บทที่ 42 ห้องครัวของภัตตาคาร

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 42 ห้องครัวของภัตตาคาร

บทที่ 42 ห้องครัวของภัตตาคาร

“ฉันให้ 10,000 หยวน! นายต้องอยู่ต่อเพื่อแข่ง!” หลี่ปิงพูดขึ้นด้วยความโมโห “10,000 หยวนมันมากกว่าเงินเดือนนายทั้งเดือนด้วยซ้ำ”

“ถ้าเอาชนะเชฟใหญ่ของทางเราได้ ฉันให้เพิ่มอีก 10,000” ผู้จัดการหวงเข้าร่วมวง

20,000 หยวน เป็นจำนวนมากพอทำพวกหลี่เทียนเกิดอิจฉา กระทั่งคิดอยากแข่งแทนอู๋ฝานเสียด้วยซ้ำ

20,000 หยวน ก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อย ๆ สำหรับอู๋ฝาน มันมากกว่ายอดขายบาร์บีคิวหนึ่งคืนเสียด้วยซ้ำ

อู๋ฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบตกลง

“ตกลง ในเมื่อแสดงความจริงใจกันถึงขนาดนี้ ผมจะอยู่ต่อแข่งกับเชฟใหญ่ของพวกคุณก็แล้วกัน” อู๋ฝานตอบรับด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก

เห็นเงินแล้วตาเป็นประกาย!

ท่าทีของอู๋ฝานเป็นเหตุให้หลี่ปิงและผู้จัดการหวงต่างโกรธเกรี้ยว

“หากทางคุณลูกค้าเป็นฝ่ายแพ้ ก็ขอให้ขอโทษเชฟใหญ่ของเราอย่างจริงใจด้วย” ผู้จัดการหวงตอบ

“แล้วก็อย่าคิดว่าจะได้ 10,000 จากฉัน!” หลี่ปิงเข้าสมทบ

“ตกลงตามนั้น” อู๋ฝานตอบรับโดยไม่แม้แต่จะคิด “แล้วใครจะเป็นกรรมการ? พวกคุณคงเป็นกรรมการไม่ได้หรอกมั้ง? ถ้ามีใจคิดเอนเอียงล่ะจะว่ายังไง?”

การแข่งขันคุณภาพอาหารไม่ใช่อะไรที่วัดออกมาเป็นตัวเลข เพียงแต่มันต้องผ่านกระบวนการคิดเพื่อตัดสิน ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีช่องว่างให้คดโกงเกิดขึ้นได้

“ให้คนในภัตตาคารที่มาใช้บริการค่ำคืนนี้เป็นผู้ตัดสินก็แล้วกัน” ผู้จัดการหวงตอบรับ “คุณและเชฟใหญ่ของเราจะทำอาหารสามจาน อยากทำเมนูอะไร เลือกได้ตามสะดวก หลังจากทำเสร็จเรียบร้อย ให้คุณเลือกลูกค้ามาเป็นกรรมการคนหนึ่ง กรรมการทางเราอีกคนหนึ่ง และคุณหนูเกิ่งอีกหนึ่ง ชนะโดยตัดสินสองในสาม ตกลงไหม?”

“ไม่มีปัญหา สมเหตุสมผลดี” อู๋ฝานตอบรับ

สำหรับเกิ่งหย่าเฟย อู๋ฝานยังมีความเชื่อมั่นในตัวเธอ อย่างน้อยเธอและหลี่ปิงก็ไม่ถือว่าอยู่ฝ่ายเดียวกัน

“ในเมื่อเห็นด้วย ตอนนี้พวกเราก็ไปที่ด้านหลังครัวกันได้” ผู้จัดการหวงกล่าว

ผู้จัดการหวงนำกลุ่มคนเดินไปยังด้านหลังครัว

“ทำไมดึงดันขนาดนี้ล่ะ? หลี่ปิงเรียกผู้จัดการหวงมาทำให้นายเสียหน้าชัด ๆ ไม่เข้าใจหรือยังไง?” เกิ่งหย่าเฟยกระซิบบอกอู๋ฝาน

“ใครทำให้ใครขายหน้ากันแน่” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ “ยังไงก็ต้องขอบคุณอาจารย์เกิ่งที่เป็นห่วง”

“นายคงไม่ได้คิดจริงใช่ไหมว่าตัวเองจะมีฝีมือทำอาหารเหนือไปกว่าเชฟใหญ่ของที่นี่?” เกิ่งหย่าเฟยมองยังอู๋ฝานด้วยท่าทีประหลาดใจ

“แล้วจะเป็นอะไรได้ครับ?” อู๋ฝานถามกลับ

“อย่าล้อกันเล่นนะ เชฟใหญ่ที่นี่ไม่ใช่คนธรรมดา ต่อให้มีฝีมือทำอาหารอยู่บ้าง นายก็เทียบเขาไม่ได้หรอก” เกิ่งหย่าเฟยกล่าวตอบ

“เชฟของที่นี่อาจดีกว่าคนมากมาย แต่ในบรรดาคนมากมายเหล่านั้น ไม่ได้นับรวมถึงผมครับ” อู๋ฝานตอบรับด้วยความมั่นใจ

ทักษะทำอาหารระดับสูงช่วยทำให้ความสามารถในการทำอาหารของอู๋ฝานก้าวหน้าขึ้นอย่างมหาศาล การทานอาหารแต่ละจานทำให้เขาสามารถลิ้มรสและวัดระดับฝีมือของเชฟออกมาได้

หากเทียบเปรียบกับคนธรรมดา เชฟของที่นี่ถือว่ามีระดับสูงจริง เพียงแต่ในความเห็นของอู๋ฝาน ฝีมือทำอาหารของอีกฝ่ายน่าจะเป็นจุดสูงสุดของระดับกลาง ยังคงห่างชั้นอยู่หนึ่งก้าวหากจะก้าวข้ามมายังระดับสูง

หนึ่งก้าวที่เหลือไม่ใช่อะไรที่ผู้คนจะสามารถก้าวข้ามมาได้ ช่องว่างระหว่างก้าวนั้นยังคงเด่นชัด ตราบเท่าที่ภัตตาคารแห่งนี้ไม่ใช้โอกาสที่มีโกง อู๋ฝานก็เชื่อว่าอย่างไรตนเองก็เป็นฝ่ายชนะ!

เพียงแต่อู๋ฝานสงสัยอยู่ในใจ ตามปกติแล้ว คัลเลอร์แมนย่อมถือเป็นร้านที่ดีอันดับหนึ่งในเจียงโจว ระดับของเชฟไม่สมควรต่ำเตี้ย เหตุใดเชฟของพวกเขาถึงได้อยู่เพียงจุดสูงสุดของระดับกลาง? ก่อนจะมาที่นี่ อู๋ฝานนึกคิดไปว่าเชฟจะต้องเป็นระดับมาสเตอร์เสียด้วยซ้ำ หาได้นึกคิดไม่ว่าจะไม่อาจก้าวมาถึงระดับสูง

“หรือว่าในโลกความเป็นจริงจะมีเชฟระดับมาสเตอร์น้อยกว่าในโลกแห่งเกม?” อู๋ฝานคาดเดาอยู่ในใจ

“นายมั่นใจดีนี่” เกิ่งหย่าเฟยประหลาดใจเมื่อเห็นอู๋ฝานมั่นใจ

ว่ากันว่าคนที่มีความมั่นใจย่อมเป็นที่ดึงดูด เกิ่งหย่าเฟยเพิ่งได้ตระหนักความจริงของคำกล่าวนั้นก็ตอนนี้ อู๋ฝานที่ดูธรรมดาในสายตาของเธอ ตอนนี้กลับดูดึงดูดจนน่าสนใจ

เกิ่งหย่าเฟยหน้าแดง สุดท้ายเธอต้องหันหน้าหนี ไม่กล้าสบตาอู๋ฝานอีก

“ก็นิดหน่อยครับ ฮ่า ๆ” อู๋ฝานหัวเราะตอบรับ เขาไม่คิดพูดถึงเรื่องนี้อีกแต่อย่างใด

ส่วนทางด้านหลี่ปิงที่เดินนำหน้า เขาเห็นเกิ่งหย่าเฟยจงใจเดินช้ากว่าเพื่อสนทนากับอู๋ฝาน ใจเขายิ่งเกิดความริษยาจนแทบคลุ้มคลั่ง กระทั่งลอบสาบานกับตัวเองว่าหลังจากอู๋ฝานพ่ายแพ้ เมื่อนั้นจะหยามเหยียดให้จมแผ่นดิน เรื่องจะต้องแพร่งพรายไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย อาจารย์และนักศึกษาทุกคนต้องได้รู้ เพื่อสร้างความอับอายให้แก่อู๋ฝานจนไม่อาจอยู่ที่มหาวิทยาลัยต่อได้!

ลูกค้าทั่วไปย่อมไม่อาจเข้ามายังครัวด้านหลังของภัตตาคาร โดยเฉพาะหลังครัวของภัตตาคารมีดาวเช่นคัลเลอร์แมน ตอนนี้ครัวค่อนข้างยุ่ง แม้แต่ผู้จัดการก็ไม่อาจเข้ามาได้ด้วยซ้ำ ยิ่งกับคนนอกเช่นอู๋ฝานและผู้อื่นยิ่งแล้วใหญ่

ดังนั้นจึงไม่ประหลาดใจในยามที่ผู้จัดการหวงนำอู๋ฝานและคณะเข้ามาหลังครัว พวกเขาจะถูกเชฟใหญ่ขับไล่

“ผู้จัดการหวง มีเรื่องมีราวอะไรกัน? ไม่รู้เหรอครับว่าตอนนี้กำลังยุ่งแค่ไหน? ทำไมพาคนนอกเข้ามาที่นี่กันล่ะครับ รีบออกไปได้แล้ว” เชฟในชุดเครื่องแบบสีขาวพร้อมหมวกเชฟทรงสูงก้าวเดินเข้ามาเพื่อไล่ทุกคนที่บุกรุกออกไป ไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งผู้จัดการหวงแม้แต่น้อย

“เชฟใหญ่หลิว อย่าเพิ่งโกรธไป ผมทราบว่าไม่ควรเข้ามาที่นี่โดยพละการ เพียงแต่วันนี้มีเหตุผลบางอย่าง” ผู้จัดการหวงกล่าวตอบ “ลูกค้าท่านนี้กล่าวว่าอาหารที่เชฟใหญ่ทำขึ้นรสชาติไม่ดีอย่างที่คิด เขาทำเองยังอร่อยกว่า ทุกจานที่สั่งล้วนมีข้อผิดพลาดทั้งนั้น ดังนั้นผมจึงพาเขามาที่นี่เพื่อแข่งกับคุณและรักษาชื่อเสียงของคุณเอาไว้”

เชฟใหญ่หลิวเป็นเถ้าแก่ของภัตตาคาร ต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อเชิญอีกฝ่ายมาร่วมงาน ได้ยินมาว่าเป็นทายาทของร้านอาหารชื่อดัง ดังนั้นย่อมมีอำนาจในวงการอาหาร ทุกสิ่งอย่างในครัวจะเป็นเขาที่คอยควบคุม กระทั่งผู้จัดการหวงก็ยังไม่มีสิทธิ์ควบคุมสั่งการอะไร อย่างไรแล้วผู้จัดการของภัตตาคารก็เปลี่ยนตัวได้ แต่เชฟใหญ่ไม่ใช่คนที่สามารถเปลี่ยนตัว เขาคือหลักประกันแก่ภัตตาคารและเป็นจุดดึงดูดลูกค้า

ตามปกติแล้ว ในครัวย่อมไม่ได้มีเชฟเพียงคนเดียว แต่เชฟหลิวเป็นเชฟใหญ่ของที่นี่ ตามปกติแล้วจะรับผิดชอบการเตรียมอาหารให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการห้องส่วนตัว ส่วนเชฟคนอื่นในห้องครัวจะเตรียมอาหารสำหรับแขกทั่วไป ดังนั้นฝีมือของคนอื่นจึงด้อยกว่าเชฟใหญ่หลิว แต่หากเทียบกับเชฟของภัตตาคารอื่น พวกเขาก็ยังถือว่าเก่งกาจกว่า

“ออกไป ออกไปกันให้หมด ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้น ถ้ามีใครอยากแข่งขัน หากว่าตกลง ฉันจะทำอาหารให้ลูกค้าต่อได้ยังไง?” คำของผู้จัดการหวงไม่อาจทำให้เชฟใหญ่หลิวตกลงรับการแข่งขัน เขายังคงยืนกรานไล่ทุกคนออกไป

“แค่ครั้งเดียว! ขอแค่ครั้งนี้นะครับ!” ผู้จัดการหวงร้องขอ “ทั้งหมดนี่ก็เพื่อภาพลักษณ์ของภัตตาคารเรา เป็นเรื่องของกิจการ ครั้งนี้ต้องรบกวนเชฟหลิวจริง ๆ ครับ ภายหน้าผมจะไม่นำคนอื่นมาที่หลังครัวแบบนี้อีกแล้ว ต้องขออภัยเชฟหลิวที่สร้างปัญหาให้ด้วยครับ”

เขาโกรธเพราะคำพูดของอู๋ฝานรวมกับคำขอของหลี่ปิง ผู้จัดการหวงจึงต้องการทำให้อู๋ฝานขายหน้าเพื่อให้อู๋ฝานต้องก้มหัวขออภัยให้จงได้