ตอนที่ 29 ความทะนงของตระกูล

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

อู๋หมัวมัวรู้ว่าเป้าหมายในวันนี้คือการรับตัวไป๋จิ่นซิ่วกลับจวนและยับยั้งไม่ให้ฉินหล่างย้ายออกจากจวน นางรีบหัวเราะเพื่อทำลายบรรยากาศ

“ฮูหยินซื่อจื่อ ท่านเข้าใจผิดแล้วเจ้าค่ะ! ฮูหยินของบ่าวมิได้หมายความเช่นนั้นเจ้าค่ะ ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินก็มิกล้าให้องค์หญิงใหญ่ออกมาต้อนรับพวกเราหรอกเจ้าค่ะ! ฮูหยินของบ่าวแค่เป็นห่วงองค์หญิงใหญ่และนายหญิงใหญ่เท่านั้นเองเจ้าค่ะ ท่านหวังดีแต่แค่มิรู้จะกล่าวเช่นไร จะกล้าประณามพวกท่านได้อย่างไรกันเจ้าคะ”

อู๋หมัวมัวยิ้มประจบพลางลอบกระตุกแขนเสื้อของเจี่ยงซื่อ “ฮูหยินได้ยินว่านายหญิงใหญ่ฟื้นแล้ว! วันนี้เลยตั้งใจมารับนายหญิงใหญ่กลับจวนเจ้าค่ะ! แต่ในเมื่อมาแล้วก็ควรไปคาราวะองค์หญิงใหญ่ด้วย พอได้ยินว่าองค์หญิงใหญ่ไม่สบายจึงรู้สึกว่าตนมาไม่ได้จังหวะถึงได้กล่าวออกไปเช่นนั้นเจ้าค่ะ ฮูหยินซื่อจื่อกับฮูหยินของบ่าวรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ยังมิรู้นิสัยของท่านอีกหรือเจ้าคะ”

เจี่ยงซื่อข่มโทสะในใจ ขยำผ้าเช็ดหน้าในมือจนแทบแหลกถึงระงับอารมณ์ไว้ได้ กล่าวขึ้น “ฮูหยินซื่อจื่อ เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ข้าก็นิสัยเช่นนี้ นี่เป็นการเข้าใจผิดกันทั้งนั้น”

ต่งซื่อไม่สนใจอุบายของเจี่ยงซื่อ นางสวมกำไลหยกเนื้อดีที่ข้อมือ หากนางวางมาดนายหญิงของตระกูลขึ้นมาคงสูงส่งกว่าเจี่ยงซื่อไม่รู้ตั้งกี่เท่า “เช่นนั้นแล้ว ฮูหยินโหวมาที่จวนวันนี้เพื่อขอขมาหรือ”

“ข้าอยากรับจิ่นซิ่วกลับจวน อย่างไรนางก็เป็นสะใภ้ตระกูลฉิน อยู่บ้านฝ่ายหญิงตลอดคงมิงาม ผู้คนอาจนินทาได้” เจี่ยงซื่อกล่าว

“เจี่ยงเฝิงชุน เจ้าอย่ามาอ้อมค้อมกับข้า!” ต่งซื่อเรียกฮูหยินแห่งจวนจงหย่งโหวด้วยชื่อเต็มของนาง “เมื่อวานมีพระราชโองการพระราชทานจวนให้ฉินหล่างหนึ่งหลัง หากฉินหล่างย้ายออกก็เท่ากับเป็นการประกาศว่าจวนจงหย่งโหวไม่มีความปรองดอง เรื่องที่ลูกสาวสองคนของเจ้าทำกับจิ่นซิ่วคงจะแดงขึ้นมา! เจ้าจนตรอกแล้วจึงมาที่จวนเจิ้นกั๋วกงเพื่อรับตัวจิ่นซิ่วกลับไป หวังห้ามมิให้ฉินหล่างย้ายออกจะได้กู้หน้าให้จวนจงหย่งโหวของเจ้า เช่นนั้นใช่หรือไม่!”

เจี่ยงซื่อโดนต่งซื่อเปิดโปงอย่างไม่ไว้หน้า สีหน้าของนางแย่ลงทุกที อู๋หมัวมัวรีบกล่าวแทน “ฮูหยินซื่อจื่อ ฮูหยินของบ่าวแค่นึกถึงตระกูลเป็นหลักเจ้าค่ะ ล้วนเป็นคนตระกูลเดียวทั้งนั้น! ท่านคิดดูสิเจ้าคะ…พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ครบ จะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกได้อย่างไรเจ้าคะ! ที่จวนเจิ้นกั๋วกงของท่านเจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ก็เพราะไม่มีบุตรคนใดแยกจวนไปอยู่กันเอง จวนท่านจึงมีวาสนามีคุณชายทั้งสิบเจ็ดแห่งตระกูลไป๋เช่นนี้มิใช่หรือเจ้าคะ! แต่นี่…พ่อแม่ยังอยู่ครบกลับจะย้ายออกไป เกรงว่าภายภาคหน้าซื่อจื่อของบ่าวจะโดนคนครหาว่าอกตัญญูเจ้าค่ะ”

แค่หมัวมัวคนเดียว ต่งซื่อไม่จำเป็นต้องลดฐานะไปสนใจ ต่งซื่อยกถ้วยชาขึ้นจิบชา ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยขึ้นช้าๆ “นี่คือความต้องการของฮูหยินโหวเช่นนั้นหรือ”

เจี่ยงซื่อไม่อยากคุยกับไป๋ชิงเหยียน ยกถ้วยชาขึ้นจิบจึงพบว่าต่งซื่อไม่แม้แต่จะเตรียมชาต้อนรับไว้ให้นาง เจี่ยงซื่อโมโหทันที สะบัดผ้าเช็ดหน้า “ข้าหวังดีกับฉินหล่างและเมียของเขา”

“ฮูหยินโหวช่างกล้าพูดเสียจริง ฮองเฮาทรงกำชับให้พี่เขยอยู่จวนใหม่ เดินเส้นทางใหม่ แต่ท่านกลับบอกว่าไม่ให้พี่เขยย้ายออกเพราะหวังดีกับเขา ท่านฉลาดกว่าฮองเฮาอีกหรือเจ้าคะ!” ไป๋จิ่นถงขมวดคิ้วถาม

เจี่ยงซื่อใจเต้นรัว ต่อให้นางกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าสงสัยในคำพูดของฮองเฮา นางตวาดออกไป “เจ้าอย่ากล่าวเหลวไหล!”

ดวงตาของไป๋ชิงเหยียนเป็นประกาย เอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม “วันนี้ฮูหยินโหวไม่พาคุณหนูทั้งสองของจวนจงหย่งโหวมาขอขมาน้องรองของข้า แต่กลับเดินวางท่าเข้ามาในจวนเจิ้นกั๋วกง มาถึงก็กล่าวว่ามารับตัวน้องรองของข้ากลับจวน! ฮูหยินโหวคิดว่าตระกูลไป๋กลัวจวนจงหย่งโหวของท่าน หรือคิดว่าตระกูลไป๋ของเราโง่เสียจน…ยอมส่งตัวน้องรองกลับไปให้จวนจงหย่งโหวของท่านรังแกอีกเจ้าคะ!”

“ข้าขอบอกกับฮูหยินโหวตรงๆ …” ไป๋จิ่นถงเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ “วันที่พี่เขยมาสำนักผิด พี่รองของข้าบอกกับพี่เขยว่านางยอมให้ลูกสาวของท่านตีหัวโดยไม่โต้ตอบเพราะอยากปูทางให้พี่เขยได้ย้ายออกมาจากจวน หากพี่เขยไม่กล้าย้ายออกจากจวนจงหย่งโหวก็ไม่คู่ควรกับบุตรสาวตระกูลไป๋ คงต้องหย่าร้างกัน ต่อให้ต้องมองหน้ากันไม่ติดพี่รองของข้าก็จะขอหย่า พี่รองไม่มีทางใช้ชีวิตร่วมกับพี่เขยอีกแน่!”

เจี่ยงซื่อและอู๋หมัวมัวเบิกตาโพลง นึกไม่ถึงเลยว่าสตรีที่ดูอ่อนแออย่างไป๋จิ่นซิ่วจะใช้อุบายร้ายกาจถึงเพียงนี้ หย่าร้าง! คนสูงศักดิ์ตระกูลใดเคยหย่าร้างบ้าง!

เจี่ยงซื่อโมโหจนมือสั่น ไป๋จิ่นซิ่วช่างร้ายกาจยิ่งนัก นี่มันต้องการบีบให้นางจนตรอกชัดๆ !

สายตาเย็นชาของไป๋ชิงเหยียนมองไปทางอู๋หมัวมัว ยิ้มเย็น “ฝ่าบาทมีพระราชโองการลงมา ฮองเฮาก็ทรงตรัสไว้เอง ผู้ใดกล้านำเรื่องความกตัญญูมาขัดขวางอนาคตของฉินหล่างก็เท่ากับเป็นการตำหนิฝ่าบาทและฮองเฮา! ฉินหล่างเตรียมเก็บของแล้ว ตอนนี้เหลือแค่ย้ายออกจากจวนเท่านั้น น้องรองของข้ามีอนาคตที่สดใสรออยู่ ส่วนฮูหยินโหว…ลอบวางแผนทำลายฉินหล่างโดยไม่เลือกวิธีมาหลายปีก็เพราะอยากได้ตำแหน่งซื่อจื่อมิใช่หรือเจ้าคะ บัดนี้ฉินหล่างสละตำแหน่งให้แล้ว เหตุใดฮูหยินโหวมิกล้ารับไว้เล่าเจ้าคะ”

อู๋หมัวมัวตะลึงจนหนาวเหน็บไปทั้งร่าง เมื่อครู่นางเป็นคนนำเรื่องความกตัญญูมาอ้าง

“ต่งหวั่นจวิน วันนี้ข้าตั้งใจมารับจิ่นซิ่วกลับจวนด้วยตัวเอง! เจ้าดูสิว่าทั่วทั้งเมืองหลวงมีแม่สามีที่ใจกว้างเช่นข้าอีกหรือไม่ แต่ข้ากลับมิทันจะได้นั่งพัก! ชาสักถ้วยก็มิได้ดื่ม กลับถูกเด็กสองคนของจวนเจิ้นกั๋วกงเหยียบหน้าเช่นนี้!” เจี่ยงซื่อโมโหเป็นอย่างมาก เรียกต่งซื่อด้วยชื่อเต็มยศ

นางตบมือลงบนโต๊ะน้ำชาอย่างแรง “ถึงข้าเป็นแค่แม่เลี้ยง แต่ท่านโหว พ่อแท้ๆ ของฉินหล่างยังอยู่! พ่อแม่มีชีวิตอยู่ไม่แยกจวน คุณหนูรองของจวนเจ้าเพิ่งแต่งงานกับฉินหล่างได้ไม่นานก็ยุยงให้เขาย้ายออกเช่นนี้ ยังมีความกตัญญูอยู่บ้างหรือไม่ หากเรื่องนี้แพร่ออกไปมิกลัวผู้คนติฉินนินทาหรืออย่างไร”

ต่งซื่อเป่าชาในถ้วยเพื่อไล่ความร้อน ขี้เกียจเถียงกับเจี่ยงซื่อ กล่าวเพียงแค่ “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้าคิดอันใดอยู่หรือ เจ้าคิดว่าตระกูลไป๋ยกลูกสาวให้ตระกูลเจ้า เจ้าเป็นแม่สามี ตระกูลไป๋ของเราต้องเคารพยำเกรงเจ้าเพราะห่วงอนาคตของจิ่นซิ่วอย่างนั้นหรือ! แต่ว่านะเจี่ยงเฝิงชุน…ตระกูลไป๋ของเราล้วนหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี มิใช่ว่าผู้ใดนึกอยากรังแกแล้วจะรังแกกันได้ง่ายๆ เจ้ากลับไปคิดทบทวนให้ดีแล้วค่อยมาใหม่ไม่ดีกว่าหรือ”

“ต่งหวั่นจวิน!” เจี่ยงซื่อตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืน สะบัดผ้าเช็ดหน้าเตรียมเดินจากไป “พวกเจ้าคอยดูเถิด ต้องมีวันที่พวกเจ้าได้ร้องไห้แน่ๆ !”

อู๋หมัวมัวพยายามรั้งเจี่ยงซื่อที่เดือดดาลถึงขีดสุดเอาไว้ พยายามส่งสายตาให้ “ฮูหยินเจ้าคะ นายหญิงใหญ่บาดเจ็บอยู่ ฮูหยินซื่อจื่อเป็นญาติฝ่ายนางคงโกรธจนกล่าววาจาไม่เข้าหูไปบ้าง ท่านเข้าใจหน่อยเถิดเจ้าค่ะ! ท่านใจร้อนเกินไป หากท่านจากไปตอนนี้คงแก้ไขความผิดใจกันของสองตระกูลไม่ได้อีกเลยนะเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองดูเจี่ยงซื่อที่เตรียมสะบัดผ้าเดินจากไป เอ่ยขึ้นช้าๆ “พอกล่าวถึงเรื่องบาดแผลของน้องรอง ข้าขอถามฮูหยินโหวสักหน่อยเถิด หลังจากที่น้องรองตกน้ำจนสลบไป…ฮูหยินขายสาวใช้ติดตามของนางให้ผู้ใดกันเจ้าคะ พ่อแม่ของสาวใช้เหล่านั้นมาคุกเข่าร้องถามอยู่หน้าจวนเจิ้นกั๋วกง ข้าเองก็สงสัยเช่นกันว่าผู้ใดกล้ารับซื้อตัวสาวใช้พวกนั้นทั้งๆ ที่สัญญาทาสของพวกนางยังอยู่ที่น้องรองของข้าอยู่เลย! หรือว่า…สาวใช้พวกนั้นอยู่ที่จวนของฮูหยินเหมือนกับหมิงอวี้เจ้าคะ”