ผมจะทำเป็นไม่สนใจแม้ผมจะรู้สึกอยากตายๆไปให้พ้นๆเพราะเหตุผลบางประการ . . .
ยัยยูริหัวม้วนนั้นพูดอะไรออกมาน่ะหรอ ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งน๊านนนนนนนนนนนนน
แม้ว่าผมตอนนี้อยากจะหนีความจริงไปซ่อนในที่ๆไม่รับรู้อะไรมากเพียงใด
แต่ตอนนี้ ผมทำได้เพียงแค่ต้องอดทนและอยู่ในซีเรียสโหมดต่อไปเท่านั้น
แต่ เห้อ . .
ผมควรจะทำอะไรดีล่ะเนี้ย~~
แม้ว่าผมจะโดดสูงแค่ไหนแต่ผมก็บินอยู่บนฟ้าไม่ได้หรอกนะ
สำหรับตอนนี้ สิ่งที่ผมคิดออกคงเป็น “เอาไอ้นั้นออกมา” สินะ
[ จงเปิดออก ประตูแห่งความว่างเปล่า ! ” ไดเมนชั่น เกต ” ]
ผมกล่าวออกมาเบาๆเป็นภาษาเวทย์มนตร์อิสเรียว ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างวิ่งเป็นเส้นตัดผ่านถุงมือของผมไปตามนิ้วมือ เมื่อแสงสว่างเหล่านั้นหายไป ก็ปรากฎดาบที่ดูมีราคาในมือขวาของผม มันคือดาบคู่ที่ผสมผสานกัน [ Carbunculus ] นั้นเอง
ถูกแล้วครับ ดาบนี้คือสิ่งที่ผมใช้จัดการเหล่าดราก้อนซอมบี้ที่ไล่หม่ำมาน่าและพักพวกเมื่อซักครู่ ซึ่งตอนนั้น ผมนำดาบคู่ที่อยู่ในมือมาเชื่อนติดกันให้กลายเป็นดาบเพียงเล่มเดียว และผมใช้มันขว้างออกไปแทนหอกนั้นเอง
ส่วนการนำมันกลับมาคืนหลังจากเขวี้ยงมันออกไปน่ะหรอ ? ผมเพียงแค่รวบรวมพลังเวทย์ที่อยู่รอบๆและส่งมันลงไปที่อักขระเวทย์ที่ถูกสลักอยู่ในถุงมือขวาของผมเพื่อเริ่มการทำงาน
เอาล่ะ สำหรับตอนนี้ มีเพียงอย่างเดียวที่ผมจะทำ . . คือ ” ฆ่า ” พวกมันอย่างเดียวเท่านั้น
ราวกับพวกมันตระหนักถึงตัวตนของผมว่าคือ ศัตรูของพวกมัน เหล่าดราก้อนซอมบี้จำนวนมากต่างบินโฉบลงมา
ผมเอง ก็กระโดดออกจากหลังคา และฟันเจ้ามังกรนั้นขาด 2 ท่อนไปตัวหนึ่ง และไช้ร่างนั้นเป็นที่หยั่งเท้า เพื่อกระโดดขึ้นไปอีกขั้น
[ . . . ย๊ากกก ]
ในขณะที่กระโดดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วราวกับจรวด ผมก็หั่นเหล่ามังกรซอมบี้เป็น 2 ท่อนด้วย Carbunculus มันดูราวกับว่าเพียงผมพุ่งผ่านพวกมันก็ขาดเป็นชิ้นๆ
ไม่เพียงแค่หัว ร่างกายของพวกมันก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงแค่เศษซากของก้อนเนื้อที่ลอยเต็มท้องฟ้า
เพียงแค่กระโดดขึ้นฟ้าเพียงครั้งเดียว พวกมันก็ถูกผมสังหารไป 20 ตัว
แต่ถึงกระนั้นผมก็ลอยตัวอยู่ในอากาศได้เพียงไม่กี่วิ ผมก็ถูกแรงดึงดูดของโลกดึงตกลงมา
[ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ใครจะไปรู้ว่าจะต้องเสียวลาอีกมากขนาดไหน . . . ถ้างั้น !! ]
ผมเหยียบชิ้นส่วนของปีกมังกรซอมบี้ที่กระจายอยู่รอบๆตัวผมและเริ่มจะตกลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วๆเท่าๆผม ผมใช้มันหยั่งเท้าเพื่อกระโดด
แต่ไม่ใช้เพื่อกระโดดขึ้นไป แต่เพื่อพุ่งไปข้างหน้า !!
ในจังหวะนั้น ผมปรับเปลี่ยนดาบของผมกลับมาเป็น ดาบคู่ . .
และจุดที่ผมกระโดดไปนั้น คือที่หลังของมังกรซอมบี้ตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหมายจะหม่ำผม
และนั้น ในจุดที่ผมอยู่คือบนหลังของมังกรซอมบี้ ผมฟันดาบคู่คริสตัลฟ้าเขียวของผมออกไป
ดาบคู่คริสตัลที่ผมฟันออกไปอย่างรวดเร็ว มันตัดผ่านอากาศ จนมองเห็นดาบเป็นเพียงแค่แสงว๊าบเท่านั้น
และด้วยการฟันอย่างรวดเร็วเช่นนั้น มันทำให้เกิด ซ๊อคเวฟ ขึ้น
การฟันอากาศด้วยเร็วนั้น ทำให้เกิดเป็น พายุคมดาบขึ้น !!
แม้ว่าผมจะเรียกการฟันดาบคู่ด้วยเร็วแสงจนเกิดพายุคมดาบ ว่าช็อคเวฟก็เถอะ
แต่ถ้าผมจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คงเรียกว่า “รังสีดาบ” มันก็ฟังดูเท่เหมือนๆกันเนาะ ?
รังสีดาบที่พุ่งไปนั้น เริ่มจากมังกรซอมบี้ใต้เท้าของผมถูกหั่นก่อน และมันก็พุ่งหั่นเหล่ามังกรซอมบี้ที่พุ่งขึ้นมาหมายจะหม่ำผม
[ เห้อ . . จัดการได้อีก 20 ตัว ]
……………………………..
หลังจากนั้น . .
อ่าา ไม่สิ ในตอนนั้น . . .
ในตอนที่เหล่ามังกรซอมบี้ถูกหันเป็นชิ้นๆ . .
ใช้ศพของพวกมันหยั่งเท้าพุ่งทยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับลม . .
พร้อมทั้งกวัดแกว่งดาบคู่เรืองแสง
เจ้าของร่างนั้น . .
ช่างเหมาะสมกับฉายา StormBringer จริงๆ
มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ. . .
มันดูราวกับเป็นพายุจริงๆ
ร่างของคนผู้นั้นที่อยู่บนท้องฟ้า
เขากวัดแกว่งดาบคู่ของเขา แสงที่เกิดจากการฟันดาบตัดผ่านเหล่ามังกรซอมบี้พวกนั้น
พวกมันกลายเป็นชิ้นๆแทบจะในทันที
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า คนชุดดำนั้นแม้ว่าถูกรุมล้อมโดยเหล่ามังกรซอมบี้
แต่พวกมันก็ถูกฟันเป็นชิ้นๆกระจายไปทั่วท้องฟ้า. . .
ภาพที่โหดร้ายเหล่านั้น
มันเกิดจากเพียงแค่การฟันดาบธรรมดา . .
ธรรมดาเท่านั้น . .
การต่อสู้ครั้งนี้. .
มันเป็นเพียงการถล่มยับอยู่ฝ่ายเดียว. .
เพียงไม่กี่นาที . .
มันเป็นก็เป็นชัยชนะของ คนผู้นั้น
เพชฌฆาตแห่งความมืด . .
ชัยชนะของ StormBringer
[ นะ- , นี่แหละค่ะ การต่อสู้ของเพชฌฆาตแห่งความมืดผู้ที่ว่ากันว่าสามารถขับไล่1 ใน 6 ดาบขุลพลได้ !! . . ]
เพราะภาพของชิ้นส่วนต่างๆของมังกรซอมบี้ที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า และเริ่มที่จะลุกไหม้กลายเป็นเถ้า
เฮนเรียสต้าเธอถึงกับกล่าวออกมาอย่างสั่นเทา
มีเพียงความรู้สึกหวาดกลัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เฮนเรียสต้ารู้สึกกับคนผู้นั้น . . .
ไม่มีการใช้เวทย์มนตร์ใดๆ แต่กับแข็งแกร่งขนาดนั้น
เขาเหยียบย่ำเหล่าผีร้าย
หรือศัตรูที่เข่นฆ่าเหล่ามนุษย์ชาติที่รู้จักกันในชื่อ มังกร
เพชฌฆาตแห่งความมืด . .
เธอรู้แก่ใจดีว่าเขานั้นไม่ใช่ศัตรู
แต่ถึงกระนั้น เฮนเรียสต้าเธอก็ตระหนักถึงพลังของคนๆนั้น มันควรจะเรียกว่าสัตว์ประหลาด
พลังของคนๆนั้น. .
พลังที่สามารถกวาดล้างเผ่าพันธุ์ที่คิดจะเป็นศัตรูกับเขาได้อย่างสิ้นซาก
เผ่าที่ถือว่าเป็นภัยพิบัติต่อมนุษย์ชาติ
โดนเขากำจัดจนสิ้น
นี่คือสิ่งที่เธอรู้
คนๆนี้คือสัตว์ประหลาดตัวจริง
[ ดูเหมือนว่าจะจบลงแล้วสินะคะ ]
[ ! อลิเซียซัง ? ]
เฮนเรียสต้าเธอหันหลังกลับไปตามเสียงเรียกนั้น
ร่างของเด็กหญิงผมสีเงินผู้งดงาม
นั้นคือ อลิเซียที่กำลังขี่เจ้านกสีเงินนั้นเอง
[ ทุกๆคน ปลอดภัยดีนะคะ ]
[ คุ- , ค่ะ !! ]
[ ถ้าไม่นับที่มาน่าเธอกัดลิ้นตัวเองเมื่อซักครู่ พวกเราก็ปลอดภัยดีค่ะ ]
อลิเซีย ที่ตอนนี้กำลังสวมชุดกระโปรงในโทนสีชมพูอ่อนๆถามออกมา
มาน่าเธอก็บังขับไม้กวาดลงมาที่ข้างๆอลิเซีย
เอริและเฮนเรียสต้าเองก็ลงจากไม้กวาด
[ อร่าาา , อลิเซียซัง!! คุณบาดเจ็บตรงไหนรึปล่าวคะ!! คุณไม่เป็นอะไรนะคะ!! ดิชั้นเป็นห่วงคุณมากๆเลยค่ะ !! ]
[ อ่า-. . ฮะๆ . ดิชั้นไม่เป็นอะไรค่ะ ]
อลิเซียตอบกลับพร้อมกับถอยห่างเฮนเรียสต้าอย่างช้าๆ ที่ตอนนี้กำลังตื่นเต้น ทำท่าทางแปลกๆ และเริ่มทำหน้าตาน่ากลัวพิกล
และเธอก็หันสายตาของเธอไปมอง ณ บนสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียง
ที่บนนั้น มีร่างของ เพชฌฆาตแห่งความมืด ผู้ที่สวมชุดดำทั้งตัวกำลังยืนอยู่
[ . . . พะ- , พวกเรา ถูกช่วยไว้โดยคนๆนั้นค่ะ ]
[ ค่ะ ดิชั้นทราบดีอยู่แล้ว ]
[ . . เอ๋ ? ]
มาน่าที่กำลังพยายามจะอธิบายสถานการณ์ของเธอ แต่ว่า อลิเซียเธอกับยอมรับโดยง่าย
แต่เธอก็ไม่ได้หันสายตาของเธอไปไหน ยังคงจ้องไปยังร่างของคนๆนั้น
[ . . . . . ]
[ ? ]
นักรบคนนั้นเขาเองก็หับมาสบตาเช่นกัน แต่ทันใดนั้น เขาหันกลับไปด้านหลังราวกับสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง
[ สถานการณ์ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ฮึ ? ]
ร่างๆหนึ่งที่จู่ๆก็โผล่ลงมายืนที่ข้างๆสาวๆ กล่าวถามออกมา
[ ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ ถ้าหากสถานการณ์ยังดำเนินไปในลักษณะนี้ ในช่วงรุ่งเช้า ดูเหมือนว่าจะสามารถเริ่มงานบูรณะเมืองกันได้ค่ะ ]
[ ฟุเอ๊ะ !! ]
มาน่าตกใจให้กับเอลฟ์ชายร่างใหญ่ที่จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นมา นั้นเพราะตาเอลฟ์นั้นโผล่มายืนที่ด้านหลังของมาน่า
[ ! . . . ชั้นไม่รู้สึกถึงตัวตนของเขาเลยซักนิด ! ]
[ อืม นั้นก็เพราะข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะถูกเหล่าเด็กสาวอย่างพวกเธอรับรู้ตัวตนได้หรอกนะ ]
แทบจะในฉับพลัน เอริเธอเข้ามายืนคั้นกลางระหว่างมาน่าและตาเอล์ฟ
[ เขาชื่อว่ากิลเล่ค่ะ เขาเป็นเอลฟ์แห่งแสงสว่างที่มาจากหมู่บ้านเอลฟ์ที่ชื่อว่า [ Wales ] ซึ่งตอนนี้เขามาเปิดโรงแรมอยู่ในเมืองแห่งนี้น่ะค่ะ ถึงเขาจะดูเป็นแบบนี้ แต่เดิมแล้วเขามีน่าที่ในการสอดแนมน่ะค่ะ และทักษะการลบตัวตของเขานั้นถือว่าสูงเอามากๆ ]
จากการแนะนำตัวโดยอลิเซีย ตาลุงเอลฟ์ร่างยัก
กิลเล่เขาได้ยืนกอดอกพร้อมกัยยิ้มแฉ่งออกมา
………………………….
ในอีกสถานที่หนึ่งที่ซึ่งห่างไกลจากทั้ง 3 สาว ห่างไกลจนตามลุงเอลฟ์ไม่สามารถจับสัมผัสได้
มันเป็นจุดที่ผมจับสัมผัสบางอย่างได้เล็กน้อยจากสิ่งก่อสร้างแถวๆนั้น
และเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงจับจ้องไปยังบริเวณนั้น
นั้นก็เพราะการเคลื่อนไหวของอัมบร้าเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก มันช่วยไม่ได้ที่จะทำให้ผมรู้สึกอารมณ์เสีย
เมื่อ 3 ปีก่อน พวกเรา .. ,
หรือกลุ่มของท่านผู้กล้า ในระหว่างการเดินทางนั้นพวกเราได้เดินทางมาถึงเมืองๆหนึ่ง
ตอนนั้นที่เมืองนี้ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี ทำให้พวกเราไม่ได้เอ๊ะใจเลยซักนิด
เพราะความจริงว่าเมืองแห่งนี้ได้ตายลงไปแล้ว และ มันถูกควบคุมโดยไอ้หมอนั้น
นอกจากที่เราได้รับการเชื้อเชิญให้เดินเข้าไปหากับดักนั้น ผมขอพูดรวมๆตั้งแต่ต้นจนจบเลยก็แล้วกัน
มันคือเหล่านักรบเขี๊ยวมังกรและเหล่ามอนเตอร์ประเภทซอมบี้จำนวนมากมาย พวกนี้แหละที่บุกมาถล่มพวกเรา
แล้วก็ ดูเหมือนว่าในช่วงสุดท้ายนั้น มอนเตอร์ที่ถูกเรียกว่า อัศวินวิญญาณได้ถูกส่งเข้ามาในสนามรบในช่วงสุดท้าย
อัศวินวิญญาณคือ อัศวินที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน และดูเหมือนว่าในช่วงที่มันยังมีชีวิตนั้น พวกเขาจะเป็นผู้กล้าของอาณาจักรที่นำพาประเทศของตนชนะสงสครามในหลายต่อหลายครั้ง รู้สึกว่ามอนเตอร์ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะถูกจัดการลงโดยลีโอฮาร์ทและซิลเวีย และพวกเราก็สามารถเอาชนะเจ้านักบวชนอกรีดนั้นลงได้. . .
อืมมันดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น . .
. . . . ถ้าหากคุณสงสัยว่าทำไมผมถึงพูดว่า “ดูเหมือนว่า” หรือที่ผมอธิบายแบบคลุมเคลือแบบนั้นล่ะ
อืม . .
นั้นก็เพราะผมไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนั้นเลยซักนิด
นั้นก็เพราะผมดันกินมากเกินไปในงานเลี้ยงต้อนรับพวกเราพวกเราและหลังจากนั้นผมอยู่ไหนน่ะหรอ . .
ผมก็หลับสนิทกรนคร๊อกๆอยู่บนเตียงน่ะครับ
ผมคิดว่าผมเคยบอกพวกคุณมาแล้วนะเรื่องนี้เมื่อ 4 เดือนก่อน ที่ผมเคยบอกว่าผมสามารถนอนหลับสนิทได้ทุกที่ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม
(แต่ดูเหมือนว่าความคิดนั้นของผมได้ถูกทำลายลงแล้วโดยห้องพักของทางกิลลัคซีเรีย)
ผมน่ะ ไม่ว่าที่ไหนๆ ผมก็สามารถนอนหลับอย่างเป็นสุขได้เสมอ หรืออีกความหมายคือ
ไม่ว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมก็สามารถหลับสนิทได้อยู่ดี
แม้ว่าสถานที่ๆผมนอนตอนนั้นจะอยู่ท่ามกลางการสนามรบ ผมก็สามารถนอนหลับอย่างสบายใจ
( ถึงกระนั้น ถ้าหากผมกำลังจะถูกฆ่าตอนนอนล่ะก็ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง )
แน่นอน ผมตื่นขึ้นมาหลังจากที่เรื่องราวต่างๆได้จบลงแล้ว
ถูกปลุกโดยการถีบจากซิลเวีย
มันช่างเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆ . .
เอาล่ะๆ กลับเข้ามาพูดเรื่องหลักของเรากันต่อ เหตุการณ์ในตอนนั้นกับตอนนี้มีอะไรที่เหมือนๆกันหลายๆอย่าง
มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ที่อัมบร้านั้นมักจะใช้พวกมอนเตอร์ประเภทผีเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการต่อสู้ของเขา
แต่ถึงกระนั้นเขาเองนั้นก็เป็นจอมเวทย์ และตอนนี้ได้กลายเป็นตัวโกงไปเป็นที่เรียบร้อย
อ่า ยังไงซะ สิ่งที่พวกเรามักพูด 2-3 สิ่งเช่น “majutsushi” “mahoutsukai” หรือ “madoushi” ความหมายของพวกมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก
แม้ว่า “mahou tsukai” จะแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “จอมเวทย์” แต่ผมรู้สึกว่ามันควรจะอ่านเป็น ” tejinashi ” มากกว่านะ
ถึงแม้ หลายๆอย่างตอนนี้กำลังกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้วก็ตาม
แต่ผมก็ยังคงระแวงในสิ่งที่อัมบร้าจะทำอะไรต่อไป
เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งตอนนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำอีก แล้วทำไมเหตุการ์ที่เกิดขึ้นซ้ำในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นครั้งที่ 3 อีก ละ
มันก็เหมือนกับที่หลายๆคนเคยพูดว่า ” ชั้นไม่มีทางหลงกลเดิมๆอีกครั้งหรอกน่าา !!” แล้วก็โดนกลๆเดิมหลอกเอาอยู่ดี . .
ยังไงซะ เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ?
ไม่ว่าจะซักกี่ครั้งที่ผมจะหลงกลนั้น มันก็ไม่มีทางได้ผลหรอก ฮะฮ่า หาว่าผมมั่วเรอะ?
ปล่าวเลยเพราะผมมีเทคนิคสุดยอดที่ชื่อว่า “อมตะ” อยู่ไง
ในครั้งที่ผมกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงที่มาจากหินติดต่อที่หูของผม
((ยู !!))
มันเป็นเสียงของอลิเซีย
จากน้ำเสียงที่ร้อนรนนั้น ผมรีบเร่งประสาทสัมผัสของผมให้เฉียบคมยิ่งขึ้น และ !!
[ ชะย๊าาาา ~!! ]
[ . . . หาา !? ]
ที่ตรงนั้น ประสาทสัมผัสของผมตกหวบลงทันที ประสาทสัมผัสที่ที่เต็มเปรี่ยมดั่งลูกบอลที่ถูกอัดลมจนเต็ม ตอนนี้กลายเป็นดั่งบอลที่แฟบลง
ท่ามกลางสนามรบที่มีบรรยากาศที่ซีเรียสคลุ่งไปทั่วเมื่อซักครู่
ตอนนี้กลับมีเสียงที่ฟังดูโง่ๆตะโกนออกมาเข้ามาในโสดประสาทผม . .
ไอ้เสียงนั้น และความตึงเครียดของผม . .
มันเป็นของ เบอร์นาเดส อย่างไม่ต้องสงสัย . .
ชิ . .
อะไรของยัยบ๊องนี่วะเนี้ย . .
(( ที่หัว !!!!! ))
ในขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไป จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาประทะที่หลังหัวของผม จนปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้า
. . . อืม ผมก็ไม่เห็นหรอกว่าอะไรเกิดขึ้นที่ด้านหลังของผม แต่ผมโครตแน่ใจเลยว่าผมถูกอัดจนปลิวเมื่อซักครู่
[ อุก- . . เจ็บนะ , ยัยซิสเตอร์เสียของนี่ ]
ผมถูกตีหัวจนตกจากตึงสูงที่ยืนอยู่ ล่วงลงสู่พื่นโดยลืมเก๊กหล่อ . . .
[ ! ]
และในตอนนั้น ตอนที่ผมกำลังตีลังกาไปข้างหน้าพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดในใจที่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาซักพัก
จากจุดที่ผมตีลังกาหลบเมื่อซักครู่ มันก็ถูกระเบิดเป็นจุล
[ ดิฉันมีชื่อว่า เบอร์ฺนาเดส !!ดิฉันจะจัดการแก เพราะมันคือหน้าที่ของ “Agent” ]
เธอมองลงมาจากด้านบนของสิ่งก่อสร้างนั้น เบอร์นาเดส เธออยู่ในท่าเตรียมพร้อมและเล็งปืนคู่ของเธอมาที่ผม สายตาคู่นั้นของเธอ มันเป็นสายตาที่ผมเคยเห็นเธอเคยแสดงให้ผมเห็นครั้งแรกที่เราพบกัน
มันเป็นสายตาของเธอเวลาที่เธอเอาจริง
. . เห้ย เห้ย , อยู่ๆก็มาจะจัดการกันมันไม่รุนแรงไปหน่อยรึ?
ก็จริงในตอนนั้น เพราะเธอต้องการที่จะตามผมมาให้ได้อย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเลยบอกเธอว่าเมืองนี้น่ะกำลังถูกโจมตีโดยปีศาจระดับดยุค และนั้นมันทำให้มาน่าและคนอื่นๆกลายเป็นแพะรับบาป รึหมายความว่า ผมต้องการให้เธอไปปกป้องคนพวกนั้น
แต่เอ๊ะ ถึงผมจะบอกให้ไปปกป้องพวกมาน่า แต่ว่าพอมาคิดๆดูแล้วเอริและเฮนเรียสต้ามักจะอยู่ข้างๆตัวมาน่าเสมอ และผมก็ไม่ได้บอกเธอถึงรายละเอียดหรือวิธีการพูดที่ทำให้แยกแยะเธอออกจากคนอื่นๆได้ ผมแน่ใจได้เลยว่าตอนนั้นผมพูดไปเพียงแค่ว่ามาน่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของพวกปีศาจหรืออะไรเถือกนั้นเพื่อให้ผมเลิกเกาะนึบกับผม
[ ยังคงนิ่งสงบอยู่ได้นะคะ ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะดิฉันก็จะจัดการแก เจ้าพวกปีศาจ !! ]
ไม่ต้องให้นานนักหลังจากที่เธอกล่าวออกมาอย่างนั้น เบอร์นาเดสเธอยิงกระสุนเวทย์มนตร์ออกมาอย่างไม่ลังเล
. . . เอ๊ะ ? เดี่ยวนะ ปีศาจงั้นเรอะ !! เห้ย -มันอันตรายชัดๆ
ถึงแม้ผมจะยกดาบของผมขึ้นมาป้องกันพวกมันอย่างฉับพลัน แต่เบอร์นาเดสก็ยิงออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ลังเลเลยซักนิด
[ เดี่ยวก่อนค่ะ !! เขาคือ—– ! ]
อลิเซียที่ส่งเสียงร้องออกมาเพื่อที่จะหยุดเบอร์นาเดสแต่ว่า . .
เบอร์นาเดสได้กระโดดลงมายืนที่ด้านล่างพร้อมกับควงปืนของเธอ . .
[ ดยุคคนที่ 8 !! . . . เตรียมตัวเอาไวซะ !! ]
อืมผมเป็น ดยุคคนที่ 8 สินะ . . .
นั้นมันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเห้ย !!!!!!!!!
ดูเหมือนว่าในหัวของยัยซิสเตอร์ไม่เต็มบาทนี่ ได้เข้าใจว่า
ผู้ร้ายในเหตุการณ์นี้ = ผม ไปซะแล้ว
. . . แม้ว่าในตอนนั้นผมกำลังรีบ
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้อธิบายอะไรให้เคลียซักหน่อยนะ !!!