ตอนที่ 6 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (6)

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 6 เริ่มเลย มาถ่ายทอดสดกินปลาหมึกกันเถอะ (6)

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมรสชาติผิดเพี้ยนไป?” ปลาหมึกยักษ์ตัวนี้ยังมีกลิ่นคาว รสชาติแตกต่างจากที่องค์หญิงสามทำใช่หรือไม่? และทำไมระดับดาวของพวกเขาถึงไม่เพิ่มขึ้นหลังจากกินมันเข้าไปแล้ว?

“อันนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันครับ!” พ่อครัวเหงื่อไหลขณะยืนประจันหน้ากับเหล่าทหาร

เดิมทีทุกคนต่างต่อต้านการกินปลาหมึกตัวนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าทหารที่กินปลาหมึกกับองค์หญิงสามมาก่อนป่าวประกาศโฆษณาเกี่ยวกับการเพิ่มระดับดาวของพวกเขา หลายคนคงเลือกที่จะอดตายมากกว่ากินมัน ทุกคนต่างทนคลื่นไส้และกินมันเข้าไป ไม่ต้องพูดถึงรสชาติที่แย่ แม้แต่ระดับพลังก็ไม่เพิ่มขึ้นเช่นกัน นั่นไม่ใช่การตีแสกหน้าพ่อครัวอาวุโสหรอกเหรอ?

เขาทำอาหารในค่ายทหารมาตั้งกี่ปี? ทำไมถึงไม่รู้แม้กระทั่งทักษะการปรุงอาหารแบบเดียวกับองค์หญิงสามจนถึงตอนนี้ หากเป็นอย่างนั้นผู้คนจะไม่หัวเราะเยาะเขาเอาเหรอ?!

“เอาล่ะ นายลงไปก่อน” ชาร์ล นายทหารคนสนิทส่ายหัวแล้วเดินเข้าไปยังห้องบัญชาการ

“ท่านพลเอก องค์หญิงสามคงแอบเติมอะไรเข้าไปแน่เลยครับ!” ชาร์ลบ่นกับท่านพลเอกอย่างโกรธเคือง “เธอจงใจให้พวกเรากลายเป็นตัวตลก!”

เธอปล่อยให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาพบกับขุนทรัพย์อันล้ำค่า เขาไม่คาดคิดเลยว่ามันจะส่งผลกระทบเช่นนี้และทำให้เหล่าทหารรู้สึกผิดหวังแทน

“อย่าพูดแบบนั้นเลย” โอคาซีส่ายหัว “นายคิดว่าคนที่มีเกียรติยศสูงศักดิ์อย่างองค์หญิงสามจะเล่นตลกหรือไง? นายได้ถามเธอหรือยังว่าเธอทำมันยังไง?”

“ยังครับ” พลทหารชาร์ลส่ายหน้า “ตอนที่ผมมองดูในหม้อ เหมือนจะมีเพียงน้ำซุปใสเท่านั้น ไม่เห็นมีอะไรอย่างอื่นเลยนะ? โอ้ ใช่แล้ว! ผมพอจะนึกออกแล้ว ดูเหมือนว่ามีรากพืชที่หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ อยู่ในนั้น!”

“หรืออาจจะเป็นเพราะรากพืชพวกนั้น?!” ดวงตาของชาร์ลเป็นประกาย

“ท่านพลเอก ผมจะไปถามองค์หญิงสามเดี๋ยวนี้!” หลังจากนั้นเขาก็หันหลังกลับและตั้งใจจะเดินไปหาองค์หญิงสาม

“เดี๋ยวก่อน!” โอคาซีหยุดชาร์ลเอาไว้และหยิบเครื่องแต่งกายของเขาขึ้นมา “ฉันจะไปเอง!”

ชาร์ลรีบตามเขาไป องค์หญิงสามนั้นช่างเอาแต่ใจตนเอง! ท่านพลเอกชวนเธอมาทานอาหารเย็นด้วยเพราะเกรงว่าเธอจะหิว แต่เธอกลับไม่ยอมบอกสูตรปรุงปลาหมึกให้แก่พวกเรา!

เมื่อโอคาซีเดินมาถึงหน้าห้องของสวี่หลิงอวิ๋น ก็เห็นเธอกำลังกินปลาหมึกเสียบไม้ในเตาอบอย่างเอร็ดอร่อย แม้ว่าเธอจะอิ่มมากแล้ว แต่ปลาหมึกก็ยังคงเหลืออีกเยอะแยะ ลืมไป! เธอสามารถเก็บพวกนี้ไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ได้!

ช่างเป็นคนที่มีความสุขเสียจริง! สวี่หลิงอวิ๋นนั่งลงบนเก้าอี้ ปากของเธอแดงก่ำด้วยความเผ็ดร้อน แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจและกินมันเทศหวานต่ออีกชิ้น อ่า! นี่เป็นหนึ่งในความสุขที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต!

สวี่หลิงอวิ๋นคิดเช่นนั้น และทันใดนั้นเครื่องจักรกลแสนอัจฉริยะก็เริ่มเตือนเธอว่ามีใครบางคนกำลังเคาะประตูอยู่

“บัดซบ! ใครกัน! ทำไมต้องมาเคาะประตูตอนที่ฉันกำลังเพลิดเพลินกับอาหารอันแสนอร่อยด้วย?!” สวี่หลิงอวิ๋นยืนขึ้นอย่างหงุดหงิด เจ้าคนชั่วพวกนี้ องค์หญิงสามควรโกรธเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ของเธอหรือไม่?!

“ใครวะ! มาหาฉัน… อ๊ะ! ท่านนายพลนี่เอง! มีอะไรหรือเปล่าคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นกำลังจะพูดจาหยาบคาย แต่ทันทีที่เธอเปิดประตูและเห็นท่านพลเอกโอคาซี ชายรูปงามที่สวมใส่เสื้อผ้าอย่างเรียบร้อยยืนอยู่ด้านนอกประตู ก็เปลี่ยนท่าทางเป็นกุลสตรีทันที

“ริมฝีปากของท่าน?” โอคาซีได้กลิ่นฉุนมากมาจากริมฝีปากของเธอ ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยได้กลิ่นนี้มาก่อน ทำให้เขาอยากจามและไอเล็กน้อย

แต่เมื่อได้กลิ่นนี้ พลังงานดาวของเขากลับเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

องค์หญิงสามกำลังทำอะไร? เธอไปเอาของแปลกประหลาดมากมายขนาดนี้มาจากไหน?

“โอ้ ไม่มีอะไร ฉันเพิ่งทำอาหารกินเองแต่เผ็ดไปหน่อย ฮ่า ๆ!” สวี่หลิงอวิ๋นสัมผัสริมฝีปากของตัวเอง มันยังร้อนและแสบเล็กน้อย เธอรู้สึกเขินอาย และรู้สึกเหมือนโดนจับได้ว่าขโมยอาหาร

“นั่น นายอยากเข้ามาชิมมันมั้ย? นี่คืออาหารที่ฉันค้นพบตอนที่ขับเครื่องจักรกลไปสำรวจพื้นที่บริเวณรอบ ถึงจะหน้าตาดูแย่แต่รสชาติอร่อยเชียวนะ” สวี่หลิงอวิ๋นหันร่างเธอไปด้านข้างและไม่คิดว่าท่านพลเอกจะเข้ามาข้างใน

เมื่อเขาเห็นว่าเธอเชิญท่านพลเอกเข้าไปด้านใน สีหน้าของพลทหารชาร์ลก็แทบจะกัดกินเธอไปทั้งตัว ราวกับว่าเธออยากจะทำอะไรท่านนายพลของพวกเขา!

นังสารเลว!

ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแบบนี้สินะ!

โอคาซีเดินเข้ามาด้านในอย่างมีความสุข ขณะที่ชาร์ลเดินตามเข้ามาด้วยความโกรธเคือง

ห้องขององค์หญิงสามเต็มไปด้วยกลิ่นฉุนของพริก จนทำให้ชาร์ลอดไม่ได้ที่จะจามออกมาหลายครั้ง พลังดาวของเขายังไม่แข็งแกร่งเท่าของท่านพลเอก ดังนั้นจึงไม่สามารถตรวจจับการกระตุ้นพลังจากรสชาติอาหารได้ และยังคงกล่าวโทษองค์หญิงสาม!

“องค์หญิงสาม ท่านไปได้สิ่งนี้มาจากไหน? มันกินได้เหรอครับ?” ชาร์ลมองดูปลาหมึกที่ถูกโรยด้วยผงสีเขียวอ่อน เขาถามองค์หญิงสามออกไปเพราะรู้สึกไม่แน่ใจนัก

องค์หญิงสามกลอกตา “ถ้านายมีคำถามเยอะนักก็ไม่ต้องกิน ฉันไม่ได้เชิญนายเข้ามาสักหน่อย ไร้สาระจริง ๆ!”

ชาร์ลรู้สึกโกรธจัดจนไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ เมื่อเขาหันศีรษะกลับไป จึงเห็นว่าท่านพลเอกได้เอาส้อมจิ้มปลาหมึกเข้าไปในปากของเขาแล้ว

“อร่อยดีนะ!” แต่เผ็ดไปหน่อย! ท่านพลเอกโอคาซีผู้ไม่เคยทานอาหารรสจัดขมวดคิ้ว ปากของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และดวงตาของเขาก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ดูระยิบระยับและน่าดึงดูด

ดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นเบิกกว้าง กลืนน้ำลายก่อนจะพึมพำ

โอ๊ย…! จะหล่อไปถึงไหน!

เมื่อชาร์ลได้ยินดังนั้น เขาจึงรู้ดีว่าองค์หญิงสามยังคงหลงใหลในความงามของท่านพลเอก! ฮึ! เธอเพียงแค่ดูแตกต่างจากเดิมนิดหน่อย แต่สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นองค์หญิงสามที่นิสัยเสียเหมือนเดิม

ระดับความสามารถของโอคาซีเริ่มผันผวนอีกครั้ง เดิมทีความสามารถของเขาอยู่ที่ระดับแปด ซึ่งเขาอยู่ในระดับนี้มานานหลายปีแล้ว ระดับแปดเป็นเพียงระดับจุดเริ่มต้นที่แท้จริงเท่านั้น หากชายหนุ่มสามารถก้าวข้ามระดับแปดไปได้ ก็จะได้เลื่อนขั้นไปยังระดับตำนาน นั่นคือระดับที่สิบ!

ระดับที่สิบคือระดับของเหล่าจักรพรรดิ ตลอดระยะเวลาหลายพันปีระดับนี้มีเพียงสามคนเท่านั้น…

คนส่วนใหญ่มักจะติดอยู่ที่ระดับแปดและไม่สามารถเลื่อนขั้นขึ้นไปได้ โอคาซีเคยคิดว่าตัวเองจะต้องติดอยู่ในระดับนี้อีกหลายปี แต่ก็ไม่คิดว่าระดับของตัวเองจะเพิ่มขึ้นในวันนี้! สิ่งนี้ทำให้พลเอกหนุ่มรูปงามมีความหวังอีกครั้ง

ระดับความสามารถของโอคาซีกำลังผันผวน ไฟฟ้าทั้งห้องเริ่มไม่เสถียรจนใบหน้าของชาร์ลเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ ดวงตาของสวี่หลิงอวิ๋นเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามอีกครั้ง เธอสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับดาวของโอคาซีได้อย่างชัดเจนภายใต้พลังจิตของเธอ

เดิมทีความสามารถระดับแปดเป็นสีฟ้า แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นสีม่วง สวี่หลิงอวิ๋นเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดบนระดับดาวของเขา และมันไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนสีฟ้าให้กลายเป็นสีม่วงอ่อน ทว่ามันกลับกลายเป็นสีม่วงถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เรียกได้ว่าไม่มีความล้มเหลวอยู่เลย

อย่างน้อยโอคาซีก็ไม่ผิดหวัง เมื่อชายหนุ่มลืมตาขึ้น ความประหลาดใจก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา

โอคาซีมองไปที่สวี่หลิงอวิ๋นและรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก “ขอบคุณครับ!”

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกปลื้มปีติและโบกมือให้ชายหนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่หรอก ท่านพลเอกมีพื้นฐานความสามารถที่มั่นคงมาก่อนหน้านั้นแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”