ตอนที่ 43 องค์ที่ 2 ผู้กล้า - อดีตผู้กล้าและการตัดสินใจ

[WN] การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

…รู้สึกเหมือนตัวกำลังลอยอยู่เลย

แต่ก็อบอุ่น แถมรู้สึกสบายด้วย

เหมือนได้นอนหลับอยู่บนปุยเมฆเลย

…อยู่บนเมฆเหรอ?

งั้นก็แสดงว่าเราตายแล้วสินะ

สงสัยเราจะถูกฆ่าอย่างโหดร้ายจนฟื้นคืนชีพไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็เลยอยู่บนสวรรค์สินะ

 

เมื่อฉันลืมตา มันกลับไม่มีท้องฟ้าสีคราม ไม่มีนางฟ้า มีแต่เพดาน

งั้นที่นี่ก็ไม่ใช่สวรรค์สินะ แต่ก็ไม่ใช่ในกรงขังอันนั้นด้วย

 

“…ที่นี่…ที่ไหน…?”

 

เราลุกขึ้นมาก่อนจะมองดูรอบๆ ก็ได้เห็นสถานที่ที่ดูเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เป็นที่ที่เห็นแล้วก็บอกได้เลยว่าเจ้าของห้องนี้ต้องมีชีวิตที่ดีแน่ๆ

แต่ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย ไม่มีวี่แววว่าใครจะเข้ามาด้วย

 

ทำไมเราถึงมาหลับอยู่ที่แปลกๆ นี่ได้ล่ะ? ในห้องของคนแปลกหน้าด้วย?

ระหว่างที่เกาหัวตัวเองอยู่ พลางพยายามนึกถึงความทรงจำที่เลือนลางของตัวเอง

 

เท่าที่เราจำได้ เรานอนอยู่กลางป่าโดยไม่ทันรู้ตัว อยู่กับเด็กหญิงแวมไพร์กับใครซักคน แล้วเราก็ถูกเคลื่อนย้ายมาที่… จอมมารอยู่ที่นี่ จากนั้น… จอมมารบอกว่าเราเป็นอิสระแล้ว…

 

“…อ๊ะ จำได้แล้ว”

 

พูดอีกอย่างคือ ตอนนี้เราเป็นนักโทษของกองทัพจอมมารแล้วสินะ

ผู้คนต้องการพลังของเรา เพราะงั้นพวกนั้นจะต้องพยายามเอาเรากลับไปแน่ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกมันต้องการทุกอย่างนั่นแหละ

 

…เอาเถอะ ต่อให้พวกนั้นจะมาถึงที่นี่ เราก็จะไม่มีทางกลับไปพร้อมพวกนั้นเด็ดขาด

เราจะแข็งแกร่งขึ้น แล้วฆ่าพวกมันซะ

จะใช้พรสวรรค์ต้องสาปนี่ให้สุดกำลังเพื่อการนั้นเลย

 

…แต่ก่อนหน้านี้ เรายังมีคำถามนิดหน่อย

กองทัพจอมมารเอาตัวเรามาได้ยังไงกันน่ะ?

 

ตอนที่เราตื่นขึ้นมา เราอยู่ในป่าสวยๆ ที่นึงนี่นา เราหมายถึง พวกเขาไปเอาตัวเราออกมาระหว่างที่หลับอยู่งั้นเหรอ? จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เนี่ยนะ? …เป็นไปไม่ได้แน่ เราถูกตามเฝ้าสังเกตจาก 12 อัครสาวกลำดับที่ 2 กับ 3 อย่างเฮเลน่าแห่ง ‘เนตรสมบัติ’ กับเกลแห่ง ‘ลิขิตชะตา’ อยู่ตลอดเวลาเลยนี่นา

แล้วพวกเขาทำได้ยังไงกันน่ะ? แล้วทำไปเพื่ออะไร?

 

“ฟู่ว… อืมม โอ้? ตื่นแล้วเหรอ?”

“!?”

 

ระหว่างที่เรากำลังรวบรวมสมาธิเพื่อใช้ความคิด ก็ไม่ทันรับรู้ตัวตนได้เลย

ประตูห้องนั้นถูกเปิดออกจากเด็กหญิงแวมไพร์คนเดียวกันกับที่ก้มมามองฉันในป่านั่น

 

“เธอนอนหลับไปทั้งวันเลยล่ะรู้มั้ย ตอนนี้ฟ้ามืดแล้วล่ะ… ฉันหมายถึง เธอโอเคใช่มั้ย? นี่ตื่นอยู่หรือเปล่า?”

“…เออ อะ ใช่ๆ ไม่เป็นไร…”

“เข้าใจละ ถ้างั้น ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะ ฉันชื่อลีน บลัดลอร์ด ก็อย่างที่เธอเห็น ฉันเป็นแวมไพร์ อ้อ ที่นี่ห้องของฉันเองนะ แต่จากเรื่องนี้ ฉันก็เลยจะได้เลื่อนขั้นเป็นว่าที่ผู้บริหารแล้ว เพราะงั้นเดี๋ยวฉันก็ย้ายออกไปจากที่นี่แล้วล่ะ”

“…เรื่อง…นี้…?”

 

 

แค่นิดเดียวเอง… เราแปลกใจมากเลยที่ได้ยินว่าเด็กผู้หญิงอายุใกล้ๆ กับเรากำลังจะเป็นว่าที่ผู้บริหารของกองทัพจอมมารแล้ว แต่ที่เราสนใจมากกว่าคือ ‘เรื่อง’ ที่ว่านั่นมากกว่า เรามั่นใจเลยว่ามันจะต้องเกี่ยวกับเราแน่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

“ใช่ เรื่องนี้ที่ว่า ฉันชนะเธอได้น่ะ ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยได้ลงภาคสนามมาก่อน ก็เลยได้ยินบางคนสงสัยว่าจะดีเหรอที่ฉันได้เป็นทหารระดับสูงอยู่บ่อยๆ แต่พอฉันหยุดเธอที่เป็นผู้กล้าได้ เสียงบ่นพวกนั้นก็หายไป แล้วฉันก็ได้เลื่อนเป็นว่าที่ผู้บริหารน่ะ”

“ชนะเราเหรอ? เธอน่ะนะ?”

“…อือฮึ”

“…เอ๋?”

“…อ่า จะว่าไงดี เธอจำไม่ได้เลยสินะ? เรื่องเมื่อวานนี้?”

“มัน… อึม ขอโทษด้วย”

“ไม่ ไม่ ไม่ เธอไม่มีอะไรต้องขอโทษเลย… ก็นะ สภาพจิตใจถูกทำลายมาตั้งนานเลยนี่นา… งั้น ความทรงจำล่าสุดที่จำได้เมื่อวานอยู่ที่ประมาณตรงไหนเหรอ?”

“อืม… อยู่ในป่า เห็นเธอก้มมามองเรา”

“ก่อนหน้านั้นล่ะ?”

“…จบการฝึกซ้อมประจำวัน แล้วก็ต้องอยู่หลังลูกกรง…”

“…โอเค ตามทันแล้วล่ะ ถ้างั้น ก่อนที่ฉันจะพาเธอไปพบท่านจอมมารกัน ฉันจะอธิบายให้เธอฟังคร่าวๆ ก็แล้วกันนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง และก็อะไรพวกนั้น”

 

“ขอโทษนะ พูดอีกทีได้หรือเปล่า?”

“ก็นะ นั่นแหละคือความจริงที่เกิดขึ้น”

 

…หัวใจของเราแตกสลาย? มา 3 ปี?

แล้วระหว่างนั้น ก็ถูกส่งออกไปในสงคราม?

แล้วก็ คนที่อยู่ตรงหน้าเรา… เธอบอกว่าตัวเองชื่อว่าลีนสินะ เธอเอาชนะเราได้ แล้วก็หยุดเราเอาไว้งั้นเหรอ?

 

“ถ้าเธอไม่เชื่อฉันล่ะก็ ลองเช็คสเตตัสของตัวเองดูสิ มันน่าจะเพิ่มมาเยอะเลยล่ะ”

 

ฟังแบบนั้น เราก็เลยรีบเปิดสเตตัสของตัวเองมาดู

 

ไม่ทราบชื่อ, มนุษย์ Lv 86

คลาส (อาชีพ) : -ยังไม่ได้เลือก-

สภาพ : อ่อนล้า (อ่อนแอ)

 

ความแข็งแกร่ง: 14,280

การป้องกัน: 13,950

พลังเวท: 12,460

การป้องกันเวท: 13,520

ความเร็ว: 14,190

 

เวทมนตร์: ไม่มี

 

“อะไร… น่ะ…?”

 

เลเวล 86? มันน่าจะเป็น 1 อยู่นี่นา

แถมตัวเลขพวกนี้เพิ่มมาเกือบร้อยเท่าจากเดิมเลย

 

“ค- คุณลีน นี่มัน…”

“…ต่ำกว่าที่คิดเหรอ? ท่านอิซึสึบอกว่าเฉลี่ยน่าจะประมาณ 20,000 นี่นา… เพราะไม่มีอาชีพงั้นเหรอ แถมชื่อก็ขึ้นว่าไม่ทราบด้วย”

“……อืม”

“อะ โทษทีนะ ทีนี้เธอก็รู้แล้วสิเนอะว่าตัวเองเดินไปทั่วเหมือนละเมออยู่ซักพักนึงเลย”

“ค- ค่ะ แปลกจัง มันยากที่จะยอมรับได้ แต่เราเข้าใจค่ะ”

“งั้นก่อนอื่น ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าขาดๆ ของเธอนั่นก่อน แล้วจากนั้นก็… หืม?”

 

คุณลีนที่อยู่ๆ ก็หยุดพูดไป แล้วก็มองออกไปที่ไหนไม่รู้ พร้อมกับบอกให้เราเงียบก่อน

 

“โอเค เปลี่ยนแผน ฉันถูกท่านจอมมารเรียกน่ะ ท่านอยากให้ฉันพาเธอไปพบท่านเดี๋ยวนี้เลย”

 

เรากำลังสงสัยว่าจะไปที่ไหนยังไง แต่พอเราเปิดประตูห้องออกมา มันก็พาออกมาที่ท้องพระโรงเดียวกับเมื่อวานแล้ว

นี่คงจะเป็นเวทพื้นที่ที่เชื่อมประตูห้องกับที่ที่จอมมารอยู่แน่เลย

 

“เอาล่ะ มาถึงแล้วสินะ ลีน แล้วก็อดีตผู้กล้าด้วย”

“ค่ะ ท่านจอมมาร ลีน บลัดลอร์ด มาเข้าพบตามบัญชาแล้วค่ะ”

“โถ่ ไม่ต้องเป็นทางการแบบนั้นหรอก วันนี้มีเพียงพวกเรา 3 คนเท่านั้น”

“…สาม? แล้วผู้บริหารคนอื่นๆ ล่ะคะ? คุณวีเนลก็ไม่อยู่ที่นี่ด้วย”

“ถูกต้องแล้ว เราเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ เพื่อยืนยันความตั้งใจของเจ้าอีกครั้ง อดีตผู้กล้าเอ๋ย”

 

…?

 

“เอ่อ ความตั้งใจ?”

“ถูกต้อง เมื่อวาน เจ้าได้พูดเอาไว้เช่นนี้สินะ? ‘เราจะแก้แค้นพวกมนุษย์ เราจะกวาดล้างทุกสิ่ง ทั้งครอบครัว ทั้งประเทศ และทุกอย่างที่ขวางทาง’ หรืออาจใกล้เคียงกับคำดังกล่าวนี้”

“…ค่ะ”

 

ใช่แล้ว เราน่ะ ―――

 

“เราไม่มีวันยกโทษให้พวกมัน แค่คิดว่าได้เกิดมาเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับพวกมันก็ทำเอาเราแทบอ้วกแล้ว เราจะทำให้พวกมันได้เจอกับสิ่งที่พวกมันทำกับเราเอาไว้ พวกมันพยายามจะฆ่าล้างเผ่ามาร แสดงว่าพวกมันก็ต้องพร้อมที่จะถูกเราฆ่าพวกมันจนเหี้ยนเหมือนกัน”

 

*เงื่อนไขครบถ้วนสมบูรณ์ อาชีพพิเศษ [ผู้ชำระแค้น] ถูกปลดแล้ว*

 

“‘คนที่ชักปืนออกมา ต้องเดิมพันด้วยชีวิต’ สินะคะ…”

“นั่นเอามาจากที่ไหนกันหรือ ลีน? เป็นคำพูดที่ฟังดูดีทีเดียวนะ… อืม เราเข้าใจแล้ว เราจะไม่หยุดเจ้าเมื่อเครื่องเริ่มเดินไปแล้วหรอก แต่เจ้าจะทำมันตามลำพังอย่างนั้นหรือ? เจ้านั้นแข็งแกร่งก็จริง แม้จะอ่อนแอลงเพราะเสียอาชีพ [ผู้กล้า] ไป เจ้าก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่… ณ จุดนี้ มีไม่ถึง 20 คนในกองทัพจอมมารหรอกที่สามารถสู้กับเจ้าได้ แต่เรื่องที่ว่ายังเป็นสิ่งที่หนักหนาเกินกว่าที่เจ้าจะแบกรับมันด้วยตัวคนเดียวนั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”

“…มันก็…”

“เช่นนั้นแล้ว นี่คือข้อเสนอของเรา เจ้าจงมาร่วมกับกองทัพของเราสิ”

“…เอ๋? เรา? กองทัพจอมมารเหรอคะ?”

“ถูกต้องแล้ว มาเป็นบุคลากรของกองทัพจอมมารสิ เราจะทำลายล้างมนุษยชาติและสร้างโลกอันสงบสุขสำหรับเหล่าผู้ถูกเหมารวมเรียกว่าเผ่ามาร เพื่อการนั้นแล้ว เราจำเป็นต้องใช้พรสวรรค์อันไม่ธรรมดาของเจ้า”

“……แต่ว่า…”

“พรสวรรค์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นดั่งคำสาปของเจ้า เป็นสิ่งที่เจ้าเกลียดชัง และเป็นภาระที่เจ้าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น นับแต่นี้ไป เจ้าจะได้ใช้สิ่งนั้นเพื่อตัวเจ้าเองแล้ว และไม่ได้มีเพียงเจ้าคนเดียวหรอกนะที่ได้แบกเพลิงแห่งความแค้นที่มีต่อพวกมนุษย์ ลีนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเองก็เป็นเช่นเดียวกันกับเจ้า”

“เอ๋…?”

“…หมู่บ้านที่ฉันอาศัยอยู่ ถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์น่ะ ทั้งๆ ที่เราก็อยู่กันอย่างสงบแท้ๆ ทั้งคุณพ่อ ทั้งคุณแม่ ทั้งเพื่อนสนิทของฉัน ทุกคนถูกฆ่าหมดไม่เหลือเลย ฉันเป็นแค่คนเดียวที่รอดชีวิตมาได้… ฉันไม่มีวันยกโทษให้พวกมันเด็ดขาด ฉันจะตามล่าพวกมัน และเก็บกวาดพวกหมดทิ้งให้หมดจนคนสุดท้าย นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันเข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร เพื่อไขว่คว้าพลังที่จะทำสิ่งนั้นให้ได้น่ะ”

 

…เรื่องแบบนั้น

เราเคยคิดว่าพวกมนุษย์น่ะ ต้องทำอะไรบางอย่างที่เลวร้ายเอาไว้แน่ๆ

แต่ใครจะคิดล่ะว่าพวกเขาจะทำลายเผ่าพันธุ์ที่ไร้ความผิดใดๆ จนสิ้นซาก ด้วยเหตุผลที่แค่เพราะพวกเขาเป็นเผ่ามารเนี่ยนะ!?

 

“อ่า แต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ เธอเป็นข้อยกเว้น ฉันเห็นใจเธอเพราะเธอเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน แถมยังแค้นพวกมนุษย์เหมือนกับฉันเลยด้วย”

“เราดีใจที่เจ้าเป็นเด็กฉลาดนะ ลีน… แล้ว คำตอบของเจ้าล่ะ?”

 

…เอาจริงๆ เราก็ยังไม่แน่ใจเลย

เราอาจต้องลากคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องกับการล้างแค้นของตัวเราเองด้วยก็ได้

พอคิดแบบนั้น การจะตัดสินใจทันทีเลยมันก็ลำบาก

 

“…ฟังให้ดี การล้างแค้นนั้น ตามปกติแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่การกระทำอันเห็นแก่ตัว ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด แต่ถึงอย่างนั้น ทั้งเราทั้งลีนก็ยังคงต้องการจะล้างแค้นอยู่ดี เพราะเหตุใดอย่างนั้นหรือ? …เพราะแม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจก็ตาม แต่เราก็ไม่อาจให้อภัยพวกมันได้ เราตัดสินใจที่จะทำลายล้างเผ่าพันธุ์ของพวกมันให้สิ้น ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดก็ตาม ต่อให้มันจะอุกอาจเพียงใดก็หาได้สน เรื่องนี้เองก็สำหรับเจ้าด้วยนะ ลีน การล้างแค้นนั้นเป็นเพียงการกระทำเพื่อตัวเจ้าเองเพียงฝ่ายเดียว… ฉะนั้น เจ้าเพียงแค่ควบคุมตัวเองเอาไว้พอประมาณและทำดีเพื่อผู้อื่นไปด้วยก็พอ… ด้วยเหตุนั้นแล้ว เจ้าไม่คิดหรือว่าจะรบกวนผู้อื่นบ้างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อจุดมุ่งหมายของเราเองนั้นก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดน่ะ”

“―――อึก?!”

 

…คำพูดพวกนั้นเข้ามาในจิตใจของเราได้ง่ายดายอย่างประหลาดเลย

และมันก็ทำให้เราตัดสินใจได้ทันทีเลยด้วยเหมือนกัน

 

“…เราขอฟังคำตอบของเจ้า”

“…ค่ะ เราตกลงรับข้อเสนอท่านค่ะ ทั้งพรสวรรค์และชีวิตของเรา ที่เคยถูกบอกกันว่าเป็นของมวลมนุษย์และถูกปฏิบัติอย่างต่ำช้า ครั้งนี้ เราจะขอมอบทั้งหมดนั่นให้กับกองทัพจอมมารด้วยความตั้งใจของเราเอง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน โปรดรับฟังความเอาแต่ใจของเราด้วยค่ะ เราต้องการทำลายมนุษยชาติให้สิ้นซาก เราไม่มีทางยกโทษให้กับการทรมานให้เราเหมือนต้องตกอยู่ในนรกทั้งเป็นแบบนั้น แต่พวกมันกลับยังใช้ชีวิตกันได้อย่างสุขสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น เราต้องการเห็นพวกมันต้องเอาหัวของตัวเองครูดกับพื้น แล้วอ้อนวอนร้องขอชีวิต… โปรดช่วยให้เราได้แก้แค้นด้วยนะคะ หากท่านตกลงที่จะช่วยแล้ว เรายินดีที่จะทำทุกอย่าง ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องโหดร้ายแค่ไหนก็ตามค่ะ”

“เช่นนั้น ในนามของ [จอมมาร] ฟิลิส ดาร์กลอร์ด เรายอมรับการเข้าร่วมกับกองทัพจอมมารของเจ้า และอนุญาตความเอาแต่ใจนั้นของเจ้าได้ จงอาละวาด จงบดขยี้พวกมันตามที่ใจเจ้าต้องการเถิด เราอนุญาตความตั้งใจทั้งหมดนั้นของเจ้า”

 

…ดังนั้น ตัวเรา อดีตผู้กล้า ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่หาได้ยากและมีศักยภาพสูงสุดเท่าที่เคยมีผู้กล้ามา คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์

 

คราวนี้ เราขอย้ายฝั่ง เราจะมาทำลายล้างทุกชีวิตของพวกมนุษยชาติให้สิ้นซากไปเลย

 

TN: “ชักปืนออกมา หมายถึงต้องเดิมพันด้วยชึวิตนะ”
คำพูดคุ้นๆ แถมเสียแขนเหมือนกันด้วยนะ ลีนจัง (ถึงจะคนละข้างก็เถอะ) 55555