“คุณพ่อคะ คุณพ่ออย่าพึ่งร้อนใจไปนะคะ ฉันจะโทรไปสอบถามเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” หลานเสี่ยวถางรีบวางสายไปทันที หลังจากนั้นจึงกัดฟันแล้วต่อสายหาสือเพ่ยหลินไป
จนกระทั่งเสียงรอสายดังขึ้นมาสองสามครั้ง หลังจากนั้นจึงถูกรับสาย อีกทั้งยังเป็นเฉินจื่อโร่วที่เป็นคนรับสาย “ใครคะ?”
หลานเสี่ยวถางขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉันคือหลานเสี่ยวถาง ต้องการพูดสายกับสือเพ่ยหลิน”
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นพี่นี่เอง ประทานโทษนะคะ โทรศัพท์ของเพ่ยหลินไม่ได้บันทึกเบอร์พี่เอาไว้!” เฉินจื่อโร่วหาวครั้งหนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาต่อว่า “พี่โทรศัพท์หาพี่เพ่ยหลินทำไมคะ? พี่เขาหลับไปแล้ว ไม่สะดวกที่จะรับสายค่ะ”
“เรื่องสำคัญ” หลานเสี่ยวถางเอ่ยขึ้นมาว่า “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
“เรื่องสำคัญงั้นหรือ?” จู่ ๆ เฉินจื่อโร่วก็หัวเราะออกมาทันที “คงจะไม่ใช่เรื่องงานประมูลหรอกใช่ไหมคะ?”
หลานเสี่ยวถางเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที เรื่องงานประมูล ที่แท้ก็เป็นเฉินจื่อโร่วที่เข้ามาขัดขวางเอาไว้
เธอกำโทรศัพท์ในมือแน่น “เธอให้เพ่ยหลินไปประมูล ใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะ เป็นอย่างไรบ้างล่ะคะ?” เฉินจื่อโร่วเอ่ยขึ้นด้วยความยโสเป็นอย่างมากว่า “ในตอนนั้นพี่เอง ไม่มีเสน่ห์นี้ใช่ไหมละคะ?”
หลานเสี่ยวถางเกิดโทสะจนแทบจะทะลุอก แต่ทว่า ก็เข้าใจว่าหากเธอบันดาลโทสะขึ้นมา กลับกันจะยิ่งตกลงไปในหลุมพรางของเฉินจื่อโร่วมากขึ้นไปอีก ดังนั้นแล้ว เธอจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างใจเย็นว่า “ฉันก็ให้คนกับเธอไปแล้วนี่ไง เงินก็ไม่เอาไปด้วยแม้แต่แดงเดียว เธอยังอยากได้อะไรอีก?”
“พี่เคยคิดบ้างไหมคะ ว่าฉันเพียงแค่จะอยากเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกแบบนี้เท่านั้น?” น้ำเสียงของเฉินจื่อโร่วเต็มไปด้วยความพยาบาท “ตอนฉันเรียบมหาวิทยาลัยก็รู้จักกับเพ่ยหลินแล้ว เป็นเพราะว่าพี่เป็นคนของตระกูลหลาน เอาอะไรมาวัดถึงให้พี่แต่งงานกับเขากัน?! น่าเสียดายนะคะ หลานเสี่ยวถาง ของที่ไม่ใช่ของพี่ยังไง ๆ ก็ไม่ใช่ของพี่อยู่วันยังค่ำ!”
หลานเสี่ยวถางโกรธจนถึงขีดสุดแต่กลับหัวเราะออกมา “ฮ่าๆ ในเมื่อเธอชอบเขามาตั้งนานแล้ว ในเมื่อความรักของเธอมันไร้ขอบเขต ถ้าอย่างนั้นแล้วตอนที่เขานอนติดเตียงอยู่สองปี ทำไมเธอถึงไม่ไปหาเขาบ้างเลยล่ะ?”
“ถ้าอย่างนั้นแล้วอย่างไรล่ะ พี่ก็แพ้ให้กับฉันแล้วนี่ไง!” เฉินจื่อโร่วหัวเราะเสียงเย็น “พี่เอ่ยซ้ำซากไปมาเกี่ยวกับสองปีก่อน มันกลับทำให้เขายิ่งเกลียดพี่เข้าไปใหญ่ ไม่ใช่หรือไงคะ!”
“ใช่แล้วล่ะ” จู่ ๆ หลานเสี่ยวถางก็รู้สึกปล่อยวางขึ้นมาเล็กน้อย “มันสามารถอธิบายได้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น——”
สามารถอธิบายได้เพียงแค่ เดิมทีสือเพ่ยหลินเป็นผู้ชายสารเลวที่ไม่รู้จักบุญคุณ!
“อธิบายว่าอะไรคะ?” เฉินจื่อโร่วเอ่ยขึ้น “อธิบายได้เพียงอย่างเดียวเลยไงว่าเขาไม่เคยรักพี่เลย!”
“ข้อนี้ฉันยอมรับนะ” หลานเสี่ยวถางหรี่ตาลง “เฉินจื่อโร่ว เธอเคยได้ยินประโยคหนึ่งไหม หมามันเปลี่ยนสันดานไม่ได้น่ะ ฉันขออวยพรให้เธอไปจนเธอแก่เถ้า ในตอนที่เดินแบบนั้นแล้ว พี่เพ่ยหลินของเธอยังคงรักเธออยู่อย่างนั้น ไม่ถูกสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างเธอในวันนี้แย่งไปก็แล้วกันนะ!”
“พี่——” เฉินจื่อโร่วโกรธจนตัวสั่น
หลานเสี่ยวถางวางสายโทรศัพท์ไปแล้ว รู้อยู่แน่แล้วว่าโทรศัพท์ไปหาก็ไร้ประโยชน์ เธอจำเป็นต้องไปพบกับสือเพ่ยหลินด้วยตนเองสักครั้ง
ในมือของเธอ ยังคงกุมอำนาจของเขาเอาไว้อยู่ข้างหนึ่ง บางที เธออาจจะสามารถใช้ประโยชน์จากอำนาจนี้ เพื่อเปลี่ยนแปลงการประมูลในวันนี้
ถึงอย่างไรก็ถาม ถึงแม้ว่า Times Group จะชนะการประมูล แต่ทว่า ขอเพียงแค่หนึ่งประโยคของสือเพ่ยหลิน โครงการนี้ก็จะสามารถไม่ต้องดำเนินต่อไปได้ อีกทั้งเมื่อเทียบกับการแข่งขันกับตระกูลอื่น ๆ แล้วนั้น ชัยชนะของตระกูลหลานถือว่ามีมากที่สุด
หลานเสี่ยวถางไปที่คฤหาสน์ก่อนเป็นลำดับแรก หลังจากที่เอากระเป๋ามาแล้ว หลังจากที่ยืนยันจากปากคนใช้แล้วว่าใบช่วงบ่ายสือเพ่ยหลินจะเข้าไปที่บริษัท เธอจึงเดินทางไปที่ Times Group
จะว่าไปแล้ว เธอแต่งงานกับสือเพ่ยหลินมาสองปี นี่ก็ยังคงเป็นครั้งแรกที่เธอไปที่บริษัทของเขา
ประชาสัมพันธ์ที่ชั้นหนึ่งย่อมต้องไม่รู้จักเธออยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าเธอไม่ได้นัดเอาไว้ก่อนหน้า แม้กระทั่งสีหน้าดี ๆ ก็ไม่มีให้แก่กันเลยสักนิด
ในตอนที่หลานเสี่ยวถางกำลังคิดว่าสามารถโทรศัพท์หาสือมูเฉินได้คนเดียวหรือไม่ ก็มองเห็นผู้ช่วยของสือเพ่ยหลิน
ในตอนที่สือเพ่ยหลินนอนติดเตียงผู้ช่วยท่านี้ก็เคยไปเยี่ยมเยียน ไปที่คฤหาสน์อยู่บ่อยครั้งมาก ก็รู้จักมักจี่กับหลานเสี่ยวถาง
เธอเรียกหยุดเขาเอาไว้ “คุณผู้ช่วยหนีคะ——”
“คุณผู้หญิง?” หนีเซี่ยงเหล่ยยกยิ้มเบา ๆ ให้กับหลานเสี่ยวถางอย่างมีมารยาทก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณมาหาท่านรองประธานหรือครับ?”
หลานเสี่ยวถางพยักหน้าหงึกหงัก ก็ไม่ได้มีปัญหากับการเรียกที่เข้าใจผิดของหนีเซี่ยงเหล่ยเมื่อครู่นี้อีกต่อไปแล้ว ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณสามารถพาฉันขึ้นไปข้างบนหน่อยได้ไหมคะ ประชาสัมพันธ์ของพวกคุณไม่รู้จักฉันน่ะค่ะ”
“ย่อมได้อยู่แล้วครับผม” ความประทับใจของหนีเซี่ยงเหล่ยมีต่อหลานเสี่ยวถางดีอยู่ไม่เลวเลยทีเดียว เป็นเพราะว่า เมื่อปีกลาย ยังมีใครที่จะสามารถเฝ้ารอคนที่ไม่สามารถยืนได้อีกต่อไป อีกทั้งยังยินยอมเสียสละวัยหนุ่มสาวของตนเองอีกด้วยกัน?
ทั้งสองคนมาถึงชั้นบนสุด หนีเซี่ยงเหล่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “คุณผู้หญิงครับ คุณรออยู่ตรงเขตรับรองแขกสักประเดี๋ยวดีไหมครับ ผมจะได้ไปแจ้งแก่ท่านรองประธาน?”
“ค่ะ” หลานเสี่ยวถางพยักหน้าหงึกหงัก
เธอรู้อยู่แล้วว่าสีหน้าของหนีเซี่ยงเหลียเมื่อครู่นี้มันเป็นเพราะว่าอะไร ย่อมต้อง เป็นเพราะว่ายายเฉินจื่อโร่วสินะ? กลัวว่าเธอจะเข้าไปเจอกับอะไรที่ไม่ดูไม่ดีงั้นหรือ?
เกรงว่า คนทั้งชั้นบนสุดนี้คงจะรู้กันหมดแล้วสินะ ความสัมพันธ์ระหว่างท่านรองประธานกับเลขาของเขา แต่ทว่ากลับไม่มีใครรู้เลยสักคนเดียว ว่าหลานเสี่ยวถางเคยเป็นภรรยาของเจ้าของบริษัทน่ะ!
ยี่สิบนาทีหลังจากนั้น สือเพ่ยหลินถึงจะออกมาจากห้องทำงาน ที่ด้านหลังของเขา ยังมีเฉินจื่อโร่วที่หน้าแดงเดินตามออกมากันด้วย
ทั้งสองคนเดินเข้ามาที่ห้องรับแขกด้วยกัน สือเพ่ยหลินควงแขนเฉินจื่อโร่วให้นั่งลงตรงข้ามกับหลานเสี่ยวถาง ก่อนที่น้ำเสียงจะแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่า “หลานเสี่ยวถาง ตอนนี้พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันแล้วนะ คุณยังตามมาราวีถึงบริษัทของผมอีกงั้นหรือ?”
หลานเสี่ยงถางบอกกับตนเองอยู่ไม่หยุดเลยว่าอย่าบันดาลโทสะ เป็นเพราะเหตุนี้ จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความพยายามให้เป็นปกติที่สุดว่า “เรื่องที่คุณรับปากฉันเอาไว้ ทำไมไม่รักษาสัจจะคะ? วันนี้ทำไม Times Group ถึงเข้าไปมีส่วนร่วมในการประมูล?”
“เรื่องนี้เองหรอกหรือ?” สือเพ่ยหลินมีท่าทางราวกับว่าไม่รู้มาก่อนเลยจริง ๆ มองเฉินจื่อโร่วที่อยู่ทางด้านข้าง
ใบหน้าของเฉินจื่อโร่วแสดงความงงงวยออกมา ก่อนจะชะงักไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “นี่ พี่เพ่ยหลินคะ ดูเหมือนว่าฉันจะแจ้งผิดไปแล้วค่ะ เดิมทีฉันคิดที่จะแจ้งกับฝ่ายการตลาดไปว่าวันนี้งานประมูลไม่ต้องไปเข้าร่วม ผลปรากฏว่าถูกพูดแทรกขึ้นมา พวกเขาถามฉันว่ายังจะไปอยู่ไหม ฉันก็เลยพูดส่ง ๆ ไปว่าไปน่ะค่ะ”
สือเพ่ยหลินได้ยินดังนั้น สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงการตำหนิใด ๆ เลย หลังจากนั้นจึงหยักไหล่ขึ้นลง ก่อนจะหันไปพูดกับหลานเสี่ยวถางอย่างขอไปทีว่า “ดูท่าแล้ว นี่คงเป็นเจตนารมณ์ของฟ้าล่ะมั้ง”