ตอนที่ 51 เหล่าผู้วายชนม์ลุกเดิน 6

ผู้กล้าคนก่อนอยากจะเกษียณ

ผมจะทำเป็นไม่สนใจแม้ผมจะรู้สึกอยากตายๆไปให้พ้นๆเพราะเหตุผลบางประการ . . .

ยัยยูริหัวม้วนนั้นพูดอะไรออกมาน่ะหรอ ผมไม่ได้ยินอะไรทั้งน๊านนนนนนนนนนนนน

แม้ว่าผมตอนนี้อยากจะหนีความจริงไปซ่อนในที่ๆไม่รับรู้อะไรมากเพียงใด

แต่ตอนนี้ ผมทำได้เพียงแค่ต้องอดทนและอยู่ในซีเรียสโหมดต่อไปเท่านั้น

แต่ เห้อ . . 

ผมควรจะทำอะไรดีล่ะเนี้ย~~ 

 แม้ว่าผมจะโดดสูงแค่ไหนแต่ผมก็บินอยู่บนฟ้าไม่ได้หรอกนะ

สำหรับตอนนี้ สิ่งที่ผมคิดออกคงเป็น “เอาไอ้นั้นออกมา” สินะ

 

[ จงเปิดออก ประตูแห่งความว่างเปล่า ! ” ไดเมนชั่น เกต ” ]

 

ผมกล่าวออกมาเบาๆเป็นภาษาเวทย์มนตร์อิสเรียว ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างวิ่งเป็นเส้นตัดผ่านถุงมือของผมไปตามนิ้วมือ เมื่อแสงสว่างเหล่านั้นหายไป ก็ปรากฎดาบที่ดูมีราคาในมือขวาของผม มันคือดาบคู่ที่ผสมผสานกัน [ Carbunculus ] นั้นเอง

ถูกแล้วครับ ดาบนี้คือสิ่งที่ผมใช้จัดการเหล่าดราก้อนซอมบี้ที่ไล่หม่ำมาน่าและพักพวกเมื่อซักครู่ ซึ่งตอนนั้น ผมนำดาบคู่ที่อยู่ในมือมาเชื่อนติดกันให้กลายเป็นดาบเพียงเล่มเดียว และผมใช้มันขว้างออกไปแทนหอกนั้นเอง

ส่วนการนำมันกลับมาคืนหลังจากเขวี้ยงมันออกไปน่ะหรอ ? ผมเพียงแค่รวบรวมพลังเวทย์ที่อยู่รอบๆและส่งมันลงไปที่อักขระเวทย์ที่ถูกสลักอยู่ในถุงมือขวาของผมเพื่อเริ่มการทำงาน

เอาล่ะ สำหรับตอนนี้ มีเพียงอย่างเดียวที่ผมจะทำ . . คือ ” ฆ่า ” พวกมันอย่างเดียวเท่านั้น

ราวกับพวกมันตระหนักถึงตัวตนของผมว่าคือ ศัตรูของพวกมัน เหล่าดราก้อนซอมบี้จำนวนมากต่างบินโฉบลงมา

ผมเอง ก็กระโดดออกจากหลังคา และฟันเจ้ามังกรนั้นขาด 2 ท่อนไปตัวหนึ่ง และไช้ร่างนั้นเป็นที่หยั่งเท้า เพื่อกระโดดขึ้นไปอีกขั้น

 

[ . . . ย๊ากกก ]

 

ในขณะที่กระโดดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความเร็วราวกับจรวด ผมก็หั่นเหล่ามังกรซอมบี้เป็น 2 ท่อนด้วย Carbunculus มันดูราวกับว่าเพียงผมพุ่งผ่านพวกมันก็ขาดเป็นชิ้นๆ

ไม่เพียงแค่หัว ร่างกายของพวกมันก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงแค่เศษซากของก้อนเนื้อที่ลอยเต็มท้องฟ้า

เพียงแค่กระโดดขึ้นฟ้าเพียงครั้งเดียว พวกมันก็ถูกผมสังหารไป 20 ตัว

แต่ถึงกระนั้นผมก็ลอยตัวอยู่ในอากาศได้เพียงไม่กี่วิ ผมก็ถูกแรงดึงดูดของโลกดึงตกลงมา

 

[ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะก็ ใครจะไปรู้ว่าจะต้องเสียวลาอีกมากขนาดไหน . . . ถ้างั้น !! ]

 

ผมเหยียบชิ้นส่วนของปีกมังกรซอมบี้ที่กระจายอยู่รอบๆตัวผมและเริ่มจะตกลงสู่พื้นโลกด้วยความเร็วๆเท่าๆผม ผมใช้มันหยั่งเท้าเพื่อกระโดด

แต่ไม่ใช้เพื่อกระโดดขึ้นไป แต่เพื่อพุ่งไปข้างหน้า !!

ในจังหวะนั้น ผมปรับเปลี่ยนดาบของผมกลับมาเป็น ดาบคู่ . . 

และจุดที่ผมกระโดดไปนั้น คือที่หลังของมังกรซอมบี้ตัวหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหมายจะหม่ำผม

และนั้น ในจุดที่ผมอยู่คือบนหลังของมังกรซอมบี้ ผมฟันดาบคู่คริสตัลฟ้าเขียวของผมออกไป

ดาบคู่คริสตัลที่ผมฟันออกไปอย่างรวดเร็ว มันตัดผ่านอากาศ จนมองเห็นดาบเป็นเพียงแค่แสงว๊าบเท่านั้น

และด้วยการฟันอย่างรวดเร็วเช่นนั้น มันทำให้เกิด ซ๊อคเวฟ ขึ้น

การฟันอากาศด้วยเร็วนั้น ทำให้เกิดเป็น พายุคมดาบขึ้น !!

แม้ว่าผมจะเรียกการฟันดาบคู่ด้วยเร็วแสงจนเกิดพายุคมดาบ ว่าช็อคเวฟก็เถอะ

แต่ถ้าผมจะพูดให้เข้าใจง่ายๆก็คงเรียกว่า “รังสีดาบ” มันก็ฟังดูเท่เหมือนๆกันเนาะ ?

รังสีดาบที่พุ่งไปนั้น เริ่มจากมังกรซอมบี้ใต้เท้าของผมถูกหั่นก่อน และมันก็พุ่งหั่นเหล่ามังกรซอมบี้ที่พุ่งขึ้นมาหมายจะหม่ำผม

 

[ เห้อ .  . จัดการได้อีก 20 ตัว ]

 

……………………………..

 

หลังจากนั้น . .

อ่าา ไม่สิ ในตอนนั้น . . .

ในตอนที่เหล่ามังกรซอมบี้ถูกหันเป็นชิ้นๆ . .

ใช้ศพของพวกมันหยั่งเท้าพุ่งทยานขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับลม . . 

พร้อมทั้งกวัดแกว่งดาบคู่เรืองแสง

เจ้าของร่างนั้น . .  

ช่างเหมาะสมกับฉายา StormBringer จริงๆ

มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ. . .

มันดูราวกับเป็นพายุจริงๆ

ร่างของคนผู้นั้นที่อยู่บนท้องฟ้า

เขากวัดแกว่งดาบคู่ของเขา แสงที่เกิดจากการฟันดาบตัดผ่านเหล่ามังกรซอมบี้พวกนั้น 

พวกมันกลายเป็นชิ้นๆแทบจะในทันที

แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า คนชุดดำนั้นแม้ว่าถูกรุมล้อมโดยเหล่ามังกรซอมบี้ 

แต่พวกมันก็ถูกฟันเป็นชิ้นๆกระจายไปทั่วท้องฟ้า. . .

ภาพที่โหดร้ายเหล่านั้น 

มันเกิดจากเพียงแค่การฟันดาบธรรมดา . .

ธรรมดาเท่านั้น . . 

การต่อสู้ครั้งนี้. . 

มันเป็นเพียงการถล่มยับอยู่ฝ่ายเดียว. . 

เพียงไม่กี่นาที . . 

มันเป็นก็เป็นชัยชนะของ คนผู้นั้น

เพชฌฆาตแห่งความมืด . . 

ชัยชนะของ StormBringer

 

[ นะ- , นี่แหละค่ะ  การต่อสู้ของเพชฌฆาตแห่งความมืดผู้ที่ว่ากันว่าสามารถขับไล่1 ใน 6 ดาบขุลพลได้ !! . . ]

 

เพราะภาพของชิ้นส่วนต่างๆของมังกรซอมบี้ที่กระจายอยู่ทั่วท้องฟ้า และเริ่มที่จะลุกไหม้กลายเป็นเถ้า

เฮนเรียสต้าเธอถึงกับกล่าวออกมาอย่างสั่นเทา

มีเพียงความรู้สึกหวาดกลัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่เฮนเรียสต้ารู้สึกกับคนผู้นั้น . . .

ไม่มีการใช้เวทย์มนตร์ใดๆ แต่กับแข็งแกร่งขนาดนั้น

เขาเหยียบย่ำเหล่าผีร้าย 

หรือศัตรูที่เข่นฆ่าเหล่ามนุษย์ชาติที่รู้จักกันในชื่อ มังกร

เพชฌฆาตแห่งความมืด . . 

เธอรู้แก่ใจดีว่าเขานั้นไม่ใช่ศัตรู

แต่ถึงกระนั้น เฮนเรียสต้าเธอก็ตระหนักถึงพลังของคนๆนั้น มันควรจะเรียกว่าสัตว์ประหลาด

พลังของคนๆนั้น. . 

พลังที่สามารถกวาดล้างเผ่าพันธุ์ที่คิดจะเป็นศัตรูกับเขาได้อย่างสิ้นซาก

เผ่าที่ถือว่าเป็นภัยพิบัติต่อมนุษย์ชาติ 

โดนเขากำจัดจนสิ้น

นี่คือสิ่งที่เธอรู้

คนๆนี้คือสัตว์ประหลาดตัวจริง

 

[ ดูเหมือนว่าจะจบลงแล้วสินะคะ ]

[ ! อลิเซียซัง ? ]

 

เฮนเรียสต้าเธอหันหลังกลับไปตามเสียงเรียกนั้น 

ร่างของเด็กหญิงผมสีเงินผู้งดงาม

นั้นคือ อลิเซียที่กำลังขี่เจ้านกสีเงินนั้นเอง

 

[ ทุกๆคน ปลอดภัยดีนะคะ ]

[ คุ- , ค่ะ !! ]

[ ถ้าไม่นับที่มาน่าเธอกัดลิ้นตัวเองเมื่อซักครู่ พวกเราก็ปลอดภัยดีค่ะ ]

 

อลิเซีย ที่ตอนนี้กำลังสวมชุดกระโปรงในโทนสีชมพูอ่อนๆถามออกมา

มาน่าเธอก็บังขับไม้กวาดลงมาที่ข้างๆอลิเซีย 

เอริและเฮนเรียสต้าเองก็ลงจากไม้กวาด

 

[ อร่าาา , อลิเซียซัง!! คุณบาดเจ็บตรงไหนรึปล่าวคะ!! คุณไม่เป็นอะไรนะคะ!!  ดิชั้นเป็นห่วงคุณมากๆเลยค่ะ !! ]

[ อ่า-. . ฮะๆ . ดิชั้นไม่เป็นอะไรค่ะ ]

 

อลิเซียตอบกลับพร้อมกับถอยห่างเฮนเรียสต้าอย่างช้าๆ ที่ตอนนี้กำลังตื่นเต้น ทำท่าทางแปลกๆ และเริ่มทำหน้าตาน่ากลัวพิกล

และเธอก็หันสายตาของเธอไปมอง ณ บนสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในบริเวณใกล้เคียง

ที่บนนั้น มีร่างของ เพชฌฆาตแห่งความมืด ผู้ที่สวมชุดดำทั้งตัวกำลังยืนอยู่

 

[ . . . พะ- , พวกเรา ถูกช่วยไว้โดยคนๆนั้นค่ะ ]

[ ค่ะ ดิชั้นทราบดีอยู่แล้ว ]

[ . . เอ๋ ? ]

 

มาน่าที่กำลังพยายามจะอธิบายสถานการณ์ของเธอ แต่ว่า อลิเซียเธอกับยอมรับโดยง่าย

แต่เธอก็ไม่ได้หันสายตาของเธอไปไหน ยังคงจ้องไปยังร่างของคนๆนั้น

 

[ . . . . . ]

[ ? ]

 

นักรบคนนั้นเขาเองก็หับมาสบตาเช่นกัน แต่ทันใดนั้น เขาหันกลับไปด้านหลังราวกับสังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง

 

[ สถานการณ์ที่นี่เป็นอย่างไรบ้าง ฮึ ? ]

 

ร่างๆหนึ่งที่จู่ๆก็โผล่ลงมายืนที่ข้างๆสาวๆ กล่าวถามออกมา

 

[ ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรแล้วค่ะ  ถ้าหากสถานการณ์ยังดำเนินไปในลักษณะนี้ ในช่วงรุ่งเช้า ดูเหมือนว่าจะสามารถเริ่มงานบูรณะเมืองกันได้ค่ะ ]

[ ฟุเอ๊ะ !! ]

 

มาน่าตกใจให้กับเอลฟ์ชายร่างใหญ่ที่จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นมา นั้นเพราะตาเอลฟ์นั้นโผล่มายืนที่ด้านหลังของมาน่า

 

[ ! . . . ชั้นไม่รู้สึกถึงตัวตนของเขาเลยซักนิด ! ]

[ อืม นั้นก็เพราะข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดที่จะถูกเหล่าเด็กสาวอย่างพวกเธอรับรู้ตัวตนได้หรอกนะ ]

 

แทบจะในฉับพลัน เอริเธอเข้ามายืนคั้นกลางระหว่างมาน่าและตาเอล์ฟ

 

[ เขาชื่อว่ากิลเล่ค่ะ เขาเป็นเอลฟ์แห่งแสงสว่างที่มาจากหมู่บ้านเอลฟ์ที่ชื่อว่า [ Wales ] ซึ่งตอนนี้เขามาเปิดโรงแรมอยู่ในเมืองแห่งนี้น่ะค่ะ  ถึงเขาจะดูเป็นแบบนี้ แต่เดิมแล้วเขามีน่าที่ในการสอดแนมน่ะค่ะ และทักษะการลบตัวตของเขานั้นถือว่าสูงเอามากๆ ]

 

จากการแนะนำตัวโดยอลิเซีย ตาลุงเอลฟ์ร่างยัก 

กิลเล่เขาได้ยืนกอดอกพร้อมกัยยิ้มแฉ่งออกมา

 

………………………….

 

ในอีกสถานที่หนึ่งที่ซึ่งห่างไกลจากทั้ง 3 สาว ห่างไกลจนตามลุงเอลฟ์ไม่สามารถจับสัมผัสได้ 

มันเป็นจุดที่ผมจับสัมผัสบางอย่างได้เล็กน้อยจากสิ่งก่อสร้างแถวๆนั้น

และเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงจับจ้องไปยังบริเวณนั้น 

นั้นก็เพราะการเคลื่อนไหวของอัมบร้าเป็นอะไรที่คาดเดาได้ยาก มันช่วยไม่ได้ที่จะทำให้ผมรู้สึกอารมณ์เสีย

เมื่อ 3 ปีก่อน พวกเรา .. , 

หรือกลุ่มของท่านผู้กล้า ในระหว่างการเดินทางนั้นพวกเราได้เดินทางมาถึงเมืองๆหนึ่ง 

ตอนนั้นที่เมืองนี้ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี ทำให้พวกเราไม่ได้เอ๊ะใจเลยซักนิด

เพราะความจริงว่าเมืองแห่งนี้ได้ตายลงไปแล้ว และ มันถูกควบคุมโดยไอ้หมอนั้น

นอกจากที่เราได้รับการเชื้อเชิญให้เดินเข้าไปหากับดักนั้น ผมขอพูดรวมๆตั้งแต่ต้นจนจบเลยก็แล้วกัน

มันคือเหล่านักรบเขี๊ยวมังกรและเหล่ามอนเตอร์ประเภทซอมบี้จำนวนมากมาย พวกนี้แหละที่บุกมาถล่มพวกเรา

แล้วก็ ดูเหมือนว่าในช่วงสุดท้ายนั้น มอนเตอร์ที่ถูกเรียกว่า อัศวินวิญญาณได้ถูกส่งเข้ามาในสนามรบในช่วงสุดท้าย

อัศวินวิญญาณคือ อัศวินที่เคยมีชีวิตอยู่เมื่อหลายร้อยปีก่อน และดูเหมือนว่าในช่วงที่มันยังมีชีวิตนั้น พวกเขาจะเป็นผู้กล้าของอาณาจักรที่นำพาประเทศของตนชนะสงสครามในหลายต่อหลายครั้ง รู้สึกว่ามอนเตอร์ที่แข็งแกร่งขนาดนั้นจะถูกจัดการลงโดยลีโอฮาร์ทและซิลเวีย และพวกเราก็สามารถเอาชนะเจ้านักบวชนอกรีดนั้นลงได้. . . 

อืมมันดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น . . 

. . . . ถ้าหากคุณสงสัยว่าทำไมผมถึงพูดว่า “ดูเหมือนว่า” หรือที่ผมอธิบายแบบคลุมเคลือแบบนั้นล่ะ

อืม . .  

นั้นก็เพราะผมไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนั้นเลยซักนิด

นั้นก็เพราะผมดันกินมากเกินไปในงานเลี้ยงต้อนรับพวกเราพวกเราและหลังจากนั้นผมอยู่ไหนน่ะหรอ . . 

ผมก็หลับสนิทกรนคร๊อกๆอยู่บนเตียงน่ะครับ

ผมคิดว่าผมเคยบอกพวกคุณมาแล้วนะเรื่องนี้เมื่อ 4 เดือนก่อน ที่ผมเคยบอกว่าผมสามารถนอนหลับสนิทได้ทุกที่ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม

(แต่ดูเหมือนว่าความคิดนั้นของผมได้ถูกทำลายลงแล้วโดยห้องพักของทางกิลลัคซีเรีย)

ผมน่ะ ไม่ว่าที่ไหนๆ ผมก็สามารถนอนหลับอย่างเป็นสุขได้เสมอ หรืออีกความหมายคือ

ไม่ว่าข้างนอกจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ผมก็สามารถหลับสนิทได้อยู่ดี

แม้ว่าสถานที่ๆผมนอนตอนนั้นจะอยู่ท่ามกลางการสนามรบ ผมก็สามารถนอนหลับอย่างสบายใจ

( ถึงกระนั้น ถ้าหากผมกำลังจะถูกฆ่าตอนนอนล่ะก็ มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง )

แน่นอน ผมตื่นขึ้นมาหลังจากที่เรื่องราวต่างๆได้จบลงแล้ว 

ถูกปลุกโดยการถีบจากซิลเวีย

มันช่างเป็นความทรงจำที่ดีจริงๆ . . 

เอาล่ะๆ กลับเข้ามาพูดเรื่องหลักของเรากันต่อ เหตุการณ์ในตอนนั้นกับตอนนี้มีอะไรที่เหมือนๆกันหลายๆอย่าง

มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ที่อัมบร้านั้นมักจะใช้พวกมอนเตอร์ประเภทผีเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในการต่อสู้ของเขา 

แต่ถึงกระนั้นเขาเองนั้นก็เป็นจอมเวทย์ และตอนนี้ได้กลายเป็นตัวโกงไปเป็นที่เรียบร้อย

อ่า ยังไงซะ สิ่งที่พวกเรามักพูด 2-3 สิ่งเช่น “majutsushi” “mahoutsukai” หรือ “madoushi” ความหมายของพวกมันก็ไม่ต่างกันนักหรอก

แม้ว่า “mahou tsukai” จะแปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “จอมเวทย์” แต่ผมรู้สึกว่ามันควรจะอ่านเป็น ” tejinashi ” มากกว่านะ

ถึงแม้ หลายๆอย่างตอนนี้กำลังกลับมาเข้าที่เข้าทางแล้วก็ตาม 

แต่ผมก็ยังคงระแวงในสิ่งที่อัมบร้าจะทำอะไรต่อไป

เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งตอนนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำอีก แล้วทำไมเหตุการ์ที่เกิดขึ้นซ้ำในครั้งนี้จะไม่เกิดขึ้นครั้งที่ 3 อีก ละ

มันก็เหมือนกับที่หลายๆคนเคยพูดว่า ” ชั้นไม่มีทางหลงกลเดิมๆอีกครั้งหรอกน่าา !!”  แล้วก็โดนกลๆเดิมหลอกเอาอยู่ดี . . 

ยังไงซะ เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ?

ไม่ว่าจะซักกี่ครั้งที่ผมจะหลงกลนั้น มันก็ไม่มีทางได้ผลหรอก ฮะฮ่า หาว่าผมมั่วเรอะ?

ปล่าวเลยเพราะผมมีเทคนิคสุดยอดที่ชื่อว่า “อมตะ” อยู่ไง

ในครั้งที่ผมกำลังคิดเรื่องพวกนี้อยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงที่มาจากหินติดต่อที่หูของผม

 

((ยู !!))

 

มันเป็นเสียงของอลิเซีย

จากน้ำเสียงที่ร้อนรนนั้น ผมรีบเร่งประสาทสัมผัสของผมให้เฉียบคมยิ่งขึ้น และ !!

 

[ ชะย๊าาาา ~!! ]

[ . . . หาา !? ]

 

ที่ตรงนั้น ประสาทสัมผัสของผมตกหวบลงทันที ประสาทสัมผัสที่ที่เต็มเปรี่ยมดั่งลูกบอลที่ถูกอัดลมจนเต็ม ตอนนี้กลายเป็นดั่งบอลที่แฟบลง

ท่ามกลางสนามรบที่มีบรรยากาศที่ซีเรียสคลุ่งไปทั่วเมื่อซักครู่ 

ตอนนี้กลับมีเสียงที่ฟังดูโง่ๆตะโกนออกมาเข้ามาในโสดประสาทผม . .

ไอ้เสียงนั้น และความตึงเครียดของผม . . 

มันเป็นของ เบอร์นาเดส อย่างไม่ต้องสงสัย . . 

ชิ . .

อะไรของยัยบ๊องนี่วะเนี้ย . . 

 

(( ที่หัว !!!!! ))

 

ในขณะที่ผมกำลังจะหันหลังกลับไป จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาประทะที่หลังหัวของผม จนปลิวขึ้นไปบนท้องฟ้า

. . . อืม ผมก็ไม่เห็นหรอกว่าอะไรเกิดขึ้นที่ด้านหลังของผม แต่ผมโครตแน่ใจเลยว่าผมถูกอัดจนปลิวเมื่อซักครู่

 

[ อุก-  . . เจ็บนะ , ยัยซิสเตอร์เสียของนี่ ]

 

ผมถูกตีหัวจนตกจากตึงสูงที่ยืนอยู่ ล่วงลงสู่พื่นโดยลืมเก๊กหล่อ . . .

 

[ ! ]

 

และในตอนนั้น ตอนที่ผมกำลังตีลังกาไปข้างหน้าพร้อมกับความรู้สึกหงุดหงิดในใจที่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาซักพัก 

จากจุดที่ผมตีลังกาหลบเมื่อซักครู่ มันก็ถูกระเบิดเป็นจุล

 

[ ดิฉันมีชื่อว่า เบอร์ฺนาเดส !!ดิฉันจะจัดการแก เพราะมันคือหน้าที่ของ “Agent” ]

 

เธอมองลงมาจากด้านบนของสิ่งก่อสร้างนั้น เบอร์นาเดส เธออยู่ในท่าเตรียมพร้อมและเล็งปืนคู่ของเธอมาที่ผม สายตาคู่นั้นของเธอ มันเป็นสายตาที่ผมเคยเห็นเธอเคยแสดงให้ผมเห็นครั้งแรกที่เราพบกัน 

มันเป็นสายตาของเธอเวลาที่เธอเอาจริง

 . . เห้ย เห้ย , อยู่ๆก็มาจะจัดการกันมันไม่รุนแรงไปหน่อยรึ? 

ก็จริงในตอนนั้น เพราะเธอต้องการที่จะตามผมมาให้ได้อย่างเอาเป็นเอาตาย ผมเลยบอกเธอว่าเมืองนี้น่ะกำลังถูกโจมตีโดยปีศาจระดับดยุค และนั้นมันทำให้มาน่าและคนอื่นๆกลายเป็นแพะรับบาป รึหมายความว่า ผมต้องการให้เธอไปปกป้องคนพวกนั้น

แต่เอ๊ะ ถึงผมจะบอกให้ไปปกป้องพวกมาน่า แต่ว่าพอมาคิดๆดูแล้วเอริและเฮนเรียสต้ามักจะอยู่ข้างๆตัวมาน่าเสมอ และผมก็ไม่ได้บอกเธอถึงรายละเอียดหรือวิธีการพูดที่ทำให้แยกแยะเธอออกจากคนอื่นๆได้ ผมแน่ใจได้เลยว่าตอนนั้นผมพูดไปเพียงแค่ว่ามาน่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของพวกปีศาจหรืออะไรเถือกนั้นเพื่อให้ผมเลิกเกาะนึบกับผม

 

[ ยังคงนิ่งสงบอยู่ได้นะคะ ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะดิฉันก็จะจัดการแก เจ้าพวกปีศาจ !! ]

 

ไม่ต้องให้นานนักหลังจากที่เธอกล่าวออกมาอย่างนั้น เบอร์นาเดสเธอยิงกระสุนเวทย์มนตร์ออกมาอย่างไม่ลังเล

. . . เอ๊ะ ? เดี่ยวนะ ปีศาจงั้นเรอะ !! เห้ย -มันอันตรายชัดๆ

ถึงแม้ผมจะยกดาบของผมขึ้นมาป้องกันพวกมันอย่างฉับพลัน แต่เบอร์นาเดสก็ยิงออกมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่ลังเลเลยซักนิด

 

[ เดี่ยวก่อนค่ะ !! เขาคือ—– ! ]

 

อลิเซียที่ส่งเสียงร้องออกมาเพื่อที่จะหยุดเบอร์นาเดสแต่ว่า . . 

เบอร์นาเดสได้กระโดดลงมายืนที่ด้านล่างพร้อมกับควงปืนของเธอ . . 

 

[ ดยุคคนที่ 8 !! . . . เตรียมตัวเอาไวซะ !! ]

 

อืมผมเป็น ดยุคคนที่ 8 สินะ . . .  

นั้นมันเป็นเพียงแค่ข่าวลือเห้ย !!!!!!!!!

ดูเหมือนว่าในหัวของยัยซิสเตอร์ไม่เต็มบาทนี่ ได้เข้าใจว่า 

ผู้ร้ายในเหตุการณ์นี้ = ผม ไปซะแล้ว

. . . แม้ว่าในตอนนั้นผมกำลังรีบ

แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้อธิบายอะไรให้เคลียซักหน่อยนะ !!!