บอห์ลมาถึงที่ท่าเรือริมแม่น้ำเมสเมอตอนบ่ายสองโมงพร้อมกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่2ใบ เค้าขายทุกอย่างที่มีค่าในบ้านของเค้า กระเป๋าเดินทางของเค้าเก็บผลการวิจัยและอุปกรณ์ทั้งหมดของเค้าไว้ ในตอนนี้บอห์ลรู้สึกไม่มีอะไรที่ต้องกลัวจะเสีย

“เฮ้พิควิท ไหนเรือที่นายพูดถึง? ฉันไม่เห็นอะไรเลย”

ลมหนาวพัดผ่านบริเวณท่าเรือ มันดูแข็งแรงพอที่จะเป่าคนให้ปลิวได้ ถึงแม้จะมีแจ๊คแก๊ตหน้าบอห์ลก็ยังรู้สึกเย็นไปถึงกระดูกของเค้าขณะที่ลมพัดผ่านเข้าไปในปกเสื้อและช่องว่างระหว่างเสื้อผ้าของเค้า

พิควิทมาเกาะบนไหล่ของบอห์ล “ผ่อนคลายเถอะหน่า เรือจะมาถึงตรงเวลา มันจะไม่สายแน่นอน มันเป็นความผิดของคุณเพราะคุณกังวลและมาถึงเร็วเกินไป”

และตอนนั้นพิควิทก็ดูเหมือนจะเห็นบางอย่าง มันยกหัวขึ้น “เรือมาถึงแล้ว”

บอห์ลชะโงกดูแล้วมองไปรอบๆ “มันอยู่ที่นี่แล้ว? ไหนมันละ? ทำไมฉันมองไม่เห็นมันเลย?”

พิควิทลดหัวมันลงแล้วจิกคอของบอห์ล “คุณมองไปไหนนะ? มองต่ำลงอีก”

บอห์ลเลื่อนสายตาของเค้าต่ำลงเพื่อหาเงาขนาดใหญ่ภายในพื้นผิวของแม่น้ำ ท่ามกลางเงาสะท้อนของดวงจันทร์และดวงดาว มวลสีดำเข้ามาใกล้อย่างช้าๆเหมือนกับสัตว์ประหลาดยักษ์ในท้องทะเลที่โผล่ขึ้นมาจากใต้ท้องทะเลลึก

“พระเจ้า นั่นคืออะไร?”

บอห์ลอ้าปางค้างตะลึง กระเป๋าของเค้าตกลงไปที่พื้น ก้นทะเลขนาดใหญ่ค่อยๆลอยขึ้นไปบนผิวน้ำและค่อยๆมองเห็นชัดขึ้น มันมีสีขาว

“โอ้พระเจ้ามาเรีย นี่คือเรือ? ฉันไม่เคยเห็นที่สามารถโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำได้เลย ว่าแต่ทำไมมันไม่แล่น? ฉันไม่เห็นไม้พายเลย!” บอห์ลรู้สึกราวกับว่าโลกมหัศจรรย์ใหม่กำลังเปิดตัวต่อหน้าเค้า

พิควิทรีบตอบทันทีว่า “นี่คือเรือของพ่อมด แน่นอนว่าคนธรรมดาไม่เคยเห็นมันหรอก อย่ามั่วแต่อ้อยอิ่ง คนรับใช้พ่อมดอยู่ที่นี่ รีบขึ้นไปบนเรือซะ”

“คนใช้พ่อมด?”

บอห์ลมองไปเห็นร่างคนสองคนสวมเสื้อสีดำบนเรือเล็กเพื่อมารับพวกเค้า บอห์ลวางกระเป๋าเดินทางของเค้าอย่างระมัดระวังบนเรือลำเล็กๆ จากนั้นก็หันไปเจอกับร่างทั้งสอง “ขอบคุณครับ ขอโทษด้วยสำหรับปัญหาครับ”

มันค่อนข้างมืดและหมวกของร่างทั้งสองนั้นค่อนข้างลึก บอห์ลไม่เห็นรูปร่างของพวกเค้าอย่างแน่ชัด เมื่อเรือเล็กแล่นมุ่งหน้าไปยังเรือลำใหญ่กลางแม่น้ำบอห์ลก็สำรวจเรือที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตอย่างรอบคอบ ด้านนอกเป็นสีขาวทำจากวัสดุที่เค้ายังไม่สามารถแยกแยะได้ แม้ว่ามันจะดูหนักและแข็งแรง ทันใดนั้นบอห์ลก็สังเกตว่ามีดวงตาขนาดใหญ่อยู่ที่หัวเรือและกำลังจ้องมองมาที่เค้า

“อะไร?” บอห์ลรู้สึกหวาดกลัว เค้าคิดว่าพวกมันเป็นแค่เครื่องประดับและไม่ได้คาดหวังว่าพวกมันจะขยับได้ “คุณเห็นนั้นมั้ย? ตาของเรือพึ่งขยับ ตาของมันขยับได้!”

คนรับใช้ผู้ซึ่งกำลังพายเรือที่ด้านหน้าของเรือหันกลับมาและตอบด้วยเสียงประหลาด “เรือลำนั้นถูกสร้างขึ้นผ่านการเล่นแร่แปรธาตุของชีวิตดังนั้นแน่นอนว่าดวงตาของมันสามารถขยับได้”

บอห์ลรู้สึกเย็นยะเยือกในจิตใจ ภายใต้หมวกคลุมของเสื้อคลุมเป็นใบหน้าที่ดูเหมือนจะถูกสวมหน้ากากด้วยเกราะ ดูเหมือนว่าร่างกายของมันถูกปกคลุมด้วยเปลือกสีดำ เห็นได้ชัดว่าคนใช้ไม่ใช่มนุษย์ ทันใดบอห์ลก็รู้สึกราวกับว่าเค้าขึ้นเรือผิด แต่มันก็สายเกินไปที่จะหันหลังกลับ เค้าเดินขึ้นเรือลำใหญ่ จากนั้นเค้าก็เข้าไปในห้องโดยสารตามคำสั่งของคนรับใช้ คนรับใช้2คนดึงเรือเล็กขึ้นและเข้าไปในห้องโดยสารด้วย เอสเอส อิเตอนิตี้ก็จมดิ่งสู่ความลึก นี่เป็นผู้ฝึกคนสุดท้ายของทวีปนี้ดังนั้นเอสเอส อิเทอนิตี้จึงกลับไปสู่มหาสมุทรและมุ่งหน้าไปยังดินแดนของออร์ค

บอห์ลเดินตามบันไดในห้องโดยสารด้านหลังคนรับใช้ ห้องข้างในนั้นใหญ่มาก คนใช้พ่อมดแนะนำห้องโดยสารแบบพื้นฐานกับเค้าในขณะที่พาเค้าลงมาชั้นล่าง

“ชั้นแรกประกอบไปด้วยห้องอาหาร ห้องประชุม ห้องนั่งเล่น และห้องรับรองความบันเทิง นอกจากนี้ยังมีผู้ฝึกคนอื่นๆอยู่ในส่วนอื่นๆของห้องโดยสาร คุณสามารถคุยกับพวกเค้าได้ภายหลัง บาร์อยู่ตรงนี้…”

คนใช้เริ่มทำงานตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ ในความเห็นของบอห์ลคนรับใช้พ่อมดที่อยู่ตรงหน้าเค้ามีสติปัญญาเกือบเท่ากับมนุษย์ แม้ว่าในความเป็นจริงมันเป็นเพียงแค่การทำงานตามโปรแกรม หากเค้าถามคำถามนอกเหนือฐานข้อมูลคนใช้ก็จะไม่สนใจเค้า

“ว้าว เรือนี่น่าทึ่งมาก!” บอห์ลรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างน่าอัศจรรย์

“ห้องสมุดเป็นแบบนี้ ภายในเป็นหนังสือความรู้ทั่วไป ประวัติศาสตร์ของทวีป ชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียง และอื่นๆ”

ดวงตาของบอห์ลเบิกกว้างขึ้นเมื่อเค้าเข้าไปในห้องสมุด เค้ารีบวิ่งเข้าไปข้างใน มีชั้นวางหนังสือมากมายซึ่งทั้งหมดเต็มไปด้วยหนังสือ!

“ฉันสามารถอ่านหนังสือทั้งหมดนี่ตามใจชอบได้เลยไหม?” บอห์ลกล่าวอย่างมีความสุข ในเอเลนหนังสือมีค่าอย่างยิ่ง ครัวเรือนโดยเฉลี่ยไม่สามารถซื้อหนังสือได้ หนังสือบางเล่มอาจได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นมรดกที่ล้ำค่า ครอบครัวที่มีหนังสือมากมายจะเป็นตระกูลของขุนนางแน่นอน!

คนรับใช้พยักหน้า “คุณสามารถอ่านและยืมหนังสือเหล่านี้ได้ตามต้องการ แต่คุณไม่สามารถนำมันติดตัวไปด้วยเมื่อคุณลงจากเรือนี้ นอกจากนั้นจะไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นบนเรือ ทุกคนที่แหกกฎจะถูกไล่ออกจากเรือ!”

บอห์ลพยักหน้าทันที “ฉันจะทำตามกฎอย่างแน่นอน!”

บอห์ลมองดูหนังสือด้วยความตื่นเต้น เค้าแทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปอ่านหนังสือ พิควิทดูถูกเหยียดหยามเค้า “ดูสิว่าคุณเป็นคนน่าสงสารขนาดไหน ห้องสมุดในหอคอยนั้นใหญ่กว่านี้มาก ชั้นวางของขยายออกไปไกลจนมองไม่เห็น คุณจะไม่สามารถอ่านหนังสือทั้งหมดได้แม้ว่าคุณจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นก็ตาม!”

“จริงเหรอ? ฉันจะตั้งตารอที่นั่น!”

บอห์ลเดินเข้าไปและเห็นคนที่นั่งอยู่ตรงหัวมุมของห้องสมุด คนที่อ่านหนังสือภายใต้แสงไฟที่อ่อนของหลอดไฟ มันเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้วและทุกคนควรจะนอนได้แล้วตอนนี้ แต่คนนี้ยังคงอ่านหนังสืออยู่

“สวัสดี ฉันบอห์ลเป็นพ่อมดฝึกหัดคนล่าสุดจากอาณาจักรแกรกฮัส!”

คนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงยหน้าขึ้นมองบอห์ล “สวัสดีฉันชื่อแคทเธอรีนจากอาณาจักรมารา!”

เธอเป็นหญิงสาวสวยที่มีผมบลอนด์และดูเหมือนว่าจะอายุน้อยกว่าบอห์ลสองสามปี เค้าหน้าแดง “ดีใจที่ได้พบคุณ จากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกัน!”

แคทเธอรีนพยักหน้าจากนั้นก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ บอห์ลเดินตามคนรับใช้ไปที่ห้องในชั้นต่อไป มีผู้ฝึกหัดอีกหนึ่งคนอยู่ที่นี่แต่พวกเค้าหลับอยู่ บอห์ลก็เหนื่อยมากด้วยดังนั้นเค้าจึงตรงไปที่เตียงหลังจากทิ้งกระเป๋าไว้ เค้าถอดเสื้อผ้าออกและดึงผ้าห่มขึ้น ผ้าห่มนั้นอบอุ่นและสะดวกสบาย บอห์ลหลับไปอย่างรวดเร็ว