บทที่ 42 ออโรร่าน้อยกับการถือกำเนิดฮีโร่ผู้ยิ่งใหญ่

ซวยแล้ว! ผมดันโดนเตะมาเกิดใหม่เป็นนักบุญหญิงศักดิ์สิทธิ์

“ผมน่ะ จะยอมรับตัวตัวที่อ่อนแอนี้แล้วก้าวต่อไปอย่างภูมิใจเพราะฉะนั้น……”

“ออโรร่าเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะ”

!!!!

เสียงอันแสนสดใสของเด็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มอันเจิดจ้าที่ทำเอาจิตใจของนักเรียนมัธยมคนนี้ยังรู้สึกแสบตาในความเจิดจ้านั่น

ชาร์ล นั่นมันเจิดจ้าเกินไปแล้ว ความทุกข์ทนที่ไม่มีคนเข้าใจในความมาโซของนายมันถูกกักเก็บมานานขนาดไหนกัน เวลาที่มันถูกปลดปล่อยออกมามันถึงได้เจิดจ้าแบบนี้!!!

“ความเชื่อมั่นที่หายไปของผมน่ะ… ออโรร่า เธอได้เติมเต็มมันให้เรียบร้อยแล้ว”

ว่าไงนะ!!!

ได้ยินแบบนั้นผมถึงกับหน้าซีดเผือด กับสิ่งที่ชาร์ลพูดออกมา ซึ่งแน่นอนคำพูดแบบนี้นั้นผมไม่นึกเลยว่ามันจะออกมาจากปากของเด็กที่อายุไม่ถึงสิบปี….

ทุกคนลองนึกดูสิ ว่าถ้าคนที่เก็บกดไม่กล้าแสดงออกเพราะความโรคจิตของตัวเองนั้น หากพูดออกมาว่า ความมั่นใจตอนนี้ของเขานั้นสูงเกินร้อยมันหมายถึงอะไร….. ความพินาศไง!!!

“พลังของท่านอาจารย์ที่สอนเอาไว้เมื่อสมัยก่อน แม้ก่อนหน้าผมจะใช้ไม่ได้ ทว่าด้วยกำลังใจที่ออโรร่าให้มา…ผมน่ะ…ไม่ว่าจะอะไร….”

น้ำเสียงของชาร์ลดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับความหวังภายในใจของผมที่ ที่ตกลง ตกลงเรื่อย ๆ ไปยังเหวไร้หลุม

“ไม่ว่าจะพลังอะไร ผมก็ใช้ได้!!!”

วอดวายหมดแล้ว!!!!

ชาร์ลพูดขึ้น พร้อมกัน เขาก็ยันตัวเองขึ้น ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาจะทำคืออะไร ทว่าหากมันมีชื่อของเจ้าพวกผีหมีทั้งสองตัวนี้มาเกี่ยวข้องล่ะก็ ไม่ว่าจะอะไร ผมมั่นใจว่ามันจะต้องไม่ใช่พลังที่ดีแน่นอน

แต่เดี่ยวก่อนนะ ไม่ใช่ว่าพวกชุดดำพวกนั้นมันถูกเจ้าเดลอนถีบกระเด็นไปกันหมดแล้วอย่างงั้นเหรอ

ผมรีบหันไปมองทันที ทว่าสิ่งที่พบคือเดลอนที่กำลังยิ้มด้วยสายตาอันแสนจะเต็มไปด้วยความภูมิใจ

“โห้…. ลูกศิษย์ของลูกศิษย์คิดจะใช้เวทบทนั้นงั้นเหรอ ถ้างั้นสงสัยต้องหยุดมือก่อน ขอดูหน่อยเถอะ ว่าองค์ชายน้อยจะทำได้ขนาดไหน เวทสุดยอดที่ข้าได้สร้างขึ้นมาน่ะ!!!”

เฮ้ย! ล้อเล่นใช่ไหม ความโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่มันหายไปไหนหมดแล้วล่ะเฮ้ย ไหงกลายเป็นคุณตาดูหลานไปซะอย่างงั้นล่ะ…. แล้วนี่มันอะไร เวทสุดยอดของนายงั้นเหรอ…..

ไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าไว้วางใจสุด ๆ ไม่ว่าจะมองมุมไหน หรือตะแคงตัวตีลังกากลับหลังอย่างไร มันก็ไม่น่าไว้วางใจสุด ๆ! ปล่อยไว้ไม่ได้! ผมจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แล้ว

ชาร์ลยื่นมือของตัวเองออกมาพร้อมกัน เขาก็กล่าวคำร่ายภาษาที่ผมยากที่จะเข้าใจได้ออกมา นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าภาษาโบราณที่เคยใช้กันสมัยก่อนที่โบสถ์จะเข้ามามีอิทธิพล แต่ว่านะ……… มันจะไหวเหรอ

“อึก… อึก…”

คำร่ายอันแปลกประหลาดดังขึ้นมาอย่างไม่หยุดย่อน ยิ่งชาร์ลร่ายออกมาเท่าไหร่ ทุก ๆ คำร่ายที่เขากล่าวออกมา บาดแผลปริแตกของผิวหนังรอบ ๆ ก็บังเกิดขึ้นกระจายไปทั่วร่าง พร้อมกับเลือดที่ซึมออกมา

ไม่ไหวแล้ว!!! ชาร์ล นี่นายกำลังใช้เวททรมาณตัวเองอยู่งั้นเหรอ…. นี่ความผิดของผมใช่ไหม!!! ถ้าเช่นนั้น หนทางที่หลงผิดของนายน่ะ ผมจะดึงให้มันกลับมาเอง

ไม่รอช้า ผมรีบผสานมือของตัวเองขึ้น แล้วพยายามคิด คิดถึงพลังที่สามารถพอที่จะยับยั้งพลังที่ว่านั่นได้

ขอพลังอะไรก็ได้มายับยั้งความกระหายในความเจ็บปวดของเจ้าเด็กนี่ที!!!

“ขอพลังอันยิ่งใหญ่แห่งพระองค์โปรดทำลายซึ่งสัตว์ป่าอันเกรี้ยวกราดและโหดร้าย และนำมาซึ่งความสงบสุขแห่งพลัง”

ทันทีที่ร่ายเวทออกไป ผมรู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกาย มันเป็นพลังที่อบอุ่น อบอุ่นราวกับร่างกายของผมนั้นถูกปกคลุมด้วยแสงอันแสนอ่อนโยนของพระอาทิตย์

วิ้งงง

พลังแสงสีขาวนวลได้แผ่ออกมาทั่วร่างของผม และพุ่งเข้าไปที่ร่างของชาร์ล มันค่อย ๆ แผ่ขยายและครอบคลุมไปทั่วร่างของเจ้าชายน้อยอย่างช้า ๆ

บาดแผลฉีกขาดที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับผืนดินที่แตกออกค่อย ๆ ช้าลง ๆ สัมผัสแห่งพลังที่พุ่งพล่านค่อย ๆ เงียบลงดุจสัตว์ป่าที่ถูกปลอบ

“อึก… เอ๋ นี่ออโรร่า…”

ใบหน้าของชาร์ลเริ่มอ่อนลงอย่างชัดเจน สีหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมานปนสุขนั้นหายไปเหลือเพียงใบหน้าที่สุขปนสงสัย

“ความเจ็บปวดไม่เคยนำมาซึ่งความสุขใด ๆ ชาร์ล พลังที่ครอบงำนาย ฉันจะปัดเป่ามันออกไปเอง”

“เอ๋? …. ออโรร่าระวัง!!!”

ใบหน้าของชาร์ลทำหน้าสงสัยเมื่อได้ยินผมพูดมาแบบนั้น แน่นอน เขาต้องสงสัยว่าผมรู้ถึงรสนิยมของเขาได้อย่างไร ทว่าไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ใบหน้าของชาร์ลก็เปลี่ยนสีไป เขาดูตกใจมากจนใบหน้าซีดทำเอาผมรีบหันหลังไปดูตาม

“ตายซะเถอะ เหล่าคนที่ขวางทางชายผู้นั้น”

ชายชุดดำพุ่งตัวเข้ามาทางผมสามคน ดาบของเขาเงื้อขึ้นมาเตรียมฟันเข้าผ่ากลางตัวของผม แน่นอนว่าเดลอนไม่ยอมปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรแบบนั้นแน่นอน ผมเห็นชัดเลยว่าเขายกมือเตรียมร่ายเวทเรียบร้อย

วิ้งงงง

ทว่าไม่ทันที่เดลอนจะใช้เวทอะไร ก็เกิดพลังบางอย่างแผ่ออกมาทั่วตัวของผม มันไม่ใช่แสงสีขาวก่อนหน้านี้แต่กลับเป็นแสงสีเหลืองทองอันเปล่งประกายเจิดจ้าได้พุ่งออกมาจากที่บริเวณอกของผม

แสงสีทองพุ่งออกไปเป็นเส้นแสงจำนวนมาก มันรวบรวมตัวกันสานทักทอกันเป็นม่านพลังสีทองขนาดใหญ่

ทันทีที่ดาบทั้งสามเล่มพุ่งเข้าปะทะกับม่านพลัง แทบไร้ซึ่งเสียงแห่งการปะทะ ดาบทั้งสามหยุดนิ่งกับที่ แม้เจ้านักฆ่าทั้งสามคนจะพยายามออกแรงเท่าไหร่ก็ไร้ผล

“ไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นปี ข้าจะปกป้องเจ้าตลอดไป”

เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาภายในหัวของผม มันเป็นเสี่ยงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน มันเป็นเสียงอันแสนอบอุ่น เสียงที่เอ่อล้นไปด้วยความห่วงใย

วู้มมมมม

จากนั้น แสงสีทองก็เจิดจ้าขึ้นมาก่อนจะแตกออกเป็นขนนกสีทองจำนวนมากที่ลอยเต็มไปทั่วห้อง ขนนกสีทองค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาอย่างดงามทว่าม่านสีทองนั้นยังไม่จางหายไป

ผมรีบมองลงไปหาที่มาของพลังนั่นทันที ซึ่งทำให้ผมเห็น เห็นแสงสว่างเรืองรองออกมจากจี้ห้อยคอที่ผมได้รับมาจากเจ้าโลธ์

แม้ในตอนแรกมันจะงดงามอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้มันงดงามยิ่งกว่า คริสตัลสีเหลืองทองที่ทอแสงออกมาเจิดจ้าแต่กลับไม่แสบตา ยิ่งมองมันเท่าไหร่ก็รู้สึกถึงความปลอดภัย

นี่มัน…. นี่มันพูดจริงไม่ได้โม้นี่หว่า!

สุดยอด! นี่มันของขั้นเทพเลยนี่หว่า เจ้าโลธ์มันไปโด้ของจากใครมา ทำไมของมันดีอย่างงี้ ทั้งป้องกันได้แบบอัตโนมัติ ทั้งมีเอฟเฟคสุดเท่เป็นขนนก แบบนี้ออโรร่าน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกรอบทำร้ายจนบาดเจ็บแล้ว!!!

ผมเริ่มเห็นภาพของตัวเองที่ลุยกลางสนามรบแบบไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ ไม่ว่าศัตรูจะเก่งกาจขนาดไหน ดาบทุกเล่มที่ฟันมาใส่ผมนั้นถูกโล่อันแสนดีงามพระรามเก้านี่กันได้อย่างหมดจด

ยิ่งคิดแล้วยิ่งมีความสุข ภาพของออโรร่าน้อยที่กำลังกลายเป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่ค่อย ๆ เห็นชัดขึ้น ชัดขึ้นจนผมอดยิ้มไม่ได้

“ออโรร่ายังสมเป็นออโรร่าจริง ๆ … ยังคงสุดยอดไม่เคยเปลี่ยน”

ของสุดยอดน่ะ มันเจ้าไอเทมนี่ต่างหากล่ะชาร์ล ไม่ใช่ผม!!!

ชาร์ลที่เห็นผมปลอดภัยก็ทำสีหน้าโล่งอก เขาหลับตาลงอย่างช้า ๆ ก่อนถอนลมหายใจออกมาอย่างค่อยเป็นค่อยไป….

“ยิ่งเห็นแบบนี้แล้วไม่ว่าอย่างไรผมจะต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้!”

ชาร์ลพูดเสร็จ เขาก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นช่างเจิดจ้า ทว่ามันยังไม่เจิดจ้าเท่ากับร่างกายของเขาที่ค่อย ๆ เปล่งแสงขึ้นมาทีละนิด ๆ

เวทบ้าไรฟะเนี่ย!!!

แน่นอนว่าถ้านี่มันเป็นการ์ตูนต่อสู้ล่ะก็ มันคงต้องเป็นเวทเสริมพลังหรือปลดลิมิตแน่นอน ทว่านี่ไม่ใช่ นี่มันชีวิตจริงที่ถูกวาดและบังคับโดยเหล่าคนที่ตรรกะผิดเพี้ยน….

“นางฟ้า โอ้ นี่มันนางฟ้าชัด ๆ ถึงเวทนี้จะดูยิ่งใหญ่ทว่าช่างหัวมันก่อน ข้าต้องบันทึกภาพนี้ไม่ให้ขาดรายละเอียดแม้แต่เศษฝุ่น!!!”

ในจังหวะที่ผมคิดอะไรแบบนี้ผมก็เหล่ตาไปมองภาพของเดลอนที่ตอนนี้ยังคงสเกตภาพตัวผมไม่หยุดหย่อน…. เข้าโลกส่วนตัวไปแล้วสินะ เจ้าตรรกะวิบัตินี่น่ะ

ให้ตายเหอะ ดูเหมือนเจ้าชาร์ลมันจะทำตัวเจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ แล้ววุ้ย นี่มันเป็นผู้กล้าในพวกมังงะโชเน็นเหรอไง?

หือ? ผู้กล้า….โอ้!!!!

พอคิดถึงคำนี้ ก็มีความคิดนึงขึ้นมาในหัวผม ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่นั้นดัดยาก

นั่นสินะ ความคิดและนิสัยของเขาเราน่ะ ทั้งหมดทั้งมวลมันเกิดขึ้นมาจากวัยเด็กทั้งนั้น ทว่าข้อดีของวัยนี้คือสามารถปรับเปลี่ยนความคิดได้จากประสบการณ์ที่รับเข้ามา… ใช่แล้ว!!!

เพราะความตึงเครียดทั้งหลายแหล่ และความกดดันอันมหาศาลจากความคาดหวังจนไร้ซึ่งหนทาง ทว่าพอได้รับความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วกลับได้รับมาซึ่งความห่วงใย นั่นคงเป็นจุดกำเนิดแห่งความมาโซของชาร์ลอย่างแน่นอน

เพราะฉะนั้น!!! เพราะฉะนั้น ออโรร่าคนนี้จะเบิกหนทางอันใหม่ เบิกหนทางอันสว่างสไวที่เต็มไปด้วยแสงสว่างปราศจากความพินาศของชื่อเสียงให้นายเอง หนทางของฮีโร่อย่างไรเล่า

ใช่ ขึ้นชื่อว่าวัยเด็ก ไม่ว่าใครมันก็อยากจะเป็นฮีโร่ทั้งนั้น และแน่นอนว่าถ้าเจ้าชาร์ลได้เข้าสู่หนทางแห่งความกล้าหาญ เจ้าหนูจะต้องหลงลืมหนทางอันแสนดำมืดอย่างแน่นอน!!!

ได้เวลาแล้วออโรร่า เวลาที่ออโรร่าคนนี้จะทำหน้าที่นักบุญที่ดี และสร้างฮีโร่แห่งแสงสว่างผู้เฉิดฉายทำลายซึ่งหนทางอันมืดมิด

“ไม่ว่าจะมีอะไรมาขัดขวางผมจะต้องปกป้องออโรร่าให้ได้”

ชาร์ลยังคงพูดต่อไป โดยสีหน้าของเขาตอนนี้เริ่มสงบลง ทว่ายังคงด้วยรอยยิ้มอันสว่างสไวเช่นเดิม ส่วนผมเหรอ พอคิดแผนการสร้างฮีโร่ได้ก็ไม่รอช้า

“ใช่ค่ะ แบบนั้นล่ะค่ะชาร์ล จงเชื่อมั่นในพลังของตัวเอง… เชื่อมั่นในพลังของชาร์ลที่ตัวฉันเชื่อสิคะ”

หึ ๆ แน่นอนว่าประโยคเด็ด ๆ แบบนี้ผมไม่ได้คิดได้เองหรอก ผมก็อปมาจากอนิเมสายลูกผู้ชายที่เคยดูมาแล้วก็เอามาใช้ทว่าแน่นอนว่าด้วยออโรร่าตัวน้อยนั้นคงตะโกนแบบนั้นไม่ดีเท่าไหร่ ผมเลยพูดออกไปด้วยแววตาอันแสนอ่อนโยนและน้ำเสียงที่หวานนุ่มออกมาแทน

และขึ้นชื่อว่าฮีโร่ สิ่งที่สำคัญมันต้องมีเอฟเฟค แน่นอน ผมจึงทำการร่ายเสริมพลังให้เขาไป ทำให้แสงสว่างที่อาบไปทั่วร่างของเขานั้นมันทอแสงเรืองรองยิ่งกว่าเดิม

และสิ่งที่ตอบกลับมาคือใบหน้ายิ้มแย้มอันแสนสุขของเจ้าชาร์ล หึ ๆ ดีใจใช่ไหมล่ะ ที่ผมเปิดเส้นทางแห่งฮีโร่นี้ให้

สักพักหนึ่งใบหน้าอันแสนอ่อนโยนนั่นก็หลับตาลง ก่อนคลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ ดวงตาสีฟ้าที่ลืมขึ้นมานั้นไม่ใช่ของเจ้าชายผู้หวาดกลัวหรือกังวลใจอีกต่อไป มันกลายเป็นแววตาของคนที่เปี่ยมล้นไปด้วยความกล้าหาญ

“เชื่อในพลังของผมที่ออโรร่าเชื่องั้นเหรอ… อ่า นั่นสินะ พอคิดแบบนี้เรามันรู้สึกไม่ว่าอะไรผมก็สามารถทำได้”

หลังสิ้นประโยคนั้นของชาร์ล ร่างของเขาก็ระเบิดแสงวาบออกมา สายลมรอบ ๆ ตัวของเขาได้หมุนวนไปมาจนเสื้อคลุมโบกสะบัดอย่างสง่างาม ผมสีทองที่จัดเป็นระเบียบก็สั่นไหวไปตามเปลวคลื่นพลังที่ปะทุออกมาจากตัวชาร์ลเรื่อย ๆ

“ผมรู้สึกได้ รู้สึกได้ถึงพลังที่เอ่อล้นในตัวผม… รู้สึกได้ว่าตัวผมในตอนนี้สามารถปกป้องทุกคนที่ผมรักได้”

ว่าจบ ชาร์ลคว้าดาบที่เหน็บที่เอวของตัวเองออกมา คลื่นพลังที่ล้อมรอบตัวชาร์ลได้ไหลเวียนเข้าไปยังใบดาบ เขาจะสะบัดมันหนึ่งทีก็เปิดคลื่นพลังที่ทำเอาของรอบ ๆ บ้านสั่นสะเทือน ส่งให้พวกชุดดำถึงกับตัวสั่นเดินถอยหนี

ชาร์ลมันเข้าไฮเปอร์โหมดไปแล้ว!!! ผมที่มองเห็นภาพตรงหน้าได้แต่ตกใจกับผลลัพธ์ที่ตัวเองทำไป…. คือใครมันจะไปนึกว่าเจ้าเด็กนี่มันจะไปได้ถึงขนาดนี้

ว่าแต่เด็กอายุไม่ถึงสิบปี มันคิดกันไปได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ…. ปกป้องทุกคนและสิ่งสำคัญ…. ไอ้ตัวผมสมัยประถมนี่ วัน ๆ คิดมากสุดก็ทำไงให้ชนะดีดลูกแก้วกับเพื่อนเองนะ รู้สึกแพ้ไงไม่รู้วุ้ย

แต่เอาเถอะ เรื่องหยุมหยิมพวกนั้นช่างมันไปก่อนตอนนี้มาสนว่าจากนี้ไปจะทำอย่างไหร่ต่อ

ผมมองไปที่ชาร์ลซึ่งกำลังจ้องพวกชายชุดดำซึ่งตอนนี้ถูกสลับตำแหน่งกันระหว่างผู้ล่ากับผู้ถูกล่า

“มาเถอะออโรร่า”

จู่ ๆ ชาร์ลลก็ยื่นมือของเขามาทางผม รอยยิ้มบาง ๆ ทว่าเอ่อล้นไปด้วยความอบอุ่นได้เผยออกมาให้กับผม

“ถ้าพวกเราจับมือรวมพลังล่ะก็ ผมมั่นใจว่าเราจะผ่านพ้นจากสถานการณ์นี้ไปได้แน่ เพราะงั้น…..จับมือผมนะ”

อ้ากกกก แสบตา รังสีความใสซื่อบริสุทธิ์หมดซึ่งมลทินนี่มันอะไร ชาร์ล นี่นายถูกวิญญาณนักบุญที่ไหนสิงมา ทำไมออร่าพระเอกเจนเนอริคมันถึงได้แผ่ออกมาขนาดนี้!!!

แต่ว่านะ…

“ไม่ค่ะ สิ่งที่ฉันควรทำตอนนี้คืออธิฐานและส่งความเชื่อมั่นให้กับตัวคุณในตอนนี้ นั่นคือหน้าที่เดียวที่ฉันจะกระทำได้ค่ะ”

จะบ้าเหรอ!!! คือเข้าใจนะว่าอารมณ์จิตวิญญาณพระเอกของนายตอนนี้มันแรงจัด แต่อย่างน้อยก็ช่วยเอาถุงกาวลงแล้วมองดูตรงหน้าหน่อย ศัตรูของนายมันแค่กี้ ๆ กลัวขี้แตกสามคนเองนะเว้ย

ไอ้ท่าจับมือรวมพลังหรือท่าปิดฉากเท่ ๆ น่ะ มันเอาไว้สำหรับตีบอสใหญ่หรือบอสลับ ไม่ใช่เจ้าลูกกระจ๊อก เพราะขืนใช้รัว ๆ ท่ามันก็เฟ้อเกร่อจนหมดความเท่ จำไว้ซะ ฮีโร่มือใหม่!!!

“ก้าวไปเถอะค่ะชาร์ล….. ก้าวผ่านพ้นอดีตของคุณด้วยพลังที่คุณไขว่คว้าด้วยความมุ่งมั่นของตัวคุณ”

ชาร์ลนิ่งไปสักพัก ทว่าถึงแม้ผมจะปฏิเสธการใช้ท่าไม้ตายขั้นสุดยอดของเขา แต่เขายังคงยิ้มอย่างมีความสุข….

“นั่นสินะ ตั้งแต่แรกแล้ว นี่น่ะคือบททดสอบของผม ออโรร่าช่วยผมมามากขนาดนี้แล้ว ถ้าหากผมขอมากกว่านี้ล่ะก็…..”

ชาร์ลเริ่มยกดาบของตัวเองขึ้นมาตั้งท่า พร้อมกับแววตาที่รุกวาวดุจราชสีห์ พลังออร่าแสงสีขาวได้รุกวาวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

“ผมก็ไม่มีวันที่จะปกป้องใครได้”

จ้าเชิญเลยจ้าพ่อพระเอกการ์ตูนโชเน็น เอาเถอะ ไหน ๆ ก็มาขั้นนี้แล้ว ขอจัดหนักจัดเต็มแล้วกัน จะได้รับประกันอนาคตอันแสนสดใสของเจ้านี่ได้

“ขอจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด โปรดนำพาพลังอันไร้เทียมทานให้กับเด็กหนุ่มผู้ทดสอบตัวตนเพื่อเบิกหนทางแห่งอนาคตด้วย”

ผมพูดไปแบบนั้นพร้อมกับลองอัดพลังดู ซึ่งมันดูได้ผลเป็นอย่างดี ออร่ารอบตัวชาร์ลที่ว่าร้อนแรงแล้วมันยิ่งร้อนแรงยิ่งกว่าเก่า นั่นทำให้ชั่วขณะที่เขาพุ่งผ่านตัวผมไป เขาได้ยิ้มออกมาแล้วพูดออกมาเบา ๆ

“ขอบคุณมากนะ ออโรร่า”

ไม่ต้องเกรงใจ เชิญนายไล่ตบพวกลูกกระจ๊อกเลย ที่เหลือเดี๋ยวฉันแบกทีมบวกซัพพอร์ตให้ยันจบเกมเอง

“ย้ากกกก”

เสียงตะโกนของชาร์ลดังกึกก้องไปทั่วคฤหาสน์ ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งทะยานเข้าไปดุจดาวหางหาเหล่าลูกกระจ๊อกที่กำลังเตรียมจะวิ่งหนีจุกตูด

ควับ ฟับ

แสงสว่างวาบเป็นประกายได้ส่องออกมาจากดาบของชาร์ล มันเป็นแค่ชั่วขณะหนึ่งเท่านั้นก่อนที่ทุกอย่างจะสิ้นสุดลง ทิ้งไว้เพียงภาพของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เหนือร่างที่นอนอย่างไร้สติของชายชุดดำทั้งสาม

แสงสว่างของพระอาทิตย์ได้ส่องลงมาอาบร่างของเด็กหนุ่ม ชาร์ลมองมันด้วยสายตาหลากอารมณ์ เขายิ้มออกมา ยิ้มออกมาอย่างสุดหัวใจ นั่นคงเป็นรอยยิ้มที่ไม่มีสิ่งใดอื่นมาเจือปนนอกจากรอยยิ้มแห่งความสุข

ผมที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา สิ่งที่ขุ่นมัวในใจมาตลอดของผมก็ได้ถูกสลายอย่างที่เรียบร้อย ที่เหลือก็แค่แสดงความยินดีให้กับเขา

“ยินดีด้วยนะคะชาร์ล”

ยินดีต้อนรับเข้าสู่หนทางแห่งฮีโร่ผู้สว่างสไว