บทที่ 39 คัลเลอร์แมน

บทที่ 39 คัลเลอร์แมน

ที่แท้เกิ่งหย่าเฟยก็รู้อยู่แล้ว!

“หลี่ปิงตามจีบฉันมาหลายปีแล้ว ช่วงหลายปีนั้น เขาตั้งตัวเป็นศัตรูกับหนุ่ม ๆ ทุกคนที่วนเวียนรอบตัวฉันเลยด้วยซ้ำ” เกิ่งหย่าเฟยเล่าออกมา “แต่เขาไม่รู้ว่าทำแบบนั้นไป มีแต่จะยิ่งทำให้ฉันเกลียดเขามากขึ้น!”

อู๋ฝานเห็นท่าทีรังเกียจประหนึ่งเจอขยะเปียกจากใบหน้าของเกิ่งหย่าเฟย เขาย่อมรู้ดีว่าเกิ่งหย่าเฟยเกลียดชังการกระทำของหลี่ปิงเพียงใด เธอบอกหลี่ปิงแล้วด้วยซ้ำ แต่ว่าไม่ได้ผล

อู๋ฝานนึกสบถหลี่ปิงอยู่ในใจพักหนึ่ง ชายคนนี้ก้าวร้าวอย่างเห็นได้ชัด ทำประหนึ่งเกิ่งหย่าเฟยเป็นคนของตัวเอง ไม่ยอมให้คนอื่นที่เป็นเพศตรงข้ามได้เข้าใกล้เธอ ตราบใดที่หลี่ปิงมองว่าเป็นคู่แข่ง เขาจะตั้งตัวเป็นศัตรูและกำจัดไปจากเธอให้สิ้นซาก เพียงแต่เรื่องราวนั้นไม่ได้ทำเกิ่งหย่าเฟยรู้สึกดีแม้แต่น้อย มีแต่จะทำให้เธอรังเกียจมากขึ้น

อู๋ฝานทราบดีว่าตนเองตกเป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายในเหตุการณ์นี้เข้าให้ เรียกได้ว่าโดนผลกระทบเข้าเต็มเปา

“เพราะอย่างนั้น ฉันเลยขอโทษคุณที่ถูกลากมาเอี่ยวด้วย” เกิ่งหย่าเฟยหันมองอู๋ฝานพร้อมกล่าวบอก

“ไม่เป็นไรครับ ฉันไม่เก็บมาใส่ใจ” อู๋ฝานตอบรับ

เกิ่งหย่าเฟยคิดว่าอู๋ฝานเพียงตอบรับไปเพื่อปลอบใจตัวเอง เพียงแต่แท้จริงแล้ว อู๋ฝานไม่คิดเก็บเรื่องของหลี่ปิงมาใส่ใจจริง ตราบเท่าที่มันเกี่ยวข้องกับหลี่ปิงและเกิ่งหย่าเฟย เรื่องราวไร้สาระเหล่านี้ก็ไม่ใช่อะไรที่ควรต้องใส่ใจอีก

คัลเลอร์แมนอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเจียงโจว อยู่ห่างราว 10 นาทีเท่านั้น อู๋ฝานและเกิ่งหย่าเฟยมาถึงประตูหน้าคัลเลอร์แมนแล้ว หลี่ปิงและคนอื่น ๆ ที่มาถึงยังไม่เข้าไป แต่รอที่ประตูทางเข้า

พวกเขาไม่ได้รออู๋ฝาน แต่รอเกิ่งหย่าเฟย!

พอเห็นรถของเกิ่งหย่าเฟยเข้ามาใกล้ หลี่ปิงก็รีบเข้าไปทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ทว่าเมื่อเห็นอู๋ฝานนั่งอยู่ในรถของเกิ่งหย่าเฟย รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่ปิงก็แข็งค้าง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นครึ้มทะมึนทันที

“ทำไมนายถึงมากับหย่าเฟยได้ล่ะ?” หลี่ปิงตั้งคำถาม

“ฉันให้เขานั่งมาเอง” เกิ่งหย่าเฟยออกจากรถพร้อมกับจ้องมองหลี่ปิง

“หย่าเฟย ทำไมให้เขาขึ้นรถมาด้วยล่ะ?” หลี่ปิงเอ่ยถามด้วยความร้อนรน

“นี่มันรถฉัน จะให้ใครขึ้นรถก็เรื่องของฉัน ไม่ใช่เรื่องที่นายต้องสนใจ” เกิ่งหย่าเฟยตอบกลับประหนึ่งเอาไม้ฟาด

จากนั้นเกิ่งหย่าเฟยก็เดินไปข้างกายอู๋ฝาน “อาจารย์อู๋ เข้าไปในร้านกัน”

“ครับ” อู๋ฝานพยักหน้ายิ้มตอบรับ ก่อนจะหันมองยังหลี่ปิง แล้วเดินเข้าคัลเลอร์แมนพร้อมกับเกิ่งหย่าเฟย

หลี่ปิงยืนนิ่งด้วยสีหน้าอึมครึม แม้อู๋ฝานมองมาอย่างไม่สนใจ แต่มันกลับเป็นความหมายในเชิงยั่วยุในสายตาของหลี่ปิง ชายหนุ่มได้แต่ขุ่นเคืองอยู่ในใจ

“ไอ้คนจนนั่นกล้าดียังไงมาแย่งผู้หญิงของฉัน” หลี่ปิงสบถคำกราดเกรี้ยว

“นายน้อยหลี่ พวกเราก็เข้าไปกันดีกว่า”

“ตกลง!”

อู๋ฝานเพิ่งเคยมาร้านอย่างคัลเลอร์แมนเป็นครั้งแรก จึงเป็นการเปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง ร้านที่นี่มีสองชั้น มีพื้นที่นับพันตารางเมตร ตกแต่งอย่างหรูหรา บริกรหล่อเหลาและสวยงาม เรียกได้ว่ามีเสน่ห์ดึงดูดพอตัว

แม้ว่าคัลเลอร์แมนมีค่าบริการสูง แต่กิจการก็ดำเนินอย่างราบรื่นมาโดยตลอด เป็นการแสดงให้เห็นว่าเจียงโจวไม่ได้ขาดแคลนคนร่ำรวยแต่อย่างใด

“เมื่อไหร่จะมีภัตตาคารแบบนี้เป็นของตัวเองนะ” อู๋ฝานครุ่นคิดกับตัวเอง

หลังจากได้รับแหวนที่สามารถเทเลพอร์ตได้ อู๋ฝานจึงอยากใช้โลกอีกฝั่งหนึ่งของแหวนเพื่อช่วยทำให้กิจการขายบาร์บีคิวของตนเองดีขึ้น

เพียงแต่ความต้องการของตนเองช่างน้อยนิด ทักษะทำอาหารระดับสูงทำให้กิจการบาร์บีคิวดีขึ้นหลายเท่าตัว ทิ้งห่างร้านแผงลอยรอบด้านไปไกล

ในโลกแห่งเกมยังมีของดีอีกมากมาย อู๋ฝานยังไม่ได้นำของพวกนั้นมาใช้ด้วยซ้ำ แค่ใช้กับร้านบาร์บีคิวก็เพียวงพอแล้ว มันไม่จำเป็นถึงขนาดนั้นด้วยซ้ำ

นอกจากนี้ ความนิยมของกิจการบาร์บีคิวก็อยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่เดือน หลังอากาศเริ่มเย็นลง แม้คนอยากทานบาร์บีคิว แต่กิจการจะไม่ดีเท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ฉะนั้นหากอู๋ฝานต้องการทำเงินให้มากขึ้น ก็ต้องเริ่มในจุดที่แตกต่างจากผู้อื่น

การเปิดภัตตาคารเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี อู๋ฝานมีทักษะช่างฝีมือ ในโลกเกม เขาปลูกผักเอาไว้มากมาย และยังมีผลไม้และปศุสัตว์ทั้งหลายอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นแหล่งที่มาของวัตถุดิบ ตราบใดที่มีร้านเป็นของตัวเอง ก็สามารถเปิดร้านอาหารหรือภัตตาคารได้แล้ว

เพียงแต่การเปิดภัตตาคารไม่ได้ง่ายเหมือนตั้งแผงลอยขายบาร์บีคิว มันต้องใช้เงินทุน อู๋ฝานยังไม่มีเงินทุนขนาดนั้น จึงทำได้เพียงคิดวาดฝันเอาไว้ก่อน

ทุกคนมาใช้ห้องส่วนตัวที่จองเอาไว้ล่วงหน้า เนื่องจากเป็นเจ้าภาพในคืนนี้ หลี่ปิงจึงหยิบเมนูขึ้นมาสั่งด้วยตัวเอง ขณะสั่งอาหาร เขายังคอยถามความเห็นของเกิ่งหย่าเฟย ส่วนความเห็นของคนอื่นไม่อยู่ในความคิดของเขาด้วยซ้ำ

“คัลเลอร์แมนเป็นร้านที่ดี พวกเราโชคดีมากที่มีโอกาสมากินสักครั้งหนึ่ง ต้องขอบคุณนายน้อยหลี่เลยทีเดียว ไม่งั้นชั่วชีวิตนี้ของพวกเราอาจไม่มีโอกาสได้มากินที่นี่ด้วยซ้ำ พวกเรามาดื่มฉลองให้นายน้อยหลี่เสียหน่อย ดีไหม?” หนึ่งในเพื่อนร่วมงานของอู๋ฝานนามหลี่เทียนเอ่ยขึ้นมา

เขาเป็นชายร่างสูงใหญ่ จิตใจเรียบง่าย ไม่คิดมาก่อนว่าคำยกยอเหล่านี้จะทรงพลังไม่ใช่น้อย

“เห็นด้วย! วันนี้ต้องดื่มให้นายน้อยหลี่ที่พาพวกเรามาเปิดหูเปิดตาที่นี่” เพื่อนร่วมงานอีกคนหนึ่งนามหวังฝูตอบรับเห็นด้วย

คำเยินยอของคนทั้งสองเป็นเหตุให้หลี่ปิงเผยสีหน้ายิ้มแย้มได้อีกครั้ง อารมณ์ที่เคยขุ่นมัวไปบ้างเมื่อครู่ดีขึ้นมาไม่น้อยในตอนนี้

“นิดหน่อยน่า การได้กินอาหารที่นี่ไม่ได้มีค่ามากมายอะไร” หลี่ปิงโบกมือตอบ

“มันถือเป็นเงินเล็กน้อยสำหรับนายน้อยหลี่ แต่กับพวกเราอาจเป็นเงินเดือนทั้งเดือน” หวังฝูกล่าวต่อ

“ถูกต้องแล้ว พวกเราจะเทียบนายน้อยหลี่ได้ยังไง? กระเป๋าของนายน้อยหลี่กว้างกว่าเงินเดือนของพวกเราหลายเท่านัก” หลี่เทียนร่วมวงยกยอ “ไม่รู้เลยว่ามีหญิงน้อยหญิงใหญ่มากแค่ไหนมาตกหลุมรักคนหนุ่มมากพรสวรรค์อย่างอาจารย์หลี่”

“ไม่ว่าจะมีผู้หญิงมากมายและดีแค่ไหนเข้าหา ในใจของฉัน ไม่มีใครเทียบได้แม้เส้นผมของหย่าเฟย” หลี่ปิงใช้โอกาสนี้คว้าหัวใจเกิ่งหย่าเฟย เขาส่งสายตามองเกิ่งหย่าเฟยอย่างคะนึงหาและหลงใหล

“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น เรายังต้องกินอาหาร อย่าให้ฉันต้องคว่ำโต๊ะเลย” เกิ่งหย่าเฟยส่ายมือตอบด้วยสีหน้าจริงจัง

อู๋ฝานที่นั่งรับชมอยุ่เฉย ๆ แม้ไม่ได้หัวเราะคำตอบของเกิ่งหย่าเฟย แต่การได้เห็นสีหน้านิ่วคิ้วขมวดของหลี่ปิงก็มากพอที่จะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาได้

“อันที่จริง ฉันมองว่าอาจารย์เกิ่งกับคุณชายน้อยหลี่เหมาะสมกันดีแท้ เป็นคู่ที่ธรรมชาติประทานให้ด้วยซ้ำ”

“ถูกต้องแล้ว มีแต่คนที่ยอดเยี่ยมอย่างอาจารย์เกิ่งที่เหมาะสมกับนายน้อยหลี่”

หลี่เทียนและหวังฝูยังคงพยายามช่วยดันอย่างสุดฤทธิ์ คนทั้งสองไม่คิดพลาดโอกาสยกยอหลี่ปิงเลยสักครั้ง

ฝีปากทั้งสองดีเยี่ยม อู๋ฝานเดาได้เลยว่าคงไม่ได้ทำครั้งนี้ครั้งแรก