ตอนที่ 41 ยืมดาบฆ่าคน

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 41 ยืมดาบฆ่าคน

เมื่อปีใหม่ใกล้เข้ามา ในพระราชวังออกพระราชโองการเรียกองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่เข้าเฝ้า

ทันทีที่ประตูตำหนักปิดลง ฮ่องเต้หย่งไท่ยกแส้ขึ้นฟาดลงไปที่ตัวขององค์ชายใหญ่ทันที

เขาเฆี่ยนตีครั้งแล้วครั้งเล่า เฆี่ยนตีอย่างไม่ลืมหูลืมตา

องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ ผู้เป็นบุรุษวัยยี่สิบต้นๆ ถูกเฆี่ยนตีด้วยความงุนงง

สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือเขาถูกบิดาผู้ให้กำเนิดดูถูกว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน น่าอายอย่างมาก

เขาไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่สามารถหลบหลีกได้ ทำได้เพียงอดทนไว้

เขากัดฟัน ดวงตาแดงก่ำ หมัดทั้งสองกำแน่น ภายในหัวใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เพราะเหตุใด

เขาก็เป็นองค์ชายเหมือนกัน เหตุใดเขาต้องอดทนกับความยากลำบากและความอัปยศอดสูมากกว่าพี่น้องคนอื่น

เขาแค้น!

แค้นทุกคน!

ฮ่องเต้หย่งไท่เฆี่ยนตีและก่นด่าอย่างเต็มกำลัง จนกระทั่งรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดลง

แต่ยังไม่เพียงพอ

ฮ่องเต้หย่งไท่ยกเท้าเหยียบลงบนหลังขององค์ชายใหญ่ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงโบยเจ้า”

“กระหม่อมไม่รู้พ่ะย่ะค่ะ”

องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่นอนหมอบอยู่บนพื้นด้วยสภาพน่าอนาถ

เสื้อผ้าของเขาถูกแส้โบยจนฉีกขาด ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผล

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ข้างหูมีรอยหนึ่งที่ไม่อาจปกปิดได้ คนอื่นต้องเห็นอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลาหากถูกถาม เขาจะอธิบายอย่างไร

ฮ่องเต้หย่งไท่โกรธจัด “เจ้าทำสิ่งใดลงไปเจ้ารู้ดี!”

“เสด็จพ่อทรงชี้แนะ! กระหม่อมไม่รู้ว่าทำผิดอันใด”

ฮ่องเต้หย่งไท่ยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าไม่พอใจกับคู่ครองที่ข้าพระราชทานให้เจ้ามิใช่หรือ”

“เสด็จพ่อทรงเข้าพระทัยผิดแล้ว กระหม่อมไม่ได้ไม่พอใจพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่อธิบายด้วยความตกใจ

ภายในใจของฮ่องเต้หย่งไท่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ถึงเวลานี้แล้วลูกทรพีก็ยังไม่พูดความจริง

เขาทั้งผิดหวังทั้งโกรธจึงเตะองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่จนล้มไป พลันด่า “โง่เขลาสิ้นดี!”

ฮ่องเต้หย่งไท่หมดความอดทนกับคนไม่เอาไหน

เขาไม่ต้องการสิ้นเปลืองแรงกับการสั่งสอนลูกชายที่ยังโง่เขลา ดังนั้นเขาชี้ไปที่ประตูพลันตวาดด้วยความโกรธ “ออกไป ทบทวนความผิดของตนเอง”

องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่รีบตะเกียกตะกายจากพื้นขึ้นมา ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

ฮ่องเต้หย่งไท่โกรธจนปัดพู่กัน หมึก กระดาษ และหินหมึกบนโต๊ะลงกับพื้น

“ลูกทรพีสมควรตาย! ข้าผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก!”

“ฝ่าบาททรงระงับความโกรธพ่ะย่ะค่ะ! ให้กระหม่อมส่งคนไปตักเตือนองค์ชายใหญ่ดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ซุนปังเหนียนพูดเสียงแผ่ว

ฮ่องเต้หย่งไท่ทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดวงตาแดงก่ำ “เหตุใดต้องตักเตือนเขา ข้าจะถือว่าไม่มีลูกชายอย่างเขา”

ซุนปังเหนียนตกใจ ก้มหน้าไม่กล้าพูดอีก

องค์ชายใหญ่จบสิ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว

เขาทำให้โอกาสของตนเองหายไปกับมือ

มุมปากของซุนปังเหนียนยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกลับมามีสีหน้าจริงจังในทันที

เกรงว่าองค์ชายใหญ่เองยังไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องใดพลาดไป

เขาพลาดโอกาสที่ฝ่าบาทให้เขา พลาดโอกาสสุดท้ายที่พระองค์จะยอมรับเขา

องค์ชายใหญ่หมดความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างสิ้นเชิง เขาไม่ใช่ภัยคุกคามอีกต่อไป

ทหารเอาชนะศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวอย่างไม่ต้องสูญเสียเลือด!

สมบูรณ์แบบ!

องค์ชายสองยืมดาบฆ่าคนได้อย่างเชี่ยวชาญ

มีขันทีประตูเหลืองรอคอยอยู่บริเวณประตูตำหนักซิงชิ่ง

เมื่อเห็นองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ออกมาจึงเดินปรี่เข้าไปหา

“องค์ชายใหญ่ กระหม่อมเตรียมผ้าคลุมเอาไว้ วันนี้ลมแรง พระองค์จะทรงคลุมไว้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

เสื้อผ้าขององค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ฉีกขาดจากการถูกเฆี่ยนตีด้วยแส้

หากออกจากพระราชวังด้วยสภาพนี้ ข่าวย่อมแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงภายในทันที

เมื่อถึงเวลานั้น ไม่รู้จะมีเรื่องนินทาอย่างไร

ขันทีประตูเหลืองถวายผ้าคลุมเป็นการช่วยเขาแก้ไขปัญหานี้ได้

เพียงแต่…

“ผู้ใดส่งเจ้ามา”

ขันทีประตูเหลืองผู้นี้แปลกตา เขาย่อมไม่เคยพบมาก่อนอย่างแน่นอน

ขันทีประตูเหลืองโน้มตัว “ซุนกงกงส่งกระหม่อมมาพ่ะย่ะค่ะ”

“ซุนปังเหนียน?” องค์ชายใหญ่ตกใจ

องค์ชายใหญ่จ้องมองผ้าคลุมในมือของขันทีประตูเหลือง ความคิดของเขาพลุ่งพล่าน

ซุนปังเหนียนต้องการสิ่งใด

หรือว่าเสด็จพ่อรับสั่งให้เขาทำ?

ทันใดนั้น เขาเกิดความรู้สึกที่ซับซ้อนจนอธิบายไม่ได้ มันเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและความเจ็บปวดจนเขาเกือบจะร้องไห้ต่อหน้าขันทีประตูเหลือง

เขาสวมเสื้อคลุมและผ้าคลุม ปิดบังรอยแผลบนตัว

“ฝากบอกซุนกงกง ข้าขอบใจในความช่วยเหลือของเขา”

“องค์ชายใหญ่ทรงไม่ต้องเกรงใจพ่ะย่ะค่ะ! ให้กระหม่อมส่งพระองค์ออกจากวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง!”

เรื่องที่องค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ถูกฮ่องเต้หย่งไท่เฆี่ยนตี อีกทั้งยังถูกรับสั่งให้ทบทวนความผิดถูกแพร่กระจายไปทั่ววังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแพร่กระจายจากภายในวังออกไปนอกวัง

เถาฮองเฮาประหลาดใจอย่างมาก เหตุใดฮ่องเต้หย่งไท่จึงโบยองค์ชายใหญ่

นางให้คนที่อยู่ในตำหนักซิงชิ่งสืบ แต่ก็ไม่อาจสืบได้

ประหลาด!

นางพึมพำกับเหมาเส้าเจี้ยน “ฝ่าบาททรงลงโทษองค์ชายใหญ่ย่อมต้องมีเหตุผล หากแต่สืบไม่ได้ เจ้าว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”

เหมาเส้าเจี้ยนโน้มตัว “ฝ่าบาทคงทรงออกรับสั่งปิดปากพ่ะย่ะค่ะ”

“มีเรื่องใดกัน ฝ่าบาทถึงขั้นต้องทรงออกรับสั่งปิดปาก?” เถาฮองเฮาสงสัยในประเด็นนี้

เหมาเส้าเจี้ยนสารภาพผิด “กระหม่อมไร้ความสามารถ ไม่อาจสืบมาได้พ่ะย่ะค่ะ”

เถาฮองเฮาโบกมือ “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ข้าเองก็ไม่อาจถามถึงความจริงได้ เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทระแวงข้า สุดท้ายภายในใจของฝ่าบาทยังคงมีพื้นที่ขององค์ชายใหญ่ อย่างไรก็ตามเขาก็เป็นบุตรคนแรก ยี่สิบปีแล้ว ข้าใช้เวลายี่สิบปีเต็มก็มิอาจลบองค์ชายใหญ่ออกจากพระทัยของฝ่าบาทได้ ช่างรังแกกันเสียจริง”

“ฮองเฮาทรงระงับความโกรธพ่ะย่ะค่ะ!” เหมาเส้าเจี้ยนเกลี้ยกล่อม

เถาฮองเฮากัดฟัน “ถึงแม้ฝ่าบาทจะไม่ตรัสสิ่งใด แต่ภายในพระทัยของพระองค์ยังคงห่วงใยองค์ชายใหญ่ เหตุใดพระองค์จึงไม่ทรงทิ้งคนไร้ความสามารถอย่างองค์ชายใหญ่เสียที”

ปัง!

นางทุบโต๊ะ

โกรธยิ่งนัก!

เหมาเส้าเจี้ยนรีบพูด “ถึงแม้ภายในพระทัยของฝ่าบาทจะทรงห่วงใยองค์ชายใหญ่ แต่จากที่กระหม่อมเห็น ความห่วงใยนี้มีจำกัด มิฉะนั้นหลายสิบปีนี้ เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่ทรงแต่งตั้งมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์ชายใหญ่ ทำให้ฐานะขององค์ชายใหญ่กระอักกระอ่วนจนเกิดเป็นเรื่องนินทามากมายเช่นนี้”

เถาฮองเฮาเย้ยหยัน “เจ้าไม่รู้ความคิดของฝ่าบาทดีพอ! คนอื่นล้วนคิดว่าฝ่าบาททรงห่วงใยความรู้สึกของข้า ดังนั้นจึงไม่ทรงแต่งตั้งมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์ชายใหญ่ แต่ก่อนข้าก็คิดเช่นนี้ อีกทั้งยังรู้สึกดีใจอย่างมาก”

“แต่ระยะนี้ ในที่สุดข้าก็ได้เห็นอย่างชัดเจน พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่อปกป้ององค์ชายใหญ่ พระองค์ทรงกลัวว่าข้าจะกำจัดองค์ชายใหญ่ หากทรงแต่งตั้งมารดาผู้ให้กำเนิดของเขา เฮอะๆ ท้ายที่สุดก็แค่ระแวงข้า”

“เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ!” เหมาเส้าเจี้ยนตกตะลึง

เถาฮองเฮาเย้ยหยัน “ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้! ถึงแม้พระองค์ทรงโปรดปรานข้า สนับสนุนตระกูลเถา ให้อำนาจแก่ตระกูลเถาจริง แต่หากคิดในทางกลับกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ของเขา ทำให้ตระกูลเถากลายเป็นเป้าสายตา กลายเป็นเป้าหมายที่เหล่าขุนนางในราชสำนักอยากกำจัด หากเกิดความวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกราชสำนัก พระองค์เพียงแค่ผลักตระกูลเถาออกไปเป็นแพะรับบาป ประหารตระกูลเถาเพื่อการระงับความโกรธของผู้คน! พระองค์ทรงมีพระทัยที่โหดเหี้ยมยิ่งนัก!”

ในใจของเถาฮองเฮารู้สึกเย็นยะเยือก

ไม่อยากมองเรื่องบางเรื่องให้ทะลุปรุโปร่งเพียงเพราะความจริงมันโหดร้ายเกินไป

แต่เมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้วนางคงไม่อาจกอดความหวังได้อีกต่อไป

ทุกคำพูดที่เถาฮองเฮาพูดออกมานั้น ล้วนทำให้เหมาเส้าเจี้ยนอกสั่นขวัญแขวน “ฮองเฮา พวกเราควรทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ”

สายตาของเถาฮองเฮาเย็นชาและแน่วแน่ ไม่มีความจริงใดที่จะสั่นคลอนความมุ่งมั่นของนางได้

นางยิ้มอย่างเย้ยหยัน “พระองค์ทรงพยายามทำทุกสิ่ง แต่ไม่คิดว่าองค์ชายใหญ่จะเป็นคนไร้ความสามารถ คนขี้ขลาดที่ไร้ความรับผิดชอบ ไม่รู้ว่าพระองค์จะทรงเสียพระทัยหรือไม่ที่ไม่แต่งตั้งมารดาผู้ให้กำเนิดขององค์ชายใหญ่ เจ้าส่งคนไปจับตาดูจวนองค์ชายใหญ่เอาไว้ ฉวยโอกาสที่เหล่าท่านอ๋องจากพื้นที่ต่างๆ กำลังเดินทางเข้าเมืองนี้ ข้ามีแผนการใหญ่”

นอกพระราชวัง

เมื่อตระกูลหลี่รู้ว่าองค์ชายใหญ่เซียวเฉิงเย่ถูกโอรสแห่งสวรรค์เฆี่ยนตีก็รู้สึกสงสารยิ่งนัก

อยากให้หลี่ปิ้งถิงติดตามพี่ชาย เดินทางไปเยี่ยมที่จวนองค์ชายใหญ่

แต่หลี่ปิ้งถิงไม่ยอมไป

หลายวันนี้ นางฝันร้ายทุกคืน

องค์ชายใหญ่ทรงอยากฆ่านาง ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมตนเองให้ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นได้

ทุกครั้งที่ตื่นจากฝันร้าย นางสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่เต็มกาย

นางหวาดกลัว หมดหนทางดิ้นรน…

นางไม่อยากไปพบองค์ชายใหญ่ หรือแม้กระทั่งสมรสกับเขา

แต่นางรู้ งานสมรสนี้เป็นความหวังของทั้งตระกูล

หากนางกล้าพูดว่าไม่สมรสกับองค์ชายใหญ่ บิดา มารดา พี่น้อง คนในตระกูลล้วนจะมองนางเป็นศัตรู

เมื่อถึงเวลานั้น ชะตากรรมของนาง…

นางไม่กล้านึกถึง!

ท่านพ่อและท่านแม่ถามนางว่าเหตุใดจึงไม่ยอมไปเยี่ยมองค์ชายใหญ่ แต่นางไม่อาจพูดความจริงได้

นางทำได้เพียงอ้างว่าร่างกายของนางไม่สบายนัก

ร่างกายของนางไม่สบายจริง นางฝันร้ายเป็นประจำ เพราะความกังวลจึงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพียงไม่กี่วันก็ผอมลงอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อเห็นใบหน้าที่ซูบผอมของนาง หลี่ฮูหยินสงสารอย่างมาก “เอาเถิด เอาเถิด ปิ้งถิงร่างกายไม่สบายนักก็อย่าบังคับนางเลย”

หลี่ปิ้งถิงหลีกเลี่ยงไปได้อย่างราบรื่น

นางเรียกสาวรับใช้คนสนิทมา ซักถามซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า “เจ้าไม่เห็นจริงหรือว่าผู้ใดตีข้ากับองค์ชายใหญ่จนสลบในวันนั้น ไม่เห็นด้วยว่าผู้ใดมาส่งข่าวให้เจ้า”

สาวรับใช้ไม่รู้ตอบไปกี่ครั้ง แต่คำตอบก็ยังคงเหมือนเดิม “บ่าวไม่กล้าหลอกลวงคุณหนูเจ้าค่ะ บ่าวไม่เห็นจริงๆ ผ้าเช็ดหน้าของคุณหนูห่อปิ่นปักผมหล่นอยู่บนพื้น บ่าวเห็นอย่างนั้นจึงกังวลว่าคุณหนูจะเกิดเรื่องจึงรีบเดินเข้าไป เห็นเพียงแต่คุณหนูนอนสลบอยู่บนพื้น ด้านข้างเป็นองค์ชายใหญ่ที่นอนหมดสติอยู่เช่นกัน ไม่เห็นคนอื่นแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”

หลี่ปิ้งถิงนวดหัวคิ้ว ผู้ใดช่วยนางเอาไว้กันแน่

นางพยายามทบทวนซ้ำไปซ้ำมา แต่ความทรงจำสุดท้ายยังคงสิ้นสุดลงที่องค์ชายใหญ่บีบคอของนาง ใบหน้านั้นดุจดั่งปีศาจที่คลานออกมาจากนรก

จนกระทั่งวันนี้ เหตุการณ์นั้นยังคงทำให้นางอกสั่นขวัญแขวน ตัวของนางสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้

เขาอยากฆ่านาง!

เฮอะๆ !

เขาคิดจะฆ่านางเพื่อถอนหมั้น!

โหดเหี้ยมยิ่งนัก!

หลี่ปิ้งถิงผวา!

หากนางออกเรือนไปกับเขา นางจะมีชีวิตรอดหรือไม่

นางรักเขามากเพียงนั้น แต่เขากลับลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม

นางควรทำอย่างไร

“คุณหนูท่านเป็นอันใดเจ้าคะ” สาวรับใช้ถามด้วยความเป็นห่วง

หลี่ปิ้งถิงส่ายหน้า “เจ้ารู้กำหนดงานอภิเษกสมรสขององค์ชายสองกับคุณหนูรองตระกูลเยียนหรือไม่”

“กำหนดงานอภิเษกสมรสยังไม่ประกาศเจ้าค่ะ!”

“องค์ชายใหญ่เป็นพี่คนโต ย่อมต้องเป็นองค์ชายใหญ่ที่อภิเษกสมรสก่อน ข้า…”

ภายในใจของหลี่ปิ้งถิงอึดอัดยิ่งนัก นางควรทำอย่างไรกันแน่

แต่งหรือไม่แต่ง