บทที่ 30 ความคับข้องใจของเว่ยฉิง

หลังจากมื้อเย็นจบลงถังหลี่ไปที่บ้านของป้าเกาพร้อมซาลาเปาแป้งขาวสองสามก้อน เมื่อมาถึงถังหลี่เห็นว่าครอบครัวของป้าเกากำลังกินอาหารกันอยู่

“แม่หนู มากินอาหารด้วยกันสิ” ป้าเการีบต้อนรับหญิงสาว ในครอบครัวของหญิงชรามีสมาชิกอยู่สามคน ปู่ย่าและหลานสาวอีกหนึ่งคน หลานสาวคนนี้อายุสิบห้าหรือสิบหกปีเห็นจะได้ นางเป็นใบ้และเป็นเด็กสาวที่ขี้อาย เด็กสาวมองถังหลี่อย่างกล้า ๆ กลัว

อาหารเย็นของคนท้้งสามเป็นเพียงแค่ชามหมั่นโถวและผักดอง 1 จานเท่านั้น พวกเขากินกันอย่างอัตคัด

“ท่านป้าเกา ข้ากินเรียบร้อยแล้วล่ะ ข้าแค่เอาของมาให้” ถังหลี่พูดแล้วยื่นถุงผ้าให้ป้าเกา หญิงชรารับไป ความอุ่นร้อนที่ระอุออกมาจากถุงผ้าทำให้นางแปลกใจ เมื่อเปิดออกดู ก็เห็นซาลาเปาลูกโตอยู่ในถุงถึงสี่ใบ

“แม่หนูนี่..” ป้าเกาเบิกตากว้าง

ซาลาเปาแป้งนึ่งขาวล้วนคือของดี มีแต่คนมีเงินในหมู่บ้านเท่านั้นที่จะกินมันได้ ทำไมถังหลี่จึงมอบมันให้แก่นาง?

“ท่านป้า ไว้ข้าจะสอนวิธีทำให้ แต่ตอนนี้ข้าอาจจะวุ่นวายกับที่บ้านคงต้องขอตัวกลับก่อน ข้าลาล่ะ” ป้าเกาถือซาลาเปาทั้งสี่ก้อนไว้

“ทำไมแม่หนูถึงนำของดี ๆ แบบนี้มามอบให้คนอื่นล่ะ ไม่ระวังตัวเสียเลย สงสัยข้าต้องช่วยเหลือนางให้มาก ๆ หน่อยแล้ว” ป้าเกาลังเลที่จะกินซาลาเปา นางหยิบขึ้นมาเพียงแค่ชิ้นเดียวแล้วยื่นให้หลานสาว

“หลันฮวา กินเสีย” หลันฮวาหยิบซาลาเปาก้อนใหญ่ขึ้นมาแบ่งครึ่ง มอบให้ลุงหลี่ครึ่งนึง และป้าเกาครึ่งนึง “อา” นางพูดไม่ได้ จึงทำได้แค่เพียงเสียง ‘อา’

ลุงหลี่ทำหน้าเหม็นเบื่อ “ข้าเบื่อซาลาเปาก้อนใหญ่แบบนี้แล้ว เคยกินทุกวัน เอียนจะแย่อยู่แล้วข้าไม่กิน!”

“ป้าอิ่มแล้ว หลันฮวากินเถิด” ป้าเกาหยิกแก้มหลานสาวตัวเองเบา ๆ

……….

เว่ยฉิงเดินกระเผลกออกไปจากบ้านทุกวันและกลับมาด้วยเหงื่อที่ท่วมตัว ระยะเวลาครึ่งเดือนต่อมา ชายหนุ่มมาชักชวนถังหลี่ให้ออกจากบ้านราวกับมีเรื่องบางอย่าง

“ภรรยา มากับข้าเร็ว”

เว่ยฉิงพาถังหลี่ออกจากบ้านและไปยังบ้านใหม่ที่พวกเขาซื้อไว้ หญิงสาวตกตะลึงเมื่อมองเห็นบ้านใหม่อย่างเต็มตา ตัวบ้านเปลี่ยนไปมาก มีการติดประตูรั้ว รวมถึงรั้วบ้าน หลุมบ่อที่สนามถูกกลบอย่างเรียบร้อย พร้อมกับมีการถมดินไป ทำให้พื้นที่โดยรอบเป็นระเบียบและสะอาดตา ผนังบ้านถูกฉาบใหม่ รวมถึงหลังคาที่มุงใหม่ด้วย บ้านทั้งหลังดูใหม่เอี่ยมพร้อมใช้งาน

เว่ยฉิงเก่งเกินไปไหมนะ?

เว่ยฉิงมองดูท่าทางพออกพอใจของภรรยาก็รู้สึกมีความสุขมาก

“เป็นอย่างไรบ้างภรรยา” เว่ยฉิงถาม

“ข้าชอบมันมาก”

เว่ยฉิงเอียงหน้าให้ เป็นการบอกใบ้ที่ชัดเจนมาก หญิงสาวเขย่งปลายเท้ากดริมฝีปากจูบลงไปบนแก้มของเขา

แผ่วเบาและเย็นสบายเหมือนสายน้ำ

เว่ยฉิงมองไปโดยรอบซ้ายขวา เมื่อไม่เห็นใครอยู่ในสายตา ชายหนุ่มก้มศีรษะลงและฉกฉวยจูบจากริมฝีปากของถังหลี่ ปากเล็ก ๆ ของนางหวานหอมราวกับเต็มไปด้วยน้ำผึ้งเดือนห้า

…..

บ้านได้รับการปรับปรุงแล้ว ต่อไปคือรับสมัครคนงาน ถังหลี่ออกประกาศว่าต้องการรับสมัครสตรีที่ทำงานปักผ้าได้ ค่าตอบแทนอยู่ที่วันละห้าสิบอีแปะ เมื่อได้ยินแบบนั้นสตรีในหมู่บ้านจึงพากันสนใจ

“ภรรยาเว่ยฉิงเจ้าพูดจริงหรือ? วันละห้าสิบอีแปะ…อย่าได้มาโกหกพวกข้าเลย” แน่นอนว่าพวกนางไม่เชื่อ พวกเขาขุดผักป่าขาย หาเงินได้แค่เพียงวันละห้าอีแปะเท่านั้น และเงินถึงห้าสิบอีแปะนั้นมากเกินพอที่จะซื้อหมูได้ถึงสิบชั่ง

“ข้าไม่โกหกพวกท่าน การปักถุงหอมใช้ความสามารถที่ค่อนข้างสูง แล้วข้าจะแบ่งส่วนแบ่งของกำไรให้อีกห้าสิบอีแปะ” ถังหลี่กล่าว

ต่างคนต่างมองหน้ากัน ปักวันละ 1 ครั้ง ห้าสิบบวกอีกห้าสิบ นั่นคือหนึ่งร้อยอีแปะ นี่มันไม่ใช่เงินที่มากเกินไปหรือ?

“แล้วมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง?” น้ำเสียงของพวกนางฟังดูกระตือรือร้น

“เงื่อนไขก็คือพวกเจ้าต้องเก่งเย็บปักถักร้อยและทำงานอย่างระมัดระวัง เราจะมีการคัดเลือกอีกครั้งในภายหลัง ใครสนใจสามารถมาสมัครเข้าร่วมได้”

จะให้ปักตัวอย่างให้ดูพร้อมสัมภาษณ์เล็กน้อย…

ถังหลี่ขอให้ฮูหยินซูช่วยคัดเลือกผู้สมัคร แต่นางกลับปฏิเสธด้วยใบหน้าแดงก่ำ ช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้นางไม่ค่อยได้ออกจากบ้านไปพบผู้คนเลย นางทำตัวไม่ถูกจริง ๆ หากขอให้คัดเลือกใคร

“ฮูหยิน ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกจะต้องมาทำงานกับท่านในอนาคต ดังนั้นมันต้องเป็นไปตามที่ท่านต้องการ” ถังหลี่กล่าว

“ถังหลี่ ข้าจะทำได้หรือ?”

“ฮูหยินซู ท่านแค่เลือกเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง ท่านทำได้อยู่แล้ว!” ถังหลี่สนับสนุน

“ตกลง” ซูฟู่ฉิงยืดหลังขึ้นเมื่อได้รับการสนับสนุนจากหญิงสาว

การคัดเลือกคนของถังหลี่ผ่านไปได้ด้วยดี นางจัดโต๊ะในห้องใหม่และซูฟู่ฉิงนั่งอยู่ด้านหลัง ทุกคนที่มาสมัครจะต้องเข้ามาในห้องทีละคนและปักงานของตัวเองให้ซูฟู่ฉิงดู นางจะถามคำถามเพิ่มเติมอีกสองสามข้อ เพื่อหาคนที่เหมาะสมที่สุดห้าคน ฮูหยินซูยืดตัวของนางขึ้น

“ฮูหยินซูยอดเยี่ยมมาก” ถังหลี่ยกนิ้วให้

เมื่อซูฟู่ฉิงสอบสัมภาษณ์ ถังหลี่มองอีกฝ่ายอยู่ครู่หนึ่ง และพบว่ามีบรรยากาศบางอย่างที่เหมือนกับผู้บริหารที่ถังหลี่เคยพบในเมืองใหญ่ นางมีความเป็นผู้นำ และในเมื่อหมอซูคือหมออัจฉริยะ ฮูหยินซูคงหาใช่คนธรรมดา ยิ่งกับฝีมือการเย็บปักของนางด้วยแล้วนั้น..

ซูฟู่ฉิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก นางเหลือบมองถังหลี่อย่างเขินอาย

“ฮูหยิน เราพูดคุยสอบถามมาทั้งวันแล้ว หิวน้ำไหมดื่มสักแก้วสิ” ถังหลี่เทน้ำให้ฟู่ฉิง แล้วทั้งสองก็ลุกขึ้นเดินออกไปเมื่อเห็นป้าเกาลากเด็กสาวตัวเล็ก ๆ เข้ามา นางมีผิวที่เหลืองและบอบบาง เด็กสาวตัวเล็ก ๆ แสนขี้อาย จับมือป้าเกาไว้แน่น

“แม่หนู..นี่…” ป้าเกาหาเสียงตัวเองไม่เจอชั่วขณะ

“ป้าเกา ท่านมีอะไรพูดกับข้ามาตรง ๆ ได้เลย” ถังหลี่กล่าว

“แม่นาง ข้าได้ยินมาว่าเจ้ากำลังรับสมัครคนปักผ้า และข้าอยากจะขอให้ช่วยรับหลันฮวาของข้าไปลองทำดู ไม่ต้องให้ค่าตอบแทนเลยก็ได้ แต่ข้าอยากให้หลานข้าได้เรียนรู้อะไรติดตัวบ้าง”

ป้าเการู้สึกเศร้าใจจริง ๆ หลันฮวาเป็นใบ้ จิตใจใสซื่อและไม่มีความมั่นใจ เดิมนางเคยหมั้นกับชายหนุ่มหมู่บ้านข้างเคียง แต่ว่าพวกเขาไปเจอสตรีที่มาจากครอบครัวที่ดีกว่า ทำให้ต้องการยกเลิกหมั้นหมาย แต่ไม่อยากโดนนินทาจึงกุเรื่องแย่ ๆ เกี่ยวกับหลันฮวาขึ้นมา ว่านางทั้งตะกละและเกียจคร้าน เป็นใบ้ และโง่เง่า รวมถึงแต่งเรื่องขึ้นมา เช่น นางปัสสาวะบนถนน โพนทะนาไปทั่วเพื่อยกเลิกงานแต่ง จนถึงตอนนี้ทำให้นางไม่สามารถแต่งงานได้

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร เพราะตอนนี้นางกับสามียังคอยปกป้องหลานได้ แต่พอมาคิดดูแล้ว หากวันหนึ่งลุงกับป้าตายจากไป หญิงสาวจะอยู่อย่างไร? งานปักแบบนี้เรียนเป็นความรู้ติดตัวไว้หน่อย อย่างน้อยก็ไม่อดตาย

อย่างไรก็ตามหลันฮวาเป็นใบ้อีกทั้งยังไม่เคยจับเข็มสักครั้ง และถังหลี่ไม่รู้จะคิดกับเรื่องนี้เช่นไร… ป้าเการู้สึกสับสน

ถังหลี่เดินเข้าไปหาหลันฮวาซึ่งอายุใกล้เคียงกับตัวเอง หญิงสาวตัวเล็กกว่าถังหลี่และผอมมาก

“หลันฮวา เจ้าอยากเรียนปักเย็บหรือไม่?” ถังหลี่ถาม

“หากเจ้าต้องการเรียนรู้ เจ้าจะต้องตั้งใจเรียนรู้มันให้ดี มีความอดทนและอุตสาหะ ถ้าเจ้าตกลงตามนี้ เราถึงจะรับเจ้าทำงานได้”

หลันฮวาเงยหน้ามองถังหลี่และพยักหน้าให้อย่างหนักแน่น หญิงสาวคลี่ยิ้มและลูบหัวนางเบา ๆ ก่อนจะหันไปหาฮูหยินซู

“ฮูหยินท่านคิดอย่างไร?”

“เอาสิ” ซูฟู่ฉิงยิ้มรับ

ซูฟู่ฉิงเคยประสบกับความสิ้นหวังในการมีชีวิต และเป็นถังหลี่ที่หยิบยื่นโอกาสมาให้ เมื่อมองไปที่เด็กสาวตอนนี้ ราวกับว่าฮูหยินซูเห็นตัวเองในตอนนั้น ทำให้นางเลือกจะยื่นมือไปช่วยเหลือหลันฮวา

เมื่อคนทั้งหมดมารวมตัวกัน ซูฟู่ฉิงก็เริ่มสอนงานปักให้พวกเขา กระบวนการนี้ก็เหมือนกับการฝึกฝนฝีมือก่อนเริ่มงาน หลันฮวาไม่เข้าใจในงานปักแต่เด็กสาวมีความพยายาม ผ่านไปไม่กี่วันนิ้วมือของเด็กสาวเต็มไปด้วยรอยแผลจากเข็ม แท้จริงแล้วสิ่งที่คนอื่นหยิบยื่นมาให้เพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกคนย่อมต้องคว้าโอกาสนั่นไว้ให้ได้ และพยายามให้เต็มที่ ที่จะรักษามันไว้

หลันฮวาเป็นเด็กดี..

…..

ใกล้ถึงช่วงปีใหม่แล้ว ถังหลี่วางแผนจะพาเด็ก ๆ ทั้งสี่เข้าไปในเมืองเพื่อหาซื้อของสำหรับปีใหม่ เด็กทั้งหมดยกเว้นสวี่เจวี๋ยล้วนไม่เคยมีใครเข้าไปในเมืองเลย ทั้งสามมีความสุขมากเมื่อทราบว่าพวกเขาจะได้มีโอกาสเข้าไปในเมือง

กระทั่งต้าเป่าที่นิ่งสงบมาโดยตลอด ยังเดินมาคว้าเสื้อของถังหลี่และซักถามหลายครั้งให้แน่ใจ หลังจากที่ได้รับคำตอบจากถังหลี่ ต้าเป่าวิ่งเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งและหยิบเสื้อตัวโปรดของตัวเองออกมาเพื่อจะใส่เข้าไปในเมือง

ถังหลี่หันไปมองและเห็นว่าเว่ยฉิงกำลังก้มหน้าก้มตาวุ่นวายอยู่กับค้อนในมือ กล้ามเนื้อที่แขนทำงานอย่างหนักราวกับจะระเบิดออก

“นายท่านเว่ย” ถังหลี่แกล้งเรียกเขา

เว่ยฉิงก้มหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้

“ไม่เป็นไร พวกเจ้าเข้าไปในเมืองเถิด ข้าอยู่ได้ไม่ต้องห่วง ข้าดูแลตัวเองได้”

ถังหลี่รู้สึกขบขับชายหนุ่มมาก ส่วนเว่ยฉิงก็หงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ

“เดิมทีข้าจ้างเกวียนวางแผนจะเข้าไปในเมืองทั้งครอบครัว แต่หากสามีข้าไม่ต้องการก็ลืมไปเสียเถิด” ถังหลี่กล่าว

เว่ยฉิงเงยหน้าขึ้นมามองทันที ดวงตาที่ดุดันของชายหนุ่มเป็นประกายดีใจเมื่อมองไปที่ภรรยา นี่นางไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้เขาเฝ้าบ้านคนเดียวหรือ? เพราะถังหลี่ไม่ได้พูดถึงเว่ยฉิง หญิงสาวบอกแค่กับลูก ๆ เท่านั้น ชายหนุ่มคิดว่าถังหลี่ไม่ได้สนใจตัวเองเลย

———–