ตอนที่ 38 ตัดสายสัมพันธ์

ตอนที่ 38 ตัดสายสัมพันธ์

เหยาจิ้งจือเห็นลูกสาวของตนกลับมาแล้ว ใจหนึ่งก็รู้สึกโล่งอก แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือความโกรธ

“เซี่ยเจ๋อน่า แกไปไหนมา ทำไมถึงกลับมาเอาป่านนี้ แล้วนี่…ใครกัน?”

คนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นเกาหยวนเช่นกัน จึงมองดูด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็น

เกาหยวนมองไปยังเซี่ยเหวินปิงและเหยาจิ้งจือที่อยู๋ตรงหน้าพลางเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า ผมชื่อเกาหยวน เป็นแฟนของน่าน่าครับ”

“อะไรนะ…”

ใบหน้าของเหยาจิ้งจือเต็มไปด้วยความอยากไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ ลูกสาวของฉันมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่อง”

คนอื่นก็ไม่ปักใจเชื่อเช่นกัน

นอกจากนี้เซี่ยเจ๋อหลี่ยังมองสำรวจเกาหยวนด้วยสายตาแหลมคม

เกาหยวนรู้ชัดได้ทันที ในใจจึงคาดเดาได้ว่านี่คงเป็นพี่รองของเซี่ยเจ๋อน่า เขาจึงพยายามยกยิ้มต่อไปไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้า

เมื่อเซี่ยเจ๋อน่าเห็นว่าทางครอบครัวไม่เชื่อ จึงคว้าจับมือเกาหยวนข้างหนึ่งแล้วเอ่ยต่อ “เกาหยวนเป็นแฟนหนู หนูอยากแต่งกับเขา เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้หนูจะไม่เข้านัดดูตัวอะไรนั่นหรอก”

“แกหุบปากไปเลย!”

ตอนแรกเซี่ยเหวินปิงก็รู้สึกผิดหวังในตัวของลูกสาวมากพออยู่แล้ว ตอนนี้เขายิ่งผิดหวังมากขึ้น และเหมือนจะทวีคูณมากยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

นอกจากนี้ เหยาจิ้งจือก็มองสำรวจเกาหยวนอย่างประหม่า พลางเปิดปากพูด “พวกแกสองคนรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เกาหยวนจึงยกยิ้มพลางเอ่ยตอบ “แม้ผมกับเซี่ยเจ๋อน่าจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เราสองคนตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น หลังจากได้รู้จักกันก็สานสัมพันธ์กัน และวางแผนอยากจะมาสู่ขอให้ได้แต่งงานด้วยกันครับ”

เซี่ยเจ๋อน่าเห็นแม่ของตนเอ่ยถาม จึงกล่าวด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “แม่ ครอบครัวเกาหยวนมีรายได้ทั้งสองทาง ตัวเขาเองก็ทำงานในโรงงานเหล็ก ฐานะทางบ้านก็ค่อนข้างดี ดีกว่าผู้ชายที่แม่เลือกมาให้หนูแน่นอน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยเหวินปิงจึงกล่าวด้วยท่าทางสุขุม “ถ้ามีคนในใจอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่บอกแต่แรกล่ะ”

“พ่อ เป็นเพราะความสัมพันธ์ของหนูกับเกาหยวนในตอนนั้นยังไม่ค่อยชัดเจน หนูเลยไม่ได้บอก แต่ตอนนี้พวกเราคบหากันแล้ว ก็เลยอยากพามาให้ที่บ้านได้รู้จัก”

ฉินมู่หลานมองใบหน้าแสนภาคภูมิใจของเซี่ยเจ๋อน่า ก่อนจะนึกสงสัยว่าหล่อนไปรู้จักคนชื่อเกาหยวนตั้งแต่เมื่อใดกัน

หากรู้จักกันมานาน ด้วยลักษณะนิสัยของเซี่ยเจ๋อน่าคงต้องป่าวประกาศให้รู้โดยทั่วกันไปนานแล้ว เหตุใดจึงต้องรอให้ถึงเวลานี้แล้วจึงเพิ่งพามาพบที่บ้าน?

แต่ฉินมู่หลานสงสัยเพียงครู่เดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีก ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรเกี่ยวกับเซี่ยเจ๋อน่าแล้ว

นอกจากนี้เหยาจิ้งจือยังจับสังเกตได้ว่าลูกสาวของตนไม่ได้เอ่ยความจริง ยิ่งไปกว่านั้น เกาหยวนก็เหมือนจะอายุไม่น้อยแล้ว

“ปีนี้เธออายุเท่าไหร่?”

เกาหยวนรีบเอ่ยตอบกลับทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น “คุณป้า ปีนี้ผมอายุยี่สิบเก้าแล้วครับ”

“ยี่สิบเก้าเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาจิ้งจือก็ถึงกับขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามต่อ “วัยนี้แล้ว ทำไมถึงยังไม่แต่งงานอีกล่ะ”

“ก่อนหน้านี้ผมมีปัญหานิดหน่อยครับ จึงผัดผ่อนมาเรื่อย ๆ จนถึงตอนนี้”

เมื่อเกาหยวนอธิบาย เซี่ยเจ๋อน่าก็บอกเล่าเรื่องราวทุกอย่าง แล้วเอ่ยปิดท้าย “แม่ ทั้งหมดเป็นเพราะคู่หมั้นคนก่อนของเกาหยวนเป็นฝ่ายผิด พอถึงเวลาต้องแต่งกลับเปลี่ยนใจไปแต่งกับชายอื่น เกาหยวนจึงเศร้าอยู่หลายปี นั่นเป็นสาเหตุ แต่ว่าฟ้าก็มีตา ให้หนูได้พบกับเกาหยวน”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวของตนเหมือนจะมีปัญหาใหญ่ เหยาจิ้งจือจึงคิ้วขมวดมากขึ้น

ถึงได้ฟังจากที่ลูกสาวของตนเอ่ยและเห็นว่าเกาหยวนดูค่อนข้างใช้ได้ แต่หล่อนกลับไม่ชอบผู้ชายคนนี้เลยสักกนิด

เหยาจิ้งจือคว้าตัวเซี่ยเจ๋อน่าไป พลางเอ่ยขึ้นว่า “แกมากับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องต้องคุยกับแก”

“แม่ มีอะไรก็คุยกันตรงนี้เลย แล้วก็เอาสมุดทะเบียนบ้านมาให้หนูด้วย หนูจะไปจดทะเบียนสมรสกับเกาหยวน”

เมื่อเห็นว่าลูกสาวจะไปจดทะเบียนสมรสกับคนผู้นั้น เหยาจิ้งจือจึงไม่เห็นด้วย

แม้แต่เซี่ยเหวินปิงเองก็คาดไม่ถึงว่าลูกสาวจะอยากจดทะเบียนสมรสโดยเร็ว

บ้านที่เขาตกลงปลงใจนัดดูตัวด้วยยังต้องใช้เวลาตัดสินใจอยู่เนิ่นนาน ลูกชายคนเล็กของครอบครัวนั้นเป็นชายหนุ่มที่น่ารักมาก ตราบใดที่วันพรุ่งนี้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ลูกสาวของตนสามารถเข้ากับเขาได้ดี หลังจากนั้นก็จะยอมให้แต่งงานกัน

แล้วเกาหยวนตรงหน้านี้เล่า พวกเขาไม่รู้จักครอบครัวของอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ยังไม่รู้ด้วยว่าเกาหยวนมีนิสัยอย่างไร เช่นนั้นจะยอมให้จดทะเบียนสมรสได้หรือ?

นอกจากนี้เซี่ยเหวินปิงยังรู้สึกไม่ถูกชะตากับเกาหยวนด้วย และไม่เชื่อในคำพูดของลูกสาวเลยสักนิด

ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่หาคู่โดยการนัดดูตัว เนื่องจากจะได้พบเจอหน้าและศึกษานิสัยกัน นั่นหมายความว่ามีแผนที่จะแต่งงาน และอาจจะแต่งในเร็ววันนี้ ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผลเลยที่อดีตคู่หมั้นของเกาหยวนจะเปลี่ยนไปแต่งงานกับคนอื่น

มีเพียงคนโง่เขลาอย่างเซี่ยเจ๋อน่าเท่านั้นที่จะเชื่อเรื่องไร้สาระเช่นนี้

“ไม่ได้ พวกฉันไม่เห็นด้วย”

เซี่ยเหวินปิงเผยสีหน้าเย็นชา พลางเอ่ยปฏิเสธลูกสาวตรง ๆ

เซี่ยเจ๋อน่าได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าจึงขึ้นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ “พ่อ ทำไมพ่อถึงไม่เห็นด้วยล่ะ ขอแค่ทุกคนมองข้ามหนูไปก็พอ”

“แก…”

เซี่ยเหวินปิงไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลูกสาวของเขาจะมีความคิดเช่นนี้ ในตอนนี้ เขาจึงไม่อยากห่วงใยและวุ่นวายกับลูกสาวคนนี้อีกต่อไปแล้ว

แม้แต่เหยาจิ้งจือเองก็มองลูกสาวของตนด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ สุดท้ายเซี่ยเจ๋อน่าก็โดนฉุดกระชากลากถูเข้าไปในห้องอย่างรุนแรง

“เซี่ยเจ๋อน่า นี่แกกำลังคิดบ้าอะไรอยู่ เพราะอะไรถึงอยากแต่งกับเกาหยวนขนาดนั้น หมอนั่นอายุเยอะกว่าแกมาก และมันก็ดูไม่ดีด้วย”

“แม่ ก็เห็นอยู่ว่าเกาหยวนดีขนาดนั้น พวกแม่มีสิทธิ์อะไรไปว่าเขา พวกแม่คิดไม่ได้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น” เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อน่าก็กัดฟันสู้และเผยความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างหล่อนกับเกาหยวนออกมาในที่สุด

“อ…อะไรนะ…”

เหยาจิ้งจือแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “พวก…พวกแกได้กันแล้ว…”

เรื่องนี้ราวกับสายฟ้าฟาดตอนกลางวันแสกๆ ทำเอาเหยาจิ้งจือถึงกับไปต่อไม่เป็น

“แม่ หนูอยากแต่งงานกับเกาหยวน ตอนนี้หนูแต่งกับเขาได้เท่านั้นแหละ เพราะฉะนั้นพวกแม่อย่ามาขวางเลย”

เมื่อเอ่ยเสร็จ แววตาของเซี่ยเจ๋อน่าก็ฉายแววความเกลียดชัง

“ใครใช้ให้พวกแม่บังคับให้หนูแต่งงานกับเด็กบ้านนอกนั่นเล่า หนูเองก็บอกมาตั้งนานแล้วว่าไม่อยากแต่งงานกับคนบ้านนอก แต่พวกแม่ก็ไม่ฟัง หนูเลยต้องไปหาเอาเอง”

จนถึงตอนนี้ เหยาจิ้งจือได้แต่นิ่งเงียบไป ก่อนปรายตามองลูกสาวของตนเป็นครั้งสุดท้ายและเดินออกไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ

หลังจากเหยาจิ้งจือออกไปแล้ว ก็ได้ลากเซี่ยเหวินปิงกลับมาพูดคุยที่ห้องของพวกเขาเอง

ไม่นานนัก เสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้นมาจากภายในบ้าน

แม้แต่ฉินมู่หลานเองยังรู้สึกตกใจไปตามกัน สงสัยว่าเหตุใดพ่อสามีของเธอจึงโกรธขนาดนั้น

ในตอนนั้นเอง เซี่ยเหวินปิงที่กำลังโกรธจัดก็เดินตะบึงออกมา และโยนสมุดทะเบียนบ้านลงตรงหน้าของเซี่ยเจ๋อน่า

“ได้ ถ้าแกอยากแต่งกับมันนักก็แต่งไปเลย แต่แกต้องคิดให้ดีๆ ถ้าแกแต่งกับมันจริง ฉันจะถือว่าฉันไม่เคยมีลูกสาวอย่างแก”

ผู้ชายที่ชิงสุกก่อนห่ามกับผู้หญิงเช่นนี้จะต้องเป็นคนแบบไหนกัน แม้เขาจะเกลียดที่ลูกสาวไม่รักนวลสงวนตัว แต่ก็รู้สึกเกลียดเกาหยวนด้วย

“พ่อ…พ่อถึงกับจะตัดสายสัมพันธ์หนูเลยเหรอ”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ในเมื่อลูกสาวโง่จนกู่ไม่กลับแบบนี้ก็สมควรปล่อยไปค่ะ ให้ไปเผชิญชะตาชีวิตเอาเอง พ่อแม่เลี้ยงได้แต่ตัวจริงๆ แหละ เฮ้อออ

ไหหม่า(海馬)