ตอนที่ 33 กระแนะกระแหน
ปล่อยเพลงดีๆ ออกมาสามเพลงติดต่อกัน
เด็กใหม่สมัยนี้ผลิตผลงานเร็วขนาดนี้เชียวเหรอ
มีคนถึงกับเริ่มสงสัยแล้วว่าเซี่ยนอวี๋เป็นพ่อเพลงคนไหนเปลี่ยนนามปากกามาแกล้งเพื่อนร่วมสายงานเล่นๆ
ถึงอย่างไรในวงการก็ไม่เคยห้ามเรื่องพวกให้นักประพันธ์เพลงใช้นามปากกาอื่นอะไรเทือกนี้
นอกจากนั้นแล้ว ด้วยนิสัยแปลกๆ ของพ่อเพลงแต่ละคน เรื่องทำนองนี้ก็ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คำตอบของภายในสตาร์ไลท์ในวันที่สองก็คือ
เซี่ยนอวี๋ไม่ใช่พ่อเพลงปลอมตัวมาแต่อย่างใด เขาเป็นเด็กใหม่จริงๆ
ในบริษัท ผู้ที่เคยเจอหลินเยวียนก็ล้วนยืนยันคำพูดนี้ ทั้งยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ‘เซี่ยนอวี๋เป็นผู้ชาย อายุไม่นับว่ามาก ปีนี้เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นาน…’
‘แสดงว่ามีเพลงเก็บไว้เยอะ’
‘จะว่าไปก็ถูก ไม่จำเป็นต้องผลิตผลงานมามาก เพียงแต่ก่อนที่เซี่ยนอวี๋เข้าในสายงานอย่างเป็นทางการ ได้สะสมเพลงดีๆ พวกนี้ไว้ ตอนนี้ปล่อยเพลงออกมาติดๆ กัน เลยทำให้ทุกคนมีภาพจำที่ดีมากกับเขา’
‘แต่นั่นก็ทำให้เห็นความสามารถที่แท้จริงของเขา’
ถ้าหากนี่เป็นการเล่นพิเรนทร์ของพ่อเพลง งั้นก็เหลือคำอธิบายเพียงอย่างเดียว
นักข่าวพยายามจะขอสัมภาษณ์เซี่ยนอวี๋ อยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเด็กใหม่ แต่ก็ถูกสตาร์ไลท์ปฏิเสธ และเหตุผลที่ปฏิเสธก็คือ
‘เซี่ยนอวี๋ไม่ชอบถูกรบกวน’
นี่ไม่ใช่เจตนาของสตาร์ไลท์ หากแต่เป็นความต้องการของหลินเยวียน ด้วยเหตุนี้เหล่าโจวก็ยังอุตส่าห์ไปถามความเห็นของหลินเยวียน
ไม่มีใครแปลกใจกับเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว
เพราะในวงการนั้นมีพ่อเพลงที่นิสัยเหมือนหลินเยวียนเยอะแยะไป
แต่ไหนแต่ไรพวกเขาไม่เคยให้สัมภาษณ์ แทบปฏิเสธการออกงานทุกประเภท นอกเสียจากว่าจะแจกลายเซ็นหลังผลงานของตน
อย่าว่าแต่หลินเยวียนเลย
แม้แต่บุคคลระดับพ่อเพลงบางคน ก็ยังลึกลับถึงขั้นที่เห็นแต่ชื่อ ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตาก็มี
เฉกเช่นประโยคดังของโลกการประพันธ์เพลงได้กล่าวไว้ ‘ยิ่งเราอยู่ห่างจากผู้ฟังมากเท่าไหร่ พื้นที่สำหรับจินตนาการในผลงานของเราก็จะมากขึ้นเท่านั้น’
ใครเป็นผู้ที่พูดประโยคนี้ไม่มีหลักฐานแน่ชัด
ทว่าประโยคนี้ก็เป็นเสียงสะท้อนจากใจของนักแต่งเพลงหลายคน
แต่ละคนก็มีนิสัยต่างกัน
บางคนอยากให้ทั้งโลกรู้จักตนเอง
กระนั้นคนที่เลือกอยู่หลังฉาก ส่วนมากไม่ได้สนใจการออกหน้าในที่สาธารณะ
ในยุทธภพซึ่งไร้ร่องรอยของปรมาจารย์ ทว่าทั่วทั้งใต้หล้าก็กลับมีตำนานของปรมาจารย์แพร่สะพัด นี่ไม่ได้นับว่าเป็นฝีมืออย่างหนึ่งหรอกหรือ?
…….
ต่อมาอีกหลายวัน เพลงติดไฟง่ายระเบิดง่ายนั้นเกรียงไกรเหลือเกิน ตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด ระยะห่างจากนักร้องสองคนก่อนหน้าหดลงมาเรื่อยๆ
และเมื่อเวลาเดินทางมาถึงวันที่เจ็ด
ณ ซาไห่คัลเจอร์ เจิ้งเลี่ยงนักร้องแถวหน้ากำลังอยู่ในห้องพักผ่อน เอ่ยเร่งเร้าผู้ช่วย “รีบโทรไปหาแผนกประชาสัมพันธ์เร็ว ฉันอยากให้โปรโมตมากกว่านี้ อันดับหนึ่งอยู่ห่างจากพวกเราไม่มากแล้ว!”
“ได้!”
ผู้ช่วยเองก็ตื่นเต้นมาก รู้สึกว่าแสงแห่งชัยชนะได้ปรากฏขึ้นแล้ว ทว่าขณะที่กำลังจะออกไปข้างนอก อยู่ๆ ก็กลับถูกผู้จัดการขวางไว้ “ไม่ต้องแล้ว”
เจิ้งเลี่ยงขมวดคิ้ว “ทำไมไม่ต้องแล้วล่ะ”
ผู้จัดการตอบ “อันดับมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว”
เจิ้งเลี่ยงพลันดีใจ “อันดับหนึ่งแล้วเหรอ ดีจังเลย แต่ก็ยังไม่มั่นคงพอ ต้องโปรโมตให้มากกว่านี้ สถานการณ์ยัง
น่าเป็นห่วงมาก”
“ไม่ใช่”
ผู้จัดการถอนหายใจอีกครั้ง “นายได้ที่สามแล้ว”
เจิ้งเลี่ยงสงสัยว่าตนหูฝาดไป “ผมไม่ได้อยู่ที่สองเหรอ”
ผู้จัดการส่ายหน้า “หลุดอันดับแล้ว”
เจิ้งเลี่ยงเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะถอนหายใจ ราวกับยอมรับในโชคชะตา
“ถูกไล่ตามมาทันแล้ว”
ผู้จัดการมองพลางเอ่ยถามเขาว่า “นายไม่ได้คาดการณ์ไว้แล้วเหรอ?”
เจิ้งเลี่ยงพยักหน้า “แต่ผมก็ไม่คิดว่าอาทิตย์แรกก็ถูกไล่ขึ้นมาแล้ว เดิมทีคิดว่าจะใช้โอกาสที่ติดไฟง่ายระเบิดง่ายยังไม่ไต่ขึ้นมา นั่งบนอันดับหนึ่งสักหน่อย”
ใช่แล้ว
เจิ้งเลี่ยงกระจ่างดีว่าติดไฟง่ายระเบิดง่ายจะต้องเป็นเพลงที่ชนะในเดือนนี้ เขาเพียงอยากขึ้นเป็นที่หนึ่งชั่วคราวก็เท่านั้น
‘เจียมเนื้อเจียมตัวไปหน่อยล่ะมั้ง’
เขาคิดอย่างจนปัญญา
ผู้จัดการเอ่ยปลอบ “ถึงยังไงพรุ่งนี้อันดับหนึ่งก็จะเปลี่ยนแล้ว ไม่ได้อันดับหนึ่ง ได้อันดับสองสามจะไปต่างอะไร”
“นั่นน่ะสิ”
เจิ้งเลี่ยงยิ้ม “ตอนนี้ บนโลกนี้คงจะไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเฉินจื้ออวี่ได้ดีกว่าผมแล้ว”
……
ความจริงแล้ว ไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้หรอก
เพราะคืนนั้นตอนสองทุ่ม อันดับหนึ่งก็เปลี่ยนแล้ว
ทุกคนที่เปิดดูชาร์ตเพลงใหม่ก็ล้วนเห็นว่าอันดับหนึ่งบนชาร์ตได้กลายเป็น ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’ แล้ว
เนื้อร้อง/ทำนอง: เซี่ยนอวี๋
ยอดดาวน์โหลด 335,100
ต้องบอกว่ายอดดาวน์โหลดนี้สูงกว่าตัวเลขของสิบอันดับแรกในสัปดาห์แรกของชาร์ตดาวรุ่งมากโข
แต่นี่ก็คือพลังของนักร้องที่มีชื่อเสียงแล้ว
ต่อให้เป็นชื่อเสียงของจ้าวอิ๋งเก้อก็ใช่ว่าศิลปินหน้าใหม่จะเทียบได้ ถึงยังไงคนเขาก็เป็นผู้ชนะรายการ ‘สะพรั่ง’
ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยนอวี๋ก็ไม่ใช่เด็กใหม่เอี่ยมอ่องอีกต่อไป เขามีผลงานชิ้นโบว์แดงถึงสองเพลงภายใต้ชื่อนี้
ทว่ากลับไร้ซึ่งความประหลาดใจที่ควรเกิดขึ้นในวงการ
แม้ว่าผลงานของ ‘ติดไฟง่ายระเบิดง่าย’ ในวันแรกจะเป็นนิมิตหมายของตอนจบก็ตามแต่
‘พลิกกระดาน’
‘โต้กลับ’
‘ม้ามืด’
‘สลับขั้ว’
ในสมองของผู้คนนับไม่ถ้วนปรากฏคำศัพท์ที่คล้ายคลึงกัน
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าการปิดล้อมของอิ๋นกวงและซาไห่ กลับกลายทำให้นักร้องแถวหน้าทั้งสองกลายเป็นแท่นหินให้จ้าวอิ๋งเก้อเหยียบ
ในวันนี้
พาดหัวข่าวของสื่อในฉินโจวก็เปลี่ยนไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ‘เพลงแรกของจ้าวอิ๋งเก้อหลังเดบิวต์ เบียดแซงนักร้องแถวหน้าสองคน!’
เดิมทีเป็นการวัดพลังกันระหว่างนักร้องแนวหน้าสองคน
ในตอนนี้เจิ้งเลี่ยงและเฉินจื้ออวี่กลายเป็นตัวประกอบเสียอย่างนั้น
อิ๋นกวงและซาไห่รวมพลังกัน แต่ไม่เหมือนกับการโจมตีจ้าวอิ๋งเก้อเอาเสียเลย เหมือนตั้งใจแอสซิสต์สองครั้งให้เธอทำคะแนนซะมากกว่า
จ้าวเจวี๋ยหัวเราะจนตัวโยน
ก่อนหน้านี้ที่รู้ว่าอิ๋นกวงและซาไห่จะร่วมมือกันโจมตีสตาร์ไลท์ เธอแทบจะคิดว่าจ้าวอิ๋งเก้อหมดหวังแล้ว
ใครจะรู้ว่าเพลงติดไฟง่ายระเบิดง่ายถึงกับกลบข้อด้อยของชื่อเสียงนักร้อง พาจ้าวอิ๋งเก้อทะยานขึ้นบัลลังก์แชมป์อย่างราบรื่น
คำวิจารณ์ของคนในวงการเหล่านั้นไม่ผิด
นี่เป็นกรณีศึกษาที่พ่อเพลงพาเพลงโด่งดังอย่างหนึ่ง
จ้าวเจวี๋ยเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เพลงเพิ่งจะไต่ขึ้นอันดับหนึ่ง เธอก็โทรศัพท์หาคู่แข่งอย่างสีเหม่ยของอิ๋นกวงทันที ประโยคแรกที่เอ่ยปากพูดก็คือ “ฉันต้องขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของอิ๋นกวงด้วยนะ”
“เหอะๆ”
สามบริษัทบันเทิงใหญ่เป็นคู่แข่งกันมาชั่วนาตาปี ไหนเลยสีเหม่ยจะฟังคำกระแนะกระแหนของจ้าวเจวี๋ยไม่ออก
อย่างไรซะทุกคนก็ไม่ได้ฉีกหน้ากันเป็นครั้งแรก
สีเหม่ยโต้กลับในทันใด ด้วยคำกระแนะกระแหนเหมือนกัน “เซี่ยนอวี๋ดึงจ้าวอิ๋งเก้อขึ้นไปถึงระดับสูงที่ไม่เหมาะกับตัวเอง”
“ไม่ต้องลำบากคุณมาช่วยออกความเห็นหรอก”
ในสายงานนี้ นักร้องที่ดังได้ร้อยละแปดสิบก็เพราะมีพ่อเพลงดันขึ้นไป
จ้าวเจวี๋ยหัวเราะตัดบทอย่างได้ใจ
จากนั้นก็โทรไปหาอริเก่าแก่อีกคนอย่างซาไห่
น้ำเสียงของหัวหน้าผู้จัดการคนนั้นของซาไห่ก็ยิ่งเชือดเฉือน พ่นคำแดกดันออกมาโดยตรง “ยิ่งยืนสูง ตกลงมาก็ยิ่งสาหัส”
“งั้นก็ต้องปีนให้สูงกว่านี้สิคะ”
จ้าวเจวี๋ยเอ่ยพลางหัวเราะร่า การตอบโต้ระดับนี้รบกวนจิตใจเธอไม่ได้เลย แต่ความหดหู่ก่อนหน้านี้กลับผุดขึ้นมาในใจ
เมื่อเห็นว่าเพลงของตนขึ้นแตะอันดับหนึ่ง ความรู้สึกของจ้าวอิ๋งเก้อก็ราวกับกำลังอยู่บนรถไฟเหาะก็ไม่ปาน
ก่อนหน้านี้เธอก็เหมือนกับจ้าวเจวี๋ย คิดว่าเดือนมกราคมมีนักร้องแถวหน้าสองคนลงสนาม ตนหมดหวังจะชิงมงกุฎแล้ว
แต่ในยามที่เธอสิ้นหวังที่สุด เซี่ยนอวี๋สำแดงปาฏิหาริย์ของพ่อเพลง เพลงติดไฟง่ายระเบิดง่ายใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ ก็กลายเป็นเพลงอันดับหนึ่งของเดือนมกราคมแล้ว!
ความคิดที่สองก็คือ
เมื่อเผชิญหน้ากับเพลงที่ยอดเยี่ยม แผนสมรู้ร่วมคิดทั้งปวงล้วนเปล่าประโยชน์ เพลงดีหนึ่งเพลงจะทำลายทุกเล่ห์กล!
ก็เหมือนกับเพลงชื่อนี้
ทั้งติดไฟ…ทั้งระเบิด!
……………………………………….