ตอนที่ 20 นางคิดจะทำให้เขาตาย
เชิญให้ไปพบ?
การแสดงออกทางสีหน้าของอวี้ชิงลั่วชะงักงัน นางเหลือบมองพ่อบ้านที่อยู่ด้านหลัง เก็บของที่อยู่ในมืออย่างเอื่อยเฉื่อย ก่อนลุกขึ้นยืน “จะจ่ายให้แล้วหรือ?”
มุมปากของพ่อบ้านกระตุกวูบ แม่นางอวี้ผู้นี้ มิใช่ตัวละครที่ปล่อยผ่านได้ง่าย ๆ
เขาไม่ได้พูดอะไรมากมาย เพียงแค่ทำมือเพื่อเชิญและเดินนำออกจากประตูห้อง
อวี้ชิงลั่วก้าวเท้าเดินมาด้านหน้าสองสามก้าว จากนั้นก็หันไปพูดกำชับว่า “หากยังอยากรักษาชีวิตเขาไว้ ทางที่ดีที่สุดเจ้าอยู่เฝ้าที่นี่ด้วยตัวเอง ข้าไม่มีโอสถหยาดน้ำค้างเม็ดที่สองแล้วนะ” ต่อให้มี ให้ตายนางก็ไม่หยิบออกมา
เสิ่นอิงรีบพยักหน้า ทั้งยังยกเก้าอี้มานั่งที่ข้างหัวเตียงอย่างระมัดระวัง
อวี้ชิงลั่วหนังตากระตุก ก่อนเดินตามพ่อบ้านโดยไม่หันมามองอีก
จวนโม่มีขนาดใหญ่ พ่อบ้านเดินนำอ้อมไปเลี้ยวมาอยู่บนทางเดินหลายเส้น ในที่สุดนางก็มายืนอยู่ด้านหน้าเรือนที่ดูเย็นเยือกและสะอาดสะอ้านเป็นพิเศษ
“นายท่านอยู่ด้านใน เชิญแม่นางอวี้ขอรับ”
การย่างก้าวของพ่อบ้านหยุดลง ราวกับไม่ได้คิดจะก้าวเท้าไปด้านหน้าต่อ
อวี้ชิงลั่วเพียงแค่ยักไหล่ จากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดไปเพียงลำพัง นางแหงนหน้าเห็นตัวอักษร ‘ตู๋เซวียน’ อยู่ด้านบน เย่ซิวตู๋ช่างเหมาะสมจริง ๆ ชื่อของเขาก็มีคำว่า ‘ตู๋ (โดดเดี่ยว)’ เรือนที่พักอยู่ก็ใช้คำนี้ รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า…มีความเปล่าเปลี่ยวเป็นพิเศษ
นางยกมือขึ้น เดิมทีคิดจะเคาะประตู แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว นางมาเพื่อทวงหนี้ คนที่มาทวงหนี้คือนายท่าน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้มั้ง
ด้วยเหตุนี้ นางจึงเปลี่ยนท่าทางเหมือนกับอีกฝ่ายติดหนี้นางจำนวนมาก และผลักประตูเข้าไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
พ่อบ้านที่กำลังจะออกไปถึงกับเดินเซ จนแทบล้มหน้าคะมำไปข้างหน้า เขารีบสาวเท้าแบบสั้น ๆ ออกจากสถานที่ที่มีปัญหานี้โดยไม่พูดอะไร เขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ แม่นางอวี้ผู้นี้… มิใช่คนที่จะยั่วโมโหได้ง่าย ๆ
เมื่อประตูถูกเปิดออก สายตาดุจหมาป่าของอวี้ชิงลั่วก็มองไปยังตำแหน่งบนเตียงทางขวามือ คำพูดหลุดออกมาจากปากว่า “ในที่สุดก็ได้เจอหน้าตาที่แท้จริง…” ของหลูซานแล้ว[1]
คำพูดอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง ครั้นเห็นรูปร่างหน้าตาของเย่ซิวตู๋อย่างชัดเจน นางก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไป
แม้ว่าทั้งห้องจะเย็นยะเยือกและเงียบสงัดอย่างเห็นได้ชัด และต่อให้พลังที่ป้องกันไม่ให้ใครเข้าใกล้จะกระจายออกมาจากร่างกายของเย่ซิวตู๋จนน่าทึ่ง ทว่าอวี้ชิงลั่วก็ยังต้องถอนหายใจออกมา นางมีชีวิตมาสองชาติแล้ว แต่ก็พบเห็นความโดดเด่นเหมือนเย่ซิวตู๋เช่นนี้ได้น้อยมาก บุรุษที่มีรูปร่างหน้าตาและอุปนิสัยผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์เช่นนี้ บุรุษที่ทำให้นางอยากทำตัวโรคจิตดึงหน้าของเขาลงมา
นางแอบสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามข่มอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านของตนเองให้นิ่งสงบ พยายามไม่ให้ตนเองกลายเป็นคนโรคจิต ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกำหมัดข้างลำตัวจนแน่น ก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวและจ้องมองเย่ซิวตู๋
“ท่านเรียกหาข้ามีอะไรหรือ? หรือคิดจะจ่ายเงินสิบห้าล้านตำลึงนั่นแล้ว?” นางกลัวว่าอีกฝ่ายจะเบี้ยวเงิน
เย่ซิวตู๋เพียงแค่ลืมตาขึ้นช้า ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สำรวจอวี้ชิงลั่วแบบเผชิญหน้ากันใกล้ ๆ เขาครุ่นคิด นิสัยของสตรีนางนี้แตกต่างจากรูปร่างหน้าตาของนางราวฟ้ากับเหว รูปลักษณ์ของนางดูอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด ทว่าการพูดการจาและการเคลื่อนไหวกลับเด็ดเดี่ยว ไม่ได้มีท่าทีลังเลแม้แต่น้อย
“หน้าอกด้านขวา” หลังจากกวาดตาสำรวจอวี้ชิงลั่วอย่างสบาย ๆ เย่ซิวตู๋ก็หลับตาลงอีกครั้ง และเอ่ยปากพูดคำคำหนึ่งออกมาช้า ๆ
สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาชะงักไปเล็กน้อย หมายความว่าอย่างไร? หน้าอกด้านขวา? ของใคร?
“ข้าต้องการให้หายภายในสี่วัน” เย่ซิวตู๋เสริมอีกหนึ่งประโยค
ในครั้งนี้อวี้ชิงลั่วพอจะเข้าใจแล้ว ความหมายของเขาก็คือ บาดแผลที่เขาได้รับตรงหน้าอกด้านขวา ต้องการให้นางรักษา และต้องรักษาให้หายภายในสี่วัน?
รบกวนช่วยพูดให้ชัดเจนสักหน่อยได้ไหม? นางและเขาเพิ่งรู้จักกันและไม่ได้สนิทกันถึงขั้นใจตรงกันสักหน่อย
ไม่สิ นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ
ที่สำคัญคือ…เขาเป็นใครกัน มีสิทธิ์อะไรมาใช้น้ำเสียงเช่นนี้เพื่อออกคำสั่งให้นางทำตามที่บอก? นางก็แค่ลูกแกะตัวน้อยที่เดินหลงทาง ไม่ใช่ทาสของเขา และยิ่งไม่ใช่ยัยหนูเหมือนอย่างอูตงผู้นั้นด้วย
อวี้ชิงลั่วแค่นเสียงเบา ๆ ขณะเหลือบมองเขา ก่อนจะใช้เท้าเกี่ยวเก้าอี้ทรงกลมตัวเล็กเข้ามา นั่งลงข้างโต๊ะและรินน้ำให้ตัวเอง…เพื่อความชุ่มคอ
ภายในห้องเข้าสู่ความเงียบสงัดทันใด อวี้ชิงลั่วไม่ได้ทำตัวเชื่องช้าและรีบร้อนอะไร เย่ซิวตู๋ก็ไม่ได้อวดเก่งและรีบร้อน คนหนึ่งคิดว่าในเมื่อต้องการให้นางรักษาก็ต้องแสดงความจริงใจออกมาสักหน่อย ต่อให้ไม่มีเงินสิบห้าล้านตำลึงเงิน น้ำเสียงก็ต้องแสดงความจริงใจสักหน่อยเพื่อให้นางรู้สึกสบายใจเล็กน้อย บางทีอาจเป็นการทำความดีวันละครั้งก็ได้ ส่วนอีกคนคิดว่าสตรีผู้นี้นิสัยหยิ่งผยองมากจริง ๆ อยู่ในอาณาเขตของเขาก็ยังเหิมเกริมหยิ่งยโสโอหัง
นิ้วมือของเย่ซิวตู๋เริ่มเคาะลงบนพนักวางแขนบนเก้าอี้เบา ๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงอู้อี้เล็กน้อยก็ดังตามมา “อูตงไปแล้ว” ดังนั้นในจวนจึงไม่มีหมอแล้ว
มือของอวี้ชิงลั่วที่กำลังจิบชาชะงักเล็กน้อย หน้าผากของนางปรากฏขีดสีดำสามเส้น สตรีผู้นั้นไปแล้วเกี่ยวอะไรกับนาง?
“เป็นเพราะเจ้า ข้าจึงไล่นางออกไป”
“พรืด…” อวี้ชิงลั่วสำลักน้ำชา นางหันกลับไปจ้องเขม็ง คนคนนี้รู้หรือไม่ว่าคำพูดนี้มีความคลุมเครือมาก? นางจ้องหน้าเย่ซิวตู๋ ทว่ากลับพบว่าอีกฝ่ายยังคงมองนางเหมือนกับตอนแรก ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมา “เป็นเพราะข้า? นางไปแล้ว เกี่ยวอะไรกับข้ามิทราบ? นางอยากวางยาพิษทำร้ายคนของท่าน ท่านไล่นางออกไปย่อมทำได้อย่างอิสระ เหตุใดถึงได้ลากมาถึงตัวข้า?”
“หากเจ้าไม่ปรากฏตัวขึ้นภายในจวนโม่ อูตงก็คงไม่อิจฉาริษยา และไม่ลงมือกับเผิงอิง เป้าหมายของนางคือเจ้า การประลองฝีมือของเจ้าและนาง ข้ายืนอยู่ฝั่งเดียวกับเจ้า ดังนั้น…” ว่ากันถึงแก่นแท้ สาเหตุก็ยังเป็นเพราะนาง แต่ได้ยินจากที่พ่อบ้านเล่าให้ฟัง ตอนที่นางออกไป บนใบหน้าก็มีตุ่มสีดำขึ้นมาสองเม็ด มีสัญญาณของการเป็นหนอง เขาจึงคิดว่าคงเป็นฝีมือของสตรีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้
“ต้องขอบคุณท่านจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยืนอยู่ข้างคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกแบบข้า” อวี้ชิงลั่วอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาจริง ๆ
“อืม เจ้าควรรู้สึกเป็นเกียรติ”
“…” นางครุ่นคิดว่าจะใช้เข็มส่งเขาสู่สุขคติได้หรือไม่? อวี้ชิงลั่วคิดว่าบนโลกใบนี้คนที่หน้าหนาและไร้ยางอายที่สุดคือบุตรชายของนาง ที่แท้เหนือฟ้ายังมีฟ้า คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะพูดคำพูดไร้ยางอายได้หน้าตายเช่นนี้ นางเองก็มึนตึบเช่นกัน
นางวางจอกลง เพราะไม่คิดจะเล่นลิ้นกับเขาแล้ว ถึงอย่างไรก็ใช่ว่านางจะช่วยรักษาให้เขา สำหรับนางไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับนางแม้แต่น้อย นางคงโง่เต็มทนถึงได้หาเหาใส่หัว
นางตบกระโปรง จัดเส้นผมนิดหนึ่ง แล้วหมุนกายเดินออกจากประตูไป
เย่ซิวตู๋ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยท่าทีเคร่งขรึม จนกระทั่งตอนที่มือของนางสัมผัสบานประตูแล้วตัดสินใจจะเปิดออกไป เสียงทุ้มต่ำเคร่งขรึมนั้นก็ดังขึ้นอีกหน “สิบห้าล้านตำลึง…”
มือของอวี้ชิงลั่วถูกดึงกลับมา นางรีบหมุนตัววิ่งกลับมา ยืนตรงหน้าเก้าอี้ของเย่ซิวตู๋ด้วยใบหน้าเย็นชา “ท่านคิดจะเบี้ยวเงินหรือ?”
เย่ซิวตู๋แย้มยิ้ม รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล มุมปากของเขากลายเป็นเส้นโค้งกำลังพอดี ราวกับคิดจะดึงวิญญาณของอีกฝ่ายไปอย่างไรอย่างนั้น อวี้ชิงลั่วตกใจจนใจเต้นเริ่มไม่เป็นจังหวะ บุรุษสมควรตาย หัวเราะกับผีเถอะ ไม่รู้ตัวหรืออย่างไรว่าตนเองคือหายนะ?
“เปล่า ข้าไม่เคยคิดจะเบี้ยวเงิน”
“งั้นท่านจะจ่ายให้ข้าตอนนี้เลยหรือ?”
“ไม่”
…………………………
[1] เจอหน้าตาที่แท้จริงของหลูซาน (见到庐山真面目) เป็นการพรรณนาความยิ่งใหญ่ของหลูซาน เดิมคำว่าหน้าตาที่แท้จริงของหลูซาน หมายถึงหลูซานที่ล้อมรอบด้วยน้ำสามด้าน จึงมีไอหมอกปกคลุมไปทั่ว มีขุนเขาหุบเขาเวิ้งเขานับพันนับหมื่นสัณฐาน ผู้ที่เข้าไปแล้วยากที่จะเห็นหน้าตาที่แท้จริงของหลูซาน ต่อมาใช้เปรียบเทียบเรื่องราวที่ยากจะเข้าใจในความเป็นจริงหรือสภาพดั้งเดิมว่าเป็นอย่างไร
สารจากผู้แปล
นายท่านเย่จะใช้อะไรมาจ่ายให้ชิงลั่วกันนะ ดูท่าทางไม่น่าวางใจเลย
ไหหม่า (海馬)