ภายใต้แสงพลบค่ำ จั๋วฝานกำลังเดินทางคนเดียวผ่านเมือง เขาดูเหมือนจะผ่อนคลาย แต่ความคิดของเขาทำงานหนักมาก เขากำลังกระจายดวงวิญญาณเขาไปสู่สภาพแวดล้อม

แต่ หลังผ่านไปนาน ไม่มียอดฝีมือปรากฏในสายตา

“บางทีข้าคงคิดมากไป บางทีการปกปิดของข้าคงยังไม่ถูกเปิดเผย”

จั๋วฝานกระซิบ ขณะเดินรอบเมือง เขาก็ไปหยุดรอบถนนที่มีอาคารทรุดโทรม

คนแถวนี้เป็นเหมือนจั๋วฝาน คนจากตระกูลระดับสาม

“เห้ นี่เป็นที่ของข้า เจ้าออกไปซะ!”

“ไสหัวไป ข้ามาก่อน เจ้านะแหละ ไสหัวไป!”

“เจ้าหนู เจ้ากล้าพูดสวนนายน้อยผู้นี้ได้ไง?เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”

“ฮึ่ม ทำไมต้องสนใจ?ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ายิ่งใหญ่มากแล้วทำไมถึงมาที่นี่?”

เหตุการณ์นี้เหล่านี้เกิดขึ้นทุกที่ ตระกูลระดับสามกำลังข่มใส่กัน นี่คือสถานที่ที่พวกอ่อนแอรวมกัน แต่ แม้กระทั่งในหมู่พวกกระจอก พวกเขาก็ยังสู้กัน

“ฮึ่ม พวกน่าสมเพช นี่ทำให้ตระกูลระดับสามเป็นพวกขยะและสมควรต้องอยู่ในสลัมแบบนี้”

จั๋วฝานพูดด้วยเสียงแหบแห้ง

เขาเดินไปข้างหน้าและพบอาคารซอมซ่อทั้งสองฝั่ง

ทุกคนมองเขาอย่างเป็นศัตรูแบบเปิดเผย กลัวว่าเขาจะอยากสู้กับพวกเขาเพื่อแย่งที่พัก

[นี่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติของที่นี่]จั๋วฝานนึกในใจ ทุกการกระทำของเขามีเพื่อเป้าหมายเดียว การสู้แย่งที่พักทำให้เขาเสียศักดิ์ศรี

น่าเสียดาย เขาไม่พบที่ว่างเลย[หรือข้าต้องสู้แย่งเตียงจริง?มันดีกว่าที่ข้าจะนอนหลังคาล

จั๋วฝานชะงัก ดวงตาของเขามองบ้านซอมซ่อตรงหน้า จากนั้นก็มองคนรอบ ๆ

ที่ปลายของแถวบ้านซอมซ่อนี้ มีอาคารหนึ่งที่ดูดีสุด แต่ไม่มีใครเข้าพัก

มันไม่มีใครอยู่รอบแถวนั้นด้วยซ้ำ

เขาขมวดคิ้ว หันไปมองคนที่กำลังสู้กันอย่างสงสัย”ทำไมพวกโง่นี่ถึงสู้กัน?มองไม่เห็นบ้านว่างนี้หรือไง?”

“ฮึ่ม เจ้านะสิโง่!ถ้าเจ้าอยากตายก็เชิญเข้าไปเลย!”บางคนสวนกลับ

จั๋วฝานโมโห แต่ชายคนหนึ่งใจดีพอแนะนำ”น้องชาย เจ้าสามารถพักที่บ้านข้าได้ถ้าอยาก ข้าจะจัดห้องให้เจ้า แต่เจ้าอย่าก้าวเท้าเข้าไปในนั้นนะ”

“ทำไม?”

ชายคนนั้นอธิบาย”เจ้ามาใหม่จึงไม่รู้ เจ้าของที่นั่นคือหญิงวิบัติ ร่างกายของนางเต็มไปด้วยโรคภัย หลายคนเมินคำเตือนนี้และเลือกอาศัยที่นั่น แม้จะอยู่ห่างจากนาง แต่ที่หลังบ้าน พวกเขาทั้งหมดกลับตายในสามวันต่อมา”

“ใช่ แม้แต่ขอทานก็ยังไม่อยู่ที่นั่น และเพราะขาดพื้นที่ในเมืองฮัวอวี่ตอนวันงานไป่ตาน เราจึงถูกส่งมาที่นี่!บัดซบ ไม่ใช่ว่าหอคอยฮัวอวี่คือผู้ปกครองที่นี่หรือไร?ทำไมพวกนางถึงไม่เอาหญิงวิบัตินี่ออกไปซะ?”

จั๋วฝานแค่นเสียงอยู่ข้างใน

ถ้าผู้หญิงนั่นป่วยจริง เขาก็ต้องไปดูกับตา[พวกเจ้าเอาแต่ยืนแหกปากด้านนอก ไม่มีใครสักคนที่กล้าทำและยังอยากส่งคนอื่นไปฆ่านางแทนรึ

มันเห็นได้ชัดว่าใครเป็นตัววิบัติที่แท้จริง

เขาเมินคำเตือนเหล่านั้นและเดินตรงไปภายใต้สายตาของทุกคน

‘น้องชาย เจ้าอยากตายหรือไร?”

“ชีวิตของข้ายังอีกยาวไกล!”จั๋วฝานโบกมือ

ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดหรือพิษ ขณะที่คนอื่นกระวนกระวายต่อมา เขากลับไร้ความกังวล เคล็ดปีศาจแปลงกายสามารถดูดซับอะไรก็ได้ในโลกนี้ แม้กระทั่งโรคระบาดนี้!

ยิ่งเขาเข้าใกล้เขตโรคระบาย อากาศก็ยิ่งเย็น นี่ทำให้จั๋วฝานขมวดคิ้ว

เขาไม่พบโรคระบาดที่นี่ แต่การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกตินั้นมาจากค่ายกลต่างหาก

“นั่นใคร?”

จั๋วฝานมองตามเสียงไปเห็นเด็กสาวตรงหน้าบ้านในชุดผ้าฝ้ายหยาบกำลังจ้องเขา

เด็กสาวอาจสวมชุดผ้าชั้นต่ำ ปิดบังเรือนร่างกับใบหน้า แต่ดวงตาบริสุทธิ์ของนางก็ทำให้จั๋วฝานคลายความระมัดระวัง

เขาสาบานว่าเขาไม่เคยเห็นดวงตาน่ามองแบบนี้มาก่อนในชีวิตเขา

“ช่างเป็นดวงตาที่สวยมาก!”จั๋วฝานชม

แก้มของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีกุหลาบ ดวงตาของนางลดลงเล็กน้อยแต่ก็ยังเย็นชาเหมือนเดิม”เจ้าเป็นใคร?.ใครบอกให้เจ้าเข้ามาได้?”

“คือ ข้าซ่งอวี่ ข้ามาที่นี่เพื่อร่วมงานไป่ตาน เพราะสถานะตระกูลระดับสามข้า ข้าจึงทำได้แค่มาที่นี่!”จั๋วฝานประสานมือ ยิ้มเหมือนคุณชายใจงาม

เด็กสาวขมวดคิ้ว “งั้นก็ไปบ้านอื่น เจ้าไม่กลัวตายหรือไงถึงมาที่นี่?”

“ข้าเชื่อว่าความตายไม่สำคัญ ข้าเห็นว่าคนที่นี่แก่ตัวและน่าสมเพชแค่ไหน ถึงกับไม่มองเพื่อนบ้านเป็นคน ข้าขอเลือกตายในสถานที่สงบแบบนี้เสียดีกว่า!”

“หยุดโกหกเสีย คิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้าหรือไง?”

จั๋วฝานทำหน้าเศร้า”แม่นาง ข้าพูดตรงๆ คนทั้งหมดล้วนแข็งแกร่งกว่าข้า ข้าสู้พวกเขาไม่ได้ ถ้าเจ้าโยนข้าออกไป ข้าจะโดนพวกเขากระทืบตาย!”

นางพยักหน้าและเชื่อมันส่วนหนึ่ง แต่จั๋วฝานเปลี่ยนน้ำเสียงเร็วไป ซึ่งทำให้นางระมัดระวังและเกิดสงสัย น้ำเสียงของนางเย็นขึ้น”เจ้ากลัวว่าจะโดนกระทืบจนตาย แต่ไม่กลัวข้า?เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”

“แน่นอนว่าย่อมรู้”

จั๋วฝานก้มหัว”ข้าได้ยินพวกเขาบอกว่ามีหญิงวิบัติที่นี่ นั่นคงหมายถึงเจ้า แต่ข้ายอมติดโรคตายดีกว่าโดนซ้อมจนตาย..”

“เงียบ อย่าพยายามเล่นลิ้นกับข้า!”

นางพูดขัด ดวงตาของนางกวาดมองอย่างครุ่นคิด นางชี้นิ้วข้าวไปที่บ้านโทรมแต่สภาพดีกว่าหลังอื่นในละแวก”ข้าจะให้เจ้านอนที่บ้านหลังนั้นได้ แต่เจ้าต้องไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านตอนกลางคืน ไม่งั้นเจ้าจะตาย”

“ได้เลยแม่นาง ข้าให้สัญญา!”จั๋วฝานพยักหน้าและตอนเขาเงยหน้าขึ้น นางก็ไปแล้ว

เขาหรี่ตาและดวงตาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา

[ข้ามองไม่เห็นฐานบ่มเพาะของนาง นางไปถึงระดับเซียนแล้ว?หรือบางทีนางเป็นแค่คนธรรมดา?แต่คนธรรมดาจะกล้าใช้น้ำเสียงแบบนั้นต่อหน้าผู้บ่มเพาะหลอมกระดูกได้ไง?]

[ฮึ่มน่าขันเสียจริง!]

จั๋วฝานแสยะยิ้มและเข้าบ้านเขา[เจ้าต้องทำอะไรบางอย่างถึงได้ห้ามข้าจากการออกมาตอนกลางคืน งั้นข้าก็จะออกและดูว่าเจ้าปิดบังอะไร!]

จั๋วฝานทำสมาธิ

เวลาผ่านไปและกลางคืนก็มาเยือนสลัม

ระลอกพลันมาจากสลัม ตามด้วยการลดลงของอุณหภูมิอย่างฉับพลัน จั๋วฝานตัวสั่นและพึมพำ”ข้าเดาถูก มันคือค่ายกล”

มือของเขาไหววูบและเผยขวดเล็ก มันบรรจุเม็ดยาเดียวกับที่เขาใช้ในเทือกเขาหมื่นอสูร เม็ดยาปกปิดพลัง!

ซวบ!
จั๋วฝานดีดมันขึ้นและแสงสีแดงก็พุ่งจากตัวเขาและกลืนกินมัน

ทารกโลหิตที่ก่อร่างเป็นจั๋วฝานแสยะยิ้มชั่วร้าย แม้กระทั่งยอดฝีมือระดบเซียนก็ไม่สามารถหาเขาเจอหลังกินเม็ดยา

“ไป!”

ทารกพุ่งผ่านกำแพงและบินเข้าไปลึกในสลัม ไปถึงพื้นที่ที่ลึกสุด

สถานที่นั้นเป็นเศษซาก เศษซากที่ก่อตัวเป็นค่ายกลพิสดาร มีร่างบางนั่งอยู่ตรงกลางมัน กำลังเข้าฌาน แสงจันทร์สว่างที่เย็นถึงขีดสุดเข้าสู่ด้านในค่ายกล จากนั้นก็ตัวนาง ขณะที่แผ่่ความเย็นที่เหลือให้สลัม

ด้วยรังสีแต่ละรังสีจากแสงจันทร์ที่นางซึมซับ ตัวของนางจึงยิ่งแผ่ชั้นน้ำแข็ง จากนั้นแสงสีเขียวก็สว่างจากหน้าผากนาง เจาะผ่านชั้นน้ำแข็งและจางหายไป

ทุกครั้งที่เกิดสิ่งนั้น เปลือกตานางจะสั่น ราวกับเจ็บปวดมหาศาล!

“ค่ายกลระดับสาม ค่ายกลจันทรา!”

จั๋วฝานถอนหายใจและดึงทารกโลหิตกลับ

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคนก่อนหน้าถึงตายกัน เขาคิดว่ามันเพราะนางวางแผนร้ายหรือเพราะโรคระบาด แต่หลังเขาเห็นมัน เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่สักอย่าง นางแค่กำลังรักษาตัวเอง

คนเหล่านั้นเมินคำสั่งและเข้าใกล้นาง และพลังงานหยินของแสงจันทร์ก็แทรกซึมเข้าตันเถียนพวกเขา และความเสียหายนั่นก็ได้ฆ่าพวกเขา

ค่ายกลจันทราจะช่วยให้คนดูดซับหยินของดวงจันทร์และบ่มเพาะได้ แต่การใช้เวลามากเกินไปกับมันจะทำลายสมดุลภายในตัว แต่ นางกลับไม่มีเจตนาบ่มเพาะ นางแค่กำลังใช้ปราณหยินเพื่อสะกดพิษในตัวนาง

น่าเสียดาย นี่ไม่ใช่ไร้ผลข้างเคียง พอปราณหยินรวมตัวกันภายใน ตันเถียนนางจะเริ่มเสื่อม สุดท้าย นางจะกลายเป็นพิการ ยิ่งนางพยายามสะกดพิษ มันจะยิ่งรุนแรงตอนนางไม่สามารถสะกดมันไว้ได้อีก

มันยังสามารถพรากชีวิตนางไปได้

ฉากเช่นนี้ทำให้ราชาปีศาจอย่างจั๋วฝานยังอดรู้สึกนางไม่ได้ พิษชนิดใดกันที่ร้ายแรงจนทำให้นางต้องใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อสะกดมัน?