ไม่มีที่ไหนในชายหาดนี้ที่มันปลอดภัยแล้วตอนนี้ ฉันมุดหัวเข้าไปในกระเป๋าแล้วควานไปรอบๆ จนไปจับเจอถุงซิปล็อกที่มีหมวกอยู่ในนั้นได้ แล้วก็ดึงออกมาเลย
ฉันเปิดถุง หยิบหมวกข้างในออกมา แล้วก็กางมันออก แสงสีเงินที่หุ้มอยู่รอบวัตถุแปลกปลอมชิ้นนี้ที่ท่านฮัชชาคุทิ้งเอาไว้ให้เป็นของแค่อย่างเดียวแล้วที่พวกเราใช้ได้ตอนนี้
“จะทำยังไงเหรอ? สวมมันไว้แล้ววิ่งหนีหรือเปล่า?”
ฉันส่ายหัวให้คำถามนั้นของโทริโกะ
“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำแบบนั้นแล้วจะหนีกลับโลกเบื้องหน้าได้หรือเปล่า แถมนันมันก็ใช้เวลามากเกินไปด้วย!”
“ถ้างั้น…”
ความคิดของฉันแล่นแล้ว สมมติฐานไว้ก่อนเลยว่าแสงสีเงินนี่ที่ฉันเห็นจากวัตถุของโลกเบื้องหลังกับกลิตช์ แสดงให้เห็นจุดที่โลกทั้งสองสัมผัสกัน ครั้งแรกที่พวกเราไปที่สถานีคิซารากิ พวกเราจับไปที่แสงนั่นเพื่อกลับมาที่โลกเบื้องหน้า
แล้วถ้าเกิดว่า หมวกใบนี้ก็ทำแบบนั้นได้เหมือนกันล่ะ?
ฉันพลิกด้านหมวกมาอีกด้าน แล้ววางมันลงกับพื้น
“ถ้าเราใช้มันได้ถูกต้อง ฉันว่าเราน่าจะทำให้หมวกนี้กลายเป็นเกทได้นะ ลองจับแค่ตรงรอบขอบนอกของปีกหมวกดูสิ”
“แบบนี้เหรอ…?”
โทริโกะใช้นิ้วของเธอจับตรงแสงเรืองอย่างเงอะๆ งะๆ เห็นแบบนั้น ฉันก็วางมือของตัวเองไว้บนมือซ้ายที่สั่นเทาของเธอ
“ขยับมือไปตามที่ฉันทำนะ”
ฉันบอก ค่อยๆ ชี้นำทางให้นิ้วของโทริโกะไปด้วย ค่อยๆ วนทวนเข็มนาฬิกาไปเหมือนกับวังวน
“แบบนี้เหรอ? ใช้ได้หรือเปล่า?”
“ดีเลย ตั้งสมาธิไว้ที่นิ้วของเธอนะ อย่าขยับมือหนีจากฉันล่ะ”
มุมมองที่ผ่านจากตาของฉัน ฉันเห็นนิ้วของเธอกำลังคลี่แสงนี้ออก โครงสร้างของหมวกนั่นก็ค่อยๆ แยกออกจากกันเป็นเกลียวตามแสงนั่นไปด้วย ยังกับกำลังปอกเปลือกแอปเปิลอยู่เลย
พวกกล็อบสเตอร์งอกขาออกมาเริ่มเดินโงนไปเงนมาอยู่ใกล้ๆ นี่ เหนือหัวเราขึ้นไปก็มีตัวอะไรซักอย่างส่งเสียงเหมือนนกกามารวมฝูงกัน ร้องระงมพร้อมๆ กับที่บินวนเป็นวงกลมอยู่เหนือหัว ถ้าแสงนั่นฉายมาที่เราเมื่อไหร่ ก็คิดได้แค่ว่าต้องมีเรื่องแย่ๆ เกิดชึ้นกับพวกเราแน่นอนเลย
“ซ- โซราโอะ หมวกมัน―”
ดูเหมือนว่าแม้แต่ที่ตาของโทริโกะก็จะเห็นหมวกแยกส่วนกันเป็นรูปร่างประหลาดได้ด้วยสินะ วังวนที่เสร็จสมบูรณ์แล้วมันมองไม่เห็นก้นเลย พอมองลงไป ตาของฉันมันก็เหมือนกับโดนดูดลงไปตรงกลาง พื้นที่โดยรอบทั้งหมดก็โดนดูดเข้าไปด้วย
ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวจะเซ แล้วพวกเราทั้งคู่ก็ล้ม
แรงกระแทกที่จู่ๆ ก็มาโดนที่หลังนี่มันทำให้ฉันร้องออกมาเลย
ฉันรีบลุกขึ้นมานั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ พวกเราอยู่บนชายหาด―แต่ไม่ใช่อันเดียวกับเมื่อกี้ ท้องฟ้าเป็นสีม่วงแดงจากดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะตก เสียงระงมของแมลงดังมาถึงหูฉันพร้อมๆ กันเลย ที่นี่โลกเบื้องหน้านี่นา!
ข้างๆ ฉันก็มีโทริโกะที่กำลังนอนแผ่บนทราย กระพริบตาปริบๆ อยู่ จากนั้น พวกของก็เริ่มทยอยร่วงลงมาข้างตัวเราพร้อมกับเสียงดังตุบ ร่มชายหาด เก้าอี้ชายหาด กล่องเก็บความเย็น แล้วก็สัมภาระของพวกเรา รวมทั้งพวกปืนด้วย
พอสติของฉันกลับมา ฉันก็รีบมองหาหมวกของท่านฮัชชาคุเลย ไหน―อยู่ไหนแล้ว!? ฉันหันไปหันมาอย่างตระหนก แล้วก็ต้องอึ้งจนตาค้างเลย กลางอากาศ มันมีหลุมรูปร่างเหมือนน้ำวนลูกใหญ่อยู่ แล้วฉันก็มองทะลุเข้าไปเห็นถึงชายหาดของโลกเบื้องหลังได้เลย ชายฝั่งที่ถูกฉายด้วยแสงที่น่าขนลุกจากประภาคารนั่น กับเงาร่างสีดำมากมายที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าก้อนเนื้อที่ทำให้รู้สึกแย่ที่ได้เห็น
ตอนที่ฉันยืนนิ่งตัวแข็งอยู่แบบนั้น เกทกลางอากาศนั่นก็ค่อยๆ หดเล็กลง แล้วก็หายไปโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย
“ร- เรารอดแล้ว…?”
โทริโกะที่นอนหันข้างอยู่ขึ้นมา พยายามหายใจให้ทั่วท้อง ดูเหมือนว่าเธอจะมองไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ที่อีกฟากนึงของเกทนะ
“…ดูเหมือน จะเป็นยังงั้นนะ”
ฉันตอบ
โทริโกะได้ยินแบบนั้นก็เอามือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาปิดหน้า แล้วถอนหายใจอย่างยาวออกมา
“เฮ้อออออ ฉันว่าครั้งนี้ พวกเราดวงกุดสุดๆ ไปเลยนะ”
เธอครวญครางออกมาจากความเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ
“ที่นี่ที่ไหนเนี่ย…?”
“ไม่รู้สิ… อาจจะเป็นซักที่นึงในโอกินาว่าก็ได้นะ”
ฉันตอบกลับไปแบบขอไปที
มันก็น่าจะเป็นไปได้ไม่ใช่หรือไง ฉันรู้สึกอยู่หน่อยๆ ว่าที่นี่มันเงียบกว่าที่โอกินาว่านะ อากาศก็ดีกว่าด้วย อาจจะไม่ใช่พวกเกาะหลักๆ แต่เป็นเกาะที่อยู่ไกลออกมาก็ได้ ที่จริง ถ้าไปรื้อกระเป๋าแล้วเอาสมาร์ทโฟนออกมาเช็คที่แอปแผนที่ก็คงจะเจอแล้วล่ะนะ แต่ฉันไม่รู้สึกอยากจะทำแบบนั้นเท่าไหร่เท่านั้นเอง
ดวงจันทร์ขึ้นมาอยู่บนฟ้าแล้ว ได้ยินเสียงตะโกนของผู้คนที่ดูพลุกับเสียงดนตรีจากลำโพงดังมาจากที่ไกลๆ ด้วย แล้วก็จากจุดที่ไกลไปจากชายฝั่ง ก็มีพลุหลากสีระเบิดขึ้นกลางท้องฟ้า เป็นครั้งแรกของฉันเลยนะเนี่ยที่ดีใจกับการได้เจอคนแปลกหน้าขนาดนี้ ที่กำลังสนุกสนานกับคืนฤดูร้อนกันอยู่
ฉันก้มลงไปมองโทริโกะที่ยังนอนเหม่ออยู่ ก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปเห็นกระเป๋าเก็บความเย็นที่อยู่ข้างๆ
“นี่… อยากดื่มเหล้าที่ยังเหลืออยู่ซักหน่อยมั้ย?”
“อื้อ เอาสิ ฉันเอาด้วย อารมณ์แบบนี้ คงทำอะไรไม่ได้นอกจากดื่มแล้วล่ะ”
ฉันมั่นใจนะว่าพวกเราดื่มกันไปเยอะแล้ว แต่ฉันรู้สึกเหมือนไม่เมาเลยซักนิด
ฉันเปิดกระเป๋าเก็บความเย็นออก หยิบกระป๋องเบียร์โอริออนกระป๋องสุดท้ายออกมา ดึงหูจับเพื่อเปิดบน แล้วก็ดื่มฟองที่ไหลออกมาก่อน ต่อด้วยยกขึ้นจิบอึกนึง ค่อยยื่นส่งให้โทริโกะ เธอก็ลุกขึ้นมานั่ง คว้ากระป๋องไปกระดก ดื่มเข้าไปด้วยเสียงที่ฟังดูพอใจนะ หนึ่งอึก สองอึก สามอึก
“ฮ่า… เบียร์นี่รสชาติดีเลยนะ ตอนที่เรายังมีชีวิตเพื่อดื่มมันอยู่น่ะ”
“พูดอีกก็ถูกอีก”
พวกเรานั่งกันอยู่บนพื้นทราย แบ่งเบียร์กระป๋องสุดท้ายกัน แล้วก็มองดูดวงจันทร์ของดินแดนทางตอนใต้อยู่ตรงนี้
“หมวกของท่านฮัชชาคุหายไปแล้ว กะว่าจะให้คุณโคซากุระซื้อไปซักหน่อยแท้ๆ เลย”
“โอ่ แย่จังเลยเนอะ แต่มันก็ช่วยพาเรากลับมาที่ฝั่งนี้ได้นี่นา”
“อืม ก็จริงแหละ แต่ทีนี้ ฉันจะทำยังไงดีล่ะ? เงินหมดแน่นอนเลยล่ะแบบนี้ เอาเงินไปใช้ซะเหมือนเททิ้งเลย ค่าชุดว่ายน้ำ ค่าที่พัก แล้วไหนจะค่าเที่ยวบินกลับอีก…”
ตอนที่ฉันเอามือขึ้นมากุมที่หัวตัวเอง โทริโกะก็ตบไหล่ปลอบอย่างอ่อนโยน
“ก็บอกแล้วไง ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราก็จัดการได้นั่นแหละน่า”
“ที่เธอบอกว่าเดี๋ยวก็จัดการได้นี่ ยังไงล่ะ?”
“เรากลับไปที่โลกเบื้องหลัง แล้วก็หยิบอะไรซักอย่างกลับมา แบบนั้นไง?”
“นี่หลังจากที่พวกเราไปเจออะไรแบบนั้นมา เธอยังจะพูดแบบนั้นได้อยู่อีกเหรอเนี่ย!?”
ฉันร้องลั่นขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว ถึงจะไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นก็เถอะ
แต่ ก็นะ… ฉันว่าโทริโกะก็คงจะยังไปอยู่ดีนั่นแหละเนอะ?
แล้วก็ ต่อให้จะผ่านประสบการณ์น่ากลัวแบบไหนมาก็ตาม ฉันก็คงจะไปด้วยเหมือนกันอยู่ดี
ฉันฟังเสียงคลื่นซัดหาดทรายอยู่แบบนั้น พลางยื่นกระป๋องเบียร์ที่ตอนนี้เบาลงไปแล้วให้โทริโกะ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นแสงสีเงินจางๆ เล็กๆ เข้าพอดี ฉันหันขวับไปมอง เหมือนจะมีอะไรซักอย่างอยู่ใต้ร่มที่ตะแคงนั่นนะ
ฉันไปเก็บมันขึ้นมา ก็ปรากฏว่ามันเป็นเปลือกหอยทรงเกลียวเล็กๆ น่าจะซัก 5 เซนติเมตรได้ แล้วโปร่งใสเหมือนแก้วเลย ฉันลองส่องดูข้างใน ก็เห็นกับเกลียววนยาวที่เหมือนจะหล่นลงไปได้ไม่สิ้นสุดด้วย จนฉันต้องเบือนตาหลบออกมาเพราะเวียนหัวเลย
“โห สวยจังเลย”
โทริโกะเอี้ยวตัวมาดูที่มือของฉัน
“ระวังด้วยนะโอเคมั้ย? เหมือนจะเป็นของจากโลกเบื้องหลังน่ะ”
“จริงเหรอ? งั้น เอาไปให้โคซากุระซื้อก็แล้วกันเนอะ”
“เอ๊ะ? อ- อือ”
“เห็นมั้ยหล้า เดี๋ยวเราก็จัดการได้จริงๆ ด้วย”
ฉันเหลือบมองโทริโกะด้วยหางตา ในขณะที่เธอดื่มจนหมดกระป๋องด้วยสีหน้าพอใจกับตัวเองสุดๆ
เธอเพิ่งจะพูดเองไม่ใช่หรือไง… ฉันคิดยังงั้น แต่ก็อึกอักอยู่กับคำถามที่ว่าจะบอกโทริโกะดีมั้ยว่าฉันเพิ่งเห็นอะไรที่อีกฟากนึงของเกท
ก่อนที่รูที่เชื่อมระหว่างโลกนั้นกับโลกนี้จะปิด บนชายหาดของโลกเบื้องหลัง―ในทะเลตรงที่มีปราการหินยักษ์นั่นอยู่ ผืนน้ำที่มืดยิ่งกว่าท้องฟ้ามืดมิดข้างหลังมัน มีแสงสีเขียวค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา เพิ่มจำนวนขึ้นมาเรื่อยๆ จนไม่นานก็สว่างเหมือนท้องฟ้าที่มีดาวแพรวพราว
ในท้องฟ้าที่มีดาวสีเขียวอยู่เต็มนั่น ทำให้เห็นเค้าโครงของใครซักคนบนชายหาดด้วย ภาพเงาที่สูง ผมยาวนั่น ที่ฉันบอกออกได้เลย
อุรุมะ ซัทสึกิ
ผู้หญิงที่หายตัวไปในโลกเบื้องหลัง ยืนอยู่ตามลำพังบนชายหาดนั่น คนที่โทริโกะกำลังตามหาอยู่
TN: โอ้โห เกือบไปแล้ว~