“ลมฤดูใบไม้ผลิพัดที่ริมฝั่งต้นหลิว ข้าขับรถม้าไปหายาสรรพคุณ ข้าไม่รู้ใบหน้าแท้จริงของผู้อาวุโส เพราะตาสุนัขนั้นต่ำเกินไป!’

บนถนนกว้าง ชายหนุ่มขับร้องขณะขับรถม้า ถ้ามีคนจากตระกูลฉีผ่านมา พวกเขาต้องแปลกใจว่ารถม้านี้เป็นของตระกูลซ่งไม่ใช่หรือ?

และชายหนุ่มที่ขับรถม้ากลับเป็นซ่งอวี่?เขาตายเหมือนเราไม่ใช่เหรอ?ทำไมเขาถึงยังมีชีวิต?

แต่ทว่า ถ้าเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายบนมุมปากชายหนุ่ม พวกเขาจะกลัวจนอยากหันหน้าหนี เป็นความกลัวที่แม้แต่ภูตผีก็ไม่สามารถทำได้

พวกเขาคุ้นเคยกับรอยยิ้มนั้น มันคือรอยยิ้มของปีศาจที่กวาดล้างตระกูลพวกเขา

ซู่!

ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็กระตุกบังเหียน หยุดรถม้า และแหงนมอง เขาเห็นหอคอยสูงที่ตั้งตระหง่านห่างไปร้อยกว่าเมตร มีคำสามคำสลักอยู่ตรงกลาง เมืองฮัวอวี่!

“ในที่สุเข้าก็มาถึง ข้าหวังว่าข้าจะหายาดี ๆ กลับไปได้ ข้าจะได้ไม่มาเสียเที่ยว”ชายหนุ่มสูดหายใจลึก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยและกำลังจะเดินหน้าต่อ

ทันใดนั้น เสียงตะโกนก็ดังขึ้น”หยุด!”

ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างห้าหรือหกร่างก็โผล่จากที่ไหนไม่รู้ ล้อมชายหนุ่มไว้ ชายหนุ่มกวาดมองและเลิกคิ้ว”โหยวหมิงกู่?”

“โอ้ ตาดี เจ้ารู้ได้ยังไง?”คนที่เป็นหัวหน้ามองชายหนุ่มและอดอุทานไม่ได้”เจ้าควรเป็นคุณชายของตระกูล แจ้งชื่อมา”

ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพักและพูดอย่างกังขา”นี่คือเมืองฮัวอวี่ ถ้าอยากถาม คนของหอคอยฮัวอวี่ก็ควนมา มัน..”

“หุบปาก!”

ชายหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ตะโกนเสียงแหบแล้ว”เร็ว รีบบอกข้ามา ไม่งั้นอย่าตำหนิที่เรารุนแรง ถ้าไม่ใช่เพราะนี่คือหอคอยฮัวอวี่ บิดาผู้นี้คงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว”

ชายหนุ่มขมวดคิ้ว และจิตสังหารในดวงตาก็ไหววูบ แต่ก็โดนระงับไว้”ข้าตระกูลซ่งแห่งเย่อวี่ มาเพื่อเข้าร่วมงานไป่ตานตามคำสั่งของบิดาข้า นี่คือตราประจำตระกูลข้า”

จากนั้น ชายหนุ่มก็นำตราหยกขาวออกมาและแสดง ชายคนนั้นเพ่งมอง ตรวจสอบและพยักหน้าเล็กน้อย คนอื่นเดินไปในรถม้า พยักหน้าหลังมั่นใจว่าไม่มีปัญหา

“ดี ไปได้ แต่ถ้าเจ้าเห็นคนคนนี้ จงบอกให้เรารู้ทันที”

เขาเหลือบมองชายหนุ่ม นำกระดาษออกมา และแปะบนหน้าอกชายหนุ่ม จากนั้นก็จากไป ชายหนุ่มรอให้พวกเขาเดินไปก่อนหยิบกระดาษขึ้นมา แต่ก็พลันหัวเราะ

สิ่งที่เขียนลงบนกระดาษคือคำสั่งไล่ล่าของโหยวหมิงกู่ให้จับจั๋วฝาน มันยังวาดหน้าตาของเขา ตามด้วยรางวัล ใครก็ตามที่ให้เบาะแสจะได้กลายเป็นตระกูลเครือของโหยวหมิงกู่ทันที คนที่ได้หัวจั๋วฝานจะกลายเป็นตระกูลเครืออันดับหนึ่ง ได้เพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษอยู่ใต้หนึ่งตระกูล แต่เหนือกว่าตระกูลนับหมื่น

“หึ พวกตาสุนัข ข้าอยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แต่กลับไม่รู้”ชายหนุ่มอดแค่นเสียงไม่ได้ ขยำกระดาษ โยนทิ้ง ขับรถม้าไปข้างหน้าต่อ

ใช่แล้ว ชายหนุ่มก็คือจั๋วฝาน!

หลังศึกตระกูลฉี เขาก็รู้ว่าเขากลายเป็นเป้าหมายของทั้งจักรวรรดิเทยนอวี่ เขาจึงหลอมเม็ดยาปลอมแปลงขึ้นมา และมาเมืองฮัวอวี่ในฐานะซ่งอวี่

ในมือหนึ่ง เขาสามารถสะสมสมบัติได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องโดนตระกูลอื่คุกคาม ในมือหนึ่ง ด้วยตัวตนของตระกูลซ่งเป็นฉากกำบัง เขาจึงไม่ต้องกลัวว่าคนของโหยวหมิงกู่จะมาสร้างปัญหา

แบบนี้ จั๋วฝานจึงขับรถม้าโทรมๆเข้าเมืองอย่างสบายใจ

และเมืองฮัวอวี่นี้ก็สมกับเป็นสาขาหลักของเจ็ดตระกูลใหญ่ แม้กระทั่งขนาดของเมืองนี้ก็ยังใหญ่กว่าเมืองอื่นเป็นสิบเท่า

สำหรับเมืองเนตรสายลมที่ตระกูลลั่วตั้งอยู่กับเมืองชิงหมิง เทียบกับที่นี่แล้ว มันเหมือนหมู่บ้านขนาดเล็ก โดยเฉพาะผู้คนที่นี่ แค่สุ่มหยิบหินข้างถนนมาปาเล่น มันอาจเป็นคุณชายตระกูลระดับสองหรือคุณหนูตระกูลระดับหนึ่ง แม้กระทั่งผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลระดับสาม

คนที่แต่งตัวเป็นนายน้อยของตระกูลระดับสามอย่างจั๋วฝานไม่ต่างอะไรกับขอทานที่นี่

ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย จั๋วฝานสะบัดแส้ม้าและเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย เขาอยากหาโรงเตี๊ยมใหเร็ว ไม่งั้นเขาคงเหมือนคนจร

ตอนแรก เขาคิดว่าการแกล้งเป็นซ่งอวี่ธรรมดามากแล้ว แต่ตอนี้เขามาที่นี่ เขาตระหนักว่าเขาดูสงสัย คนของตระกูลระดับสามหาได้ยากมากที่นี่ และพวกฝูงชนก็คือคนจากตระกูลระดับสองกับหนึ่ง

มันกลายเป็นว่าไม่ใช่แค่โดดเด่น แต่ยังน่าสงสัยอีกด้วย!

ฮ่า!

จั๋วฝานสะบัดแส้ม้าและขับเข้าถนน เจอกับสายตาที่หรี่ลงของทุกคน สุดท้าย เขาก็พบโรงเตี๊ยม หยุดและรีบเดินเข้าไป

“เถ้าแก่ มีห้องว่างไหม?’

เถ้าแก่ยกตาข้างหนึ่งขึ้นเล็กน้อย มองเขาขึ้นลงสักพัก จากนั้นก็ลดเปลือกตาและนับเงินต่อ ไม่สนใจเลย

เห้ย…พวกหมาแก่ดูถูกคน!

จั๋วฝานโกรธขึ้นมา เขารีบเดินเข้าไปใกล้ ทุบโต๊ะและคำราม”มีห้องว่างไหม??ข้าสามารถจ่ายได้”

เขายกเปลือกตาขึ้นอีก มองจั๋วฝาน ดวงตาของเขาสงบมากและเขาก็พูด”เอาตราประจำตระกูลออกมา”

จั๋วฝานอดหยุดไปเล็กน้อยไม่ได้ กฏอะไรกัน?แต่ทว่า เขาก็นำตราของซ่งอวี่ออกมา

เถ้าแก่มองมันและขดปากอย่างดูถูก”ตระกูลซ่ง ตระกูลระดับสาม”

“ตระกูลระดับสามแล้วผิดอะไร เจ้าแค่เปิดโรงเตี๊ยมเพื่อรับหินปราณไม่ใช่รึ?”

เถ้าแก่ส่ายหัว ตบไหล่จั๋วฝานเหมือนชายชราที่ฉลาด ยื่นมือออกไปและชี้ไปข้างหน้า”พ่อหนุ่ม เดินตรงไปทางนี้ มีบ้านหลังคากระเบื้องโทรม ๆ อยู่ห่างไปสามกิโลเมตร เจ้าสามารถพักที่นั่นได้โดยไม่ต้องเสียเงิน!’

จั๋วฝานผงะ กะพริบตา จากนั้นก็จ้องเถ้าแก่ด้วยความโกรธ และกัดฟัน”เถ้าแก่ นั่นมันสลัม ต่อให้เราจะเป็นตระกูลระดับสาม แต่ตอนเราเข้าโรงเตี๊ยมท่าน เราก็คือแขก”

เถ้าแก่จ้องเขา ถอนหายใจ ส่ายหัวและหยุดมองเขา จั๋วฝานอดตัวแข็งอีกครั้งไม่ได้ เถ้าแก่เป็นอะไร?

แต่ททว่า ตอนนี้ เสียงหัวเราะกลับดังขึ้น

“ฮ่าๆๆ…ซ่งอวี่ เจ้านี่สมกับเป็นเสือดาวจริง ๆ ไม่เข้าใจแม้กระทั่งกฏของเมืองฮัวอวี่ แต่กล้าเสนอหน้ามางานไป่ตาน?”

พอได้ยิน จั๋วฝานก็อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ มีใครในสถานที่นี้รู้จักซ่งอวี่ด้วย?

แต่ทว่า เขายังแสร้งทำเป็นสงบและหันหน้าไป

เขาเห็นนายน้อยคนหนึ่งเดินลงมาจากห้องใต้หลังคาช้า ๆ และผู้อาวุโสสี่คนก็เดินตามมา ทั้งหมดคือยอดฝีมือหลอมกระดูก และตัวเขาก็เป็นยอดฝีมือหลอมกระดูกขั้นห้า

ทางขวามือของเขา เด็กสาวดูดี ไม่สวย แต่กลับมีเสน่ห์มากจ้องมองจั๋วฝานอย่างดูถูก

ดวงตาของจั๋วฝานหรี่ตา หัวใจของเขากระตุกและก่นด่าอย่างหน้าด้านในใจ”เด็กนี่สมควรตายจริง ๆ หลังใช้เวลาครึ่งเดือนกับบิดา เขากลับไม่บอกบิดาด้วยซ้ำว่าเขามีคนรู้จักที่นี่”

ถ้าซ่งอวี่ที่ตายไปได้ยิน เขาต้องสะดุ้งแน่ๆ

พี่ชาย เจ้าฆ่าข้า และยังด่าข้าในใจอีก ข้าคือคนที่ตาย แต่ยังโดนก่นด่าทั้งทั้งที่ตายไปแล้ว ข้าเป็นหนี้อะไรเจ้า?มีเรื่องแบบนี้ในโลกด้วยหรือ?

แต่โชคดี ตอนชายหนุ่มเห็นใบหน้าประหม่าของจั๋วฝาน เขากลับไม่สงสัย ราวกับเขาควรทำตัวแบบนี้และหัวเราะลั่นออกมา”ฮ่าๆๆ…เจ้าหนู เจ้ายังขี้กลัวเหมือนเดิม ไม่แปลกใจที่น้องสาวข้าจะดูถูกเจ้า”

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา เด็กสาวข้างชายหนุ่มก็อดแค่นเสียงไม่ได้

จั๋วฝานเลียริมฝีปากแห้งและพูดอย่างอับอาย”เอ่อ..สิ่งที่พี่ชายพูดนั้นเป็นจริง ข้าเดาว่าท่านคงไม่อยากเห็นหน้าข้า งั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”

“หยุดก่อน!’

แต่ทว่า ตอนจั๋วฝานกำลังจะหนี อีกฝ่ายกลับหยุดเขาไว้ด้วยความสงสัยบนหน้า”แปลก ทำไมวันนี้เจ้าทำตัวผิดปกติ พี่ชายอะไร ทำไมเจ้าถึงเรียกข้าแบบนั้น?”

จั๋วฝานกรีดร้องออกมาในใจ เมื่อตัวตนของเขาโดนเปิดโปง คนของโหยวหมิงกู่จะไล่ตามมา แล้วเขาจะเข้าร่วมงานไป่ตานได้เยี่ยงไร?

พอคิดเช่นนี้ จั๋วฝานก็กัดฟันและอยากหักคอเด็กนี่ซะเดี๋ยวนี้

“โอ้ ใช่แล้ว”ทันใดนั้น อีกฝ่ายก็พยักหน้า”เจ้ายังคงบ่นเรื่องที่ว่านเอ๋อร์ปฏิเสธงานแต่งกับเจ้าในวันนั้นสินะ?ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะยึดติดกับมันขนาดนี้”

ดวงตาของจั๋วฝานสว่างวาบและหัวใจก็ลิงโลด ราวกับเขาพบฟางช่วยชีวิต เขาร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น นี่คือเบาะแสสำคัญ

ใบหน้าของเขาตึงขึ้นมาทันที แกล้งทำเป็นโกรธ”หึ ข้ารู้แล้ว!ตั้งแต่วันนี้ไป ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีอยู่!จากนี้ไป เราอย่ามาเจอหน้ากันอีกเลย”

“เห้ นี่เป็นความผิดของเจ้า ทำไมเจ้าถึงนับข้าเข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างเจ้ากับน้องสาวข้าด้วย?”

ชายหนุ่มถอนหายใจ ส่ายหัวและจากนั้นก็ขยิบตาให้จั๋วฝานแบบที่ผู้ชายเข้าใจกัน”อย่าลืม เราเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน เราผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน…ฮี่ๆๆๆ”

ตอนนี้เอง จั๋วฝานถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้

ดูจากเสื้อผ้าของเด็กนี่ เขาต้องเป็นบุตรชายตระกูลระดับสองเป็นอย่างน้อย เขามาเป็นเพื่อนกับซ่งอวี่ได้ยังไง

แต่แบบนี้ เรื่องราวก็จะยิ่งจัดการได้ง่ายขึ้น

พอเห็นการขยิบตานั่น จั๋วฝานก็อดเผยแสดงสีหน้าลามกออกมาไม่ได้”เห้ เห้…วีรบุรุษย่อมไม่พูดถึงเรื่องกล้าหาญ ณ ตอนนั้น เจ้าไม่ดีเท่าข้าในเรื่องแบบนี้หรอก!’

“อะไร เห็นได้ชัดว่าข้าดีกว่าเจ้า อย่าลืม ข้าทนได้ถึงแปด..ส่วนเจ้าแค่ห้าเท่านั้น…”ชายคนนั้นทำท่าเยาะเย้ยต่อหน้าจั๋วฝาน ถ้าเขาไม่มีน้องสาวอยู่ด้วย เขาต้องพูดอะไรที่พิเศษขึ้นมาแน่”อา สามวันสามคืนนั้นช่างยาวนานเสียจริง”

พอเห็นใบหน้ามีความสุขของคนคนนั้น จั๋วฝานก็แสดงออกเช่นเดียวกับเขา ราวกับมันเหมือนที่เขาคิด มีแค่เด็กสาวที่มองทั้งสองด้วยแววตารังเกียจ”น่าขยะแขยง!’

ทันทีที่สิ้นเสียง เด็กสาวก็เดินออกโรงเตี๊ยมไปด้วยใบหน้าเย็นชา มีแค่ตัวลามกสองคนที่ยืนอยู่ด้วยรอยยิ้มลามกบนหน้า