ตอนที่ 42 ผมหงอกขาวในชั่วข้ามคืน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 42 ผมหงอกขาวในชั่วข้ามคืน

เย่ว์จือกวงและผู้ช่วยหยางนั่งลงตรงข้ามกับผู้อาวุโสในวัยเกือบเก้าสิบปีทั้งสามคนที่ยังดูกระปรี้กระเปร่าและจิตใจดี

เมื่อหยวนเหยี่ยและอีกหลายคนเห็นดวงตาของเย่ว์จือกวงที่เหมือนกับลูกศิษย์ตัวน้อยของพวกเขาราวกับแกะ หัวใจของพวกเขาก็เต้นไม่เป็นจังหวะ

หลังจากผ่านไปสิบแปดปี ในที่สุดก็มาแล้วสินะ…

“พ่อหนุ่ม เธอคงไม่ได้มาหาฉันเพราะต้องการคำปรึกษาทางการแพทย์ใช่ไหม ฉันเห็นว่าเธอดูแข็งแรงดี!”

“หมอเทวดาหยวน แม่ของผมเมื่อสิบแปดปีก่อนเพราะประสบกับเรื่องสะเทือนใจ จู่ๆ เส้นผมก็เปลี่ยนเป็นหงอกขาวในชั่วข้ามคืน อาการนี้สามารถรักษาให้หายได้ไหมครับ” เย่ว์จือกวงเล่นสำนวนโดยเน้นย้ำคำว่า ‘เมื่อสิบแปดปีก่อน’ เป็นพิเศษ

หยวนเหยี่ยและคู่สามีภรรยาซย่าโหวโซ่วมองหน้ากัน

“เธอชื่ออะไร”

“เย่ว์จือกวงครับ”

“แซ่เย่ว์? จากเผ่าหมาป่าพระจันทร์น่ะเหรอ!” ในประเทศเหยียนหวงไม่มีคนใช้แซ่เย่ว์

“ใช่ครับ เผ่าของเรามีป่า ภูเขา และหุบเขา และพวกเราก็มีสมุนไพรหายากมากมาย หากว่าหมอเทวดาหยวนสนใจ คุณสามารถไปที่นั่นเพื่อรวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงยาได้” นี่เป็นคำเชิญที่หาได้ยากและเปี่ยมไปด้วยมารยาทที่ดี

ต้องรู้ก่อนว่า ยกเว้นของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวไม่กี่ชิ้นที่ทำมาจากวัตถุดิบในเผ่าหมาป่าพระจันทร์ นอกนั้นแม้แต่ต้นหญ้าต้นเดียวก็ไม่ได้รับอนุญาตให้นำออกจากเผ่า!

“ฉันเคยไปที่นั่นเมื่อยี่สิบปีก่อนและได้แลกเปลี่ยนความรู้ทางการแพทย์กับปรมาจารย์ยาปาถิงประจำเผ่าของเธอด้วย”

“คุณปู่ปาถิงไม่มีชีวิตอยู่แล้วครับ” ปาถิงเป็นปรมาจารย์ยาที่ยอดเยี่ยมแห่งเผ่าหมาป่าพระจันทร์

“ปรมาจารย์ยาปาถิงอายุน้อยกว่าฉัน…เฮ้อ ชีวิตคนเรานี้ไม่เที่ยงจริงๆ”

“หมอเทวดาหยวน อาจารย์ซย่าโหว อาจารย์แม่ครับ บุญคุณของพวกคุณทั้งสามคนที่ชุบเลี้ยงน้องสาวมาจนเติบใหญ่ เย่ว์จือกวงและเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเราจะขอจดจำไปตลอดชีวิต…”

“อย่าๆๆๆ มีอาจารย์ที่ไหนบ้างเรียกร้องเอาบุญคุณเลี้ยงดูจากศิษย์ อีกอย่างยังไม่แน่เสมอไปว่าเสี่ยวเยาเยาเป็นน้องสาวของเธอจริงๆ”

“เธอเป็นน้องสาวของผมครับ สายเลือดของเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเราค่อนข้างพิเศษเพราะมันสามารถตอบสนองต่อกันได้ ที่เอวของน้องสาวผมยังมีเครื่องหมายรูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่ ซึ่งนั่นเป็นตราชีวิตประจำผู้หญิงเผ่าหมาป่าพระจันทร์ของเรา ส่วนของผู้ชายจะเป็นตรารูปเขี้ยวหมาป่า”

หยวนเหยี่ยและคู่สามีภรรยาซย่าโหวโซ่วถอนหายใจพร้อมกัน รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย

เด็กน้อยที่เลี้ยงมาแต่อ้อนแต่ออก ดูเหมือนจะกลายเป็นของครอบครัวคนอื่นเสียแล้ว…

ซย่าโหวโซ่วถามด้วยใบหน้าจริงจังว่า “เสี่ยวเยาเยารู้ต้นกำเนิดของตัวเองหรือยัง”

“รู้แล้วครับ ผมเจอเธอที่เมืองเย่ว์ตูแล้ว”

อาจารย์แม่เล็ก “แล้วปฏิกิริยาของเธอล่ะ” ดูเศร้าเสียใจไหม

“…สงบนิ่งมากครับ ไม่ยอมรับแต่ก็ไม่ต่อต้าน” เหมือนกับว่าจะยังไงก็ได้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เย่ว์จือกวงก็พบว่ามันยากที่จะยอมรับ

“หมอเทวดาหยวน คุณเก็บน้องสาวผมได้จากที่ไหนเหรอครับ”

“ที่เส้นทางแบ่งระหว่างเขตป่าชั้นในและป่าชั้นนอกในป่าดึกดำบรรพ์ ตรงนั้นมีต้นท้อขนาดใหญ่ยืนต้นอยู่ต้นหนึ่ง ตอนนั้นดอกท้อกำลังบานสะพรั่ง ดังนั้นฉันจึงตั้งชื่อเธอว่ามู่เถาเยา”

“ครอบครัวของผมตามหาเธอมาสิบแปดปีแล้ว และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงหาอยู่”

“…เสี่ยวเยาเยาหายตัวไปได้อย่างไร ตอนที่ฉันเก็บเธอมาเลี้ยง เธอเหมือนเพิ่งอายุได้แค่หนึ่งเดือนเท่านั้น…”

เส้นเลือดบนหน้าผากของเย่ว์จือกวงโป่งพอง มือของเขากำหมัดแน่น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์

“เธอถูกพี่เลี้ยงที่ครอบครัวเราว่าจ้างให้มาดูแลเธอลักพาตัวออกมาครับ…พี่เลี้ยงคนนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังคงไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร อยู่ยังไม่เห็นคน ตายก็ยังไม่เห็นศพ”

เย่ว์จือกวงลุกขึ้นยืน ถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็โค้งตัวคำนับผู้อาวุโสทั้งสามอย่างสุดซึ้ง

ก่อนที่ผู้สูงอายุทั้งสามจะทันได้พูดอะไร พวกเขาก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ของเด็กที่เค้นมาจากจุดตันเถียนดังส่งมาจากทางข้างนอก

“ปู่ทวดใหญ่ ปู่ทวดเล็ก ย่าทวดเล็กครับ ซือจิ่นพาพี่สาวที่มาหาคุณย่าเยาเยามาแล้วครับ”

“เสี่ยวซือจิ่น พาแขกเข้ามาเร็วเข้า ประตูไม่ได้ล็อก”

“ครับผม ถ้างั้นซือจิ่นกับพี่สาวจะเข้าไปแล้วนะ”

เด็กชายตัวเล็กหันไปกล่าวกับถังถัง ก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปที่ห้องนั่งเล่น

เย่ว์จือกวงชะงักกึก

คิดไม่ถึงเลยว่ายัยผู้หญิงสติไม่ดีคนนี้ก็มาหาน้องสาวของเขาด้วย ไหนเธอบอกว่ามาถ่ายละครไง

“เสี่ยวซือจิ่น หนูรีบกลับบ้านไปอาบน้ำนอนเถอะ มันดึกแล้ว”

“ปู่ทวดย่าทวดก็ต้องรีบเข้านอนเหมือนกันนะครับ คุณย่าเยาเยากำชับไว้แล้ว ห้ามนอนดึกเป็นอันขาด”

“ได้ๆๆ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะเข้านอนแล้วเช่นกัน” แน่นอนว่าคำสั่งของลูกศิษย์ตัวน้อยต้องเชื่อฟัง!

“อื้มๆ งั้นซือจิ่นกลับบ้านแล้วนะ ราตรีสวัสดิ์ครับปู่ทวดย่าทวด ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ชายพี่สาว”

มู่ซือจิ่นโบกมือเล็กๆ และจากไป

หยวนเหยี่ยมองไปที่ถังถังที่เพิ่งนั่งลงและถามว่า “สาวน้อย เธอมาที่นี่เพื่อตามหาเสี่ยวเยาเยาของฉันเหรอ”

“ทั้งใช่และไม่ใช่ค่ะ ฉันสัญญากับเธอว่าจะโฆษณาผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านเถาหยวนซานให้ ดังนั้นฉันเลยแวะมาดูขณะที่หยุดพักร้อนอยู่”

“เสี่ยวเยาเยาเคยเปรยเรื่องนี้ให้เราฟังอยู่เหมือนกัน แต่ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเธอจะมาเยี่ยมชมสถานที่นี้ด้วยตัวเอง การเดินทางคงยากลำบากมากเลยสินะ ลำบากแม่หนูแล้วจริงๆ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับตา…เสี่ยวเยาเยาเป็นคู่หูกันมาหลายปี แค่ช่วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย” ถังถังยิ้มกว้างเหมือนดอกไม้

ผู้อาวุโสทั้งสามพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้ถามว่าพวกเธอเป็นคู่หูประเภทไหน

พวกเขาเชื่อใจลูกศิษย์ตัวน้อยสุดใจ

เมื่อรู้จุดประสงค์ในการมาเยือนของแขกแล้ว หยวนเหยี่ยก็ยิ้มและพูดว่า “คนรุ่นหลังทั้งสองกับสาวน้อย พวกเธอมาถึงเวลานี้คงยังไม่ได้ทานอาหารเย็นกันสินะ ที่บ้านยังมีหมูแดดเดียวกับเนื้อแดดเดียวอยู่ กินรองท้องกันก่อนดีไหม”

พวกเขามักจะกินข้าวเย็นเวลาบ่ายห้าโมงครึ่ง และตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ไม่สะดวกที่จะทำอาหาร อีกอย่างการกินข้าวดึกๆ ก็ไม่ดีต่อสุขภาพ!

นอกจากนี้ พวกเขาเป็นผู้อาวุโส จะปล่อยให้เด็กหนุ่มสาวที่มีมารยาทขนาดนี้เข้าครัวทำอาหารกินเองมันก็อย่างไรอยู่

“อาจารย์และอาจารย์แม่ของเสี่ยวเยาเยาทั้งสามคนไม่ต้องกังวลไปนะคะ พวกเราทานอาหารแห้งกันในรถแล้ว ต้องขอโทษจริงๆ ที่มารบกวนทุกคนตอนดึกแบบนี้”

อาจารย์แม่เล็กยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเธอมาด้วยกันเหรอจ๊ะ”

“ฉันขอติดรถพวกเขามาด้วยค่ะ อ๊า เกือบลืมไปเลย ยังมีอีกสองคนที่น่าจะมาถึงเร็วๆ นี้”

ทันทีที่เสียงของถังถังจบลง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

“พวกคุณมาถึงแล้วเหรอ”

“…”

“โอเค ตอนนี้ฉันอยู่ที่บ้านของหมอเทวดาหยวน”

“…”

“เดี๋ยวก่อน ขอฉันถามก่อน”

ถังถังวางโทรศัพท์มือถือลงและยิ้มอย่างน่ารักให้กับผู้อาวุโสทั้งสาม

“อาจารย์ อาจารย์แม่ของเสี่ยวเยาเยาคะ ไม่ทราบว่าที่บ้านพอจะมีห้องรับแขกเหลือไหม แบบว่าเราขอพักที่นี่หนึ่งคืนได้ไหมคะ”

“มีห้องรับแขกหลายห้องบนชั้นสาม คืนนี้พวกเธอก็ค้างคืนที่นี่เถอะนะ”

ตอนสร้างบ้าน พวกเขาจงใจเหลือเนื้อที่ไว้เพื่อสร้างห้องรับแขกหลายห้องโดยเฉพาะ ไว้สำหรับรับรองเหล่าลูกศิษย์และลูกๆ หลานๆ ที่มักจะมาเยี่ยมพวกเขาเป็นครั้งคราว

“ตกลงค่ะ ขอบคุณนะคะอาจารย์และอาจารย์แม่”

ถังถังแนบโทรศัพท์มือถือกับหูของตัวเองอีกครั้งและพูดอย่างมีความสุขว่า “พวกคุณมาที่บ้านของหมอเทวดาหยวนได้เลย”

หลังจากวางสายโทรศัพท์และพูดคุยกับคนในบ้านประมาณห้านาที บอดี้การ์ดและคนขับรถชั่วคราวก็มาถึง

หยวนเหยี่ยต้อนรับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ มีธุระอะไรไว้ค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้เถอะ เมื่อครู่พวกเธอคงได้ยินแล้ว พวกเราคนแก่หลายคนต้องพักผ่อนให้ตรงเวลา แม้ว่าเสี่ยวเยาเยาจะไม่อยู่บ้าน แต่ทุกคนในหมู่บ้านยังคอยจับตาดูพวกเราแทนเธออยู่”

“อาจารย์ อาจารย์แม่ หนูไปส่งพวกคุณที่ห้องนะคะ”

อาจารย์แม่เล็กโบกมือของเธอ “สาวน้อย เธอเดินทางมาไกล อยู่บนถนนมาทั้งวันแล้วคงเหนื่อยมาก ไปพักเถอะจ้ะ ห้องรับแขกอยู่บนชั้นสาม ทุกวันล้วนมีพวกชาวบ้านมาช่วยปัดกวาดทำความสะอาดให้ เพราะงั้นมันจึงสะอาดมาก พวกเธอสามารถเข้าพักได้อย่างวางใจ”

“โอเคค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขึ้นไปข้างบนกัน อาจารย์แม่ฉันช่วยประคองนะคะ”

ถังถังประพฤติตัวว่านอนสอนง่ายมากต่อหน้าผู้อาวุโส

นี่คือการประพฤติตัวที่ออกมาจากใจจริงของเธอ ไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำเพียงผิวเผิน

เย่ว์จือกวงเลิกคิ้วเล็กน้อย

ผู้หญิงหัวไม่ดีคนนี้เวลาทำตัวเชื่อฟังก็น่ารักเหมือนกันนี่นา!

เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนกับน้องสาวของเขา เวลารักบ้านเขาจึงรักอีกาบนหลังคาบ้านด้วย [1] ดังนั้นเธอจึงดูเจริญหูเจริญตากว่าเดิมมาก!

[1] เป็นสำนวนจีน หมายถึง เวลารักใครก็ต้องรักสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นด้วย