บทที่ 1 คุยธุระและเข้านอน

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 1 คุยธุระและเข้านอน

บทที่ 1 คุยธุระและเข้านอน

ตอนนี้ปักกิ่งเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนแล้ว ท้องถนนจึงดูว่างเปล่าไร้ทั้งรถและผู้คนในยามบ่าย

‘ซูโย่วอี๋’ ที่สวมถุงมือพลาสติกกำลังเช็ดโต๊ะอยู่ แม้ว่าเธอจะอยู่ในห้องแอร์ แต่เหงื่อก็ยังออก

‘เฉินเฉิน’ เดินทางไปทำธุรกิจเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และเขาจะบินกลับปักกิ่งตอนหนึ่งทุ่มของวันนี้

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นภายในห้องที่เงียบสงบนี้

แต่ใครกันล่ะจะโทรหาเธอในเวลานี้?

ซูโย่วอี๋ไม่มีเพื่อนมากนัก ในรายชื่อที่เธอบันทึกไว้มีเพียงคนสามคน คือ เฉินเฉิน แม่สามี และซูหยินเพื่อนสนิทของเธอ

“เสี่ยวอ้าย*[1] รับโทรศัพท์”

เสียงร้องของโทรศัพท์หยุดลง พร้อมกับเสียงเชื่อมต่อสาย

แต่ก่อนที่เธอจะอ้าปากพูดอะไร กลับมีเสียงพึมพำจากฝั่งตรงข้ามดังออกมาเป็นระยะ ๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังเล่นกีฬาบางอย่างที่ดูเร่าร้อน

เสียงของหญิงสาวปลายสายกระเส่าเล็กน้อย ราวกับยากที่จะควบคุมตัวเอง

ส่วนเสียงของชายหนุ่มก็ดูสุขสมและหนักแน่น

ซูโย่วอี๋สับสน นี่เป็นการโทรผิดอย่างนั้นหรือ?

เธอแค่อยู่ที่บ้านดี ๆ จู่ ๆ ก็มีอาหารสุนัขตกใส่หัว

เธอรีบตะโกนอย่างลุกลี้ลุกลนว่า “เสี่ยวอ้าย วางสาย”

เธอไม่มีนิสัยชอบแอบฟังเรื่องแบบนี้

ในตอนค่ำ ไฟในห้องครัวถูกเปิดเป็นสีโทนอบอุ่น และกลิ่นของอาหารก็อบอวลไปทั่ว ซูโย่วอี๋ตักซุปหนึ่งช้อนเข้าปากของเธอ ไม่นานนักก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

เฉินเฉิน…

ซูโย่วอี๋รับโทรศัพท์ “เฉินเฉิน”

[โย่วอี๋ คุณอยากกินเกี๊ยวน้ำที่ซีโข่วหูถงไหม?]

เกี๊ยวน้ำนี้ทำโดยคู่สามีภรรยาที่พิถีพิถันในการทำอาหาร จึงไม่มีการสั่งจองล่วงหน้า ต้องต่อคิวซื้อเองเท่านั้น

ซูโย่วอี๋รู้สึกว่าหัวใจของเธออบอุ่นขึ้นมา เขายังจำความชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเธอได้ “ฉันอยากกิน แต่คุณอยู่ไม่ไกลจากสนามบินใช่ไหมคะ”

ปลายสายเงียบไปสักพัก [ถ้าคุณอยากกินเดี๋ยวผมซื้อให้ครับ มันอยู่ไม่ไกล]

“ไม่ใช่ค่ะ พอดีฉันทำซี่โครงหมูกับแกงจืดฟักของโปรดคุณไว้ ไม่อยากจะบอกหรอกนะ แต่มันยังร้อน ๆ อยู่เลย”

เมื่อเธอวางสาย ซูโย่วอี๋ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แต่สายตาของเธอกลับเหลือบไปเห็นหน้าจอโทรศัพท์

บันทึกการโทรล่าสุดคือ ‘เฉินเฉิน’

บันทึกการโทรครั้งก่อนก็คือเฉินเฉินเช่นกัน

รูม่านตาของซูโย่วอี๋ขยายตัวเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาแล้วกดเข้าไป

เวลาที่โทรเข้ามาคือ 15.14 น. เป็นเวลาสิบแปดวินาที

เบอร์ที่โทรผิดเมื่อตอนบ่าย?

คือเบอร์ของสามีเธอ!

ซูโย่วอี๋ตัวสั่นสะท้าน เฉินเฉินอยู่กับผู้หญิงคนอื่น?

เธอทำอะไรผิดต่อเขาหรือเปล่า?

มีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า?

เธอวางโทรศัพท์ลง ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอาหารอีกต่อไป

ซูโย่วอี๋ไม่อยากคิดเกี่ยวกับมัน แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เสี่ยวซาน*[2] จะโทรมาโดยใช้โทรศัพท์ของเฉินเฉิน

เพียงเพื่อแสดงให้เธอรู้ถึงกิจกรรมที่แนบแน่นระหว่างชายหญิง

หลังจากนั้นไม่นาน เฉินเฉินก็กลับบ้านมาอย่างเหนื่อยล้า เขาเปิดประตูและวางรองเท้าไว้ที่ประตูอย่างสุภาพ จากนั้นใส่รองเท้าแตะและเดินเข้ามา เมื่อซูโย่วอี๋ได้ยินเสียงปิดประตู เธอก็พยุงร่างกายที่หนักอึ้งออกมา ดวงตาของเธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่คอของเฉินเฉิน

“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะ”

ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ ซูโย่วอี๋รับกระเป๋าเป้ของเฉินเฉินและพูดว่า “เฉินเฉิน บ่ายนี้คุณโทรหาฉันหรือเปล่าคะ?”

เฉินเฉินรู้สึกงงงวยกับคำถามและพูดว่า “ไม่ครับ ตอนบ่ายผมยังคุยธุรกิจกับผู้ผลิตอยู่เลย”

พูดคุยธุรกิจ?

คุยเรื่องงานหรือคุยเรื่องบนเตียงล่ะ?

ซูโย่วอี๋บอกกับตัวเองว่าอย่าคิดเรื่องไร้สาระ แต่เธอไม่สามารถอดกลั้นได้

เธอไม่สามารถเสแสร้งยิ้มได้…

เฉินเฉินบีบใบหน้าอวบอ้วนของเธอแล้วพูดว่า “ทำไม คุณไม่มีความสุขกับการที่ผมต้องเดินทางไปคุยธุรกิจที่ยาวนานเหรอ ผมทำเพื่อครอบครัวของเรานะ ผู้ผลิตยอมรับข้อตกลงแล้ว ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดหาสินค้า”

ซูโย่วอี๋พยักหน้า “อืม กินข้าวก่อนเถอะค่ะ”

ที่โต๊ะอาหารค่ำ เฉินเฉินบอกกับซูโย่วอี๋เกี่ยวกับการเดินทางไปทำธุรกิจที่ปูซาน และความยากลำบากของการโปรโมตผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท

ซูโย่วอี๋เงียบมาก เธอต้องการถามเกี่ยวกับเรื่องโทรศัพท์เมื่อตอนบ่าย แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร

และอีกอย่าง เฉินเฉินจะยอมรับเมื่อถูกถามหรือ?

เธอหาหลักฐานในขณะที่เขาไม่ทันระวังจะดีกว่า มิฉะนั้น เขาจะหาว่าเธอไม่มีเหตุผล

หลังอาหารเย็น เฉินเฉินซักผ้า ส่วนซูโย่วอี๋ทำความสะอาดครัว และทันทีที่เธอเข้าไปในห้องนอน เฉินเฉินก็กอดเธอไว้ ร่างกายของซูโย่วอี๋แข็งทื่อทันที ภาพของเฉินเฉินที่กำลังมีอะไรกับคนอื่นลอยเข้ามาในความคิดของเธอ จนเธอรู้สึกขยะแขยง

“คุณเหนื่อยไหม พักผ่อนเถอะ”

เฉินเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ก็ยอมปล่อยมือของเธอ “โย่วอี๋ ถึงคุณจะหนักสองร้อยกิโลกรัม แต่ผมก็ยังชอบคุณนะ”

มีน้ำเสียงของความไม่พอใจแทรกเข้ามาในคำพูด

ในห้องช่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงกรนเบา ๆ ของเฉินเฉินเท่านั้นที่ตามหลอกหลอนคนในห้อง เขากรนเหมือนเขาเหนื่อยมาก

ซูโย่วอี๋มองไปยังใบหน้าของคนด้านข้างที่กำลังหลับใหล เธอขยับตัวหยิบโทรศัพท์ของเฉินเฉินมาที่ห้องนั่งเล่น

เมื่อเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยถูกฝังลงแล้ว พวกมันก็จะหยั่งรากและแตกหน่อ ไม่ช้าก็เร็วพวกมันจะกลืนกินเหตุผลของเธอ คงเป็นการดีกว่าที่เธอจะเผชิญหน้ากับความจริง ดีกว่าหลอกตัวเองไปวัน ๆ

รหัสผ่านล็อกหน้าจอคือวันเกิดของเธอ และพื้นหลังของโทรศัพท์มือถือก็ยังคงเป็นรูปของเธอ

ซูโย่วอี๋กดไปที่บันทึกการสนทนาในวีแชท เธอสังเกตเห็นบันทึกการสนทนาที่สองได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของคนในรูปดูเหมือนหญิงสาว เธอคลิกที่ภาพ และซูโย่วอี๋ก็ต้องตกตะลึง ด้วยเหตุผลที่ว่า รอยยิ้มของหญิงสาวคนนี้ค่อนข้างคล้ายกับเธอ ก่อนที่เธอจะอ้วนขนาดนี้

ผู้หญิงคนนี้ชื่อ ‘เหอมี่มี่’ เธอเป็นนักศึกษาฝึกงานของบริษัท และเป็นนักเรียนการตลาดรุ่นเยาว์ของวิทยาลัยอาชีวศึกษา เฉินเฉินที่เป็นอาจารย์พิเศษของวิทยาลัย และในทุกปีทางวิทยาลัยจะจัดนักศึกษามาฝึกงานที่บริษัท

เมื่อสองเดือนที่แล้ว เหอมี่มี่ได้ทานอาหารเย็นกับเฉินเฉินและลูกค้า ซึ่งวันนั้นเฉินเฉินเมามากและเหอมี่มี่ไปส่งเขาที่โรงแรม ทำให้ทั้งสองมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน

หลังจากยืนยันได้แล้วว่าสามีของเธอกำลังนอกใจ ซูโย่วอี๋รู้สึกชาวาบไปทั้งตัวจนคิดอะไรไม่ออก

[คุณเฉิน ฉันรู้ดีค่ะ คุณคิดว่าฉันเป็นคนอื่นหลังจากเกิดเรื่องเมื่อคืนนี้ แต่ฉันชอบคุณจริง ๆ และฉันเต็มใจ คุณไม่ต้องกังวลใด ๆ]

เฉินเฉินตอบกลับสามชั่วโมงต่อจากนั้น [ขอโทษครับ]

แต่ทั้งสองคนไม่ได้เลิกติดต่อกันทันที แถมยังคุยกันบ่อยขึ้น จนความสัมพันธ์คลุมเครือมากขึ้นเรื่อย ๆ

[คุณเฉินคะ คุณมักจะลืมกินอาหารเช้าตอนคุณยุ่ง ๆ ฉันเลยซื้ออาหารมาวางไว้บนโต๊ะของคุณค่ะ]

[คุณเฉิน วันนี้ฉันไปซื้อของกับเพื่อนร่วมชั้นและเห็นว่าเน็กไทเหมาะกับคุณมาก ฉันเลยซื้อมาให้ค่ะ]

[คุณเฉิน ฉันอยากกินกุ้งเผ็ดกับคุณ]

ในตอนแรก คำตอบของเฉินเฉินดูไร้เยื่อไย จากนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป

[ขอบคุณครับ] เขาเริ่มโอนอ่อนให้อีกฝ่าย

[คราวหน้าจะพาไปกินนะ] เขาเริ่มที่จะตอบรับ

[ผมคิดถึงคุณ]

เฉินเฉินไม่เพียงแต่คิดถึงเธอเท่านั้น แต่ยังคิดถึงผู้หญิงคนอื่น ๆ ด้วย…

ข้อความล่าสุดคือสิบโมงเช้าวันนี้ [มี่มี่ ผมอยู่ที่สนามบิน]

หญิงสาวคนนั้นเตรียมร้านอาหารอย่างดีเพื่อเฉินเฉิน ซึ่งร้านนั่นตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงกับซีโข่วหูถง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฉินเฉินถามเธอว่าเธอจะกินเกี๊ยวน้ำไหม เพราะมันอยู่ใกล้ ๆ!

ซูโย่วอี๋รู้สึกได้ถึงรสชาติเลือดในปากของเธอ น้ำตาของเธอไหลออกมาจากดวงตาผ่านปลายจมูกและริมฝีปาก จากนั้นหยดลงที่พื้นพร้อมกับหยดเลือด

เธอรู้สึกว่าเธอหายใจไม่ออก เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ทำได้เพียงสะอื้นไห้ในลำคอ

[1] เสี่ยวอ้าย คือระบบสั่งการด้วยเสียง

[2] เสี่ยวซาน แปลว่าเมียน้อย