ตอนที่ 1 บทนำ

หวนคืนชะตาแค้น

[เล่มที่ 1] ตอนที่ 1 บทนำ

แคว้นหวา ปีจิ้งอานที่ยี่สิบหก

หอนางโลมชุ่ยหงเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับการแสดงดอกไม้ไฟในเมืองหลวง หากแต่ไม่มีเหตุผลอื่นใด เพียงเพราะมีหว่านอวิ๋น นางโลมเลื่องชื่อซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะสาวงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง

ในวันนี้เป็นวันที่นางโลมเลื่องชื่อนามหว่านอวิ๋นผู้นี้จะมอบคืนแรกของนาง เหล่าเชื้อพระวงศ์ ลูกหลานของขุนนางชั้นสูง ชายเสเพลและผู้มากความสามารถทั่วทั้งเมืองหลวงต่างพากันหลั่งไหลมาที่หอนางโลมชุ่ยหง ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแขกคืนแรกของนาง แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้ยลโฉมของสาวงามสักหน่อย

หว่านอวิ๋นเกิดในครอบครัวตระกูลชนชั้นสูง ท่านปู่ของนางมีตำแหน่งเป็นถึงอัครเสนาบดีอาวุโสที่ทุกคนให้ความเคารพนับถือ แต่เนื่องจากคบคิดกับศัตรู ทรยศขายชาติถูกสั่งประหารทั้งโคตร หญิงในตระกูลทั้งหมดถูกเนรเทศ สามปีก่อน หว่านอวิ๋นทำให้ผู้คนต่างประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อนางได้รับแขกที่หอนางโลมชุ่ยหงเป็นครั้งแรก น่าเสียดายที่นางขายเพียงศิลปะไม่ขายเรือนร่าง จนกระทั่งปีนี้ หว่านอวิ๋นอายุครบสิบแปดปี แม่เล้าฟังแห่งหอนางโลมชุ่ยหงได้ป่าวประกาศว่าจะประมูลสิทธิ์ในคืนแรกของนาง ผู้ให้ราคาสูงที่สุดย่อมเป็นผู้ชนะ

ในศาลาเล็กๆ อันเงียบสงบและสวยงาม มีใบหน้างดงามที่กำลังสะท้อนอยู่ในกระจก หญิงสาวที่อยู่หน้ากระจกผู้นั้นสวมชุดสีแดง สีที่ฉูดฉาดของเสื้อผ้าไม่สามารถแย่งความงดงามจากใบหน้าของนางไปได้ ในทางตรงกันข้าม มันกลับแสดงให้เห็นได้ชัดว่านางไม่คู่ควรกับการเป็นหญิงสาวในหอนางโลมแห่งนี้เลย

ม่านเมฆบางใสสั่นไหวเผยให้เห็นแสงจันทร์จางๆ ขนตาที่ถูกดัดงอนจนคล้ายกับพัดสองด้ามกะพริบเล็กน้อย ภายในดวงตาอันนิ่งสงบของหญิงสาวเผยให้เห็นความแน่วแน่และเด็ดเดี่ยว

“คุณหนู ด้านนอกเริ่มกันแล้วนะเจ้าคะ แม่เล้าฟังขอให้คุณหนูรีบออกไปโดยเร็วเจ้าค่ะ” ม่านลูกปัดขยับออก พร้อมกับมีเด็กสาวรูปโฉมงดงามผู้หนึ่งในชุดสีเขียวเดินเข้ามา

หญิงสาวพยักหน้า แล้วมองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อย “ข้าเข้าใจแล้ว ไปกันเถิด”

ภายในห้องโถงใหญ่ของหอนางโลมชุ่ยหงเต็มไปด้วยเสียงผู้คนมากมาย ท่ามกลางเสียงอึกทึก หญิงสาวชุดแดงค่อยๆ เดินลงบันไดที่รายล้อมไปด้วยสาวงาม ทันใดนั้น ห้องโถงก็พลันเงียบลง “แม่นางหว่านอวิ๋น…”

“เป็นแม่นางหว่านอวิ๋น!”

“คู่ควรกับการเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงเสียจริง…ช่างงดงามถึงเพียงนี้ หากข้าได้ครอบครองนางล่ะก็ ข้ายอมยกเงินทองมากมายเพื่อให้ได้แม่นางหว่านอวิ๋นมาครอบครอง แต่งเข้าเป็นภรรยาอันชอบธรรมอย่างแน่นอน!” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งตะโกนอย่างตื่นเต้น แม้จะถูกคลุมด้วยผ้าสีแดงหนึ่งชั้นแต่ดวงตาที่สงบนิ่งดุจพระจันทร์คู่นั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนมากมายหลงใหล

“เจ้าหยุดฝันเถิด ไม่ดูเอาเสียเลยว่าในคืนนี้มีผู้ใดมาบ้าง กงอ๋องมีรับสั่งลงมาว่านางไม่สามารถถูกผู้ใดผู้หนึ่งครอบครองได้ตลอดไป” คนที่อยู่ด้านข้างคัดค้านอย่างไม่ลดละแต่ในขณะเดียวกันสายตาก็จับจ้องไปที่การเดินของหญิงสาวอย่างจดจ่อ

“เป็นหญิงที่งามจริงๆ งดงามราวกับฟ้าประทาน เหตุใดกงอ๋องจึงรับสั่งเช่นนั้นกันนะ ท่านอ๋องไม่ใช่คู่หมั้นคู่หมายของแม่นางกู้…แม่นางหว่านอวิ๋นหรอกหรือ”

“ข้าได้ยินมาว่ากงอ๋องเกลียดชังกู้เซียงที่ทรยศ ดังนั้นจึงลามมาไม่ชอบแม่นางหว่านอวิ๋นไปด้วย”

“น่าเสียดาย…” ใครบางคนพูดขึ้นอย่างเสียใจ

ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน หว่านอวิ๋นในชุดสีแดงเดินมาถึงที่นั่งของนางอย่างสงบเสงี่ยม ฟังคำประกาศเปิดการประมูลของแม่เล้าด้วยรอยยิ้มที่สงบ การอยู่ในหอนางโลมชุ่ยหงมาเป็นเวลาสามปี ทำให้ได้เห็นเรื่องแบบนี้มาหลายคราแล้ว ถึงแม้ที่ผ่านมาผู้คนจะไม่มากเท่ากับคืนนี้ก็ตาม หลายต่อหลายครั้งที่นางเฝ้าฝันการมาถึงของวันนี้ของตัวเอง และแล้ว…ในที่สุดมันก็มาถึง!

สายตาของหว่านอวิ๋นมองดูชายสองคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ผู้หนึ่งสวมชุดสีม่วงหรูหรา อีกผู้หนึ่งนั้นแต่งกายด้วยชุดสีขาวราวกับนกล่าเหยื่อที่ดุร้าย ท่าทางสุขุม ในที่สุดสายตาของนางก็จับจ้องไปยังชายชุดขาวที่กำลังดื่มสุราด้วยท่าทางเฉยเมย นั่นคือ…อดีตคู่หมั้นของนาง องค์ชายหก กงอ๋องมู่หรงอวี้ในฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

ชายในชุดขาวสังเกตเห็นการจ้องมองของนาง จึงมองกลับมาที่นางอย่างสงบโดยไม่มีแม้แต่ความหวั่นไหวในสายตาเลยแม้แต่น้อย

หว่านอวิ๋นหลับตาลงอย่างสงบ ค่อยๆ ฝังความเกลียดชังของนางลงไปในใจ รอยยิ้มแผ่วเบาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากราวกับดอกอุทุมพรที่เบ่งบานในยามราตรี แต่กลับไม่มีผู้ใดได้เห็นความงดงามของมัน

“หนิงอ๋อง หนึ่งแสนตำลึง[1]ทอง?”

เสียงที่ตื่นตกใจของแม่เล้าดึงความคิดของหว่านอวิ๋นให้กลับมา ทุกคนในห้องโถงล้วนโกลาหลกันไปหมด ทองคำหนึ่งแสนตำลึงทองเทียบเท่ากับหนึ่งล้านตำลึงเงินพอดี แต่มีไว้เพื่อซื้อความงามเพียงคืนเดียวเท่านั้น ราคาที่สูงเสียดฟ้าเช่นนี้ถือได้ว่าไม่เคยมีมาก่อนและไม่มีผู้ใดเทียบได้ด้วยเช่นกัน

ชายชุดม่วงที่มีท่าทางมืดมนยืนขึ้นแต่ใบหน้าของเขากลับไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อยถึงแม้ว่าจะเป็นการมาชื่นชมสาวงาม ราวกับว่าเขาไม่ได้ใช้เงินหนึ่งแสนตำลึงทองเพื่อความงามอันน่าทึ่งชั่วข้ามคืน แต่เพียงใช้เหรียญทองแดงซื้อของเล่นที่ไม่สะดุดตาชิ้นหนึ่งก็เท่านั้น เขาเดินเข้าไปหาหว่านอวิ๋นอย่างชะล่าใจ ถอดผ้าคลุมออก ยกมือขึ้นแล้วเชยคางเล็กๆ ของนางหันเข้าหาทุกคน “นี่คือหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงและนางยังถือว่าเป็นหญิงที่มีความสามารถเป็นอันดับหนึ่งในเมืองหลวงใช่หรือไม่” นัยน์ตาเศร้าหมองเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูกเหยียดหยาม

แต่ดูเหมือนหว่านอวิ๋นจะไม่ได้ฟังคำเยาะเย้ยเหยียดหยามของเขาเลย สีหน้าของนางยังคงเรียบเฉย

“กู้อวิ๋นเกอก็ตกต่ำจนถึงเพียงนี้แล้ว ยังมีเหตุให้ภาคภูมิใจอยู่อีกอย่างนั้นหรือ เจ้านี่มันน่ารังเกียจเหมือนกับพี่ชายของเจ้าเสียจริง!” ชายชุดม่วงเอนตัวเข้าไปใกล้หว่านอวิ๋น กระซิบเสียงเบา “แต่ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะไม่แตะต้องเจ้าหรอก เจ้ามันไม่คู่ควร…ข้าจะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้เจ้าแน่ ให้พวกข้าได้ดูความแตกต่างของสาวงามอันดับหนึ่งที่มาจากหอนางโลมสักหน่อยว่ามันต่างจากหญิงคณิกาคนอื่นตรงที่ใด เจ้าว่าดีหรือไม่”

ดวงตาของหว่านอวิ๋นสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมพูดขึ้นเบาๆ “ในเมื่อข้าตกอยู่ในกำมือของหนิงอ๋องแล้ว จะฆ่าจะแกงก็คงไม่ผิดอันใดกระมัง”

หนิงอ๋องหรี่ตาลง ยกยิ้มอย่างเย็นชา “ข้าล่ะเกลียดคนจากตระกูลกู้เสียจริง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า! กู้ซิ่วถิง…แต่ข้ากลับเอาแต่คิดเกี่ยวกับเจ้า”

“เจ้าไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงชื่อพี่ชายของข้า”

“เหอะๆ ตอนนั้นก็เป็นถึงคุณหนูผู้โด่งดังจากตระกูลกู้ แต่วันนี้กลับกลายมาเป็นนางโลมที่ต้องผ่านมือผู้ชายมากหน้าหลายตา เจ้าคิดว่ากู้เซียงที่มองดูเจ้าจากยมโลกจะคิดอย่างไรเล่า” หนิงอ๋องกล่าวด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม

หว่านอวิ๋นขมวดคิ้วพลางยกยิ้มเล็กน้อย พูดขึ้นเสียงเบา “แน่นอนว่าท่านปู่ต้องเฝ้าดูข้าอยู่แล้ว”

เมื่อเห็นรอยยิ้มอันงดงามบนริมฝีปากของนาง หนิงอ๋องก็ตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ เขาแสดงออกว่าตกตะลึงไปชั่วครู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้ากระซิบเสียงเบา “เพราะเจ้ากำลังจะได้ลงไปขออภัยท่านปู่อย่างไรเล่า!” ความเจ็บปวดที่ชัดเจนก็พรั่งพรูออกจากช่องท้องของเขา และเขาก็แสดงสีหน้าราวกับจะเข้าไปตบหน้าของหญิงสาวในชุดสีแดง

หว่านอวิ๋นผละตัวออกจากเขา พร้อมกับดึงปิ่นปักผมสีทองในมือของนางออกจากเขาอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดสาดกระเซ็นออกมาราวกับสายฝน ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

“น้องแปด!” กงอ๋องที่นั่งดื่มสุราอย่างเงียบๆ มาโดยตลอด พลันลุกขึ้นยืนและปรี่เข้าไปตบหว่านอวิ๋นที่ถือปิ่นปักผมสีทองอยู่ในมือ ในเวลาเดียวกันก็เอื้อมมือออกไปพยุงหนิงอ๋องที่กำลังล้มลง เขากัดฟันกรอดพร้อมพูดขึ้นว่า “กู้อวิ๋นเกอ! เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”

หลังจากที่หว่านอวิ๋นโดนฝ่ามือตบเข้าไป เลือดก็รินไหลออกมาจากริมฝีปากของนางทันที เลือดที่พุ่งออกมาจากตัวหนิงอ๋องก็สาดกระเซ็นลงบนใบหน้าขาวที่ราวกับหยกของนาง ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ที่แตกต่างออกไป

หลังจากไอออกมาเล็กน้อย หว่านอวิ๋นก็พูดด้วยรอยยิ้มแผ่วเบา “การตายของข้าไม่สำคัญอะไรหรอก หากเพียงข้าได้ฆ่าคนทรยศด้วยมือของตัวเองเพื่อล้างแค้นให้ท่านปู่ได้”

“เจ้าไม่สนใจชีวิตของกู้ซิ่วถิงแล้วอย่างนั้นหรือ”

หว่านอวิ๋นยิ้มด้วยรอยยิ้มแดกดัน เลือดบนริมฝีปากของนางยังคงหลั่งไหลออกมา นางไม่รู้ศิลปะการต่อสู้ อีกทั้งยังเป็นเพียงหญิงสาวที่อ่อนแอเท่านั้น แล้วนางจะสามารถทนต่อฝ่ามือของกงอ๋องที่รวบรวมลมปราณภายในไว้ได้อย่างไร หากไม่แข็งใจเอาไว้ในตอนนี้นางก็คงจะล้มลงไปแล้ว กงอ๋องเองก็รู้สถานการณ์ของนางในเวลานี้เช่นกัน เขาตบลงไปด้วยอารมณ์โกรธพร้อมกับหว่านอวิ๋นที่ทนไม่ไหวอีกต่อไป

ความตาย มันก็เป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น

[1]ตำลึง หน่วยเงินจีนโบราณ (1 ตำลึงทอง = 10 ตำลึงเงิน )