บทที่ 2 ตอนที่ 44 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ

ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!!

จะบอกว่าวิกตอเรียซัดอัลติใส่ที่กึ่งกลางการปะทะเพราะอยากจะหยุดการต่อสู้ที่ไร้สาระนี่มันก็ไม่ผิดนัก

 

 

แต่ดูจากลักษณะแล้ว มันคงจะทำให้พื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงเรียนนี้หายไปเสียมากกว่า.. ให้ตายสิผมคงต้องไปดุพวกเธอทีหลังซะแล้ว

 

 

มาถึงจุดนี้แล้วผมก็คิดได้ว่าผมต้องทำอะไรบางอย่างแล้วล่ะ ไม่งั้นโรงเรียนนี้ได้ราบเป็นหน้ากลองแน่ ถึงมันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้นเลยก็เถอะ

 

 

และในจังหวะที่ออร่าแห่งพลังทั้งสามกำลังจะเข้าปะทะกันนั้น ผมก็ได้เปิดอัลติขึ้นมาอีกคน

 

 

” พ- พี่ทำอะไรน่ะ! รีบหลบเร็วไม่งั้นเราแย่แน่!! “โรเซ่

 

 

” ไม่มีปัญหา “

 

 

” เดี๋ยวฉันจะจบศึกนี้ให้เอง “

 

 

ผมถอดผ้าพันแผลออก เผยให้เห็นถึงรอยสักรูปปีกสามคู่ที่กลาง และหอกสองเล่มที่อยู่บนแขนคนละข้าง

 

 

แล้วผมก็ก้าวเท้าลงมาแตะที่พื้น

 

 

‘ เอาล่ะ เริ่มฟื้นตัวมาบ้างแล้ว! ‘

 

 

” พี่จะทำอะไรน่ะ.. “ราซ

 

 

” ที่- ที่แขนพี่มีไฟลุกอ่ะ!! “โรเซ่

 

 

” พี่บอกแล้วไง ว่าจะจบการต่อสู้นี้ก่อนที่มันจะลามปามไปมากกว่านี้น่ะ เชื่อพี่สิ พี่จะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อยในคราวเดียว “

 

 

เปลวเพลิงสีขาวเริ่มลุกโชนท่วมร่างของผมในทันใด ความเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับว่ากล้ามเนื้อกำลังฉีกขาดก็แล่นเข้ามายังโสตประสาทในทันที

 

 

ความเจ็บปวดนั้นทำเอาผมแทบบ้าเลยล่ะ เมื่อบวกเข้ากับบาดแผลเดิมจากเมื่อเช้ามันยิ่งเจ็บกว่าเดิมอีก แต่ในตอนนี้ต้องเก็กหน้านิ่งไว้ก่อน ไม่งั้นมันจะดูไม่เท่ห์เอา

 

 

และเพลิงสีขาวที่ปรากฏนั้นทำให้ทั้งน้องสาวและน้องชายของผมแทบจะไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง

 

 

เพราะไฟที่ผมได้ปลดปล่อยออกมามันรุนแรงมากซะยิ่งกว่าพลังของสามคนนั้นรวมกันซะอีก

 

 

..ก็แหงสิ ไม่งั้นผมจะสู้กับลูซี่ได้ยังไงล่ะ

 

 

ART – ลองกินุส

 

 

” ทลายปาฏิหาริย์ “

 

 

เวลาได้หยุดลงชั่วขณะ มีเพียงแค่ร่างของผมกับไฟแห่งพระเจ้านี้เท่านั้นที่ยังเคลื่อนไหวได้อยู่

 

 

ในชั่วอึดใจเดียว ผมได้สบัดมือซ้ายออกไปเล็กน้อย

 

 

แล้วฉากหลังที่เวลากำลังหยุดลง ก็ได้เกิดรอยร้าวขึ้นราวกับกระจกที่เปราะบาง พลังทั้งหมดที่ถูกปล่อยออกมาจากทั้งสามคนเกิดรอยร้าวอย่างเดียวกัน

 

 

ก่อนที่สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดจะพังทลายลงมาราวกับกระจกที่ถูกค้อนทุบ พลังเวทมนตร์ รวมถึงอาร์ตทั้งหลายที่พวกเธอปล่อยออกมาถูกทำลายสิ้น และแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยราวกับเศษกระจก

 

 

” …. ” เมเดียร์

 

 

เธอมองผมด้วยความเหลือเชื่อ แม้กระทั่งเวทมนตร์และอาร์ตของเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ทุกสิ่งพังทลายลงมาราวกับสิ่งที่เปราะบางและอ่อนแอ

 

 

” เหอ? ว- เหวอ!!!??? “เมเดียร์

 

 

ตุบ!-

 

 

เธอร่วงลงมาจากฟ้าอย่างแรงเลยล่ะ

 

 

” บ- บี๋..แก!???!!??? ” เมเดียร์

 

 

ขณะที่ทุกคนกำลังสนใจเมเดียร์กับจือหนานและวิกตอเรีย เมเดียร์ก็ได้หันมาที่ผมมองด้วยความไม่เข้าใจปนสับสน

 

 

” … “

 

 

มันดีอย่างนะ ที่พวกนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นผมกันสักคน เพราะว่าผมจะได้ไม่ต้องปกปิดพลังสุดอันตรายของตัวเอง

 

 

” พ-..เพลิง… ของพระเจ้า.. “อิกนิส

 

 

ทว่า.. ก็ยังมีบางคนที่แข็งแกร่งพอที่จะสังเกตเห็นตัวตนของผมได้ ตัวตนของผมในตอนนี้นั้นคนที่มีพลังอ่อนกว่าครึ่งนึงของผมจะไม่สามารถเห็นผมได้

 

 

เว้นแต่คนที่แข็งแกร่งจริงๆ

 

 

” พี่คะ.. นี่มัน.. คืออะไรอ่ะ?!? “โรเซ่

 

 

” พลังที่สามารถฆ่าพระเจ้าได้ไงล่ะโรเซ่ “

 

 

ใบหน้าที่ดูเหวอของพวกเธอมันทำเอาผมยิ้มเลยล่ะ มันดูเยี่ยมไปเลยที่ได้แสดงพลังจริงๆของตัวเองให้พวกเธอได้เห็นสักที

 

 

” บอส.. ” จือหนาน

 

 

ดูหน้าของพวกเธอที่ดูตกใจนั้นสิ

 

 

ผมล่ะชอบมันจริงๆ

 

 

ซี๊ดด–

 

 

” อ้าก!!! “

 

 

” ” พี่!!! ” ” ราซ/โรเซ่

 

 

ยังไม่ทันไร ความเจ็บที่มากกว่าเดิมเป็นทวีคูณก็ได้ผ่านเข้ามาในร่างของผม ทำให้ผมทรุดลงกับพื้นในทันที

 

 

แม้ว่าตัวผมจะฟื้นฟูมาบ้างแล้ว แต่มันก็ไม่ได้มากพอที่จะทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด มาในคราวนี้ที่ผมพึ่งใช้สุดยอดพลังที่สยบได้แทบทุกอย่าง อย่างลองกินุส

 

 

มันกินพลังกายมากของมากที่สุด แถมยังทำให้ร่างกายของผมพังทลายลงเรื่อยๆอีกด้วย ตอนนี้ผมไม่รู้สึกถึงเส้นประสาทที่อยู่ที่แขนและขาเลยสักนิด

 

 

” บี๋!? “เมเดียร์

 

 

” บอส!! “จือหนาน

 

 

” คุณอัลเลียน!!! “วิกตอเรีย

 

 

พวกเธอเข้ามาพยุงผมทันทีที่เห็นผมเข่าอ่อนจนล้มลงไปกับพื้น ในระดับความเร็วพอๆกันพวกเธอแทบจะมีพลังไม่ห่างกันเลยสักนิด

 

 

” … แม่ง- เอ้ย.. “

 

 

ผมขยับตัวเองไม่ได้แล้วในตอนนี้ แม้กระทั่งพลังจิตที่ภูมิใจนักก็ยังไม่แม้แต่จะสามารถใช้มันออกมาได้เลย

 

 

เป็นเพราะว่าไอ้พลังศักดิ์สิทธิ์พวกนี้มันใช้พลังจิตในระดับสูงเลยน่ะสิ ไม่ใช่เวทมนตร์… แล้วนี่คือผมพึ่งรู้มาจากมิคาเอลเมื่อไม่นานมานี้เองนะเนี่ย

 

 

” บอสเป็นอะไรไหมคะ! “จือหนาน

 

 

” … อัลเลียน ฉันจะช่วยเอง “วิกตอเรีย

 

 

วิกตอเรียและจือหนานหิ้วปีกผมคนละข้างจือหนานแขนขวา ส่วนวีก็แขนซ้าย

 

 

พวกเธอมองหน้ากันเอง..

 

 

 เอ..ผมคิดไปเองรึเปล่า? ว่าตรงนี้มันเย็นๆแปลกๆ?

 

 

เหมือนสองคนนี้กำลังส่งจิตสังหารหากันอยู่เลยแฮะ น่าขนลุกชะมัด

 

 

พวกเธอจ้องกันอยู่แบบนั้น ราวกับจะฆ่าจะแกงกัน

 

 

จนกระทั่งเมเดียร์ได้เดินเข้ามา.. ไม่นานนักการมองเห็นของผมเริ่มสั้นลง ภาพมันเบลอๆจนผมต้องกระพริบตาถี่ๆเลยล่ะ

 

 

เรี่ยวแรงก็ไม่ค่อยจะมี มันเหมือนกับว่าผมสามารถสลบไปได้ตลอดเวลาเลยล่ะตอนนี้

 

 

” พวกแกอย่างพึ่งตีกัน!! “เมเดียร์

 

 

” ตอนนี้ต้องพาหมอนี่ไปห้องพยาบาลก่อน!! “เมเดียร์

 

 

เธอเข้ามาควบคุมสถานการณ์ในทันที

 

 

ทว่า.. คนที่กำลังหามผมอยู่นั้นมันไม่ใช่คนของเธอนี่สิ

 

 

” ขอโทษนะคะคุณหนู ดิฉันรับใช้บอสค่ะ “จือหนาน

 

 

” …ฉันเป็นอัศวิน.. ของนายท่านคนเดียวค่ะ “วิกตอเรีย

 

 

คำพูดของพวกเธอทำเอาเมเดียร์แทบจะของขึ้นเลย

 

 

SKILL – สยบอำนาจ SS

 

 

” ยัยบ้าพวกนี้นี่!! ถ้าไม่คิดจะช่วยคนเจ็บก็ออกไปไกลๆเลยไป๊!! “เมเดียร์

 

 

แค่เมเดียร์พูดออกมาประโยคเดียว สกิลเฉพาะตัวอีกอย่างของเธอก็ทำงานในทันที

 

 

สยบอำนาจ เป็นสกิลประเภทพาสซีพ จัดอยู่ในหมวดสกิลควบคุมจิตใต และเป็นประเภทดีบัพ ส่งผลให้คนที่โดนสกิลนี้ควบคุมจะเกิดอาการหวาดกลัวสุดขีด และลดความสามารถทั้งหมดของศัตรูลง 60% จนด้อยกว่าผู้ใช้สกิล

 

 

สกิลนี้มีผลกับศัตรูของเธอโดยไร้ซึ่งเงื่อนไข ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเท่าไร ก็สามารถถูกสกิลนี้เล่นงานได้ทั้งนั้น

 

 

เว้นแต่ว่าคนผู้นั้นจะมีภูมิต้านทานทางจิตที่แข็งแกร่งมากๆเท่านั้น ถึงสกิลนี้จะไม่ส่งผลใดๆเลย

 

 

และแน่นอนว่าทั้งสองคนนั้นโดนสกิลนี้เต็มๆ

 

 

แต่พลังของพวกเธอกลับลดลงไปแค่ 30% เพียงเท่านั้น แถมยังสีหน้าที่ดูจะตกใจเล็กๆนั้นอีก

 

 

นั่นเป็นสิ่งที่เมเดียร์คาดไม่ถึงเลยว่า ผู้หญิงทั้งสองคนนี้จะแข็งแกร่งมากถึงขั้นที่สกิลของเธอได้ผลเพียงครึ่งเดียว

 

 

มันทำเอานางคนนี้ประทับใจในตัวผู้หญิงพวกนี้เลย

 

 

” ทีนี้ก็ส่งมันมานี่ เดี๋ยวฉันเอาไปส่งห้องพยาบาลเอง พวกแกก็ไปพักผ่อนซะ “เมเดียร์

 

 

” ไม่ได้ค่ะ! “จือหนาน

 

 

” ไม่เอา! “วิกตอเรีย

 

 

” นี่เป็นคำสั่ง!!! “เมเดียร์

 

 

SKILL – สยบอำนาจ SS

 

 

เมื่อสกิลทำงาน สุดท้ายแล้วพวกเธอก็ต้องยอมคำพูดของเมเดียร์อยู่ดี

 

 

” รอก่อนนะ ฉันจะพาแกไปหาจารย์ยาเซสเดี๋ยวนี้แหละ “เมเดียร์

 

 

เท่าที่ผมจำได้ เมเดียร์แบกผมขึ้นบ่าก่อนที่เธอจะรีบพาผมไปที่ห้องพยาบาลที่อยู่ด้านในอาคารเรียนทันที

 

 

..

 

 

” อะไรล่ะเนี่ย? เธออีกแล้วหรอ? ” ???

 

 

ฉันให้น้องๆ กับลูกน้องของหมอนี่ไปพักก่อน ก่อนที่ฉันจะพามันมาที่ห้องพยาบาลนี้ทันที

 

 

เหตุหนึ่งที่ฉันต้องการเป็นคนพามันมาที่นี่ด้วยตัวเองเป็นเพราะรำคาญพวกฝูงชนที่มุงอยู่ข้างนอกโคตรๆเลยไงล่ะ

 

 

แต่ก็น่าตกใจนะ ที่บี๋มันมีพลังที่สามารถขัดขวางการโจมตีของฉันได้ ทั้งๆที่ตอนแรกมันไม่ได้มีพลังอะไรเลย

 

 

ตลอดเดือนที่ผ่านมามันคงจะเจออะไรมาเยอะน่าดู

 

 

” จารย์ยาเซส ช่วยหมอนี่ด้วย “เมเดียร์

 

 

ยาเซสเขาเป็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาล เป็นคนที่มีความสามารถในการรักษาคนในระดับสูงทั้งทางด้านเวทมนตร์และวิทยาศาสตร์เลยล่ะ

 

 

ฉันรีบส่งตัวหมอนี่ให้ครูตรวจอาการทันที พอตรวจเสร็จเขาก็พยักหน้าเบาๆ บอกเป็นนัยๆว่าบังสามารถรักษาได้อยู่

 

 

” เด็กที่เวทรักษาใช้ไม่ได้ผลอีกแล้วงั้นหรอ? “ยาเซส

 

 

” รักษาได้ไหมคะ? “เมเดียร์

 

 

” ได้สิ “ยาเซส

 

 

” มันก็มีบ้างล่ะนะที่ต้องวิทยาศาสตร์เข้าช่วยเอาเป็นว่าเมเดียร์ เธอไปหายาสร้างกระดูกมาให้ครูหน่อยละกัน “ยาเซส

 

 

” แล้วก็พอใช้ยาแล้วใช่ว่ามันจะกลับมาเป็นปกติเลยนะ ครูต้องช่วยเขาต่อกระดูกอีก กว่าที่เขาจะหายดีก็.. อีกประมาณเดือนสองเดือนได้ “ยาเซส

 

 

” สองเดือน!? “เมเดียร์

 

 

“ใช่ อ้อ.. จริงสิเขาติดเรียนนี่นะ จะไม่เรียนก็ไม่ได้เพราะต้องใช้สอบ ระหว่างนั้นเธอก็ดูแลเขาละกันนะ “ยาเซส

 

 

” ค่ะครู ได้ค่ะ “เมเดียร์

 

 

สองเดือนเลยงั้นหรอ.. ระหว่างนั้นพวกเราจะทำอะไรกันดีนะ แค่คิดก็มีความสุขแล้วล่ะ ฮิฮิ

 

 

 

 

 

 

” ที่ไหนอีกวะเนี่ย …”

 

 

ตรงหน้าของผมคือปราสาทขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นในตอนกลางคืนอีกต่างหาก

 

 

ปกติแล้วถ้าเป็นที่อีเดนนี่จะเป็นตอนกลางวันตลอดชั่วเวลา งั้น.. นี่มันที่ไหนกันล่ะ? ลูซี่กับมิคาเอลไปไหนแล้ว?

 

 

” ยินดีต้อนรับสู่ปราสาทลนิรันดร์ของข้า “???

 

 

ทันใดนั้น เสียงของหญิงคนหนึ่งพลันได้ดังขึ้นข้างหน้าผมโดยที่ผมไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ มันไม่เหมือนเสียงของลูซี่ หรือมิคาเอลเลย 

 

 

” … “

 

 

ผู้หญิงตรงหน้าผมมีเส้นผมสีแดงเพลิง สวมใส่ชุดเดรสราตรีสีดำ ชายผ้าของเธอประดับไปด้วยเกล็ดมณีระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า

 

 

น้ำเสียงของเธอแม้จะฟังดูมีเส่ห์ แต่ก็เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม  อีกทั้งบนหัวด้านซ้ายของเธอยังมีเขาคล้ายเขามังกรอยู่สองอัน

 

 

คือที่เรียกว่ามังกรแทนเขาปีศาจอ่ะ เพราะเขาของเธอมันออกเหลี่ยมๆอ่ะนะ ประมาณนี้แหละ

 

 

กลางหน้าผากเธอจะเป็นรอยแผลเป็นรูปไม้กางเขนกลับด้านล่ะ

 

 

” เจ้า.. เอ่อ… ” ???

 

 

” บี๋ ..”

 

 

” ใช่! บี๋! ข้า ซาตาน! “ซาตาน

 

 

ซาตานงั้นหรอ? …แต่ว่าก็ว่าเถอะ.. เข้ามาในนี้ได้ยังไงกัน แล้วคนอื่นไปไหนกันหมด?

 

 

แถมยังปราสาทราตรีนี่อีก? นี่คิอโลกในจิตของฉันไม่ใช่หรอ??

 

 

” เฮ้ “ซาตาน

 

 

ขณะที่ผมกำลังเหม่ออยู่ ซาตานได้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมที่ไม่ทันได้สังเกตเธอก็ได้เผลอสบตาเข้ากับเธอ

 

 

ผมจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาของหญิงสาวคนนั้น เห็นเป็นกองซากศพมากมาย ที่ยอดบนสุดของภูเขากองศพเหล่านั้นคือผม.. แต่ไม่ใช่ผมซะทีเดียว

 

 

เขาคนนั้นมีรอยสักเต็มตัว จนแทบจะไม่มีที่ไหนที่จะสักรอยเพิ่มได้อีกเว้นก็แต่ใบหน้า เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครา และกล้ามเนื้อบึกบึน สายตาของเขาราวกับคนที่หมดอาลัย มันเยือกเย็น และเศร้าสร้อย

 

 

จนกระทั่งชายคนนั้นได้มองมาทางนี้ ราวกับว่าเขานั้นสามารถเห็นตัวของผมได้ รอยสักส่วนหนึ่งบนร่างของเขาส่องแสงสีฟ้าเรืองรองขึ้น ก่อนที่จะกลายสภาพมาเป็นดาบตะวันตกหนึ่งเล่มมาให้กับเขา

 

 

เขาชี้มันมาทางผม ดวงตะวันที่แทบจะลับฟ้าไปแล้วได้แสดส่องสุดท้ายสะท้อนมายังดาบเล่มนั้น ทำเอาผมแสบตาไปเลย

 

 

แต่ว่า… 

 

 

นี่มันอะไรกัน? 

 

 

ก่อนหน้านี้ผมควรจะยืนอยู่ต่อหน้าซาตานสิ.. แล้วนี่มัน.. ภาพลวงตาหรอ?

 

 

” นาย… แข็งแกร่งพอแล้วหรอ? ” บี๋

 

 

อยู่ๆ เขาก็ถามคำถามหนึ่งกับผม ซี่งถ้าให้ผมตอบผมคงจะตอบไปว่า..

 

 

” ใช่.. ! “

 

 

” แต่คนที่นายกำลังเผชิญหน้าอยู่ตอนนี้แกร่งกว่าพระเจ้าอีกนะ “บี๋

 

 

เขาเปลี่ยนสภาพมันกลับไปเป็นรอยสักดังเดิม

 

 

” …. ” บี๋

 

 

” อีกสี่เดือน นายจะได้พบกับเธอ ” บี๋

 

 

” เธอ.. หรอ? ใครอ่ะ?? “

 

 

” เธอคือดาบเล่มที่ถืออยู่เมื่อสักครู่.. ดาบที่ใช้เปลี่ยนแปลงความเป็นไปตามทางของผู้ใช้ เธอเข้าขากับผู้ใช้ของเธอได้เป็นอบ่างดี.. ดีกว่าลูซิเฟอร์กับมิคาเอลอย่างแน่นอน “บี๋

 

 

” แล้ว.. เธอที่ว่านี่คือใครอ่ะ? แล้วกองศพพวกนี้คือ?”

 

 

” อีกสามเดือน นายก็จะได้รู้เองว่าซากศพพวกนี้เป็นผู้คนน่าสงสารขนาดไหน “บี๋

 

 

” ชื่อของเธอที่นายจะได้เจอที่นั่นคือกรีล และชื่อที่แท้จริงของเธอคือ เกเบรียล “บี๋

 

 

” ดาบที่ชี้นำผู้คนไปตามสัจธรรมที่เที่ยงแท้ เกเบรียล “บี๋

 

 

ไม่นานนัก ที่นี่ก็เริ่มผุกร่อนพังทลายลง

 

 

เขาเอง ก็ยังยืนอยู่ที่ยอดของกองศพพวกนั้น ก่อนจะนั่งลงสบายๆพร้อมกับคำพูดหนึ่งที่เขาได้พูดออกมา

 

 

” เฮ้อ.. ได้พักสักที……. . … .. . .    . .

 

 

ไม่นานนักผมก็รู้สึกตัวได้ว่าผมกลับมาอยู่ที่ปราวาทนิรันดร์แล้ว และผู้หญิงที่กำลังมองหน้าผมตอนนี้ก็คือซาตาน

 

 

เธอไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ผมคิดเลยแฮะ

 

 

” เมื่อกี้มัน.. อะไรวะน่ะ? “

 

 

” นายในโลกคู่ขนานที่ทุกอย่างล่มสลายหมดเลยไงล่ะ! “ซาตาน

 

 

” มันพังเพราะอะไรน่ะ ? “

 

 

” พวกบียอนด์น่ะสิ เขาสู้กับพวกมันจนจัดการมันตัวสุดท้ายได้ แต่ก็พ่วงมาด้วยความสูญเสีย ที่ใหญ่หลวง “ซาตาน

 

 

” เธอเคย.. ไปหาเขาหรอ? “

 

 

” ก็น้า…. นิดหน่อยน่ะ “ซาตาน

 

 

ซาตานเริ่มเหงื่อตก

 

 

” …. “

 

 

ไม่น่าเชื่อว่าตัวตนที่แข็งแกร่งแบบเธอเองก็จะเหงื่อตกเป็นเหมือนกัน

 

 

” เขาเก่งขนาดนั้นเลย? “

 

 

” น่าจะ… ฆ่าชั้นได้สักประมาณ 666 รอบมั้งนะ? ฮ่ะฮ่ะ “ซาตาน

 

 

เพราะเหตุนั้น เธอคงจะไม่เคยไปยุ่งกับที่นั่นอีกเลยสินะ..

 

 

” เอ๊ะ? “

 

 

” หืม? “ซาตาน

 

 

อ่าวเห้ย!!?? แล้วยัยนี่มันมาจากไหนวะเนี่ย!????

 

 

ก็นะ ตั้งนานก็พึ่งมาตกใจเอาก็ตอนนี้เนี่ยแหละ ไม่รู้ตัวเลยแฮะ สงสัยจะคุยเพลินไปหน่อย

 

 

ผมรีบกางปีกออกแล้วแดชถอยออกมาจากตรงนั้นระยะไม่ต่ำกว่า 500 เมตรในทันที

 

 

” ทำมาเป็นเนียนได้นะ.. ยัยนี่.. “

 

 

( หมายเหตุ* อาการตกใจมันดีเลย์นิดหน่อย )

 

 

” คุคุคุ “ซาตาน

 

 

ซาตานไม่ได้คิดมากอะไร แถมยังยิ้มให้อีกต่างหาก..

 

 

ยัยนี่ … แม่งแปลกโคตรๆเลย!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

ตัดจบตอน