขาฟังอยู่ เปิดลำโพงไว้”

“เอ่อ…ฉันไม่มีเวลาจริงๆ ค่ะ ฉันต้องเข้าเรียน”

อ้ายโยวรีบพูดว่า “ผู้มีพระคุณตัวน้อย เราจะไม่รบกวนเวลาเรียนของคุณค่ะ แค่วันนี้ให้เราได้เลี้ยงอาหารค่ำคุณหลังเลิกเรียนได้ไหมคะ”

“…เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ”

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงการยื่นมือช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเธอ แต่สำหรับคนอื่นๆ มันคือบุญคุณที่ช่วยชีวิต หากผู้อื่นไม่ได้รับโอกาสให้กล่าวขอบคุณด้วยตัวของพวกเขาเอง พวกเขาก็อาจจะตื๊อต่อไป และเธอก็ไม่ต้องการถูกขัดจังหวะเช่นนี้ซ้ำๆ

“ถ้าอย่างนั้นผู้มีพระคุณตัวน้อย คุณเลิกเรียนเมื่อไหร่ พวกเราจะไปรับคุณที่มหาวิทยาลัย”

“เรียกฉันว่ามู่เถาเยาก็พอแล้วค่ะ เจอกันที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเวลาห้าโมงครึ่ง”

“ตกลงค่ะ ตกลง เสี่ยว…เถาเยา คุณชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า มีอะไรที่ทานไม่ได้ไหม”

“ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ฉันกินได้ทุกอย่าง ยกเว้นไม่กินผักชี”

“ตกลงค่ะ อย่างนั้นเราจะรอคุณที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยเวลาห้าโมงครึ่งนะ”

“อืม”

“ฉันไม่รบกวนเวลาเรียนของคุณแล้วค่ะ”

“อ้อ”

เมื่อเห็นว่าพวกเธอตกลงกันได้ดี เฉิงหรานจึงเริ่มบทสนทนาทันที “เยาเยา พรุ่งนี้มาทานอาหารเย็นที่บ้านนะ ฉันจะให้อันนั่วไปรับเธอและกลับมาด้วยกัน”

“ฉัน…” จะทำกินเอง

แต่ก่อนที่เธอจะปฏิเสธ เฉิงหรานก็ขัดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ตอนบ่ายพี่สะใภ้เธอว่าง เธอบอกว่าจะเลิกงานเร็วหน่อยเพื่อกลับมาทำหม่าล่าปิ้งย่างรสเด็ดให้เธอ”

“ตกลงค่ะ” มู่เถาเยาตอบตกลงทันทีอย่างง่ายดาย

ห้ามคิดปฏิเสธของกินอร่อยๆ เด็ดขาด!

เฉิงหรานวางสายโทรศัพท์ด้วยสีหน้าพึงพอใจ

อ้ายโยวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ดูเหมือนจะค้นพบแล้วสินะ ศิษย์น้องหญิงเล็กของผมเธอเป็นนักกินตัวยง แผนการที่พวกคุณชวนเธอไปกินข้าวเย็นมาถูกทางแล้ว ของขวัญพวกนี้เอากลับไปเถอะ”

“นี่…”

จะได้อย่างไรกัน! บุณคุณช่วยชีวิตเพียงเลี้ยงอาหารมื้อเดียวจะจบได้อย่างไร! แม้จะต้องให้เลี้ยงตลอดชีวิตก็ชดเชยไม่ได้!

เมื่อเหยียนจื่อเย่ากลับมาจากรับยา เฉิงหรานก็บอกให้พวกเขานำของขวัญกลับไปอีกครั้ง

เขายุ่งมาก การแข่งขันทักษะทางการแพทย์ระดับโลกที่จะจัดห้าปีครั้งกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!

สำนักแพทย์โบราณคืออันดับหนึ่งในแผ่นดินทั้งหมด และครั้งนี้มันก็จะเป็นที่หนึ่งเช่นเดิม!

อ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่าเก็บของกลับคืนไปอย่างไม่เต็มใจนัก

“ผู้อำนวยการเฉิงคะ คุณช่วยส่งต่อข้อความเราให้เสี่ยว…เถาเยาที ของเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้สำหรับเด็กสาว มันคือความรู้สึกขอบคุณจากใจของครอบครัวเรา”

“คุณเอามันกลับไปเถอะ ผมไม่สามารถรับมันแทนศิษย์น้องหญิงเล็กได้จริงๆ ถ้าคุณอยากให้มันกับเธอ คุณก็ให้มันต่อหน้าเธอเอง”

“ผู้อำนวยการเฉิง…”

เฉิงหรานโบกมือ “ไปได้แล้วๆ พวกเราไม่ชอบเล่นเกมแบบนี้หรอกนะ”

เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของผู้อำนวยการเฉิง อ้ายโยวและเหยียนจื่อเย่าจึงได้แต่แบกกล่องและกระเช้ากลับไปอย่างไม่เต็มใจ โดยคิดว่าจะมอบมันให้เสี่ยวเถาเยาในตอนเย็นตรงๆ ไปเลย

ภายในรถ อ้ายโยวให้นมลูกชายของเธอ

“เหยียนจื่อเย่า หลังจากพบผู้มีพระคุณแล้ว ฉันจะพาเสี่ยวเหยียนกลับไปอยู่กับพ่อแม่สักพัก”

“โยวโยว ไม่หย่าได้ไหมครับ ผมไม่ต้องการหย่า” ใบหน้าที่หล่อเหลาของเหยียนจื่อเย่าแสดงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน

“หย่าหรือไม่ ค่อยคุยกันหลังจากที่ฉันใจเย็นลง” ไม่ใช่ว่าเธอไม่รักเขาแล้ว แต่เธอตกใจมากกับเหตุการณ์นี้

เธอรู้ว่าการพูดถึงการหย่าร้างในตอนนี้อาจเป็นการใช้อารมณ์มากเกินไป ดังนั้นต้องใช้เวลาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบ

เพื่อดูแลเขา เธอถึงกับยินดีลาออกจากงานครูสอนเต้นของเธอ

เธอไม่แยแสว่ารูปร่างของตัวเองจะเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดหรือไม่ และยอมทนกับความเจ็บปวดระดับสิบเพื่อให้กำเนิดความรักที่ตกผลึก…

แต่ผลลัพธ์ของมันล่ะ ลูกกลับไม่สำคัญเท่างานสำหรับเขา!

แล้วเธอที่เป็นภรรยา จะมีน้ำหนักสักเท่าใดในหัวใจของเขาเชียว

หลังจากเรียนจบ เธอปฏิเสธโอกาสอันแสนงดงามที่เสนอโดยวงเต้นที่มีชื่อเสียง และเธอตัดสินใจไม่เป็นนักเต้นต่อ แต่เลือกที่จะทำงานในฐานะครูสอนเต้นในโรงเรียนฝึกหัดนักเต้นในเมืองเดียวกันกับเขา และลงหลักปักฐานที่นี่เพราะเธอรักเขามากกว่าตัวเธอเอง..

เธอไม่เคยเสียใจจนกระทั่งถึงเมื่อวันก่อน แต่วันนี้เธอเสียใจแล้ว เพราะเธอและลูกชายรวมกันยังไม่สำคัญเท่ากับอาชีพของเขา

แล้วทุกอย่างที่เธอทำไปมันมีความหมายอะไร

จิตใจของอ้ายโยวปั่นป่วน แต่ใบหน้าของเธอสงบนิ่งมาก เธอไม่แม้แต่จะเหลือบไปมองชายที่นั่งด้านหน้าที่เธอตกหลุมรัก แต่เพียงมองลงไปที่ลูกชายวัยหกเดือนของเธอที่กำลังดูดนมอยู่

หัวใจของเหยียนจื่อเย่าบีบรัดแน่นหลังจากได้ยินเสียงดูดนมที่ร่าเริงของเด็กน้อย

เขาเกือบจะสูญเสียคนสองคนที่เขารักที่สุดในชีวิตไป

เพราะเติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย การทำงานหนักก็เพื่อให้ภรรยาและลูกๆ ของเขามีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีที่สุดไม่น้อยหน้าคนอื่นๆ

เขาเคยลิ้มรสความทุกข์ยากมาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามันเป็นเช่นไร และไม่อยากให้คนที่เขารักต้องพบกับความขมขื่นของโลกนี้

เมื่อโยวโยวตัดสินใจแต่งงานกับเขาในตอนนั้น พ่อตาและแม่ยายของเขาไม่เห็นด้วย กลัวว่าเขาจะไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูที่ดีและประพฤติตนไม่ดีเพราะไม่มีพ่อแม่

แต่ในที่สุดเขาก็ได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสทั้งสองท่าน และเขาก็รู้สึกขอบคุณมาโดยตลอด

หากผู้อาวุโสทั้งสองรู้เรื่องนี้ พวกเขาจะสนับสนุนให้โยวโยวหย่ากับเขาอย่างแน่นอน

เหยียนจื่อเย่าตื่นตระหนกมากจนมือและเท้าของเขาสั่นไปหมด

“ที่รัก…ไม่หย่าได้ไหม แม้ว่าเราจะอยู่ห่างกันสักพักก็ไม่เป็นไร ผมโตมาจนถึงขนาดนี้ วันที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผม ก็คือวันที่ได้เริ่มต้นครอบครัวกับคุณและให้กำเนิดเสี่ยวเหยียน”

ดวงตาของอ้ายโยวแดงก่ำ

เธอรู้อดีตของเหยียนจื่อเย่าเป็นอย่างดี ในใจจึงรู้สึกเจ็บปวดไปหมด

เขาโหยหาครอบครัวมาตั้งแต่ยังเด็ก

เธอจะทนได้อย่างไร

แต่ตอนนี้…เธอไม่สามารถก้าวข้ามด่านนั้นในใจไปได้!

“ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ เราแยกกันอยู่สักพัก แล้วค่อยคิดเรื่องนี้กันใหม่”

“…ตกลงครับ ให้ผมขับรถพาพวกคุณกลับบ้านนะ”

เนื่องจากเขารู้นิสัยใจคอของภรรยาดีและรู้ว่าไม่มีที่ว่างสำหรับการประนีประนอม เหยียนจื่อเย่าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตกลง

“ไม่จำเป็น ฉันจะให้หยางซีลูกพี่ลูกน้องของฉันไปส่ง”

“…ครับ แล้วผมจะไปรับคุณกับลูกมากลับได้เมื่อไร”

“แล้วค่อยคุยกัน” บางทีเธอและลูกอาจจะไม่กลับมาที่เมืองเย่ว์ตูอีก

เหยียนจื่อเย่าทำได้เพียงยอมรับเท่านั้น

“คุณโทรจองห้องส่วนตัวที่ร้านอร่อยสุดๆ ที ผู้มีพระคุณชอบทานอาหารและไม่จู้จี้จุกจิกกับอาหารนัก รสชาติอาหารที่นั่นน่าจะเหมาะกับรสนิยมของเธอ”

ร้านอร่อยสุดๆ นั้นอร่อยมากและมีพื้นที่เป็นส่วนตัวมาก แขกหลายคนจึงชอบที่จะไปรับประทานอาหารและใช้บริการที่นั่น

พวกเขาสามีภรรยาเองก็ไปที่นั่นบ่อยและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าของร้าน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถโทรจองห้องส่วนตัวอย่างกะทันหันได้

“ได้ครับ”

สามีภรรยาไม่มีบทสนทนาใดๆ อีกตลอดทาง ส่วนใหญ่เป็นเพราะอ้ายโยวปฏิเสธที่จะคุยกับเขา

จนกระทั่งถึงเวลาสี่โมงครึ่ง

อ้ายโยวจึงเปิดปากพูดกับเหยียนจื่อเย่าเมื่อเขากำลังจะออกจากบ้านว่า “ตรวจสอบของขวัญสำหรับผู้มีพระคุณให้ดี บัตรธนาคาร ใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ และกุญแจรถตกหล่นหรือไม่”

ใบรับรองอสังหาริมทรัพย์ของวิลล่าในเขตเซิ่งซื่อฉางอันทางทิศตะวันตกของเมือง บัตรธนาคารที่รวมเอาเงินฝากทั้งหมดของครอบครัวเหลือไว้เพียงเงินเล็กน้อยสำหรับไว้ใช้เป็นค่าครองชีพขั้นพื้นฐานเท่านั้น กุญแจรถสปอร์ตคันใหม่ที่เพิ่งออกมา…ยกเว้นเพียง บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ในตอนนี้ พวกเขาล้วนนำมันออกมาทั้งหมดเพื่อแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ!

แม้ว่าสิ่งของภายนอก เหล่านี้อาจไม่สามารถเทียบได้กับชีวิตลูกชายของพวกเขา แต่นอกจากสิ่งเหล่านี้ พวกเขาก็ไม่รู้จะตอบแทนผู้มีพระคุณอย่างไรแล้ว

“ตรวจสอบแล้ว ทั้งหมดล้วนอยู่ในกล่องของขวัญที่เป็นของกินหมดแล้วครับ”

“เหยียนจื่อเย่า บ้าน รถ และเงินฝาก คุณมีข้อโต้แย้งใดๆ ที่จะมอบสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดให้กับผู้มีพระคุณหรือไม่”

“ไม่ครับ สมบัติที่ล้ำค่าสุดในชีวิตผมคือคุณและลูกชายของเรา”

อ้ายโยวดูไม่แยแสและเดินออกไปก่อนพร้อมกับลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ในอ้อมแขนของเธอ

เหยียนจื่อเย่าหยิบกล่องของขวัญและเดินตามไปติดๆ ด้วยสีหน้าเศร้าหมองและหมดหนทาง