เช้าวันรุ่งขึ้นสากอนลาภารยาและลูกสาวของงเค้าและออกจากบ้านพร้อมกับทาส2คนและมดครึ่งคนสองสามตัว แต่ละคนรวมถึงมดครึ่งคนสวมเสื้อคลุมสีเทาอย่างหนาแน่น ลูซีหยูกลับไปที่ปราสาทเข้าไปในห้องโถงใหญ่และกดสวิตซ์ที่เตาผิงซึ่งเปิดทางเดินลับภายในกำแพง หลังจากจุดคบเพลิงลูซีหยูก็เดินไปตามทางลง หลังจากลงมาได้สักพักนึงเค้าก็เข้ามาในถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนเป็นจุดส่งสัญญาณ

มีอุโมงค์สี่อันที่สามารถมองเห็นได้จากจุดนี้ซึ่งแต่ละแห่งนำไปตามทาง ลูซีหยูเคยใช้แหล่งพลังงานเพื่อสร้างอุโมงค์ที่มีความทนทานหลังจากเริ่มป่าแห่งความมืดเป็นที่ตั้งของหอคอยพ่อมด

ลูซีหยูเลือกอุโมงค์ที่ทอดไปทางทิศใต้ มันถูกปูด้วยรางเหมือนอุโมงค์ขุดโบราณ ตามรางมีรถเข็นเหมืองที่ดัดแปลงมาจากรถไฟจอดอยู่ ลูซีหยูได้เริ่มออกแบบรางรถไฟนับตั้งแต่เริ่มสร้างหอคอยแห่งพ่อมด มันใช้เวลาครึ่งปีและมีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นที่เสร็จ อีก3เส้นทางกำลังรอการก่อสร้าง ไม่อย่างงั้นเค้าจะไม่ส่งสากอนและคนอื่นๆไปกับโกลด์ปากาส

ทันทีที่ลูซีหยูขึ้นรถเข็นและปิดประตูรถเข็นก็เริ่มเร่งความเร็วเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็วและกระเด้งตามทางที่เป็นหลุมเป็นบ่อ การนั่งบนรถเข็นนั้นค่อนข้างน่ากลัวและน่าตื่นเต้นให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเล่นเครื่องเล่น

สองชั่วโมงตอมาลูซีหยูมาถึงที่หมายของเค้าในที่สุด เค้าลุกออกจากรถเข็น ออกจากราง และผลักหินที่ซ่อนอยู่ออกไป ในขณะที่หินกลิ้งออกไปแสงจากภายนอกก็สาดเข้ามา

“ไม่เลวเลย รถขุดนั้นน่าสนใจทีเดียว”

ลูซีหยูก้าวออกไปข้างนอกและเห็นหุบเขาพร้อมกับแม่น้ำที่ไหลผ่าน เค้าเดินตามริมฝั่งแม่น้ำที่เป็นโคลนไปที่หุบเขา เค้าพบเอสเอส อิเทอนิตี้ที่ทอดสมออยู่ริมทะเล ด้านนอกสีขาวและรูปทรงที่คล้ายหัวกระสุนทำให้รู้สึกได้ถึงความทันสมัย

เมื่อเค้าเดินลงเรือเค้าพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงมากมายบนกระดาน การแสดงผลทั้งหมดที่อยู่ภายในได้รับการตั้งค่าและมดครึ่งคนประมาณ10คนกำลังยุ่งอยู่กับการสัมผัส ชั้นหนังสือในห้องสมุดถูกเติมเต็มและบาร์มีถังน้ำแข็งและเครื่องแก้วสวยงามเก็บไว้ โต๊ะในห้องอาหารและเฟอร์นิเจอร์ในห้องครัวก็พร้อมแล้วและห้องเก็บของก็เต็มไปด้วยอาหารและเครื่องดื่ม เอสเอสอิเตอนิตี้สามารถแยกน้ำทะเลออกจากน้ำที่สามารถดื่มได้และห้องใต้ดินก็มีฟังก์ชั่นทำความเย็นอัตโนมัติเพื่อให้เก็บอาหารได้เป็นเวลานั้น

มีเตียง4เตียง โต๊ะยาว2ตัว และตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ในทุกๆห้องดูเหมือนหอพักมหาวิทยาลัย โดยรวมแล้วมันดูดีทีเดียวลูซีหยูพยักหน้ารับการอนุมัติ หลังจากยืนยันเงื่อนไขภายในห้องเค้าไปที่ห้องควบคุมที่ล่างสุดของเรือเพื่อกำหนดเส้นทาง

เป้าหมายแรกคืออาณาจักรลุนห์มาน ระหว่างทางพ่อมดฝึกหัดจะถูกรับขึ้นจากชายฝั่งแม่น้ำก่อนที่เรือจะแล่นไปต่อที่อาณาจักรออร์คและข้ามมหาสมุทรไปยังทวีปยาลาของพวกเอลฟ์

บอห์ลเป็นหมอที่เป็นเจ้าของคลินิกในเมืองมาสตา พ่อและปู่ของบอห์ลเป็นหมอมาก่อนเค้าดังนั้นครอบครัวของเค้าจึงเป็นที่รู้จักดีในเมือง บอห์ลได้รับมรดกเป็นคลินิกตั้งแต่อายุ19เนื่องจากการระบาดของโรคระบาดเมื่อปีที่แล้ว แม้ว่าพ่อของบอห์ลจะสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้แต่เค้าก็ยังเป็นโรคและเสียในเวลาต่อมา

เช่นนี้บอห์ลจึงค่อนข้างรู้สึกสูญเสีย แพทย์ถือเป็นสินค้าล้ำค่าในอาณาจักรมนุษย์ในเวลานี้ดังนั้นความรู้ทางการแพทย์จึงได้รับการปกป้องในวงตระกูล เนื่องจากคุณค่าของความรู้ดังกล่าวจึงถูกเก็บไว้อย่างหนาแน่น ด้วยเหตุนี้บอห์ลที่มีเพียงความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสมุนไพรในการรักษาโรคหวัดและไข้รวมไปถึงทักษะในการรักษาบาดแผลเล็กน้อย เช่น การพันแผลและการทำให้เลือดหยุดไหลด้วยการตกตะกอนอย่างง่าย อย่างไรก็ตามเค้าก็เป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงในภูมิภาคแม้แต่ขุนนางก็มาหาเค้าเพื่อรับการรักษา

นับตั้งแต่เป็นเจ้าของคลินิกบอห์ลก็พบโรคแปลกๆที่เกินความรู้ของเค้าและแต่ละคนไม่มีแหล่งที่จะสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของโรคได้ นอกจากนั้นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องของโรคระบาด แม้ว่าบอห์ลจะอ่านหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์มามาก ใช้เวลาไปหลายชั่วโมงเกี่ยวกับคำถามเหล่านั้นแต่ว่าการรักษาก็ยังคงเข้าใจยาก!

บอห์ลปฏิเสธความคิดที่ว่าการเจ็บป่วยคือการลงโทษจากพระเจ้าและการสาปแช่งต่อมนุษยชาติ แต่บอห์ลเชื่อว่าโรคเหล่านั้นเกิดจากร่างกายของมนุษย์เอง ดังนั้นตราบใดที่แหล่งที่มาของโรคไม่สามารถระบุได้มันก็ไม่สามารถรักษาได้ ในยุคนี้การวิจัยอยู่บนพื้นฐานของประสบการณ์และความรู้ที่สืบทอดกันมาและมักจะมีการวินิจฉัยผิดพลาดดังนั้นบอห์ลจึงยังหาทางออกที่ดีไม่ได้

ในเวลานี้อีกาสีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า บินรอบมาสตาสองสามรอบก่อนที่ค่อยๆไปยืนบนเสาธงที่บนสุดของหลังคาคลินิกของบอห์ล บอห์ลปิดคลินิกเตรียมตัวที่จะกลับบ้านหลังจากทำงานทั้งวันเมื่อเค้าเห็นอีกาแปลกๆจ้องมาที่เค้า มันมีดงงตาที่เฉียบแหลมและถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เหมือนกับดวงตาของมนุษย์ บอห์ลตัวสั่น

“ไปให้พ้นและอยู่ให้ห่างจากคลินิกของฉัน!”

อีกาเป็นสัญลักษณ์ของความตาย ในความเป็นจริงพวกมันถูกเรียกว่า ผู้ส่งสาห์นแห่งความตาย ในฐานะเจ้าของคลินิกบอห์ลรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับความเชื่อโชคลางเช่นนั้น อีกาเพิกเฉยต่อเค้าและยังจ้องมองต่อไป บอห์ลรู้สึกกวนใจและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

อีกาพูดกับตัวเอง “ใช่ นั่นแหละเค้า ในที่สุดฉันก็เจอเค้า ชายคนนี้ต้องเป็นบอห์ล คีเลโมแน่นอน!”

บอห์ลกลับบ้านและทำซุปมันฝรั่ง จากนั้นเค้าก็เริ่มอ่านหนังสือจากชั้นหนังสือของเค้าในขณะที่กำลังบันทึกอาการของผู้ป่วยของเค้าในแต่ละวัน บางครั้งโรคเดียวกันแต่มีอาการต่างกันใน๘ระที่โรคต่างๆจะมีอาการคล้ายกัน พวกเค้าต้องการการรักษาที่แตกต่างกัน บอห์ลคิดว่าสำหรับการรักษาของเค้าเค้าสามารถสร้างยาชูกำลังเพื่อรักษาอาการไอของโรคปอดได้

บอห์ลจดความคิดของเค้าในขณะที่กำลังอ่านหนังสือภายใต้แสงของตะเกียงน้ำมัน ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังรั่วๆที่ประตูบ้านของเค้า

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก!”

บอห์ลสวมแจ็ดเก็ตแล้วเดินไปที่ประตูและพูดว่า “ใคร? นี่ดึกแล้วนะมีอะไรรึเปล่า?”

ในเวลานั้นก็มีเสียงที่แปบลอยผ่านประตูมา “เปิดประตู ฉันเอาจดหมายมาส่ง!”

บอห์ลค่อนข้างรู้สึกงง จดหมาย? ใครจะเขียนจดหมายมาหาเค้า? เวลานี้มีบริการส่งจดหมายด้วยงั้นหรอ? บอห์ลเปิดประตู ลมหนาวพัดผ่านเข้ามา และบอห์ลตัวสั่นพร้อมมองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่เลย!

“เอ๊ะ ไม่มีใครเลยนี่!”

“ฉันอยู่ตรงนี้ ตาคุณออกจะโตแต่คุณไม่เห็นฉันงั้นหรอ?”

บอห์ลก้มมองและเห็นว่าเสียงนั้นมาจากอีกาแปลกๆซึ่งเป็นกาตัวเดียวกันกับที่อยู่บนหลังคาคลินิกของเค้า! บอห์ลอ้าปากค้าง!

“ปัง!”

บอห์ลปิดประตูทันที เค้าเหงื่อแตกและยืนพิงอยู่ที่ประตู “แด่มาเรีย เมื่อกี้ฉันเห็นอะไร? อีกาพูดได้!”