ตอนที่ 40 อยู่ ๆ ก็เงียบเหงา

ตอนที่ 40 อยู่ ๆ ก็เงียบเหงา

เฝิงจื้อหมิงได้ยินสิ่งที่เย่เสี่ยวเหอเอ่ย สีหน้าของเขาจึงยับยู่น่าเกลียดมากขึ้น

“เสี่ยวเหอ เธอกับฉันเราแต่งงานกันแล้ว ถ้าเธอไม่ไปกับฉันแล้วจะไปอยู่กับใคร ถึงยังไงวันนี้เธอก็ต้องไปกับฉันถึงจะไม่อยากก็ตาม”

เมื่อได้ยินคำพูดไม่เกรงใจของเฝิงจื้อหมิง สีหน้าของเย่เสี่ยวเหอก็เคร่งขรึมลงทันที

“เฝิงจื้อหมิง ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่บ้าน นายรีบไสหัวออกไปเลย”

เฝิงจื้อหมิงได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็มืดมนลงอีกครั้ง

แม่ของเฝิงจื้อหมิงมากับลูกชายของหล่อนด้วย เมื่อเห็นเย่เสี่ยวเหอทำตัวหยาบคายต่อลูกชายของตน จึงรู้สึกทนไม่ไหว ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากเย่เสี่ยวเหอออกมา

สุดท้าย ผู้ใหย่บ้านเย่ต้าหย่งก็ได้ห้ามปรามเอาไว้ “พอแล้ว หยุดได้แล้ว” เมื่อเอ่ยจบ เขาก็หันมองเฝิงจื้อหมิงพลางเอ่ยถาม “จื้อหมิง แกได้ไปทำงานที่มณฑลซานซีจริงหรือ?”

เฝิงจื้อหมิงพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ “ใช่ครับพ่อ ต่อไปผมจะเป็นคนงานเหมืองแล้ว จะมีเงินเดือนทุกเดือน ผมจะทำให้ชีวิตของเสี่ยวเหอดียิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ เลยครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เย่ต้าหย่งก็รู้สึกมีความสุขอยู่ในใจลึก ๆ

เดิมทีเขาไม่ค่อยพอใจกับการแต่งงานของลูกสาวตนมากนัก นึกไม่ถึงว่าเฝิงจื้อหมิงจะเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที กลายเป็นว่าได้เป็นคนงานเหมือง ซึ่งดีกว่าการเป็นชาวไร่ชาวนามากนัก

แต่เขาก็ยังสงสัยว่าอยู่ ๆ เฝิงจื้อหมิงได้งานทำได้อย่างไร

คุณแม่เฝิงได้ยินเช่นนั้น จึงเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนว่าตระกูลเฝิงของพวกเราก็ต้องแข่งขันจนได้งานนี้มา เหอะ…ดังนั้นการที่เฝิงจื้อหมิงได้แต่งงานกับลูกสาวของพวกคุณถือเป็นโชคของเย่เสี่ยวเหอแล้ว แต่หล่อนก็ยังมาทำตัวแบบนี้ใส่ฉัน ถ้าลูกชายของฉันไม่ได้รักลูกสาวของพวกคุณจริง ฉันเองก็ไม่อยากได้ลูกสะใภ้แบบนี้หรอก”

ภรรยาผู้ใหญ่บ้านได้ยินเช่นนั้น สีหน้าจึงยับยู่ดูน่าเกลียดทันที

“เสี่ยวเหอของพวกเราเป็นเด็กดี ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายคุณ เสี่ยวเหอคงได้คู่ครองที่ดีกว่านี้แล้ว”

แต่มันสายเกินไปแล้วที่จะพูดในตอนนี้

เมื่อเห็นว่าทั้งสองครอบครัวกำลังจะเปิดศึกกันอีกครั้ง เย่ต้าหย่งจึงพูดกับภรรยาทันที “พอแล้ว ขอฉันพูดอะไรสักหน่อย รีบไปเก็บข้าวของให้เสี่ยวเหอไป พวกเขาจะได้ออกเดินทางกัน”

“พ่อ…พ่ออยากให้หนูไปเหรอ?”

เย่เสี่ยวเหอมองพ่อของตนอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง เดิมทีหล่อนคิดว่าเพียงแค่จดทะเบียนสมรสกับเฝิงจื้อหมิงก็เป็นอันจบ ไม่ได้คาดหวังว่าวันนี้จะมีเรื่อง ให้หล่อนต้องไปมณฑลซานซีกับเฝิงจื้อหมิง

แต่ทำอย่างไรได้เล่า มณฑลซานซีอยู่ห่างไกลมาก อีกทั้งหล่อนเองก็ไม่คุ้นเคย หล่อนจึงไม่อยากไปเลยสักนิด

แล้วการที่เฝิงจื้อหมิงได้เป็นคนงานเหมือง หากเขามีความสามารถจริง ทำไมถึงไม่ไปสมัครงานเป็นคนงานในเมืองแล้วรับงานนั้นแทน เหตุใดจะต้องเดินทางไกลไปถึงมณฑลซานซีด้วย

แต่ถึงอย่างนั้น เย่ต้าหย่งก็ไม่ให้โอกาสลูกสาวของตนได้เอ่ยปฎิเสธ

“แกแต่งงานแล้ว ต่อจากนี้ไปก็เป็นคนของตระกูลเฝิง ดังนั้นแกจะอยู่ที่บ้านไม่ได้ วันนี้ก็แค่ตามเฝิงจื้อหมิงไปซะ”

ภรรยาผู้ใหญ่บ้านมองหน้าลูกสาวด้วยความสิ้นหวัง รู้สึกทนไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น สามีของตนก็หันกลับมาจ้องมอง จึงทำได้เพียงยอมเดินไปเก็บข้าวของอย่างเงียบ ๆ

สัมภาระของลูกสาวไม่ได้มีมากมาย ไม่มีอะไรต้องเอาไปนอกเสื้อผ้า จึงจัดเสร็จเรียบร้อยในเวลาอันรวดเร็ว

เย่ต้าหย่งเห็นดังนั้น จึงหันมองเย่เสี่ยวเหออีกครั้งก่อนจะเอ่ยว่า “เอาเถอะ แกรีบไปเสีย”

“ไม่ หนูไม่อยากไป”

เย่เสี่ยวเหอไม่ยินยอมที่จะไป และในตอนนั้นเอง หล่อนก็ได้เห็นฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่มาด้วยกัน

เมื่อเห็นฉินมู่หลานยืนอยู่ใกล้เซี่ยเจ๋อหลี่ หล่อนก็ครุ่นคิดถึงสาเหตุที่ต้องมาลงเอยแต่งงานกับเฝิงจื้อหมิงอีกครั้ง นอกจากนี้ยังต้องออกเดินทางไกลไปถึงมณฑลซานซี คิดแล้วก็รู้สึกใจสลายในทันที

ความเกลียดชังในครั้งเก่าและครั้งใหม่สุมรวมกัน เย่เสี่ยวเหอก็รีบวิ่งตรงไปหาฉินมู่หลานด้วยใบหน้าดุร้าย

แต่เฝิงจื้อหมิงคว้าจับตัวเย่เสี่ยวเหอเอาไว้อย่างรวดเร็ว พลางเอ่ยกระซิบว่า “เสี่ยวเหอ เธอใจเย็นหน่อยสิ เธอยังอยากเสียไปมากกว่านี้อีกเหรอ”

เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เฝิงจื้อหมิงก็รู้สึกกลัวฉินมู่หลานขึ้นมา ผู้หญิงคนนี้ช่างชั่วช้านัก ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าหากไม่เข้าไปยุ่งด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยเจ๋อหลี่ก็อยู่ใกล้ ๆ พวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซี่ยเจ๋อหลี่หรอก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่เสี่ยวเหอได้ยินเช่นนั้น จึงดิ้นรนมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็หันมองเฝิงจื้อหมิงก่อนจะเอ่ยพูดจาดูถูกเหยียดหยามใส่ “ทำไม ตอนนี้นายกลัวแม้กระทั่งนังผู้หญิงนั่นเหรอ”

ไม่รอให้เฝิงจื้อหมิงเอ่ยพูดสิ่งใด คุณแม่เฝิงก็ก้าวเดินขึ้นไป พลางคว้ากระชากผมของเย่เสี่ยวเหอ

“ทำไมช่างดื้อรั้นขนาดนี้นะ อยู่ต่อหน้าลูกชายของฉันแท้ ๆ กล้าดียังไง”

ทุกคนรอบตัวเริ่มส่งเสียงโหวกเหวกเมื่อเห็นพวกเขาเริ่มสู้กัน พลางเอ่ยตะโกนด้วยความตื่นเต้น บ้างก็ส่งเสียงเชียร์ จนท้ายที่สุดเย่ต้าหย่งต้องแยกพวกเขาห่างออกจากกันแล้วลงมือด้วยตัวเอง โดยการลากตัวลูกสาวไปที่ฝั่งบ้านตระกูลเฝิง

“ไม่…หนูไม่ไป”

แม้ว่าเย่เสี่ยวเหอจะเอ่ยตะโกนอย่างไร แต่ก็ไม่มีใครสนใจหล่อนเลยสักนิด เมื่อคนกลุ่มหนึ่งมาถึงบ้านตระกูลเฝิง ก็พบว่าตระกูลเฝิงเตรียมตัวเรียบร้อย พร้อมรอให้พวกเขาออกเดินทางแล้ว

หลังจากเย่ต้าหย่งส่งตัวลูกสาวของตนขึ้นเกวียนวันด้วยมือของตัวเอง เขาก็อยากยืนมองลูกสาวของตนจากไปพร้อมกับเฝิงจื้อหมิงด้วยตาของตัวเอง

เมื่อวานนี้ลูกสาวของเขาทำตัวน่าขายหน้ายิ่งนัก การให้หล่อนออกไปจากหมู่บ้านพร้อมกับเฝิงจื้อหมิงนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว รอนานกว่านี้อีกหน่อย ผู้คนก็จะลืมเลือนเรื่องนี้ไป ดังนั้นเขาจึงคิดเห็นว่าวิธีนี้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของตนจะคัดค้านอย่างรุนแรงเช่นนี้

แต่ไม่ว่าเย่เสี่ยวเหอจะต่อต้านหัวชนฝาสักแค่ไหน หล่อนก็ถูกตระกูลเฝิงพาออกเดินทางไปจนไกลแล้ว ภาพสุดท้ายก่อนจะจากไป เย่เสี่ยวเหอก็หันมองไปที่ฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ด้วยสายตามืดมน

เมื่อเห็นตระกูลเฝิงออกไป ผู้คนที่มารุมล้อมรับชมความตื่นเต้นก็เริ่มทยอยจากไปเช่นกัน

เซี่ยเจ๋อหลี่หันมองฉินมู่หลานพลางเอ่ยขึ้น “พวกเรากลับกันเถอะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าเห็นด้วย

เย่เสี่ยวเหอไปพร้อมกับเฝิงจื้อหมิงแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้เธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียที

เย่ต้าหย่งเดินนำหน้า เมื่อได้ยินทั้งสองพูดคุยกัน จึงหันไปมองพวกเขา ก่อนจะแอบหันหน้ากลับอย่างเงียบ ๆ เขารู้ว่าลูกสาวของตนชอบเซี่ยเจ๋อหลี่ แต่โชคชะตาก็เล่นตลก ตอนนี้ลูกสาวของเขาได้แต่งงานกับเฝิงจื้อหมิงแล้ว ทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว

เป็นเพราะเขาไม่รู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน มิเช่นนั้นอาจไม่ได้คิดเช่นนี้

หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่กลับมาถึงบ้านแล้ว เหยาจิ้งจือก็ได้เตรียมอาหารกลางวันเอาไว้เรียบร้อย

มื้อเที่ยงวันนี้ค่อนข้างอิ่มหนำสำราญมาก ส่วนใหญ่จะให้เซี่ยเจ๋อหลี่รับประทาน

เซี่ยเหวินปิงเอ่ยกับลูกชายอย่างลำบากใจ ว่าให้เขาไปทำงานอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องที่บ้าน

หลังกินอาหารเสร็จ เหยาจิ้งจือก็เตือนอย่างระมัดระวังเช่นกัน “ออกไปทำงานข้างนอกก็ระวังตัวด้วยนะ”

“ไม่ต้องห่วงครับแม่ ผมเข้าใจดี”

หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กล่าวอำลากับครอบครัวแล้ว ก็รับของที่เตรียมไว้แล้วจากไป

ฉินมู่หลานเดินไปส่งเซี่ยเจ๋อหลี่ตรงหน้าประตู “เดินทางปลอดภัย ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”

เซี่ยเจ๋อหลี่เห็นว่าฉินมู่หลานเป็นห่วงเป็นใยตนเอง แววตาจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ ผมเข้าใจแล้ว”

เมื่อมองแผ่นหลังของเซี่ยเจ๋อหลี่ที่กำลังจากไป ฉินมู่หลานก็ยืนนิ่งอยู่สักครู่ จากนั้นจึงเดินกลับเข้าห้องไป

หลังจากที่เซี่ยเจ๋อหลี่ออกไปแล้ว ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าบ้านเงียบเหงากว่าปกติอยู่ไม่น้อย แม้เซี่ยเจ๋อหลี่จะอยู่ที่บ้าน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกันมากมายขนาดนั้น

แต่ทุก ๆ สามวัน ฉินมู่หลานต้องเข้าไปในเมือง ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลามาคิดอะไรมากมายนัก เพียงแค่จัดการเรื่องธุระของตัวเองต่อไป

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตัวปัญหาออกจากหมู่บ้านไปแล้ว ได้อยู่ในหมู่บ้านอย่างสงบสุขเสียที

เหงาล่ะสิ พี่หลี่ไม่อยู่

ไหหม่า(海馬)