ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าอย่างไม่รู้ตัว

อย่างไรก็ตามผู้คนในร้านอาหารทั้งหมดดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงเวลาที่ผ่านไปและพวกเขายังคงให้ความสนใจและตั้งใจฟังสิ่งที่นักปราชญ์เล่า

น้ำเสียงของ เมิ่งจุนเหลียงไม่เปลี่ยนเลยเขาไม่เร่งรีบและกล่าวว่า:“ พระยูไลหันฝ่ามือของเขาและผลักราชาลิงออกจากเทียนเหมินตะวันตกเปลี่ยนนิ้วทั้งห้าเป็นภูเขา ทองคำ ไม้ น้ำ ไฟ และดินพวกมันถูกเรียกว่า “ภูเขาห้าธาตุ” เหล่าเทพเจ้าทั้งหมที่มาร่วมมือกันจับราชาวานรกล่าวสรรเสิญทีละตน: ” ทรงเมตตาแล้ว!! “”

เราต้องฝึกฝนด้วยความมุ่งมั่นไม่มีทางลัดในการฝึกฝน ก็เหมือนกับราชาวนรที่ขโมยกินลูกท้อเทพทั้งสวน สุดท้ายองค์ยูไลจึงมาปราบ มันคือเวรกรรม ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว วันนี้พอแค่นี้”

นี่มัน … จบแล้วเหรอ?

ขณะที่เมิ่งจุนเหลียงตบโต๊ะทุกคนก็ตื่นเจากฝัน

แม้ว่าข้าอยากจะรู้จริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่มีใครถามออกไป และพวกเขายืนขึ้นพร้อมกันและโค้งคำนับให้ เมิ่งจุนเหลียงในลักษณะของนักปราชญ์

ฉินม่านหยุน ก็ลุกขึ้นและทำแบบเดียวกัน

นางมองดูนักปราชญ์เดินออกจากร้านอาหารด้วยเท้าเปล่าด้วยสายตาที่ซับซ้อน

ลั่วซือหยู ถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอกและมองไปข้างหน้า: “มันจะดีมากถ้าข้าได้ไปที่โลกแห่งเทพเพื่อดูมัน”

ฉินม่านหยุน ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ซือหยูเจ้าจะไม่เห็นเรื่องนี้ เมื่อเจ้าไปที่โลกแห่งเทพ”

“ อา? ท่านพี่หยุน ท่านคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเท็จ?” ลั่วซือหยู ขมวดคิ้วและมองไปที่ ฉินม่านหยุน

”มันไม่ใช่ของปลอม” ฉินม่านหยุน ยังคงส่ายหัว

ลั่วซือหยู ไม่เข้าใจว่านางหมายถึงอะไร

แต่ในขณะนี้จักรพรรดิลั่วเข้ามาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ท่านฉินพูดถูก วังสวรรค์ไม่ใช่อาณาจักร ซือหยูความเข้าใจของเจ้ายังไม่มีเพียงพอ”

ลั่วซือหยู เพิ่งก้าวสู่โลกแห่งการฝึกตคนได้ไม่นาน

เมื่อเทียบกับโลกอมตะแล้ว วังสวรรค์ มีระดับที่สูงกว่ามาก มันไม่น่าแปลกใจที่มันสามารถสั่งทหารและเหล่าอัจฉริยะบนสวรรค์ได้ถึงหนึ่งแสนตน มีแม้แต่วัตถุศักดิ์สิทธิ์เช่นลูกท้อเทพและยาอมตะ

ฉินม่านหยุน ถอนหายใจและกล่าวว่า “ข้ามีบรรพบุรุษที่กลายเป็นอมตะในวังบรรพบุรุษของวังเต๋าและพวกเรามีมรดกแห่งเต๋าและข้ายังมีความเข้าใจเกี่ยวกับโลกอมตะอยู่บ้าง แต่ … เมื่อเทียบกับเรื่องเล่านี้แล้ว ของที่พวกเรามีเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ”

โลกอมตะไม่ได้สวยงามทุกหนทุกแห่ง มันยังมีการแข่งขันและยังมีความแตกต่างระหว่างความแห้งแล้งและความมั่งคั่ง

“ พี่สาวม่านหนุน วังเต๋ามีบันทึกของวังสวรรค์หรือปล่า?” ลั่วซือหยู ถามอย่างสงสัย

”ไม่” ฉินม่านหยุน ส่ายหัว “ของเหล่านี้พวกเราไม่เคยคิดจะหวังถึง”

แม้ว่าบรรพบุรุษของวังเต๋าจะกลายเป็นอมตะ แต่พวกเขาก็อาจไม่แข็งแกร่งเท่ากับหนึ่งในทหารสวรรค์ 100,000 นาย

ไม่ใช่ว่านางอยากเก็บความลับ แต่มันคือเรื่องจริง

ระดับของผู้ยิ่งใหญ่ที่ ลั่วซือหยู เล่ามา อาจจะแข็งแกร่งมากจนสั่นสะเทือนโลกแห่งการฝึกฝน!

ทันใดนั้นจงซิ่วก็พูดขึ้นด้วยความกลัว: “ข้าไม่สามารถนึกระดับการฝึกตนะของ ฉีเทียนต้าเซิ่น(หงอคง) ได้ แต่สุดท้ายเขาก็ถูกองต์ยูไลปราบได้อย่างง่ายดาย มันช่างเป็นระดับฝกตนที่น่าสะพรึง”

”อย่าพูดเลย! เทพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถพูดถึงได้!” ลั่วฮวงรีบหยุดจงซิ่วและพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด: “มีเพียงผู้แข็งแกร่งอย่าง เช่น หลี่กงซี ที่ทำให้ผู้คนเหล่านั้นยำเกรงได้”

อย่าพูดถึงคนใหญ่คนโตอย่างพระตถาคตแม้ว่าพวกเขาจะเป็นนายพลบนสวรรค์เช่นเนชาและเออร์ลัง แต่พวกเขาก็ไม่กล้านินทา

ข้าได้ แต่เก็บไว้ในใจและเคารพเงียบ ๆในใจ

ท่านพ่อ ท่านคิดว่าหลี่กงซซีจะมีลูกท้อเทพไหม” ลั่วซือหยู ถามอย่างสงสัย

“ ไม่ … ”

ลั่วฮวงส่ายหัวโดยไม่คิด แต่แล้วก็หยุดกะทันหันและนัคอของเขาก็หดลงในเสื้อ

เขาอาจมี!

หลี่กงซีเป็นคนระกับไหนกัน มันจะแปลกเหรอถ้าเขามีลูกท้อเทพ เมื่อเทียบกับพระตถาคตเขาอยู่ในระดับไหน?

ฉินม่านหยุน ตกตะลึงและถามแทบตัวสั่น“ เจ้าคิดว่าผู้ยิ่งใหญ่มีลูกท้อเทพหรือ?”

จักรพรรดิลั่วไม่ได้พูด แต่ ลั่วซือหยู พยักหน้าและกระซิบ: “เป็นไปได้มาก!”

พี่สาวม่านหนุน ท่านไม่รู้ว่าเราเคยเจออะไรมาก่อน “ลั่วซือหยู เล่า” ครั้งแรกที่ข้าเห็น ปรมาจารย์ หลี่ เขาขอให้ข้ากินแตงโมซึ่งมันเป็นแตงโมที่ดูธรรมดาและธรรมดามาก แต่ … มันทำให้ข้าฝ่าเข้าสู่ระดับสร้างรากฐานได้โดยตรง! ” ท่านอาจจะจินตนาการไม่ถึงว่า? มีความรู้แจ้งอยู่ในแตงโมนั่น!
ข้างหลี่กงซีมีเครื่องฟอกอากาศมันเป็นที่ผลิตปราณบิรสุทธิ์!! นอกจากนี้ยังมีอุปรกรณ์เทพที่เรียกว่าเครื่องกรองน้ำเพียงแค่เปิดก็จะมีน้ำจิตวิญญาณไหลออกมา! ข้าให้จี้หยกธรรมดาแก่เขาและเขาก็แกะสลักหยาบๆโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาทำให้จี้หยกฟีนิกซ์มีจิตวิญญาณที่แท้จริงขึ้นมา! เขาเขียนโคลงสั้น ๆ แต่มันมีเต๋าอมตะอยู่ภายใน! เขาชวนเราไปกินหม้อไฟ หม้อนี้มีเต๋าแห่งหยินและหยางและแม้แต่วิถีเต๋าในผัก! “

“ นอกจากนี้ชาที่เราเพิ่งดื่มวันนี้ … ”

เมื่อได้ยินลั่วซือหยูพูด นางก็ตกใจนางไม่ได้คิดมาก่อน เมื่อนางนึกถึงมันไม่มีอะไรธรรมดาเกี่ยวกับหลี่กงซี!

ฟู่–

ทุกครั้งที่นางพูดอะไรออกมา ฉินม่านหยุน ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดนางก็หยุด

เมื่อได้ฟังมันทำให้นางกลัวจนหนังศีรษะชา!

หลี่กงซีเป็นบุรุษอมตะผู้สูงศักดิ์ เขาจะต้องมีลูกท้อเทพ

นั่นคือลูกท้อเทพ ลูกท้อเทพที่สามารถทำให้ผู้คนเป็นอมตะ อยู่บนโลกตราบชั่วนิรันด์!

นี่คือเป้าหมายสูงสุดของผู้ฝึกฝนนับไม่ถ้วนแม้จะเป็นกลางวันหรือกลางคืน

”ค่อกๆ” ลั่วฮวงกระแอมไอเบา ๆ และกล่าวว่า: “ลูกท้อเทพ อาจเป็นเพียงเรื่องธรรมดาสำหรับหลี่กงซีแต่มันไม่ใช่สิ่งที่เราขอได้ อย่าปล่อยความคิดครอบงำจิตใจที่และอย่ารบกวน หลี่กงซี !”

ลั่วซือหยู และ ฉินม่านหยุน พยักหน้าในเวลาเดียวกันไม่กล้าถามต่ออีก

ข้าหวังเพียงว่า ปรมาจารย์ หลี่ ให้อะไรบางอย่าง มันก็เพียงพอสำหรับเขาแล้ว
(ประโยคนี้ไม่แน่ใจว่ามันแปลว่าอะไร)

หัวใจของ ฉินม่านหยุน ไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มีนน่าตกใจมากและมันส่งผลกระทบต่อสมองของนางตลอดเวลา

ช่างเป็นโอกาสที่ดีที่นางได้เดินทางมายังราชวงศ์เฉียนหลง!

นางเดินออกจากร้านอาหารอย่างช้าๆ

แต่เมื่อนางเห็นว่าริมฝั่งแม่น้ำไม่ไกลนักนักปราชญ์กำลังนั่งไขว่ห้างใต้ต้นวิลโลว์หันหน้าไปทางทะเลสาบโดยหลับตาเล็กน้อย

ท้องฟ้ที่ามืดลงและแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมากระทบนักปราชญ์ทำให้เขาราวกับกำลังสวมเสื้อคลุมสีเงินจางๆ ก็

นักปราชญ์ยังคงดูเหมือนจะเป็นนักปราชญ์ธรรมดาที่มีร่างกายทอ่อนแอ แต่ยิ่ง ฉินม่านหยุน จ้องที่มันมากเท่าไหร่นางก็ยิ่งรู้สึกว่าท่าทางของเขาดูไร้ตัวตนและดูราวเป็นภาพลวงตามากขึ้นและนางรู้สึกว่าเขาดูคลุมเครือเหมือนว่าเขาได้ผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบ

นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยกขาขึ้นและเดินไปหานักปราชญ์

ฉินม่านหยุน กล่าวด้วยความเคารพ: “รุ่นเยาว์ ฉินม่านหยุน คารวะผู้อาวุโส”

เมิ่งจุนเหลียงลืมตาขึ้นอย่างช้าๆและพูดเบา ๆ : “ข้าไม่ได้เป็นมากกว่านักปราชญ์มนุษย์และเจ้าเป็นผู้ฝึกตน มันไม่เหมาะที่จะเรียกข้าว่าผู้อาวุโส!”

”ท่านเป็นครูนี่คือกฎเหล็ก” ฉินหม่านหยุนวางท่าทางของเขาต่ำ “มีปัญหาที่รบกวนรุ่นเยาว์มาเป็นเวลานานข้าขอร้องให้ผู้อาวุโสไขปริศนา

เมิ่งจุนเหลียงมองไปที่นาง “มีปัญหาอะไร”

ฉินม่านหยุน หายใจเข้าลึก ๆ กัดริมฝีปากของนางแล้วพูดว่า “รุ่นเยาว์ขอกล้าถาม … เหตุใดเส้นทางแห่งความเป็นอมตะจึงพังทลาย?”