ตอนที่ 75 เห็นคนจะตายไม่ช่วย ตอนที่ 76 เป็นผีก็ต้องมีคุณธร

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 75 เห็นคนจะตายไม่ช่วย / ตอนที่ 76 เป็นผีก็ต้องมีคุณธรรมด้วย

ตอนที่ 75 เห็นคนจะตายไม่ช่วย

ฉินหลิวซีถือวิสาสะเข้าไปเอง สะใภ้โจวก็รีบตามเข้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สติ

ฉีเชียนกลับรู้สึกประหลาดใจ เขาได้ยินเสียงเอ่ยอันแผ่วเบาของฉินหลินซี ไอแค้น?

“ห้องนี้หนาวมาก กลิ่นก็เหม็นมากด้วย” ติงซู่ม่านเกาะติดฮูหยินติงผู้เฒ่า นางพึมพำเล็กน้อย แถมยังลูบแขนโดยไม่รู้ตัว

ฮูหยินติงผู้เฒ่าเองก็นิ่วหน้า ลูบประคำพุทธบนข้อมือ ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใดนางเข้ามาในห้องนี้แล้วก็รู้สึกอึดอัดไม่สบาย อยากจะหันหลังกลับออกไปทันที

ฉินหลิวซีไม่สนใจความเย็นจากไอหยินในห้อง ราวกับนางรู้อยู่แล้วว่าห้องชั้นในอยู่ตรงไหน พอเข้าไปได้ก็ตรงไปที่ห้องนอนทันทีพลางนับนิ้วคำนวณไปในเวลาเดียวกัน ริมฝีปากก็ขยับร่ายคาถาออกมา

หลังจากเข้าไปในห้องนอนแล้วก็ชะงักฝีเท้าลงพลางเลิกคิ้วขึ้นทันที

“สามีของท่านฟื้นขึ้นมาแล้วเคยเอ่ยอันใดไว้บ้าง” ฉินหลิวซีถามสะใภ้โจวที่ตามมาด้านหลัง

สะใภ้โจวไม่พอใจอย่างมากกับการบุกรุกของฉินหลิวซี แต่คำถามของอีกฝ่ายทำให้นางลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง

“เคยเอ่ยหรือไม่ว่าหายใจไม่ราบรื่น อึดอัดที่หัวใจ รู้สึกเหมือนโดนหินหนักพันชั่งกดทับ หรือถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก”

สีหน้าของสะใภ้โจวเปลี่ยนไปทันที สีหน้าดูตกใจเล็กน้อย เขารู้ได้อย่างไร

ฉินหลิวซีแค่นเสียงเยาะ สายตาเหลือบมองไปที่หัวเตียง ก่อนจะมองไปยังชายซูบผอมบนเตียงแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คนแบบนี้คู่ควรให้ท่านตายตามด้วยหรือ”

สะใภ้โจวนึกว่านางกำลังเอ่ยถึงรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของชายที่ซูบผอม “เขาแค่ป่วยจึงได้ซูบผอมเช่นนี้ ท่าน ท่าน ท่านเป็นหมอจริงหรือ ท่านช่วยเขาได้หรือไม่ ถ้าท่านช่วยเขาได้ จะค่าตอบแทนเท่าใดข้าก็ให้ได้”

“ช่วยไม่ได้” ฉินหลิวซีท่าทางรังเกียจ นางเอ่ยอย่างไม่แยแส “เขาจะต้องตายภายในสามวันอย่างแน่นอน”

ทุกคนต่างตกตะลึง

ไม่ใช่สิ แค่เหลือบมองแวบเดียวก็มองออกแล้วหรือ เขายังไม่ได้ตรวจอะไรเลยนะ!

“ท่าน ท่าน…” สะใภ้โจวสั่นไปทั้งร่าง

บนโลกใบนี้จะมีคนเลวทรามเช่นนี้ได้อย่างไร แถมยังเป็นหมออีก หมอทุกคนพูดจาหยาบคายเหมือนเขาหมดเลยหรือ

ไม่ตรวจชีพจรก็แล้วไป แต่ยังสาปแช่งคนที่ยังมีชีวิตอยู่อีก?

ฮูหยินติงผู้เฒ่านิ่วหน้า “คุณชายน้อยท่านนี้ ท่านยังไม่ได้ตรวจอะไรเลย จะสรุปได้อย่างไร”

“คนที่จะต้องใช้หนี้กรรมชั่วย่อมไร้ทางช่วย จะต้องตรวจไปทำไม หรือจะเอ่ยแบบนี้ก็ได้ ต่อให้เขามีทางรอด ข้าก็ไม่ช่วย” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเย็นชา “เขาไม่คู่ควร!”

“เช่นนั้นท่านเห็นคนจะตายก็ไม่ช่วยหรือ” ติงซู่ม่านอุทาน คนผู้นี้เลวจริงๆ

ฉีเชียนเหลือบมองนางอย่างเย็นชา

ติงซู่ม่านถูกสายตานั้นมองจนตัวแข็งทื่อหน้าซีดขาว

ฉินหลิวซีเยาะ “เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วย จะเอ่ยเช่นนั้นก็ได้”

ช่วยคนที่มีหนี้กรรมต้องชดใช้ติดตัวแบบนี้ นางกลัวว่าบุญกุศลจะหดหายหมดน่ะสิ

“พอได้แล้ว!” สะใภ้โจวโกรธจัดยืนขวางอยู่หน้าเตียงสามี แล้วชี้ออกไปด้านนอกพลางตะคอก “ข้าไม่ต้องการให้ท่านช่วย เชิญออกไปได้”

ฉินหลิวซีเดินออกไปโดยไม่เอ่ยอะไรสักคำ หลังจากเดินไปได้สองก้าว นางก็หยุดลงก่อนจะเอ่ย “ท่านบอกว่าสามีของท่านรักท่านลึกซึ้ง ยอมรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงดูเป็นบุตรบุญธรรม แต่ไม่ยอมรับอนุภรรยาเข้าบ้านหรือ แต่เหตุใดข้าจึงเห็นว่าถึงอย่างไรเขาก็มีบุตร แถมยังมีตั้งสองคนด้วย เขาได้บอกท่านหรือไม่ว่ามีเด็กที่ถูกชะตาอยู่คนหนึ่ง อายุเพียงห้าขวบ และมีวาสนากับเขามาก”

สะใภ้โจวนิ่งงันไป

“นอกจากนี้ เขาเคยบอกท่านหรือไม่ว่าเขาเคยมีภรรยาอยู่แล้วคนหนึ่ง? ตอนนี้ก็มีสตรีนอกบ้านอีก?”

ฉินหลิวซีทิ้งคำพูดพวกนี้ไว้ก่อนจะเอ่ย “หากท่านรู้เรื่องพวกนี้แล้ว ยังอยากจะตายตามเขาไปอีกหรือไม่”

สะใภ้โจวทรุดลงกับพื้น สีหน้านางเต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ในขณะที่พวกฮูหยินติงผู้เฒ่ามีเครื่องหมายคำถามเต็มหน้า อะไรนะ คำพูดเหล่านี้หมายความว่าอย่างไร

พวกนางมองไปยังสะใภ้โจวที่กำลังตกใจ จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซีที่มีท่าทางเย็นชาไม่เหมือนกำลังล้อเล่น แล้วก็รู้สึกขนลุกขนพอง ลมเย็นพัดจากปลายเท้าขึ้นสู่ท้องฟ้าทำให้พวกนางรู้สึกหนาวยิ่งขึ้นไปอีก

ตอนที่ 76 เป็นผีก็ต้องมีคุณธรรมด้วย

ฉินหลิวซีเดินออกไปจากห้องของสะใภ้โจวอย่างรวดเร็ว นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขณะที่กำลังจะกลับไปที่ห้องก็มองเห็นฉีเชียนจากหางตา นางจึงหยุดฝีเท้าลง

“ทำไมหรือ คุณชายฉีคิดว่าข้าเย็นชาไร้น้ำใจ เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยหรือ”

ฉีเชียนเอ่ยเรียบๆ “จะเป็นไปได้อย่างไร ท่านเป็นถึงปรมาจารย์ปู้ฉิว ท่านไม่ช่วยก็จะต้องมีเหตุผลของท่าน เชียนจะกล้าคาดเดาไปเองได้อย่างไร”

ฉินหลิวซีเผยสีหน้าราวกับจะบอกว่า ถือว่าท่านรู้จักดูทิศทางลม

ฉีเชียนตามมา “ถ้าหากท่านหมอฉินสามารถไขข้อสงสัยของเชียนได้ เชียนก็จะขอบคุณมาก”

ฉินหลิวซีเผยรอยยิ้ม “อยากรู้หรือ ข้าไม่บอกหรอก!”

นางทิ้งประโยคนั้นไว้แล้วพาเฉินผีจากไป ส่วนคนที่อยู่ในห้องนั้นจะอยู่หรือตายก็ไม่ใช่เรื่องของนาง

ฉีเชียนยืนอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกพูดไม่ออก

“คุณชายฉี คุณชายน้อยท่านนั้น ไยจึง…” ฮูหยินติงผู้เฒ่าเดินเข้ามาเอ่ย

ฉีเชียนหันกลับไปเอ่ยกับนางอย่างเย็นชา “ฮูหยินติงผู้เฒ่าคิดจะเอ่ยอันใดหรือ ไม่รู้ภาพรวมไม่อาจแสดงความคิดเห็นได้ ข้าคิดว่าทั้งเจ้านายและบริวารจากจวนเจ้าเมืองติงบัณฑิตจิ้นซื่อจะเข้าใจความจริงข้อนี้ดีเสียอีก ดูท่าว่าจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น”

ฮูหยินติงผู้เฒ่าหน้าซีด แทบอยากจะคุกเข่าลงตรงนั้นเพื่อขอรับผิด

“น้ำค้างยามกลางคืนลงแรง ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ควรจะพักผ่อนให้เร็ว ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดี” ฉีเชียนจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

ฮูหยินติงผู้เฒ่าจะคุกเข่าก็ไม่ใช่จะยืดตัวตรงก็ไม่เชิง นางสั่นเทาไปทั้งร่างและโงนเงนกำลังจะล้มลง

“ท่านย่า รุ่ยจวิ้นอ๋อง…” ติงซู่ม่านประคองฮูหยินติงผู้เฒ่าด้วยใบหน้าซีดขาวเช่นกัน นางก็ไม่ได้โง่ วาจาเมื่อครู่นี้ของฉีเชียนเป็นการต่อว่าพวกนางทั้งสอง ลามไปถึงคนตระกูลติงทั้งหมดด้วย

“ไม่เอ่ยเรื่องนี้แล้ว พวกเรากลับไปที่ห้องกัน พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางแต่เช้า” ฮูหยินติงผู้เฒ่าเม้มปาก สีหน้าล้ำลึก

ฉินหลิวซีเดินไปถึงหน้าประตูห้องของตัวเองก่อนจะชะงักฝีเท้าเล็กน้อย นางผลักประตูเปิดและเอ่ยกับความว่างเปล่า “ท่านยังกล้าตามข้ามาอีก ไม่กลัวว่าข้าจะเก็บพวกท่านหรอกหรือ”

หากฉีเชียนอยู่ด้วย เขาต้องคิดว่าฉินหลิวซีเสียสติไปแล้วแน่ๆ จึงได้พูดคุยกับตัวเองท่ามกลางห้องว่างเปล่าไม่มีใคร

ฉินหลิวซีกลับจ้องมองไปยังตำแหน่งหนึ่ง ความว่างเปล่าที่เดิมทีสงบราวกับผิวน้ำคล้ายถูกใครบางคนแตะให้กระเพื่อมไหวเบาๆ ร่างเปียกชื้นปรากฏขึ้นในความว่างเปล่านั้น

สตรีอ่อนเยาว์ในชุดชาวบ้านธรรมดาใบหน้าดุร้ายเต็มไปด้วยไอแค้น ข้างๆ นางยังมีเด็กเล็กคนหนึ่งกำลังหยิบพืชน้ำขึ้นมาเล่นพลางส่งเสียงหัวเราะเสียดหูน่าสะพรึงกลัวออกมา

“ท่านยังไม่ทำ” แม้ว่าผีสาวจะกล้ามา แต่นางก็ไม่กล้าเข้าใกล้ฉินหลิวซี นางรู้สึกว่าถ้านางเข้าหาสตรีผู้นี้ ใช่ นางมองออกว่าฉินหลิวซีเป็นสตรี ขอแค่เข้าใกล้นางก็อาจจะวิญญาณแตกสลายได้ในทันที

ฉินหลิวซีนั่งลงที่โต๊ะและรินชาให้ตนเองถ้วยหนึ่ง ก่อนจะถามด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “น้ำเสียงของท่านฟังดูเหมือนกำลังเสียดายหรือไม่ ทำไมหรือ มาหาข้าเพราะอยากให้ข้าส่งท่านไปเกิดใหม่หรือ”

พอผีสาวได้ยินคำว่าไปเกิดใหม่นั้นแล้ว ไอแค้นทั่วร่างก็รุนแรงขึ้นในทันที ทำให้อุณหภูมิในห้องรวมไปถึงทั้งโรงพักม้าเย็นลง ภายในห้องของฉินหลิวซียิ่งเย็นกว่า แถมยังมีกลิ่นคาวตามมาด้วย

ตึง

ฉินหลิวซีวางถ้วยช้าลงบนโต๊ะอย่างแรง ผีสาวตกใจจนต้องถอยหลังไปสองก้าวด้วยปฏิกิริยาโต้ตอบตามสัญชาตญาณ

“ในที่ของข้า เก็บไอแค้นของท่านไปเสีย ทำให้ห้องของข้าเย็นและคาวนัก แล้วอีกเดี๋ยวข้าจะนอนหลับได้อย่างไร” ฉินหลิวซีกล่าวหาอย่างเย็นชา “เป็นคน ไม่สิ เป็นผีก็ต้องมีคุณธรรมด้วย ไม่ควรมายุ่งกับห้องของคนอื่น โดยเฉพาะของข้า”

ผีสาว “!”

ไม่ใช่สิ อย่างไรเสียข้าก็เป็นผี ท่านไว้หน้าข้าหน่อย กลัวข้าสักนิดไม่ได้หรือ

ผีสาวอยากจะโต้เถียง แต่เมื่อนางเห็นสายตาของฉินหลิวซีแล้วก็ต้องยอมแพ้ทันที นางระงับไอแค้นก่อนจะเอ่ยด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “ข้าไม่ไป!”