ตอนที่ 26 ขายหน้า
เฝิงเหล่าฮูหยินมองจ้องเซียวซื่ออย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้
สะใภ้คนนี้ของนางให้ดูแลบ้านเรือนนานไปแล้วหรืออย่างไรถึงได้เลอะเลือนไปแล้วว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายตัวจริงของจวนปั๋วแห่งนี้ ถึงยื่นจมูกเข้ามาสอดเรื่องในเรือนฉือซินได้
คำพูดของเจียงซื่อก่อนเดินออกไป อดไม่ได้ที่จะทำให้เฝิงเหล่าฮูหยินขุ่นเคือง
ห้องครัวใหญ่รังแกเจียงซื่อ แล้วยังดันตรงกับวันที่เจียงเชี่ยนกลับมาเยี่ยมเรือน
เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจียงซื่อหักหน้าเจียงเชี่ยนที่เรือนฉือซินได้ยินถึงหูของเซียวซื่อเข้าให้แล้ว เซียวซื่อถึงกลั่นแกล้งให้สีสันชีวิตกับเจียงซื่อเช่นนี้
เฝิงเหล่าฮูหยินอาบน้ำร้อนมาก่อน เรื่องวุ่นวายหลังจวนนางคร้านจะใส่ใจ แต่กลับมาเดือนร้อนถึงนางเช่นนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกัน
เจียงเชี่ยนไม่ได้ไปที่เรือนหยาซิน เซียวซื่อเองก็กลับมาเล่นงานเจียงซื่อ แสดงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเรือนฉือซิน เซียวซื่อรับรู้ทั้งหมดทุกอย่าง
เรื่องในเรือนของนางกลับรู้ไปถึงหูของผู้อื่น สำหรับเฝิงเหล่าฮูหยินแล้วจะทนรับได้อย่างไร
เฝิงเหล่าฮูหยินยิ่งคิดยิ่งโกรธ สาดน้ำชาในถ้วยใส่หน้าเซียวซื่อพลางกันฟันพูด “ข้ายังไม่ตายนะ”
น้ำชาในถ้วยนั้นถึงแม้ว่าจะหายร้อนแล้ว ไม่ได้ลวกผิวนางแต่อย่างใด จะอย่างไรเซียวซื่อเป็นผู้ที่อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว แถมยังเป็นผู้ดูแลจวนแห่งนี้มาเสียนมนาน น้ำชาบนใบหน้าของเซียวซื่อค่อยๆ ไหลลงมา ซ้ำใบชายังติดอยู่บนใบหน้า เวลานี้ น้ำชาที่สาดเข้ามาทำให้นางร้อนผ่าวไปทั้งใจ แค้นจนอกแทบจะระเบิดอยู่แล้ว
“เหล่าฮูหยิน ท่านพูดเช่นนี้ทำให้ข้าผู้เป็นสะใภ้รู้สึกไม่มีหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ข้าไม่ทราบว่าข้าทำผิดอะไรถึงทำให้ท่านโกรธเคืองได้ถึงเพียงนี้…”
เฝิงเหล่าฮูหยินได้สติขึ้นมามองไปยังเซียวซื่อที่รู้สึกอับอาย แม้ความโกรธจะทุเลาลงไปบ้างแล้ว แต่นางกลับรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง
เมื่อครู่นางคิดมากไปหน่อย เซียวซื่อเองก็นับได้ว่าดูแลจวนมานาน หากไม่ไว้หน้านางหน่อยก็ต้องนึกถึงหน้าหลานทั้งสองของนางไว้บ้าง
“ช่างเถิด เจ้ากลับไปเสีย พรุ่งนี้เช้าก็ให้ป้าหลิวออกจากจวน อย่าให้มาขวางหูขวางตาข้าอีก” เฝิงเหล่าฮูหยินคลายความโกรธลง
“เชิญเหล่าฮูหยินพักผ่อน ข้าขอตัวก่อน ไม่รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ”
พอเซียวซื่อเดินจากไป ห้องโถงใหญ่ของเรือนฉือซินก็เงียบสงัด หากมีเข็มร่วงลงพื้นก็คงได้ยิน
เฝิงเหล่าฮูหยินมองไปทางเฝิงมาหม่าแต่กระนั้นก็ยังไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
กดดันจนเฝิงมาหม่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหงื่อกแตกพลั่กจนถึงคอเสื้อ
เฝิงมาหม่าคุกเข่าลง ทำให้อาฝูและอาสี่คุกเข่าตาม
แม้กระทั่งบรรดาบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างนอกที่ไม่ได้เข้ามาก็คุกเข่าตามไปด้วย
“พูดมา ใครมันสาระแนมากความ” เฝิงเหล่าฮูหยินเอื้อมมือออกไปหยิบถ้วยชายกดื่มขึ้น พอยกมือขึ้นก็นึกได้ว่าชาถ้วยนั้นเพิ่งจะยกสาดใส่หน้าของเซียวซื่อออกไป สีหน้าของนางก็ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
อาฝูอาศัยความกล้าหยัดกายลุกขึ้นถือวิสาสะเปลี่ยนถ้วยชาให้กับเฝิงเหล่าฮูหยิน และกลับไปนั่งคุกเข่าอีกครั้ง
เฝิงเหล่าฮูหยินใช้ริมฝีปากแตะถ้วยชาเบาๆ ถึงแม้ว่ากำลังโกรธอยู่ แต่ก็รู้สึกพอใจอาฝูอยู่ไม่น้อย
“ไม่มีผู้ใดรับผิดใช่หรือไม่” เฝิงเหล่าฮูหยินจิบน้ำชาเข้าไปอีกอึก น้ำเสียงฟังดูไม่ออกว่าอารมณ์ไหน
แต่เฝิงเหล่าฮูหยินก็เป็นเช่นนี้อยู่เสมอ ทำเอาบรรดาบ่าวรับใช้ที่คุกเข่าอยู่ใจหายใจคว่ำ
ในที่สุดอาสี่ก็ทนแรงกดดันไม่ไหว กล่าวออกมาอย่างตะกุกตะกัก “เป็นบ่าว… เป็นบ่าวเองที่พูดมากเจ้าค่ะ”
พอเห็นว่าเป็นบ่าวรับใช้คนสนิทของตนเองแล้ว เฝิงเหล่าฮูหยินเอาแต่เม้มริมฝีปากแน่น สายตาพลางจ้องไปทางอาสี่โดยไม่กล่าวคำใด
ผ่านไปชั่วอึดใจ อาสี่เริ่มลนลาน “หลังจากที่คุณหนูรองกลับไป บ่าวรับใช้จากเรือนหย่าซินก็มาคุยกับบ่าว บ่าวเห็นว่าเอ้อร์ไท่ไท่รักคุณหนูรองมาก สองแม่ลูกผูกพันบ่าวเองก็ทนไม่ไหว จึงพลั้งปากพูดออกไป เหล่าฮูหยิน บ่าวสำนักผิดแล้วเจ้าค่ะ หากบ่าวรู้ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตีให้ตายบ่าวก็ไม่พูด…”
อาสี่พูดพลางโขกศีรษะจนหน้าผากแดง “บ่าวสำนึกผิดแล้วเจ้าค่ะ เหล่าฮูหยินได้โปรดละเว้นบ่าวด้วย บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้วเจ้าค่ะ…”
“พอได้แล้ว”
พอเหล่าฮูหยินเปล่งเสียง อาสี่กลับตกใจยิ่ง
“หลังจากนี้ไป เจ้าจงไปทำงานอยู่ที่ห้องเย็บปักเสีย” หลังเห็นคราบเลือดที่หน้าผากของอาสี่ เหล่าฮูหยินก็ใจอ่อน ทิ้งความคิดที่จะส่งนางออกนอกจวนไป
“ขอบ…ขอบพระคุณเหล่าฮูหยินเจ้าค่ะ…” อาสี่นั่งหมดอาลัยตายอยากลงบนพื้น ความคิดต่างๆ ในขณะนั้นกลับหายไปหมด
จากบ่าวรับใช้คนสนิทของเรือนฉือซินเปลี่ยนสถานะเป็นบ่าวรับใช้ในห้องเย็บปัก ให้นางตายไปเสียยังจะดีกว่า
อาฝูเห็นสีหน้าของอาสี่ไม่ค่อยไม่สู้ดีนัก ถึงอย่างไรนางสองคนก็เป็นสหายกันมาตั้งนาน จึงรีบพยุงนางขึ้น “เหล่าฮูหยินเจ้าคะ บ่าวขอตัวพาอาสี่ไปเก็บของก่อนนะเจ้าคะ”
“ไปเถอะ” หลังจากเจอเรื่องวุ่นวายมาได้สักพัก เหล่าฮูหยินก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “เฝิงมาหม่า คนพวกนี้ต่อไปข้าให้เจ้าดูแลแล้วกัน หากผู้ใดปากมากอีกก็ขับออกจากจวนเสีย”
ตลอดทั้งคืนนั้นเรือนฉือซินเงียบสงัดราวกับไม่มีผู้คนอยู่อาศัย และไม่มีใครกล้าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
ที่เรือนหย่าซินสถานการณ์ก็เลวร้ายพอๆ กัน
เซียวซื่อกลับมาจากเรือนฉือซินอย่างหัวเสีย พอเข้าไปในเรือนของตนก็กวาดถ้วยชาร่วงหล่นจากโต๊ะจนกระจัดกระจายเต็มไปหมด
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น” นายท่านรองเจียงเดินเข้ามาด้วยความแปลกใจ ของกระจายเต็มไปหมดไม่มีแม้แต่ที่จะยืน
เซียวซื่อรู้สึกตัวก็ทำอะไรไม่ถูก เดินหนีออกไปให้บรรดาบ่าวรับใช้รายงานสถานกาณ์แทน
“เหลวไหล” นายท่านรองเจียงฟังจบก็ตวาดลั่น “เจ้าป็นอาสะใภ้ประเภทใดกัน กับเรื่องแค่นี้เจ้าถึงขนาดลงไม้ลงมือกับหลานได้ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
เซียวซื่อหน้าแดงโกรธจัด “ใครจะไปรู้ว่าเจียงซื่อมันจะไม่รักษาหน้าตา ยอมแตกหักกับข้าได้”
บ้านรองมีโอกาสรังแกบ้านใหญ่แบบนี้ หากสบโอกาสแล้วมีจวนไหนบ้างจะไม่ลงมือ
ปกติแล้วพวกลูกสาวตระกูลใหญ่ที่ไหนเลยจะกล้าตอกกลับเช่นนี้ เหตุใดพอเป็นนางบ้างที่ลงมือ จึงไม่สำเร็จเช่นจวนอื่นเล่า
“เจ้าก็อย่าใส่ใจนักเลย คิดว่าเจ้าเด็กนั่นรับมือง่ายหรือไง ก่อนหน้านี้ก็เพื่อรักษาภาพพจน์ที่ดีก่อนออกเรือน แต่ตอนนี้ไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว”
“แล้วเป็นเช่นไร”
“หากจะแตกหักนางก็พร้อมแตกหักไปด้วยน่ะสิ” พูดถึงเจียงซื่อ นายท่านรองเจียงก็อารมณ์เสียขึ้นมาทันที
เขายังไม่ลืมคำพูดที่หลานสาวตัวดีพูดกับเขาในวันนั้นที่ห้องโถง
เซียวซื่ออ้าปากจะพูดต่อ นายท่านรองเจียงจึงขัดจังหวะอย่างเย็นชา “สรุปคือเด็กนั่นตอนนี้ไม่ห่วงภาพลักษณ์อะไรทั้งนั้น ทางที่ดีเจ้าจงอยู่ห่างนางให้มากก็พอ”
นายท่านรองเจียงกล่าวจบ มองภรรยาที่ใบหน้าเต็มไปด้วยกากใบชา ดูเหมือนว่าใบหน้านางเหลืองยิ่งกว่าโคมไฟที่แขวนอยู่เสียอีก เขาไม่อยากไปไหนทั้งนั้น จนสุดท้ายจึงเดินออกจากเรือนไป
เซียวซื่อมองผู้ชายของตนเดินจากไปอย่างไม่ไยดีเลยแม้แต่น้อย ขนาดคำปลอบใจก็ยังไม่มีให้ กลับเดินออกไปนอนกกอนุ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
และได้แต่ปลอบใจตนเอง
เจียงซื่อกลับมาที่เรือนไห่ถังแล้ว อาหมานจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูทราบได้อย่างไรว่าเหล่าฮูหยินกับเอ้อร์ไท่ไท่จะไม่หาเรื่องคุณหนู”
เจียงซื่อยิ้มพูดนิ่งๆ “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่กลัวเสียผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่าเท่านั้นเอง”
นางไม่ได้ต้องการอะไรมาก แน่นอนว่าสามารถนำสินเดิมของท่านแม่มาต่อรองกับท่านย่าได้อยู่แล้ว ท่านย่าเองถึงอย่างไรก็เสียดายไม่อยากให้นางนำกลับคืนมา เช่นนี้ เวลาที่นางหาเรื่องอาสะใภ้รอง ท่านย่าจึงได้เอาแต่นั่งดู
ส่วนอาสะใภ้รอง คงเข้าใจว่านางเป็นลูกกำพร้าไม่มีมารดาปกป้อง คิดว่านางหน้าบาง จะต้องหาคำพูดอ้อมค้อมมาเจรจาด้วย หากเป็นเช่นนี้ ทางห้องครัวคงหยุดกลั่นแกล้ง แต่โอกาสเช่นนี้ จะให้นางกลั่นแกล้งโดยไม่ได้รับผลตอบแทนจะได้อย่างไร
แต่น่าเสียดายที่ท่านอาสะใภ้รองของนางไม่รู้ว่า นางเข้าใจแล้วว่าคนเราจะดำรงชีวิตอยู่ได้ ต้องแยกเรื่องหน้าตาและศักดิ์ศรีออกจากกัน
มีหน้ามีตาไม่เท่ากับอยู่อย่างมีความสุข แต่การที่จะอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้นจะต้องไม่เสียศักดิ์ศรีด้วย
“ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องสนุกรอให้ดูอยู่” เจียงซื่อส่งสายตาให้พวกสาวรับใช้ปรนนิบัติตัวเองอาบน้ำ
อาหมานและอาเฉี่ยวสบตากันโดยมิได้นัดหมายพลางคิดในใจ พรุ่งนี้จะมีเรื่องสนุกอะไรอีกงั้นหรือ