ตอนที่ 43 – หายใจ

“เงาจึงจะสามารถกลายเป็นผู้นำตระกูล?” ชิ่งเฉินสงสัย

จนถึงปัจจุบันนี้เขายังไม่รู้คอนเซ็ปต์ของสังเวียนแห่งเงาอย่างชัดเจนอะไรเลย ก่อนหน้านี้เพราะว่าความสัมพันธ์ที่ไม่สามารถเปิดเผย ได้แต่แกล้งทำตัวเนียน ๆ ทำท่าทางว่ารู้อะไรไปเสียหมด

ตอนนี้ในที่สุดสามารถไขข้อกังขามากมายได้แล้ว

ถามตรง ๆ!

หลี่ซูถงก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนของโลกภายใน จึงเอ่ยโดยละเอียดอย่างครูที่ไขข้อข้องใจให้กับเขา “ว่ากันว่าในยุคอารยธรรมมนุษย์ยุคที่แล้ว ตระกูลชิ่งก็คงอยู่แล้ว เงาในเวลานั้นเป็นเพียงบทบาทที่กลุ่มตระกูลชิ่งสามารถละทิ้งได้ตามสบาย จงใจเลือกเด็กตระกูลชิ่งที่ไม่มีภูมิหลังมารับใช้ อำนาจก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างตอนนี้”

“ภายหลัง เงาตระกูลชิ่งที่มีพรสวรรค์สุดยอดคนหนึ่งคว่ำโต๊ะจากแขกเป็นเจ้าบ้าน ตั้งแต่ตอนนั้นภายหลังเขาก็ตั้งกฎเกณฑ์ใหม่”

“ผู้นำตระกูลทุกคนต้องเคยเป็นเงา ต้องเคยเห็นเรื่องราวที่โสมมที่สุดบนโลกนี้ ส่วนคนที่เคยเป็นเงา ตระกูลจะไม่ทอดทิ้งเป็นอันขาดและเลี้ยงดูในยามชรา”

ชิ่งเฉินสงสัยว่า “มีเงากี่คน”

หลี่ซูถงตอบกลับมาว่า “โดยเฉลี่ยแล้วสิบปีกว่า ๆ จะเลือกหนึ่งรุ่น ผู้นำตระกูลหนึ่งรุ่นอาจจะเจอกับเงาสิบกว่าคน”

เขากล่าวต่อว่า “เทคโนโลยีการแพทย์ของยุคสมัยนี้ร้ายกาจมากแล้ว ผู้นำตระกูลหนึ่งคนสามารถมีชีวิตได้เป็นร้อยปี บางคนถึงขนาดสามารถมีชีวิตหนึ่งร้อยห้าสิบกว่าปี ดังนั้น ตอนที่ผู้นำตระกูลเกษียณก็จะเลือกคนที่เขายอมรับที่สุดจากในเงาสิบกว่าคนนั้น”

“เงาคนอื่นล่ะครับ” ชิ่งเฉินถาม

“ส่งต่ออำนาจ” หลี่ซูถงกล่าว “แต่สามารถใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขได้ เมื่อเป็นเงา ไม่เพียงมีคุณสมบัติของผู้นำตระกูล ยังมีป้ายทองละเว้นโทษตายด้วย”

“ผมรู้สึกตลอดเลยว่าระบบนี้มันพิลึกอยู่บ้าง ในเมื่อบรรพบุรุษตระกูลชิ่งคนนั้นตัวเองเคยเป็นเงา รู้ความทุกข์ทรมานของเงา เหตุใดยังต้องตั้งระบบเลี้ยงดูนี้ขึ้นมาอีกล่ะครับ” ชิ่งเฉินกังขา

“อ้อ กฎเก้าคนแย่งตำแหน่งไม่ใช่เขาตั้ง เป็นลูกชายของเขาตั้ง เหมือนกับว่าเพราะลูกชายเขาเลือกเงามาหลายคนล้วนเป็นเศษสวะ ข้างกายตนเองไร้คนที่สามารถใช้ประโยชน์ ดังนั้นก็เลยให้คนเบื้องล่างแย่งชิงเอาเอง คนที่ชนะย่อมแกร่งที่สุด” หลี่ซูถงอธิบาย

“บรรพบุรุษตระกูลชิ่งคนนั้นไม่ได้ห้ามลูกตัวเองเหรอครับ” ชิ่งเฉินถาม

“เริ่มแรกสังเวียนแห่งเงาเพียงให้ทุกคนทำภารกิจ ใครความสามารถแกร่งกว่าก็ชนะ” หลี่ซูถงกล่าว “ทว่าผ่านไปเกือบจะพันปีแล้ว สังเวียนแห่งเงาก็ค่อย ๆ กลายพันธุ์ เริ่มกลายเป็นใครที่สามารถมีชีวิตรอดก็จะเป็นเงา”

ชิ่งเฉินพยักหน้า นี่จึงสมเหตุสมผล

กฎตระกูลที่บรรพบุรุษตั้งขึ้นเป็นการก่อรูปของอุดมคติ แต่อุดมคติทุกอย่างล้วนจะค่อย ๆ เน่าเปื่อยไปตามการเวลา

ไม่มีสิ่งของอะไรที่คงอยู่ไม่แปรผัน เพราะว่าจิตใจคนแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ

“ภายหลังธรรมเนียมของสังเวียนแห่งเงาก็ดำเนินต่อมาเรื่อย ๆ” หลี่ซูถงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “บางทีผู้นำตระกูลของตระกูลชิ่งล้วนเข้าใจว่าหากตระกูลชิ่งไม่โหดร้ายจะยืนอยู่ที่โลกภายในนี้ยังไงกันล่ะ”

“ก็ใช่” ชิ่งเฉินพยักหน้า “ดังนั้น ตอนนี้ผมต้องระวังความปลอดภัยของตัวเองถึงจะถูก เพราะว่าผู้ท้าชิงเงาเก้าคนล้วนคิดจะกำจัดคนอื่น ๆ”

“อืม” หลี่ซูถงพยักหน้า “พูดตามจริงครั้งนี้ก็อยู่เหนือความคาดหมายของฉัน คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะเริ่มต้นก็มีคนคิดจะกำจัดคนอื่นแล้ว แต่ก่อนไม่ได้เร็วขนาดนี้นะ นอกเสียจากมีคนที่สัมผัสได้ถึงภัยคุกคามจากเธอ”

“เพราะผมใกล้ชิดกับคุณเหรอครับ” ชิ่งเฉินวิเคราะห์ “ไม่ถูก ๆ ตอนที่ผมยังไม่รู้จักคุณ นักฆ่าพลีชีพก็ตามผมเข้ามาแล้ว”

“ไม่ต้องคิดมากแล้ว เวลานานไปย่อมจะรู้เอง” หลี่ซูถงกล่าว

“ผมสามารถถอนตัวออกจากสังเวียนแห่งเงาได้ไหมครับ อยู่ตระกูลชิ่งกับการเข้าร่วมอัศวินขัดแย้งกันรึเปล่า” ชิ่งเฉินถาม

“ไม่ขัดแย้ง” หลี่ซูถงส่ายหน้า “เพียงแต่ยังคงอย่าให้คนอื่นรู้ว่าเธอเข้าร่วมอัศวินให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้จะดีกว่า ไม่เห็นเหรอว่าฉันถูกขังอยู่ที่นี่น่ะ ภายหลังฉันจะสอนเธอตอนกลางคืน ตอนกลางวันยังเป็นอย่างเดิม อีกอย่างฉันไม่แนะนำให้เธอถอนตัวออกจากสังเวียนแห่งเงา เพราะว่าเธอยังไม่ได้เห็นว่าอำนาจสิทธิ์ขาดของเงาสรุปแล้วมากมายแค่ไหน”

“อืม” ชิ่งเฉินพยักหน้า เขาไม่ใช่คนที่ไม่มีความกล้าหาญ ในเมื่อหลี่ซูถงบอกว่าอย่าถอนตัว งั้นเขาก็จะเล่นกับผู้ท้าชิงคนอื่น ๆ

ขณะนี้ในเรือนจำหมายเลข 18 ว่างเปล่าเป็นพิเศษ ชิ่งเฉินรู้สึกว่าไม่ได้ถูกจำกัดเลย

หลี่ซูถงนั่งขัดสมาธิบนพื้น แมวใหญ่แอบอิงตัวเขาหลับใหล ชิ่งเฉินก็นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงกันข้าม

“ยังมีอะไรที่อยากถามไหม” หลี่ซูถงถาม

“ผมเห็นว่าอาวุธมาตรฐานของโลกภายในยังคงเป็นอาวุธปืน ยังมีอาวุธอื่น ๆ ที่ร้ายกาจกว่านี้ไหมครับ” ชิ่งเฉินถาม

“มี แต่ไม่มาก” หลี่ซูถงกล่าว “มีระเบิดมือ ep ที่ต่อต้านอวัยวะจักรกลโดยเฉพาะ แล้วก็มีอาวุธพิเศษที่บรรจุอยู่บนอวัยวะจักรกล แต่กองทัพกลุ่มการเงินยังใช้อาวุธปืนเป็นหลัก ลูกกระสุนโดยพื้นฐานล้วนเป็นทองแดง”

ชิ่งเฉินสงสัย “เทคโนโลยีทั่วไปของโลกภายในล้ำหน้าเป็นพิเศษ ทำไมอาวุธยังแทบไม่ต่างจากโลกภายนอกเลยล่ะครับ”

หลี่ซูถงยิ้มเอ่ยว่า “เพราะว่า จะฆ่าคนหนึ่งคนให้ตาย กระสุนหนึ่งนัดก็เพียงพอแล้ว”

ชิ่งเฉินเข้าใจแล้ว ทุกคนใช้มันต่อไปเพราะว่ามันเป็นอาวุธที่มีอัตราส่วนความคุ้มค่าต่อต้นทุนสูงที่สุด แถมยังเพียงพอแล้ว

เพียงพอแล้วสามคำนี้เป็นประเด็นที่สำคัญเป็นพิเศษ

ก็อย่างที่บนอินเตอร์เน็ตมีคนพูดว่ากระจกของโลกภายในไม่ได้มีเทคโนโลยีไฮเทคอย่างที่จินตนาการเอาไว้ นอกจากสามารถกำจัดไอฝ้าก็ไม่มีฟังก์ชั่นเพิ่มเติมอะไรอีก

นี่ก็เพราะว่าหน้าที่ของกระจกมันเรียบง่ายขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าเทคโนโลยียิ่งซับซ้อน วัตถุสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันก็จะยิ่งซับซ้อน

“เอาล่ะ เรื่องจิปาถะพูดจบแล้ว คุยเรื่องจริงจังกันเถอะ” หลี่ซูถงกล่าว

“เส้นทางที่ไกลที่สุดในหมู่ทางลัดทั้งหมดในโลกมนุษย์นั่นน่ะเหรอครับ” ชิ่งเฉินกล่าว

“ไม่ผิด” หลี่ซูถงพยักหน้า “ยื่นมือขวาออกมา”

ชิ่งเฉินกางมือขวายื่นไปข้างหน้า แต่กลับเห็นหลี่ซูถงจู่ ๆ ก็บีบข้อมือของเขา

เพียงพริบตา เขารู้สึกว่าลมหายใจของตนเองขาดห้วงไป คล้ายกับว่ามีพลังจิตชนิดหนึ่งควบคุมจังหวะการหายใจของเขา จนถึงขนาดความเร็วในการไหลของเลือด

ชีพจรที่ถูกหลี่ซูถงบีบคล้ายกับถูกสวมโซ่ตรวนไปหนึ่งชั้น

พริบตาถัดมา จังหวะการหายใจของหลี่ซูถงแปรเปลี่ยนไป ชิ่งเฉินเบิกตาดูอีกฝ่ายพ่นลมสีขาวออกมาคำหนึ่ง ทันทีต่อจากนั้นจากแก้มถึงข้างใบหูก็ปรากฏลายเส้นรูปเปลวเพลิงขึ้นมา

ชิ่งเฉินตกตะลึงแล้ว!

ทุกสิ่งที่อีกฝ่ายแสดงออกมานี้มันขัดต่อสามัญสำนึกโดยสิ้นเชิงเลย!

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะมีปฏิกิริยาขึ้นมา ชิ่งเฉินก็รู้สึกว่าจังหวะการหายใจของตนเองก็เริ่มถูกบังคับให้เปลี่ยนไป การเต้นของหัวใจและการหายใจของตนเองล้วนไม่เหมือนเดิมไปทั้งหมด!

ชิ่งเฉินรู้สึกเพียงว่าตอนที่ตนเองหายใจคล้ายกับมีเปลวไฟโหมรุนแรงคำหนึ่งไหลเข้าลำคอ แล้วก็ครอบคลุมถุงลมทั้งหมด อุณหภูมิอันน่าหวาดกลัวกลืนกินทั้งร่าง จากนั้นความเจ็บปวดอันแสนทรมานก็เริ่ม!

ไม่ใช่อุณหภูมิจริง ๆ ทว่าเป็นความรู้สึกหลอนที่ก่อขึ้นมาจากความเจ็บปวดอันไม่อาจบรรยาย

อย่างช้า ๆ แก้มซ้ายขวาของชิ่งเฉินก็เริ่มปรากฏลายเส้นรูปเปลวเพลิง ความเจ็บปวดไล่ตามลายเส้นแผ่ขยายตรงเข้าไปในสมอง

เขาอยากจะกระชากข้อมือที่ถูกหลี่ซูถงบีบรัดเอาไว้ของตนเอง แต่เยี่ยหว่านที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “อดทนไว้”

ชิ่งเฉินค่อย ๆ สงบลง ไม่ได้ดิ้นรน แล้วก็ไม่ได้อ้อนวอน

ก็เหมือนกับเมื่อวานนี้ตอนที่เขาประสบกับ waterboarding

หลินเสี่ยวเสี้ยวกล่าวว่า “จำได้ไหมว่าผมเคยพูดอะไร ชีวิตคนที่ประสบกับความทุกข์ทรมานจึงจะยิ่งไปได้สูง”

……………………………………………………

น้องเริ่มฝึกวิชาแล้วค่ะ จะเรียกว่าวิชากำลังภายในก็ได้ล่ะมั้งคะ

เราก็อ่านไปถึงตอนล่าสุดแล้วน่ะนะ พอย้อนมาอ่านตอนนี้อีกครั้งหลังจากที่ได้รู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังหลาย ๆ อย่างไปแล้วเป็นอีกรสชาติหนึ่งเลยค่ะ ขอสปอยล์แค่นี้ว่ามันมีเบื้องหลังอะไร ๆ อีกเยอะมากค่ะ

ตอนที่ 44 – จ้องมองความเจ็บปวดตรง ๆ