บทที่4ตอนที่14

 

「ถึงงั้นก็เถอะน้าเอะอะโวยวายกันแต่เช้าเลย~~」

 

 

มิมุรุเริ่มพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าประตูหลักของสถาบันเมื่อเช้า

 

 

หลังจากจบโฮมรูมคาบเช้า เรากำลังมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ฝึกซ้อมสำหรับภาคเรียนปฏิบัติ

 

 

พวกเรากำลังพูดถึงการทะเลาะกันของเควินห้อง 1 กับเคนห้อง 10 ที่หน้าประตูหลักตอนเช้า

 

 

ตอนแรกทางฝั่งเควินเป็นคนหาเรื่องก่อนและได้เข้าไปพัวผันกับ “หมอนั่น” ซึ่งอยู่ข้างๆเธอ

 

 

“เขา”

 

 

ชายหนุ่มที่อยู่จุดต่ำสุดของสถาบันที่กำลังเดินไปในเมืองด้วยสภาพเปื้อนเลือดเปื้อนโคลนยาวค่ำคืน เพราะเขาป่าไปคนเดียว เมื่อนึกถึงเขาทีไรก็หงุดหงิดทุกที

 

 

เดิมทีก็ค่อนข้างเกลียดหมอนั่นเพราะข่าวลือนั่นเอง แต่ยิ่งเกลียดเขามากกว่าเดิมเพราะเรื่องเมื่อวานเพราะทำตัวเองแท้ๆ

 

 

ตัวฉันที่กำลังจะตายเพราะทำเรื่องที่ไม่สมควรทำเมื่อสิบปีก่อนมันไหลมาซ้อนทับกับตัวเขา

 

 

ป่าฟอสซิลที่เราอาศัยอยู่เรียกได้ว่าเป็นป่าที่มั่งคั่งมากที่สุดในทวีป

 

 

10ปีก่อนการรุกรานป่าเราเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์อย่างมาก

 

 

สัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าที่คอยค้ำจุนป่าเหล่านั้น ภายใต้กระแสน้ำอันยิ่งใหญ่พวกนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

 

 

ครอบครัวฉันอยู่กัน 4 คน พ่อแม่และน้องสาวของฉัน

 

 

ในป่าที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา พ่อแม่ที่แสนอ่อนโยน น้องสาวที่น่ารักและเอลฟ์ด้วยกันเองต่างก็ใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุขและความสุขเหล่านั้นไม่สามารถมีอะไรมาแทนได้เลย

 

 

อย่างไรก็ตามทุกสิ่งอย่างกลับ ถูกขโมยไป

 

 

บ้านของฉันและทั่วทั้งป่าต่างถูกห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิง เพื่อนของฉันต่างถูกไฟคลอกตายและชีวิตของเหล่าป่าไม้ต่างล้มหายตายจาก

 

 

สัตว์อสูรปรากฏตัวต่อหน้าฉัน สัตว์ร้ายที่เป็นเหมือนคำสาปมรณาเป็นตัวตนอันแสนโสโครกที่สุดในชีวิต

 

 

ตัวฉันที่อยู่ต่อหน้าสัตว์อสูรตัวหน้า…………。

 

 

「ซีน่า!!」

 

 

「……อาาาาาาาาาาา」

 

 

「เป็นอะไรไป? อยู่ๆก็เงียบไป พวกเรามาถึงสนามซ้อมแล้วนะ」

 

 

เมื่อสังเกตรอบๆก็พบว่ามาถึงสนามซ้อมแล้ว รอบตัวฉัน เพื่อนร่วมชั้นก็เริ่มยืดกล้ามเนื้อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้แบบกลุ่มและเช็คความสามารถของแต่ละคน

 

 

ฉันส่ายหัวและสลัดภาพในความทรงจำที่ย้อนกลับมา

 

 

ดูเหมือนว่าเขาจะทำให้ฉันนึกถึงวันเก่าๆ เพราะความเลิ่นเลอของเขาแท้ๆ

 

 

「……ขอโทษนะมิมุรุไม่เป็นไรหรอก。……ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย」

 

 

「……งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ดี……อย่าฝืนตัวเองมากเกินไปนะ?」

 

 

มิมุรุมองมาทางนี้ด้วยความกังวล มิมุรุมักจะสังเกตคนรอบข้างเก่ง ทำให้เธอเป็นคนที่อ่านบรรยากาศออกและเข้าหาได้ง่าย

 

 

ฉันไม่เคยเล่าถึงอดีตของตัวเองเลย

 

 

บางครั้งที่นึกถึงตัวฉันก็มักจะจมลงไปกับห้วงความคิดเหล่านั้น พวกเขาก็กังวลกับฉันแต่ว่าฉันไม่อยากจะพูดถึงมันจริงๆและฉันก็ไม่อยากจะนึกถึงความทรงจำแบบนั้นเลย ไม่อยากจะพูดถึงมันด้วย

 

 

「อืมเข้าใจแล้วล่ะ มิมุรุ ยังไงก็เรื่องเข้าป่าเมื่อวาน ฉันเองก็จะไปด้วย「เอ่อคือว่า?」……คุณคือ……」

 

 

จู่ๆฉันก็ถูกเรียก และเมื่อหันไปมองก็พบว่ามีนักเรียนชายคนหนึ่งคือ ฟีโอ ริซิสซ่าส์ ห้องเดียวกัน

 

 

「ก็รู้หรอกนะว่ามันไม่ดี~。ที่มาขัดจังหวะกำลังคุยกัน แต่ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะถามจะได้ไหม?」

 

 

「ก็ได้อยู่หรอก………ว่าแต่มีอะไรงั้นเหรอ」

 

 

ฉันไม่เข้าใจเลยทำไมฟีโอถึงเข้าหาฉัน นักเรียนคนนี้ปกติมักจะขี้เกียจและไม่ค่อยยุ่งกับฉันสักเท่าไร ถึงยังงั้นเขาก็ทำแต่ในสิ่งที่ตัวเองสนใจ

 

 

ระหว่างเรียน เขาก็มักจะมองนอกหน้าต่างราวกับไม่สนใจอะไรเลยและฉันไม่รู้สึกถึงความจริงจังในการตั้งใจเรียนของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

 

ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขามากนัก และฉันกับอาจารย์เองก็พยายามเตือนเขาบ่อยครั้ง แต่ว่าทำยังไงก็ไม่ดีขึ้นเลย

 

 

ถึงกระนั้นเขาเองก็มีความสามารสูงและข้อสอบเองก็ได้คะแนนดี ดังนั้นเขาถึงได้มาอยู่ในห้อง 2 ถ้าหากเขามีแรงจูงใจมากกว่านี้เขาอาจจะไปถึงห้อง 1 เลยก็ได้

 

 

บางครั้งฉันก็คิดว่าเขาเป็นคนเจ้าปัญหา แต่เขาไม่เคยคุยกับฉัน

 

 

อย่างไรก็ตาม เขาเริ่มพูดอย่างรวดเร็วไม่สนจิตใจอะไรเลย

 

 

「อันที่จริงนี่ก็เช้าแล้ว……ตอนเกิดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าประตูหลัก ตอนนั้นเธออยู่ที่นั่นด้วยสินะ?」

 

 

「อือ แล้วทำไมเหรอ?」

 

 

「จริงๆแล้ว ข้าน้อยก็อยู่ที่นั่นด้วย อยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องของ โนโซมุ・เบลาตี้หน่อยน่ะ」

 

 

 โนโซมุ・เบลาตี้

 

 

พอได้ยืนชื่อนั้นหัวใจก็เต้นรัวอีกครั้ง

 

 

ไม่น่าแปลกใจ เพราะเห็นเขาที่ไรก็ทำให้นึกถึงวันวานเก่าๆ

 

 

 

 

「……ทำไมถึงมาถามเรื่องเขากับฉันล่ะ?」

 

 

「ไม่หรอก ข้าน้อยคิดว่าบางทีเธอน่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเพราะตอนนั้นเธอเองก็ดูเป็นห่วงเขาใช่ไหมล่ะ」

 

 

 “ฉันเป็นห่วง”

 

 

เมื่อได้ยินคำนั้นหัวใจฉันก็เต้นแรง

 

 

แน่นอนในตอนนั้นฉันเป็นห่วงเขาจริงๆ ตอนที่เห็นสภาพเขาเช่นนั้น ฉันโกรธกับพฤติกรรมบ้าๆอย่างเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งที่สุด

 

 

แต่อันที่จริงความโกรธเหล่านั้นก็หายไปเพราะคำพูดสุดท้ายเมื่อวานที่เขาทิ้งไว้

 

 

คำพูดของเขาที่เขาพูดกับฉันเมื่อวานนี้

 

 

“ประมาณว่า ไม่มีใครช่วยนายได้เพราะนายเลือกที่จะทิ้งลิซ่าเอง”

 

 

ทันทีที่ฉันพูดแบบนั้นกับเขาท่าทีก็เปลี่ยนไป

 

 

จิตสังหารถูกปลดปล่อยออกมาจากสายตาของเขา มันทำให้ฉันถึงกับต้องแข็งทื่อขยับไม่ได้ไปชั่วขณะ และวินาทีต่อมาก็โดนเขามาคว้าคอเสื้อไว้

 

 

ใบหน้าของเขาในตอนนั้นมีความโกรธมากมายแสดงอยู่ จนฉันไม่สามารถพูดอะไรได้เลย

 

 

“เอ่อ!!! …………ขอโทษ……………”

 

 

แต่ว่าก็อยู่แบบนั้นชั่วขณะ

 

 

เขาปล่อยมือออกจากคอเสื้อของฉันและกล่าวขอโทษและขอบคุณฉัน พร้อมกับเดินออกจากห้อง

 

 

ในเวลานั้นคำพูดที่เขาออกจากห้องไปแล้วพึมพำออกมายังคงอยู่ในหูของฉัน

 

 

“……ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น…………”

 

 

คำพูดนั่นมันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอกขึ้นมาทันที

 

 

คำพูดนั่นยังคงติดอยู่ในใจของฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดมากๆ

 

 

「……ก็ไม่นี่ เขาไม่ใช่เพื่อนของฉันสักหน่อย……ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขา……」

 

 

(โดยทั่วไปคงจะบอกได้ยากหากพาผู้ชายเข้าหอพักหญิงกลางดึก……)

 

 

 …………สัมผัสอะไรไม่ได้เลย……。

 

 

ในใจบอกกับตัวเองแบบนั้นอยู่หลายครั้ง ฉันพยายามทำหน้านิ่งราวกับไม่คิดอะไร เลยตอบคำถามของฟีโอไปด้วยท่าทีสงบ แต่สุดท้ายเขาก็ตอบฉันจนทำให้ตัวฉันต้องสั่นสะท้าน

 

 

ดูเหมือนว่าฟีโอจะสนใจตัวเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง หากเขาสนใจสิ่งใดเข้าเขาจะต้องรู้ให้ถึงที่สุดของที่สุด……。

 

 

「…………งั้นเหรอ ขอโทษละกันน้า~。จู่ๆก็ได้ยินเสียงแปลกๆขึ้นมาน่ะ」

 

 

「……เอ๊ะ?」

 

 

อย่างไรก็ตามฝั่งฉันที่แทบจะทรมานจากการกดดัน แต่ฟีโอดันตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งๆและถอยกลับไป ฟีโอรีบหันหลังและเดินจากไป

 

 

「……อะไรกันละนั่น?」

 

 

「……อาาาา」

 

 

「อ้ออีกอย่างซีน่า เรื่องเข้าป่าน่ะ เรื่องเข้าป่าที่ซีน่าอยากจะได้ยินอะน้า?」

 

 

「อืมใช่เรื่องเข้าป่า เมื่อวานนี้ ไม่ได้ถามเลย」

 

 

「ก็ตกลงว่าจะไปวันนี้น่ะ ตอนนี้ทอมเองก็เตรียมของที่ต้องการไว้อยู่ด้วยนะ พรุ่งนี้เองก็เป็นวันหยุดด้วยและคิดว่าจะไปรับหลังเลิกเรียน โอเคไหม?」

 

 

「…อืม โอเค」

 

 

พรุ่งนี้วันหยุด เข้าป่าได้แน่นอน ที่รวบรวมวัตถุดิบเหมือนจะอยู่ใกล้ทางเข้าป่า แต่ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องที่ว่าไซคลอปส์โดนจัดการแล้ว และเมื่อพิจารณาจากเรื่องวานมันก็ช่วยไม่ได้

 

 

เรื่องราวจบลงแล้ว แต่สิ่งที่ฟีโอทำก่อนหน้านี้นั่น

 

 

ดูเหมือนฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาดูเหมือนจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ และพยายามสนุกกับของเล่นชิ้นนั้นอยู่

 

 

(หวังว่าจะไม่ทำอะไรแปลกๆนะ……)

 

 

ฉันกังวลเกี่ยวกับความรู้สึกภายในอกคู่นี้ ฉันไม่รู้ว่าความรู้สึกนี่มันคืออะไร แต่ว่าก็ได้แต่ปล่อยมันไป

 

 

◇◆◇

 

 

「เวรเอ้ย! ไอ้หมาเวรนั่น!!」

 

 

เรากำลังเดินไปที่ห้องเรียนเพื่อเข้าโฮมรูมคาบเช้า ข้าไม่ได้โกรธเรื่องที่เกิดความวุ่นวายที่ประตูหลัก

 

 

「……นาาาา ใจเย็นได้แล้วนะ?」

 

 

「ทำไมล่ะ! โดนดูถูกเลยนะ! ทำไมถึงได้ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ!!ไม่คิดจะโกรธเลยรึไง?!」

 

 

「……เอ่อก็แค่ไม่สบายใจ。……แต่นายก็ช่วยออกรับแทนผมแล้วนี่」

 

 

「เอะ……」

 

 

「แต่ว่า……ยังไงก็ขอบคุณนะ……」

 

 

「อะอืม!」

 

 

เขาขอบคุณข้า

 

 

เขาหันหลังให้โนโซมุเพราะเขินอายและรีบเดินไปยังห้องเรียนอย่างรวดเร็ว

 

 

ความโกรธของข้าหายไปหลังจากได้รับคำขอบคุณจากเขา

 

 

「………………」

 

 

「………………」

 

 

เดินต่อไปเงียบๆสักพัก

 

 

เมื่อวานข้าจำได้ว่าพวกเราต่างก็พูดคุยกับไอริสและพองเพื่อน

 

 

ความต่างชั้นที่โนโซมุได้รับ และข่าวลือนั่นก็บรรยายซะเกินจริงเสียมากทำให้ชายที่อยู่ตรงหน้าข้าต้องโดนสายตาแบบนั้นจับจ้องแทบทุกวัน

 

 

เกิดอะไรขึ้นกับโนโซมุกันแน่ ทำไมถึงได้เลิกกัน

 

 

ลองคิดดูแล้ว ข้าเองก็ไม่รู้จักโนโซมุมาก่อนจนกระทั่งก่อนขึ้นปี 2

 

 

จากช่วงเวลาในตอนนั้น ข้าสังเกตได้ว่ามีกำแพงแปลกๆขวางกั้นข้ากับโนโซมุ และในใจข้าก็มีความรู้สึกแปลกๆปะปนอยู่

 

 

นอกจากนี้สภาพของเขาในวันนี้ก็แปลกเอามากๆ ดูเหมือนว่ากำลังทำในสิ่งที่น่าเหลือเชื่อลงไป

 

 

ดูเหมือนว่าไอริสและคนอื่นๆเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายพวกเราก็ไม่สามารถข้ามผ่านกำแพงที่ขวางกั้นเรากับโนโซมุได้ และยิ่งเพราะเจ้าหมานั่นเลยทำให้คุยด้วยยากไปใหญ่

 

 

「…………เน่ โนโซมุ แกน่ะ……」

 

 

อาจเป็นเพราะต้องการขจัดความขุ่นมัวในใจหรือเพราะต้องการทำลายกำแพงที่ขวางกั้นพวกเราเอาไว้ ปากของข้าพยายามจะถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่แล้ว

 

 

(นี่ข้าจะบังคับให้โนโซมุต้องเล่าเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดงั้นเหรอ?)

 

 

「เอ๊ะ!!」

 

 

ทันทีที่พยายามจะพูด คำพูดของทิม่าก็เข้ามาในใจข้า ข้ารีบกลืนคำพูดลงไปทันที

 

 

ข้ายังจำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนสมัยเด็กของเขาที่โรงแรมของข้า

 

 

ตามเรื่องราวที่ได้ยินจากอิน่า ลิซ่า เพื่อนสมัยเด็กของเขา ตบหน้าโนโซมุด้วยความเกลียดชังราวกับว่าไม่เคยเป็นคนรักกันมาก่อน

 

 

(อย่างน้อยเราก็ไม่ใช่คู่กรณี ควรจะรอจนกว่าโนโซมุอยากจะพูดเองดีกว่าค่ะ)

 

 

「…………มีอะไรเหรอมาร์?」

 

 

โนโซมุพูดกับข้า แต่ข้าก็พูดอะไรไม่ออก

 

 

ก็อย่างที่ทิม่าพูด แม้ว่าจะได้ยินเรื่องราวจากอิน่า ข้าก็เข้าใจได้ว่าเรื่องที่โนโซมุปกปิดเอาไว้เขาไม่อยากจะพูดถึงมัน และเหนือสิ่งอื่นใดให้เจ้าตัวเป็นคนพูดจะดีที่สุด

 

 

「……เปล่า ไม่มีอะไร」

 

 

「……?」

 

 

ข้าเดินผ่านโนโซมุที่กำลังทำท่าทางโกรธนิดหน่อยและเดินไปที่ห้องเรียน ข้ารู้สึกว่าราวกับว่าจิตใจของข้าได้เติบโตขึ้นเล็กน้อย

 

 

◇◆◇

 

 

ณ ปี 3 ห้อง 1

 

 

นักเรียนที่นี่ไม่ได้ถูกย้ายไปในคาบเรียนแรก พวกเขาต่างนั่งรอจนกว่าอาจารย์จะมาถึง

 

ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังคุยกัน รอยยิ้มที่แสดงถึงความสุขแม้มองจากด้านข้างก็รู้สึกว่าสนิทกันแค่ไหน

 

คนสองคนเป็นคนที่ทุกคนต่างรู้จัก

 

 

หนึ่งคือสาวสวยผมสีแดงและรอยยิ้มอันมีเสน่ห์ ลิซ่า・ เฮาวด์

 

 

อีกคนเป็นหนุ่มผมบลอนด์ คนรักของลิซ่าในปัจจุบันและมีแรงค์ A เช่นเดียวกับลิซ่า เคน・โนทิส

 

 

「ลิซ่า วันหยุดนี้ ไปย่านการค้ากันไหม?」

 

「อืม แต่ว่า……ก็ดีเหมือนกันนะ? วันนี้เองก็อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะ……」

 

เคนชวนลิซ่าไปเดท

 

 

เขาแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนตามปกติ แต่ดูเหมือนว่าลิซ่าจะยิ้มแห้งๆ

 

 

「เมื่อวานความกังวลอันแสนยาวนานถูกสลัดทิ้งไปแล้ว ก็เพราะว่าแบบนั้นละมั้ง」

 

เขาแสดงรอยยิ้มบิดเบี้ยวเล็กน้อย

 

(ในที่สุดก็จัดการโนโซมุได้แล้ว และแน่ใจว่าหมอนั่นมันต้องตายไปแล้ว……)

 

เคนยิ้มแป้นหลังจากศัตรูหัวใจอย่างโนโซมุถูกจัดการไป

 

 

แต่การปลดปล่อยเหล่านั้นก็ไม่ได้หมายความว่าด้านมืดของเขาจะหายไป

 

 

 

จริงอยู่ที่ใบหน้าของเขาตอนนี้ดูอารมณ์ดีและเมื่อมองจากด้านข้างก็มีรอยยิ้มน่าดึงดูดเพราะเอาชนะเพื่อนสมัยเด็กได้ เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นศัตรูหัวใจมานานหลายปี มันทำให้เขามีด้านมืดเกิดขึ้นมาในจิตใจ

 

 

「งั้นเหรอ……」

 

「?? ลิซ่า มีอะไรงั้นเหรอ?」

 

「เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยน่ะ……」

 

 

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของเขาปกติมักจะเป็นรอยยิ้มที่มีซึ่งความเกลียดและบิดเบี้ยวนั้นแปรเปลี่ยนไปตามการแสดงออกของเขาซึ่งคอยหลอกล่อสิ่งรอบตัวมาตลอดหลายปี รวมทั้งหลอกลวงเพื่อนรักและเพื่อนสนิทด้วย

ไม่หรอก เธอคนนี้ไม่มีวันหันหลังกลับ

 

 

(ตอนนี้ไม่มีอุปสรรคอีกต่อไปมีแค่ข้าที่ได้อยู่ข้างลิซ่า……)

 

 

เคน ยังไม่ได้สังเกตเห็นเลย รอยยิ้มของเขาที่หลอกลวงคนรอบข้างนั้นต่างจากเมื่อก่อน รอยยิ้มในตอนนี้มันเริ่มบิดเบี้ยวเพราะตัวเขาที่เปลี่ยนแปลงไป

 

 

ลิซ่าเองก็ยังไม่สังเกตเห็น ความจริงที่ว่าเธอหนีความจริง นั่นก็เป็นสิ่งที่สร้างความกังวลให้กับตัวเธอเองเหมือนกัน

 

 

พวกเขาไม่ได้สังเกตซึ่งกันและกัน เกียร์ของความบ้าคลั่งเริ่มที่ขับเคลื่อนไปอย่างช้าๆ