ตอนที่ 33 กระเป๋าใบเล็ก

ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ

ตอนที่ 33 กระเป๋าใบเล็ก

เจียงซื่อพลันท้อใจขึ้นมา

ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของพี่รองคือให้ความสำคัญกับคุณธรรมน้ำมิตร แม้ว่านางจะห้ามปรามเพียงใด เกรงว่าก็คงไม่อาจขวางเขาไว้ได้

ช่างเถิด พี่รองเป็นบุรุษ หากคนสารเลวนั่นเข้ามาสนิทสนมด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ก็ไม่อาจเกลี้ยกล่อมพี่รองให้ไปเป็นภรรยาได้

ส่วนนาง…

เจียงซื่อนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างถี่ถ้วน

ตอนที่อวี้ชีเห็นนาง แม้ว่าจะมองนางอยู่นาน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ วันนี้จงใจพูดจาไร้ความปรานีอีกครั้ง คาดว่าจากฐานะอันสูงศักดิ์ของเขาต่อไปคงจะมิได้คบค้าอะไรกันอีก

เจียงซื่อถอนหายใจยาวเหยียดคราหนึ่ง เอ่ยกับเจียงจั้นด้วยรอยยิ้มว่า “น้องอารมณ์พลุ่งพล่านไปหน่อย เพราะเหอเปา[1]ถูกหมาของคนผู้นั้นแย่งไป จึงอดระบายอารมณ์ใส่เจ้าของมิได้เจ้าค่ะ”

เจียงจั้นเผยสีหน้าโกรธแค้นจากศัตรูคนเดียวกันออกมา “น้องสี่ไม่รู้อะไร หมาตัวนั้นมันน่าทุบนัก ข้าอยากจัดการมันตั้งนานแล้ว”

มิใช่ว่าสับสนไปชั่วครู่มองมันเป็น ‘หน้าม้า’ หรือไร ทุกคราที่พบหน้ากันล้วนใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามมองเขาอยู่ร่ำไป ทำเอาเขาสุดจะทนแล้ว

เจียงซื่อนึกไปถึงที่กำลังการต่อสู้ของสุนัขตัวใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มถามว่า “พี่รองแน่ใจหรือว่าจะสู้มันได้”

ในหัวของเจียงจั้นพลันปรากฏภาพเหตุการณ์ของสุนัขตัวใหญ่กระโจนเข้าใส่เขา

“แหะๆ” คุณชายรองเจียงใช้เสียงหัวเราะแห้งๆ มาเป็นคำตอบให้แก่น้องสาว

ทั้งสองเดินมาถึงหน้าประตูจวนตงผิงปั๋ว

เจียงซื่อหยุดเดิน “พี่รองช่วยข้าเอาเหอเปาใบนั้นกลับมาทีเถิด มิฉะนั้นถูกคนอื่นเก็บไปคงไม่ดีแน่”

“ได้ เดี๋ยวข้าจะไปหาพี่อวี๋ชี น้องสี่โปรดวางใจ พี่รองจะเอาเหอเปาใบนั้นกลับมาให้เจ้าอย่างแน่นอน”

เจียงซื่อพยักหน้า แล้วพาอาหมานเข้าในจวนไป

ตรอกซอยอี้เฉียนซึ่งเป็นที่ตั้งของจวนตงผิงปั๋วนั้นอยู่ใกล้กับตรอกเชวี่ยจื่อ เมื่อสองคนพี่น้องพูดคุยกันจบแล้วแยกย้ายกันไป อวี๋ชีก็กลับมาถึงหน้าประตูบ้านที่มีต้นพุทราคอคดอยู่

“เอ้อร์หนิว ออกมา!” อวี๋ชียืนตะโกนเรียกอยู่ในลานบ้านอันว่างเปล่า

ลมอ่อนพัดโชยต้นเหอฮวนสูงใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางลานบ้าน เกิดเป็นเสียงของกิ่งและใบดังซู่ๆ

อวี้ชีเลิกคิ้วอย่างไร้อารมณ์ แล้วเอ่ยออกมาอีกสองคำว่า “เหลิงอิ่ง”

ทันใดนั้นก็มีคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนกระโดดออกมา ราวกับปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น

คนผู้นั้นคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่ง “เจ้านายมีอะไรจะสั่งหรือขอรับ”

“ลุกขึ้นพูด”

คนผู้นั้นลุกขึ้นยืนโดยพลัน

ชายหนุ่มผู้นี้อายุราวยี่สิบปี หน้าตาสุภาพเรียบร้อย สีหน้าแฝงไว้ด้วยความเคารพนบนอบ

“เอ้อร์หนิวมิได้กลับมาหรือ”

“ยังเลยขอรับ”

แววตาของอวี้ชียิ่งดูลุ่มลึกขึ้น

“เจ้านาย บ่าวจะไปตามหาเอ้อร์หนิว!” แล้วอีกคนหนึ่งก็กระโดดลงมาจากต้นไม้

คนผู้นี้หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ดูแล้วอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับอวี้ชี แตกต่างกับเหลิงอิ่งที่เคร่งขรึมและนอบน้อม เด็กหนุ่มใบหน้าตุ๊กตาผู้นี้ต่อให้เผชิญหน้ากับอวี้ชีก็ยังคงยิ้มแย้มได้อยู่

อวี้ชีพยักหน้าให้ “ไปเถิด หลงต้าน”

เด็กหนุ่มหน้ามนยืนโซเซจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่

ในยามที่เขายืนได้มั่นแล้วก็ถลึงตามองเหลิงอิ่งที่สีหน้าไร้อารมณ์แวบหนึ่งด้วยความโมโห

ไม่ยุติธรรม อะไรกันนี่! ล้วนเป็นองครักษ์ลับของเจ้านายกันทั้งคู่ เหตุใดคนผู้นี้จึงนามว่าเหลิงอิ่ง[2] แต่เขากลับมีชื่อว่าหลงต้าน[3]!

หลงต้านกระโดดออกจากกำแพงไปด้วยที่หน้าพังทลาย หลังจากนั้นไม่นานทั้งคนทั้งหมาก็วิ่งเข้าประตูมา

พอเห็นสุนัขตัวใหญ่ อวี้ชีก็สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “มานี่!”

เอ้อร์หนิวมองหน้าหลงต้านด้วยสีหน้าอย่างผู้บริสุทธิ์

หลงต้านกรอกตา “เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว เจ้านายเรียกเจ้านั่นแหละ!”

สุนัขตัวนี้เจ้าเล่ห์นัก นึกไม่ถึงว่าจะรู้จักแกล้งโง่เป็น

เอ้อร์หนิวหูลู่ลง เดินโอ้เอ้ไปยังเบื้องหน้าอวี้ชี

อวี้ชียื่นมือออกไป “แล้วของล่ะ?”

สุนัขตัวโตพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที หันหลังวิ่งออกไป เพียงชั่วครู่ก็คาบเหอเปา กลับมา กระดิกหางอย่างแรงใส่อวี๋ชีเพื่อขอรางวัล

อวี้ชีรับเหอเปามา เห็นมุมเหอเปาที่ทำด้วยฝีมือประณีตงดงามเปียกชื้น เห็นได้ชัดว่าถูกน้ำลายของเอ้อร์หนิวทำให้เปียก จึงอดเคาะหัวเจ้าสุนัขตัวโตเบาๆ มิได้

สุนัขตัวโตร้องอย่างน้อยอกน้อยใจ แล้วเริ่มกระดิกหางอย่างแรงอีกครั้ง กระดิกหางไปพลาง ร้องหงิงๆ เสียงเบาไปทางเหอเปาใบนั้นไปพลาง

“ต่อไปนี้อย่าได้ทำเช่นนี้อีก ทำนางตกใจเข้าจะทำอย่างไร” อวี้ชีสั่งสอนด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

ราวกับสุนัขตัวนี้จะฟังเข้าใจ เห็นว่าแย่งเหอเปามาไม่เพียงแต่ยังไม่ได้รางวัลจากเจ้านาย ซ้ำยังถูกตำหนิอีก จึงหมดเรี่ยวแรงโดยพลัน ใช้หางปัดพื้นไปมาอย่างไร้ชีวิตชีวา

“เจ้าใช้วิธีที่ดูไม่ดีนัก ครั้งหน้าระวังหน่อยแล้วกัน” อวี้ชีลูบหัวมัน แล้วเอาเหอเปาสอดไว้ในอก

สุนัขตัวใหญ่ “…”

หลงต้าน “…”

เหลิงอิ่ง “…”

“พี่อวี๋ชี อยู่บ้านหรือไม่” เสียงตะโกนเรียกของเจียงจั้นดังมาจากหน้าประตู

เสียงนั้นเพิ่งจะหายไห เหลิงอิ่งกับหลงต้านก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้อย่างเงียบๆ อย่างพร้อมเพรียง

เอ้อร์หนิวกระโดดตามไปด้วย กระโดดขึ้นไปได้ครึ่งทางเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามันไม่ต้องซ่อน จึงหมอบลงกับพื้นอย่างมั่นคง

“ไปเชิญแขกเข้ามาเถอะ” อวี๋ชีตบหลังเอ้อร์หนิวไปมา

เพียงไม่นานเอ้อร์หนิวก็พาเจียงจั้นเข้ามา

พอเห็นอวี้ชี เจียงจั้นสีหน้ากระอักกระอ่วนเล็กน้อย “พี่อวี๋ชี ข้าขออภัยด้วย วันนี้น้องสาวข้าพูดจาล่วงเกินพี่ไป…”

อวี้ชียิ้มพลางเอ่ยขัดเจียงจั้นขึ้นว่า “น้องเจียงเอ้อร์อย่าพูดเช่นนี้ ควรเป็นข้าที่ต้องขอโทษจึงจะถูก เอ้อร์หนิวโดนข้าตามใจจนเสียนิสัยแล้ว นับวันยิ่งไร้กฎไร้ระเบียบ”

เจียงจั้นมองหมาตัวใหญ่อย่างไม่สบอารมณ์ พยักหน้าหงึกหงัก “พี่อวี๋ชีควรสั่งสอนเอ้อร์หนิวได้แล้ว เหอเปาของสตรีมิใช่ก้อนกระดูก จะมาแย่งแล้วหนีได้อย่างไร”

เอ้อร์หนิวแยกเขี้ยวอย่างไม่แยแส เผยให้เห็นฟันขาว

เจ้าโง่!

“น้องเจียงเอ้อร์พูดถูก ข้าควรจะสั่งสอนเสียหน่อยแล้ว”

ถลึงตามองเอ้อร์หนิวเสร็จ เจียงจั้นก็เริ่มพูดเข้าเรื่อง “พี่อวี๋ชี เอ้อร์หนิวคาบเอาเหอเปาของน้องสาวข้าไปไว้ที่ใดแล้ว ท่านก็รู้ว่าเหอเปาของสตรีไม่อาจทำหล่นไว้ภายนอกได้…”

“ไม่น่าเลยจริงๆ เป็นเพราะเอ้อร์หนิวทำให้วุ่นวาย” อวี๋ชีสีหน้าละอายใจ

“เช่นนั้นเหอเปา…”

“เอ้อร์หนิว เจ้าเอาเหอเปาไปซ่อนไว้ที่ไหนกันแน่”

หงิง~ เอ้อร์หนิวร้องเสียงลากยาว

เหอเปาไปอยู่ที่ใด ใจท่านยังไม่รู้อีกหรือ

หลงต้านที่อยู่บนต้นไม้ลูบคางอย่างอดมิได้

เจ้านายวันนี้คงมิใช่คนอื่นปลอมตัวมากระมัง

เขาดึงแขนเสื้อของเหลิงอิ่งอย่างอดใจไม่ไหว

เหลิงอิ่งส่งสายตาเหยียดหยามคืนไปให้ กดเสียงให้เบาอย่างยิ่ง “เจ้านายทำเช่นนี้ ย่อมมีเจตนาแฝงไว้!”

“ทำไมรึ ทำหายแล้วหรือ” เสียงอวี้ชีสูงขึ้นเล็กน้อย

เอ้อร์หนิวเห่าขึ้นอีกครั้ง หมอบลงใช้หางฟาดตีกับพื้น ไม่ช้าฝุ่นละอองก็ฟุ้งขึ้นทั่วตัวของเจียงจั้น

เจียงจั้นกัดฟันอย่างอดกลั้น

อวี้ชีเอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดว่า “น้องเจียงเอ้อร์ ดูท่าแล้วเหอเปาคงถูกเอ้อร์หนิวทำหายไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นท่านก็ตีมันเพื่อระบายอารมณ์เถิด ข้าจะไม่ห้ามแน่นอน”

เจียงจั้นถลึงตามองเอ้อร์หนิวด้วยความเดือดดาล เอ้อร์หนิวไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย แยกเขี้ยวเผยให้เห็นฟันขาวแหลมคม

หมัดที่กำแน่นของเจียงจั้นคลายลงอีกครั้ง ถอนใจเอ่ยว่า “ช่างเถิด ไม่มีทางคิดบัญชีกับสัตว์ตัวหนึ่งได้หรอก พี่อวี๋ เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน น้องสี่ยังรอคุยกับข้าอยู่”

อวี้ชีลุกขึ้นยืนส่งเจียงจั้นเดินออกไปยังด้านนอก เสียงที่ดังขึ้นในหูราวกับสายน้ำที่รินไหล “รบกวนน้องเจียงเอ้อร์อธิบายให้น้องสาวเข้าใจหน่อยเถิดนะ ไม่เช่นนั้น วันหน้าข้าจะไปขอโทษน้องสาวด้วยตัวเองก็ย่อมได้”

“ไม่ต้องหรอกขอรับ น้องสาวมิใช่คนใจแคบเช่นนั้น กลับไปเดี๋ยวข้าจะอธิบายกับนางดีๆ ก็สิ้นเรื่องแล้ว”

อวี้ชีส่งเจียงซื่อถึงข้างต้นพุทราคอคดก็หันหลังเดินกลับไป

หลงต้านกับเหลิงอิ่งกระโดดลงมาพร้อมกับประตูเรือนที่งับปิดลง

“เจ้านาย ในเหอเปาใบนั้นต้องมีแผนที่สมบัติอยู่แน่เลยกระมัง” หลงต้านเอ่ยถามอย่างหน้าด้านๆ

[1] เหอเปา หมายถึง คือถุงผ้าขนาดเล็กมีหูรูดรูปทรงคล้ายดอกบัว ปักลวดลายงดงาม สำหรับใส่เงินหรือของชิ้นเล็กๆ ถือเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง

[2] เหลิงอิ่ง 冷影 แปลตรงตัวคือเงาเย็น

[3] หลงต้าน 龙旦 แปลว่าปลาหมอทะเล หลงต้านไม่พอใจที่ชื่อของเหลิงอิ่งฟังดูเข้าท่ากว่า