บทที่ 17 อาหารเช้าที่เปี่ยมไปด้วยความ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 17 อาหารเช้าที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เสี่ยวเฟิงโมโหมาก อย่างไรก็ตามเธอ เมื่อเห็นเสี่ยวชิงหันกลับมามองอีกทั้งยังแลบลิ้นและทำท่าผีหลอกใส่ เธอก็ได้แต่ฮึดฮัดพูดอะไรไม่ออก!

พ่อแม่ของทั้งสองได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่ในบ้าน เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะได้กินซุปไก่หอมอร่อยที่ลูกสาวทำในเช้าวันนี้ แต่พอรู้ตัวอีกทีลูกสาวก็ไม่อยู่แล้ว! เด็กน้อยคนนี้ตื่นขึ้นมาทำแต่เช้าเพื่อทำซุปไก่ จากนั้นก็ใส่ปิ่นโตหิ้วออกไป สิ่งนี้ทำให้ทั้งคู่ได้แต่มองตากันอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น หลิวเสี่ยวชิงก็มาถึงบ้านของฉู่เหินพอดี ด้วยความที่หน้าบ้านของฉู่เหินทำมาจากรั้วเตี้ย ๆ นั่นทำให้เธอสามารถมองเห็นทุกอย่างในสวนได้เลย และแล้วเธอก็เห็นเข้ากับฉู่เหินที่กำลังหลับตา พร้อมกับทำท่าชกลมอยู่ในสนาม!

ท่าทางการออกหมัดและลูกเตะของเขาดูตลกมาก แต่มันก็ให้ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทำให้เธอได้แต่เกาะอยู่ที่ประตูพลางมองดูอย่างระมัดระวัง ขณะที่มองดูอยู่นั้น เธอรู้สึกราวกับว่าร่างกายของฉู่เหินได้หลอมรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับโลก

ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ในที่สุดเธอก็เห็นฉู่เหินหยุดนิ่ง อย่างไรก็ตามจู่ ๆ ก็มีคราบสกปรกเกาะขึ้นตามร่างกายของฉู่เหินเต็มไปหมด และถึงแม้ว่ากลิ่นของคราบนี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่เธอกลับไม่มีความรู้สึกรังเกียจมันเลย

เมื่อฉู่เหินลืมตาขึ้น เขาก็ทำการเหยียดหลังขึ้นตรงอย่างไม่ตั้งใจ ขณะที่กำลังจะไปอาบน้ำนั่นเอง เขาก็รู้สึกว่ามีคนกำลังแอบมองอยู่ เมื่อหันไปมองที่ประตูฉู่เหินก็ตกใจจนอ้าปากค้าง!

“เสี่ยวชิง ทำไมเป็นเธอล่ะ มาแต่เช้ามีธุระอะไรหรือเปล่า?” หลังจากถามจบ ฉู่เหินก็รีบไปเปิดประตูให้เสี่ยวชิง เมื่อเห็นเด็กหญิงมองตัวเองพลางย่นจมูก ก็ได้แต่เกาหัวอย่างเคอะเขิน

“พี่เหิน คุณไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยกินข้าวเช้ากัน” เด็กหญิงยิ้มจากนั้นก็เดินเข้าไปนั่งรอ แล้วปล่อยให้ฉู่เหินเดินกลับห้องไป เธอเห็นบ้านของฉู่เหินดูเป็นระเบียบเหมือนเมื่อวานไม่มีผิดเพี้ยน ก็ได้แต่คิดในใจว่า

“ดูเหมือนว่าพี่เหินจะชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อวานก็เห็นผ้าห่มพับไว้อย่างนี้” ซึ่งเธอไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้ว ฉู่เหินไม่ได้นอนทั้งคืน

หลังจากอาบน้ำเย็น ๆ และทำความสะอาดคราบสกปรกออกจากร่างกายของเขาแล้ว ในเวลานี้ฉู่เหินรู้สึกว่ามีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ระเหยออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งเขาได้แต่สงสัยว่าทำไมถึงมีคราบสกปรกออกมาบนร่างกายของเขาทุกครั้งที่ฝึกวิชา?

ฉู่เหินไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้น หากผู้ที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้อื่น ๆ รู้เข้าละก็ พวกเขาจะต้องอิจฉาเป็นแน่ คุณรู้ไหมว่าเมื่อร่างกายมนุษย์เติบโตขึ้น ก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีสิ่งสกปรกสะสมในร่างกายมากขึ้นเรื่อย ๆ

ซึ่งการที่ฉู่เหินกินยาสองเม็ดเข้าไปก่อนหน้านี้ นั่นก็ทำให้ไขกระดูกของเขาถูกชะล้าง และด้วยการฝึกฝนวิชาที่เขากำลังทำอยู่ในขณะนี้ ก็คือการใช้แก่นแท้ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นเทคนิคที่ทรงพลังอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งที่เขาฝึกฝน เขาจะขับสิ่งสกปรกในร่างกายของเขาออกมานั่นเอง ในช่วงแรกมันอาจจะไม่รู้สึกชัดเจนนัก แต่เมื่อการฝึกฝนของเขาไปถึงระดับหนึ่ง ร่างกายที่ไม่มีสิ่งสกปรกจะทำให้การฝึกฝนเร็วกว่าคนอื่นหลายเท่าอย่างแน่นอน

หลังจากทำความสะอาดร่างกายของเขาแล้ว ฉู่เหินก็เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดก่อนจะเดินออกมา เมื่อเขาเดินเข้าไปในห้องโถงก็พบว่าเด็กหญิงได้วางจานชามสองชุดไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ได้กลิ่นหอมของซุปไก่ ซึ่งนั่นก็ทำให้ท้องเขาอุทานออกมาอย่างอดไม่ได้

“พี่เหิน อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ รีบมากินอาหารเช้าด้วยกันเถอะ!” เมื่อมองดูท่าทางอ่อนโยนของเด็กหญิง หัวใจของฉู่เหินก็พลันเต้นแรงขึ้นในทันที

นี่ทำให้ฉู่เหินนึกถึงแฟนสาวที่คบกันมา สามปี ในช่วงเวลาสามปีที่คบกันเธอคนนั้น พวกเขาไม่เคยมากินข้าวเช้าอย่างอบอุ่นแบบนี้ด้วยกันเลยสักครั้ง ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์กัน แฟนสาวของเขาก็เอาแต่พูดเรื่องที่เธออิจฉาคนอื่น เช่น ใครซื้อรถหรูยี่ห้ออะไร ใครเป็นคนซื้อบ้านใหม่ที่ไหน

การเปรียบเทียบที่เขาได้ยินทำให้ฉู่เหินรู้สึกแย่มาก เพราะแม้ว่าฉู่เหินต้องการที่จะเป็นคนมีเงินก็ตาม แต่เขารู้ดีว่าชั่วชีวิตนี้เขาคงไม่มีทางที่จะซื้อรถมียี่ห้อเหล่านั้นได้ ในใจของเขานั้นแฟนสาวของเขาเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนและใจดี ปกติเมื่อพวกเขาพูดคุยกันก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร

เขาต้องการพาแฟนของเขาไปที่ทะเลและต้องการแบ่งปันทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเองให้แฟนของเขารู้ ฉู่เหินแค่หวังว่าจะได้รับความอดทนและความอ่อนโยนจากแฟนของเขาบ้างเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของหลิวเสี่ยวชิงในวันนี้ดูเหมือนจะเปิดหน้าต่างในหัวใจของเขาขึ้นมา เมื่อรู้สึกแบบนั้นฉู่เหินก็รีบเตือนสติตัวเองอย่างรวดเร็วว่าเขามีแฟนแล้ว ดังนั้นอย่าได้หวั่นไหวไปกับดอกไม้อื่น

“พี่เหิน มัวเหม่ออะไรอยู่ รีบกินสิคะ” เสี่ยวชิงเห็นฉู่เหินเอาแต่เหม่อลอยจึงพูดเตือนพร้อมรอยยิ้ม รอยยิ้มนี้มีเสน่ห์มาก ราวกับดอกไม้นับร้อยนับพันกำลังบานอย่างสวยงาม รอยยิ้มที่สมบูรณ์แบบนี้ทำให้ฉู่เหินจดจำเธอไว้ในใจ

“เธอก็กินด้วยกันสิ!” ฉู่เหินไม่รู้จะพูดอะไร หลังจากเงียบอยู่นานจึงพูดออกมาประโยคหนึ่ง และประโยคนี้ก็ทำให้หลิวเสี่ยวชิงยิ้มอีกครั้ง

“ตอนแรกหนูคิดว่าพี่จะพูดกับหนูเหมือนลูกชายคนรองตระกูลหวังพูดกับพี่สาวซะอีก” เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ฉู่เหินก็เริ่มให้ความสนใจทันที รีบถามว่าทำไมพี่รองถึงถูกเสี่ยวเฟิงอัดถึง สามครั้งติดต่อกัน และเมื่อได้ยินคำตอบ ฉู่เหินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

เมื่อพูดคุยกันเรื่องนี้ ความเขินอายระหว่างคนสองคนก็ถูกขจัดออกไปทันที หลังจากนั้นฉู่เหินก็ถามถึงโรงเรียนของหลิวเสี่ยวชิง เขาจึงได้รู้ว่าหลิวเสี่ยวชิงนั้นได้เข้าเรียนที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งในสาขาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งตัวเธอก็อดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ว่า เธอไม่ชอบสาขานี้เลยถ้าไม่ใช่เพราะครอบครัวบังคับเธอคงเลิกเรียนไปแล้ว

อาหารเช้าบรรยากาศสบาย ๆ ในครั้งนี้กินเวลาสองชั่วโมงครึ่งสำหรับรสชาติของอาหารนั้นฉู่เหินคิดว่าคงไม่สามารถใช้คำปกติบรรยายออกมาได้! เขากินมันจนหมดเพราะนี่ไม่เกี่ยวข้องกับรสชาติของอาหาร หากแต่เป็นความใส่ใจต่างหากที่สำคัญ

หลังจากกินเสร็จ หลิวเสี่ยวชิงก็บอกให้ฉู่เหินไปพักผ่อน ก่อนที่เธอจะลุกไปล้างจาน เมื่อดูท่าทางวุ่นวายของหลิวเสี่ยวชิงในเวลานี้ ฉู่เหินก็รู้สึกถึงบ้าน มันอบอุ่นและคุ้นเคยมากและมันเต็มไปด้วยความรักที่ลึกซึ้ง

รถประจำทางที่เร็วที่สุดคือเวลาเก้าโมงครึ่ง ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่รีบร้อน ขณะเสี่ยวชิงกำลังล้างจาน เขาจึงไปเก็บแหดักปลาที่ตากไว้เมื่อบ่ายวานนี้ จากนั้นเขาก็วิ่งไปที่บ่อปลาเพื่อให้อาหารปลา ก่อนจะรีบกลับเข้าบ้านอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามเมื่อเขากลับมา ฉู่เหินก็พบเข้ากับชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคนอยู่ในบ้าน ท่ามกลางพวกเขาและเธอ ฉู่เหินสังเกตเห็นหญิงสาวในวัยยี่สิบคนหนึ่ง หน้าตาของเธอดูสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีไฝอยู่บนริมฝีปากอีกด้วย ถ้าหากเสี่ยวชิงเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก็ต้องเป็นอันดับสองอย่างแน่นอน

แม้ว่าเธอจะด้อยกว่าเสี่ยวชิงเล็กน้อย แต่สำหรับฉู่เหินแล้วเขามักจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นหญิงสาวคนนี้มา แต่วันนี้หลังจากเห็นเธอสีหน้าของเขากลับไม่ดีนัก

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเจี่ยถงถง เธอเป็นแฟนสาวที่เขาคบมาสามปี ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเขาจับมือกับแฟนสาวคนนี้เพียงแค่ไม่กี่ครั้ง แต่คราวนี้เจี่ยถงถงกลับอยู่ในอ้อมแขนของชายคนอื่น! ถึงแม้ว่าฉู่เหินจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเจี่ยถงถงอาจจะมาถึงวันนี้ไม่ช้าก็เร็ว แต่เมื่อมันมาถึงจริง ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บใจ

หลิวเสี่ยวชิงผู้เก่งในการจับสีหน้าคน ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถเข้าใจเรื่องราวเกือบจะในทันที เธอเดินไปอยู่ข้างฉู่เหิน โดยที่เขาไม่รู้ตัว ก่อนที่จะยื่นมือออกไปจับแขนเขาเบา ๆ

Next