บทที่ 2 ช่วยสาวสวย

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 2 ช่วยสาวสวย

Royal Club

ตระกูลมู่ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีก็สามารถหาพิกัดได้ว่าเจียงหว่านกำลังมุ่งหน้าไปที่ใด

Royal Club ถือเป็นคลับส่วนตัวชั้นสูงที่ดีที่สุดในเมืองเจียงหนาน ผู้คนที่เข้าออกที่นั่นต่างเป็นพวกมหาเศรษฐี มู่เซิ่งไม่แน่ใจว่าเจียงหว่านไปที่นั่นตอนดึกๆ ด้วยเหตุผลอะไรกันแน่ แต่เขายังคงเดินผ่ามยามหน้าประตูด้วยสีหน้าดูถูก

เมื่อเห็นเจียงหว่านในกลุ่มคนบนชั้นสามของคลับ มู่เซิ่งก็หยุดมอง

“ยังเคลียร์ไม่เสร็จอีกเหรอ?”

“ใช่ครับ พี่หว่าน ไม่ว่าเราจะพูดยังไง ทางนั้นจะบอกกลับมาเสมอว่ามีวัสดุไม่พอ ต้องรออีกหนึ่งเดือน ถึงเวลานั้นคงจะสายเกินไปแล้วครับ” หลิงเยียนหรานกล่าวอย่างลำบากใจ “พวกเขายังบอกอีกว่าถ้าพี่ไม่ไปด้วยตัวเองก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้กันอีก”

“ผมเชิญคุณไปตั้งสามครั้งแล้วนะครับ ประธานเจียง ในที่สุดคุณก็ยินดีมาสักที”

ชายหนุ่มในชุดสูทหน้าประตูพูดอย่างร่าเริง “เจ้านายของเรารอยู่ในห้องวีไอพีด้านในแล้วครับ”

“จางอวี่ เลิกพูดจาคลุมเครือแบบนั้นสักที ฉันตรวจสอบแล้ว บริษัทของพวกคุณไม่ได้ขาดแคลนวัสดุ อย่าลืมละกันว่าสัญญาที่ฉันเซ็นกับบริษัทของคุณยังอยู่ในมือของฉัน!” เจียงหว่านกวาดตามองอย่างเย็นชาและพูดเสียงดัง

“ฮ่าๆ ๆ ผมรู้ครับเจ้านายของเราบอกว่าเขายินดีที่จะจ่ายค่าเสียหายให้พวกคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม “แต่ผมก็ไม่แน่ใจนะว่าหากเปรียบเทียนค่าเสียหายของบริษัทมู่หรานแล้ว อันไหนจะเยอะว่ากัน”

“นี่คุณ…” ใบหน้าเจียงหว่านเปลี่ยนเป็นซีดทันที

บริษัทมู่หรานจัดว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในเมืองเจียงหนาน เธอได้รับโอกาสในการร่วมมือ หากเธอผิดสัญญาในเวลานี้ ผลที่ตามมาจะเลวร้ายเป็นอย่างมาก!

“ลองคิดดูแล้วกันนะครับ” ชายหนุ่มยิ้มพลางมองไปที่เจียงหว่าน ดูเหมือนพอใจกับการแสดงออกที่โกรธจัดบนใบหน้าของอีกฝ่าย

เมื่อกวาดสายตากลับไปหามู่เซิ่ง เขาก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วและพูดอย่างดูถูก ว่า “ทำไมคราวนี้คุณถึงพาสามีไร้ประโยชน์แบบนั้นมาด้วยล่ะ?”

มู่เซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยและสบตากับชายหนุ่ม

“นี่นายมาทำอะไรที่นี่!”

เจียงหว่านมองตามไป เมื่อเห็นมู่เซิ่ง เธอก็โกรธเช่นกัน ปกติพ่อของเธอเป็นคนดี แต่คราวนี้ ทำไมเขาถึงตาบอดและปล่อยให้เธอแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้นะ!

ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ก็อยู่บ้านไป ทำไมต้องออกมาข้างนอกให้ขายขี้หน้าคนอื่นแบบนี้ด้วย

“ผมเป็นห่วงคุณน่ะสิ ก็เลยออกมาดูหน่อย”

มู่เซิ่งตอบตามความจริง

“เป็นห่วงแล้วจะมีประโยชน์อะไร? อย่ามาสร้างปัญหาให้ฉันที่นี่ กลับไปซะ!”

เจียงหว่านพูดจาดูถูกเหยียดหยามและระบายความคับข้องใจทั้งหมดที่อยู่ในใจของเธอต่อมู่เซิ่ง

อีกฝ่ายถอนหายใจ

แค่ 2 เดือน… อีก 2 เดือนเท่านั้นการแต่งงานที่ไร้สาระนี้จะจบลง

ตอนแรกเขากำลังคิดอยู่ว่าจะให้ตระกูลมู่มาช่วยเธอดีหรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่าทีของสองแม่ลูก ความเห็นอกเห็นใจของมู่เซิ่งก็หายไปในทันที

บรรยากาศในห้องวีไอพีดูคลุมเครือยิ่งนัก มีแชมเปญ 10 ขวดวางเรียงกันเป็นแถวๆโดยกำลังเปล่งประกายแวววาวสีทองอร่าม

หวังกุ้ยประธานบริษัทหลงกุ้ยกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา ทันทีที่เขาเห็นเจียงหว่านเดินเข้าไป เขาก็ลุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม “ประธานเจียง ในที่สุดคุณก็มาสักที”

“เลิกพูดอะไรไร้สาระสักทีเถอะค่ะ” เจียงหว่านปัดบมือของหวังกุ้ยออกและพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา “หวังกุ้ย คุณต้องการเงินเพิ่มอีกเท่าไร ถึงจะจัดหาวัสดุให้ฉันต่อได้”

“คุณเจียง อย่าเพิ่งโกรธสิครับ มา ดื่มไวน์แก้วนี้ก่อน” หวังกุ้ยชี้ไปที่โต๊ะ

“ได้ค่ะ”

เจียงหว่านหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาและดื่มมัน

“ดี ๆ ประธานเจียงช่างกล้าหาญจริงๆ” หวังกุ้ยหัวเราะและพูดต่อว่า “ถ้าประธานเจียงเต็มใจที่จะอยู่กับผมหนึ่งคืน อย่าว่าแต่เพิ่มเงินเลย ผมจะให้วัสดุพวกนั้นกับคุณฟรีๆ เลยก็ได้”

“แต่… ถ้าคุณไม่เห็นด้วย งั้นก็คงโชคร้ายแล้วนะครับ ผมเพิ่งถามเพื่อนเก่าสองสามคนที่ทำงานเกี่ยวกับบริษัทวัสดุ พวกเขาบอกว่าไม่มีสต๊อกเหลือเลย” หวังกุ้ยมองเจียงหว่านอย่างเจ้าเล่ห์ คำพูดของเขาเป็นการขุ่มขู่อย่งเปิดเผย

เมื่อได้ยินคำขอแบบนั้น เจียงหว่านก็โกรธทันที “หวังกุ้ย ฝันไปเถอะ ต่อให้บริษัทจะล้มละลายจริงๆ ฉันก็จะไม่ตอบตกลงกับคำขอแบบนี้!”

“ไม่ตอบตกลง… คุณคิดว่ายังมีทางเลือกอื่นอยู่อีกเหรอ?” การแสดงออกของหวังกุ้ยกลายเป็นเย็นชาทันที

คนที่ยืนอยู่ในห้องเข้าใจโดยปริยาย เขาเดินออกจากห้องแล้วล็อกประตู

“คุณจะทำอะไร?”

เจียงหว่านถอยกลับ ไม่ว่ายังไงเธอก็แค่เป็นผู้หญิง หลังจากเห็นการกระทำของพวกเขา เธอก็รู้สึกกลัวทันที

แต่ทันทีที่เธอก้าวถอยหลัง หวังกุ้ยคว้าข้อมือของเธอ “ผมอยากจะลองวัดคุณดุสักหน่อยน่ะสิ”

ดวงตาของหวังกุ้ยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในที่สุด…

หลังจากที่เขาเสียเวลาและเสียเงินให้กับเจียงมู่หลงตระกูลเจียง เพื่อหลอกล่อให้เจียงหว่านติดกับ แล้วตอนนี้เขาจะไม่รู้สึกตื่นเต้นได้ยังไง

เมื่อถูกหวังกุ้ยกดลงบนโซฟา เจียงหว่านก็ตกใจ เธอไม่เคยถูกบังคับเช่นนี้มาก่อน เธอนั่งนิ่งมองใบหน้าที่ใกล้เข้ามาและหลับตาลง

“เธอเป็นภรรยาของผม ทางที่ดีควรอยู่ห่างจากเธอ”

การกระทำที่เธอคาดหวังไม่ได้เกิดขึ้นจริง เจียงหว่านที่กำลังตกอยู่ในความงุงงง ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้น

มู่เซิ่ง? เธอไล่เขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ?

เจียงหว่านลืมตาขึ้น เธอเห็นสิบนิ้วของมู่เซิ่งจับแขนของหวังกุ้ยไว้แน่น แม้ว่าใบหน้าของอีกฝ่ายจะแดงระเรื่อ แต่เขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย

เจียงหว่านไม่คิดมาก่อนว่าคนขี้ขลาดไร้ประโยชน์อย่างเขาจะยืนอยู่ที่นี่ในเวลานี้

“หึ นายคือแมงดาจากตระกูลเจียงเหรอ?” หวังกุ้ยเยาะเย้ย “กล้าสู้กับฉันไหมล่ะ? ฉันจะให้โอกาสนาย คุกเข่าลงซะ กราบฉันสามครั้งและออกไป ฉันจะทำเหมือนว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!”

มู่เซิ่งเงียบ ดวงตาของเขามองไปที่หวังกุ้ยอย่างเฉยเมย

“นั่นใช่…มู่เซิ่งหรือเปล่า?”

เจียงหว่านพึมพำในใจ เธอรู้สึกว่าชายตรงหน้าแข็งแกร่งอย่างน่ากลัว แตกต่างจากชายเสียงทุ้มที่บ้านอย่างสิ้นเชิง

ข้อมือของหวังกุ้ยเริ่มเจ็บมากจนทนไม่ได้ ใบหน้าของเขาดุร้ายมากขึ้น

“ไอ้คนไร้ประโยชน์ แกกำลังรนหาที่ตาย!”

เขาลงมือทันที แต่พบว่าตัวเองลอยกำลังอยู่

เท้าทั้งสองข้างลอยขึ้นและถูกเหวี่ยงไปข้างหลังอย่างแรง

“คนอย่างนายดีพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันเหรอ?”

มู่เซิ่งเยาะเย้ย

ทันทีที่คำพูดนั้นหายไป ชายอ้วนที่มีน้ำหนัก 200 ปอนด์ก็กระเด็นออกไปกระแทกผนังห้อง!

นี่ต้องใช้พลังมหาศาลแค่ไหน?

“ปัง!”

ลูกน้องที่ได้ยินเสียงดังจึงรีบเข้าไปข้างในทันที เมื่อเห็นเหตุการณ์ในห้อง พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตะลึง

ไม่มีใครคาดคิดว่าในช่วงเวลาวิกฤติ มู่เซิ่งจะลุกขึ้นยืน

มู่เซิ่งก็แค่คนไร้ประโยชน์ในลานตาพวกเขาเท่านั้น!

บ้าไปแล้วหรือไง?

เขากล้าโจมตีเจ้านายของบริษัทหลงกุ้ยงั้นเหรอ?

“รนหาที่ตาย!”

“ไม่คิดเลยว่าแกจะยังอยู่ที่นี่อีก!”

“ฆ่ามัน!”

ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายคนหยิบอาวุธออกมาและรวมกลุ่มกัน

ลูกน้องคนหนึ่งรีบวิ่งไปด้านหน้า จับท่อเหล็กในมือให้มั่นและเล็งไปที่หัวของมู่เซิ่ง

ถ้าตีโดน…

หัวของมู่เซิ่งจะต้องระเบิดเหมือนลูกแตงโมอย่างแน่นอน