บทที่4ตอนที่19

 

 

「ยัยบ้าเอ้ย!!」

 

 

ตอนนี้โนโซมุกำลังวิ่งเข้าไปในป่าด้วยพลังเต็มที่ เมื่อเห็นจดหมายที่เธอทิ้งไว้ เขาก็รู้ว่าเธอจะไปสู้กับสัตว์อสูรสีดำนั่น

 

 

เมื่อเขารู้เรื่องนี้ โนโซมุก็บอกมิมุรุที่กำลังตกใจให้ออกจากป่าไปทันทีและไปขอความช่วยเหลือให้เร็วที่สุด ผมไล่ตามเธอและวิ่งเข้าไปส่วนลึกของป่า

 

 

「คิดบ้าอะไรของเธอกัน!! เธอเป็นคนสอนผมเองไม่ใช่เหรอว่าอย่าทิ้งชีวิตตัวเองง่ายๆ!!」

 

 

โนโซมุพูดออกมาด้วยความโกรธแต่ว่าก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของซีน่าได้

 

 

ซีน่าไม่สามารถปล่อยมันไว้ตามลำพังได้ โนโซมุไม่รู้หรอกว่าจริงๆเธอคิดอะไร แต่มันต้องเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เธอยากที่จะลืมเลือนมันออกไปจากใจได้

 

 

ในเวลาเดียวกันเธอไม่อยากให้คนอื่นต้องมาพัวพันเพราะเรื่องส่วนตัวของเธอ

 

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง มิมุรุและทอมจึงให้ความร่วมมือและถึงจะมีการสนทนาเพียงเล็กน้อยระหว่างมิมุรุและโนโซมุ พวกเขาก็คงไม่ทิ้งซีน่าไว้คนเดียวแน่ๆ

 

 

ซีน่าเมินไม่ได้ยามที่เห็นโนโซมุถูกรุมรังแกที่สถาบัน เธอคอยรักษาแผลให้โนโซมุยามที่เขาหนีจากความจริงในป่าเมื่อคืนวาน

 

 

โนโซมุตระหนักได้ว่าเธอเป็นคนที่แสนใจดีและอ่อนโยน ถึงแม้จะชอบพูดอะไรที่มันดูไม่เข้ากับรูปลักษณ์ก็ตามที

 

 

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอเป็นเพื่อนๆของเหล่ามิมุรุและทอม ผมเองก็คงปล่อยให้เธอไปเผชิญหน้ากับมันตัวคนเดียวไม่ได้ ผมไม่อยากให้เพื่อนๆของเขาต้องเสียเพื่อนดีๆและคนใจดีอย่างเธอไป

 

 

(โถ่วเว้ย เป็นคนที่น่ารำคาญและชวนสับสนจนถึงที่สุดเลย!)

 

 

ซีน่าเป็นคนใจดีแต่มักพูดเรื่องยากๆอยู่เสมอ หญิงสาวผู้อ่อนแอที่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อทำบางอย่างให้สำเร็จ

 

 

(……อย่างงี้มันก็ไม่ต่างจากผมเลยไม่ใช่เหรอไงกัน?)

 

 

ซีน่าไม่สามารถพูดความจริงกับมิมุรุได้เพราะเธอกลัวที่จะต้องลากคนอื่นมาเกี่ยวข้องกับสัตว์อสูรสีดำนั่น โนโซมุเองก็ไม่สามารถบอกไอริสและเพื่อนๆได้เกี่ยวกับพลังภายในตัวของเขา เพราะกลัวจะเสียเพื่อนแสนสำคัญไป

 

 

ทั้งสองต่างมีความคล้ายคลึงกันมากในเรื่องที่เก็บความลับเอาไว้ นั่นเป็นเหตุผลที่โนโซมุค่อนข้างจะกังวลเกี่ยวกับซีน่าเป็นอย่างมาก ร่างกายของเธออ่อนแอและอ่อนล้าแถมยังได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างหนักหน่วง

 

 

ถ้าเธอตั้งใจจะจัดการมัน ปลายทางก็น่าจะเป็นจุดที่พบเจอกับมันเมื่อวานตรงที่โล่งนั่น

 

 

เมื่อถึงเวลาที่เธอกำลังจะจากไป ผมยังไม่ได้ตอบแทนเธอเลยแม้แต่น้อย

 

 

「โถ่วเว้ย! ขอให้ทันทีเหอะ!!」

 

 

ยังไงก็ตามโนโซมุตัดสินใจไล่ตามเธอไปและรีบเร่งฝีเท้าของตัวเอง ตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ขามันขยับไม่ได้ดั่งใจเลย

 

 

◇◆◇

 

 

「ที่นี่สินะ……」

 

 

 

ฉันอยู่ในสถานที่ๆพบกับสัตว์อสูรสีดำเมื่อวานนี้ จุดประสงค์ก็คืออยากตัดสินกับมันให้เด็ดขาด

 

 

สัตว์อสูรสีดำตัวนั้นมันเป็นตัวที่ทำลายบ้านเกิดและพี่น้องร่วมเผ่าของฉัน

 

 

ถึงแม้ตัวมันจะต่างออกไปจากเดิม แต่ฉันก็ไม่เคยลืมเลือนภาพลักษณ์ของมัน

 

 

「หึ หึ หึ หึ……」

 

 

การหายใจที่สั้นและหยาบกระด้าง หัวใจฉันเต้นแรงหูนั้นอื้อไปหมด เหงื่อเย็นๆไหลผ่านแผ่นหลัง

 

 

(ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ใช่ว่าไม่มีทางชนะเสียหน่อย เพราะฉะนั้นไม่เป็นไร……)

 

 

ขณะที่บอกตัวเองเช่นนั้น ฉันก็ปล่อยพลังเวทย์ไปทั่วบริเวณรอบตัว

 

 

จิตวิญญาณแห่งป่าตอบสนองต่อพลังเวทย์ของฉันและรวมตัวกันกลายเป็นอนุภาคแสงมากมายผุดอยู่ข้างกายฉัน ฉันเริ่มคุยกับวิญญาณเหล่านั้น

 

 

(ทุกคน ได้โปรดช่วยฉันทีนะ เจ้าสัตว์อสูรสีดำตัวนั้น ช่วยกันเอาชนะมันที)

 

 

“พันธสัญญาแห่งวิญญาณ”

 

 

มันเป็นเวทย์ที่จะทำพันธสัญญากับวิญญาณชั่วคราว ทำให้สามารถดึงพลังเวทย์แห่งวิญญาณมาใช้ได้ซึ่งปกติแล้วจะใช้ได้เฉพาะที่มีความเกี่ยวข้องทางวิญญาณอันสูงส่ง

 

 

แม้จะมีความเป็นไปได้ที่จะใช้เวทย์วิญญาณแต่มันก็ต้องมีความเหมาะสมด้วยกับวิญญาณ และเวลาที่ใช้ในการทำพันธสัญญาก็ขึ้นกับวิญญาณที่ทำสัญญาด้วย และเวลาในการทำพันธสัญญาไม่สามารถพูดได้ว่าไม่มีเงื่อนไข

 

 

เดินทีมันเป็นหนึ่งในเวทย์ที่เหล่าเอลฟ์ถนัดเพราะมีความเข้ากันกับวิญญาณสูงกว่าเผ่าอื่นๆ หากเผ่าอื่นๆอยากจะใช้ต้องผ่านกระบวนการมากมายจนกว่าจะสำเร็จ

 

 

ดังนั้นเอลฟ์จึงเปรียบเสมือนอัจฉริยะด้านเวทย์วิญญาณ

 

 

ฉันพยายามเรียกวิญญาณที่สถิตย์อยู่โดยรอบตัวอย่างเต็มที่ แต่วิญญาณเหล่านั้นต่างหมุนรอบตัวและไม่ยอมรับคำขอของฉัน

 

 

(ทำไมกันล่ะ!? ทำไมทุกคนถึงไม่ตอบสนองกับฉันเลย!?)

 

 

วิญญาณจะไม่ตอบสนองต่อบุลคลที่มีจิตใจแปรปรวน พวกเขาพยายามจะบอกจากใจว่าหากอยากใช้งานพวกเขา เธอต้อง “สงบ”จิตใจตัวเองให้ได้เสียก่อนและพลังเวทย์ที่เธอปล่อยออกมามันกระจัดกระจายไม่รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

วิญญาณเหล่านั้นเริ่มออกห่างไกลออกไป ทำให้ตัวฉันเริ่มหมดความอดทนมากขึ้น

 

 

นานมาแล้วยามที่ฉันอาศัยอยู่ในป่าฉันมักจะพูดคุยกับทุกคนอยู่เสมอได้ตามปกติ

 

 

วิญญาณเหล่านั้นคอยเป็นเพื่อนเล่นกับฉัน ยามตื่น ยามกิน และยามนอน

 

 

แต่นับจากผ่านไปหลังเหตุการณ์ 10 ปีก่อน ฉันไม่เคยทำพันธสัญญากับเหล่าวิญญาณสำเร็จอีกเลย

 

 

ถึงแม้จะสัมผัสได้ และพยายามจะทำสัญญามากมาย แต่ว่าก็ไม่สามารถสื่อสารกับพวกเขาได้เหมือนดั่งเดิม

 

 

ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพัฒนาความสามารถของตัวเอง แต่ตอนนี้ฉันจำเป็นต้องยืมพลังของเหล่าวิญญาณ

 

(ขอร้องล่ะทุกคน! ฉันไม่อยากจะเห็นเพื่อนๆของฉันต้องตกอยู่ในอันตรายอีกต่อไป! เพราะฉะนั้นฉันอยากได้การสนับสนุนจากทุกคน!!)

 

 มิมุรุและทอม โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิมุรุที่ฉันทะเลาะกันมาก่อน ฉันอยากจะลืมเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน ตัวฉันในตอนนั้นเอาแต่ทำตามความต้องการของตัวเอง และเอาแต่บ่นใส่เธอเหมือนกับเด็ก……。

 

 

 ทอมมักจะคอยปลอบโยนพวกเราที่ทะเลาะกันอยู่เสมอ และฉันก็พยายามแกล้งด้วยการยั่วเขา มิมุรุก็โกรธมาก……。ก่อนที่จะรู้ตัวก็กลายเป็นเพื่อนสนิทและไม่อยากจะสูญเสียพวกเธอไปเหมือนครอบครัวคนสำคัญอีกแล้ว……。

 

 

 

 และเขาคนนั้น。โนโซมุ・เบลาตี้

 

 

ฉันที่เอาแต่เชื่อข่าวลือจึงได้แต่คิดว่าเขาเป็นคนที่น่ากลัวเป็นศัตรูของผู้หญิง

 

 

ตั้งแต่ตอนที่เขาคบกับลิซ่าและเลิกกันไป เขาก็หันมาคุยกับไอริสต่อ ตัวเขาต่างโดนพวกผู้ชายในห้องรังแกเขา ฉันเองในตอนนั้นที่เชื่อในข่าวลือก็ไม่ได้มีท่าทีเห็นใจเขา

 

 

ครั้งต่อไปที่พบเขาก็คือสภาพของเขาที่มีเลือดท่วมทั้งตัวและเปื้อนไปด้วยโคลน

 

 

พอได้ยินว่าเขาเข้าป่าคนเดียวก็ทำให้ฉันโกรธมาก แถมวันต่อมาก็ยังเข้าป่ามาอีกโดยไม่สนใจคำเตือนของฉัน

 

 

การกระทำอันแสนประมาทที่อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตทำให้ฉันนึกถึงคนในครอบครัวขึ้นมา เดิมทีเขาเองก็ถูกกดขี่ให้อยู่ต่ำสุดในสถาบันอยู่แล้ว

 

 

 แต่ถึงยังไง……。

 

 

”ซาวา……”

 

「อึก!!」

 

อากาศโดยรอบเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทันใดนั้นวิญญาณที่อยู่รอบตัวก็หายไป

 

 

ตัวตนของมันที่ฉันรู้จักดีและไม่มีวันลืมเลือนปรากฏขึนมา มันกำลังจ้องมาทางนี้

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซ……」

 

 

มันกลับเป็นร่างหมาป่าอีกครั้ง ดวงตาคู่สีแดงกำลังจ้องมองฉัน มือของฉันสั่นเทากับภาพตรงหน้า และเท้าเองก็เกร็งไปหมด แต่ฉันก็กัดริมฝีปากแน่น ดึงธนูออกมาหลายดอกแล้วถือคันธนู

 

 

ฉันไม่สามารถทำพันธสัญญาวิญญาณได้อีกต่อไป โอกาสเดียวที่เหลืออยู่คือทุ่มสุ่มกำลังที่ฉันฝึกฝนตลอดมาเพื่อจัดการกับมัน

 

 

 

ด้วยกำลังทั้งหมดของฉัน ฉันดึงสายธนูแน่น ลูกธนูถูกขึงจนสุด แต่ว่าลูกธนูธรรมดาไม่แม้แต่จะระคายผิวหนังของมัน

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซซ!!!」

 

 

ทันทีที่ดึงลูกธนูเสร็จ มันก็พุ่งเข้ามาหาฉัน ฉันยิงลูกธนูออกไป

 

 

 เพล้ง!เสียงของลูกธนูที่ยิงไปมันไปกระแทกระหว่างคิ้วของมัน

 

 

สัตว์อสูรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและเดินโซเซ แต่ว่าการโจมตีนั่นก็สร้างแผลเล็กน้อยให้มันเพียงเท่านั้น มันรีบฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างความเสียหายรุนแรงให้กับมันด้วยลูกศรธรรมดา ถ้างั้นก็……。

 

ฉันดึงศรออกมาอีกครั้งและวาดคันธนูไปด้านหน้า จากนั้นเสริมพลังเวทย์ลงไปในลูกศร

 

 

ลูกธนูเต็มไปด้วยพลังเวทย์และเริ่มเปล่งแสงแพรวพราว มันคือลูกธนูที่สามารถฆ่าสัตว์อสูรธรรมดาตายได้ แต่ว่าตัวนี้โดนเข้าไปคงบาดเจ็บนิดหน่อย

 

 

 นั่นเป็นเหตุผลที่เอาผ้ามาพันไว้เพื่อไม่ให้มันสังเกตเห็นและเล็งไปที่หัวของมัน มันอาจจะทำอะไรไม่ได้มากแต่สำหรับตอนนี้เพียงพอแล้ว!

 

 

 

สัตว์อสูรที่พุ่งเข้ามาเปิดกรามของมัน หัวและคอมันโผล่มาในแนวตั้งให้เห็นปากขนาดใหญ่ที่มีเขี้ยวนับไม่ถ้วน

 

 

สัตว์อสูรพุ่งเข้าหาฉัน แต่ฉันไม่ได้ยิงลูกธนูออกไป ฉันกำลังข่มความกลัวที่ตัวเองมีจนถึงขีดสุด กัดริมฝีปากแน่นจนเจ็บเพื่อให้ร่างกายขยับต่อไปได้

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ!!」

 

 

ขณะที่ฉันกัดปากแน่นและพยายามสลัดความกลัวออกก็ยิงลูกธนูออกไปพร้อมกระโดดถอยหลัง

 

 

วินาทีต่อมา ลูกศรจำนวนมหาศาลพุ่งออกมาจากจุดที่ฉันเคยยืนอยู่มันแทงทะลุขากรรไกรของาสัตว์อสูรที่พยายามจะกินฉัน แต่ว่าลูกศรหินนั่นมันไม่แข็งแกร่งพอ จากนั้นก็พังทลายลง

 

 

「ถ้ายังงี้ละเป็นไง!」

 

 

แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉันที่เล็งไปที่ปากของมัน

 

 

ลูกธนูจำนวนมากถูกดูดเข้าไปในปากของมันและพลังเวทย์ก็เข้าไปในปากของมัน

 

 

อย่างไรก็ตามการระเบิดระยะใกล้ก็โดนฉันเหมือนกัน

 

 

「คิย๊าาาาาาาาาา!!」

 

 

มันโดนระเบิดและกระแทกลงกับพื้น แม้ว่าฉันจะกระโดดกลับมาตั้งหลักได้แต่ร่างกายของฉันก็ได้รับบาดเจ็บเพราะกระแทกกับพื้นเหมือนกัน

 

 

「อึก!!」

 

 

ร่างกายปวดไปทั่วทั้งตัวและมองดูสัตว์อสูรที่กำลังลุกขึ้นมา

 

 

「อั่ก! อึก!!」

 

 

ตามที่คาดไว้ภายในปากของมันไม่ได้แข็งแรงเหมือนภายนอกของมัน เขี้ยวในปากของมันหัก และมันก็ส่ายหัวพร้อมกับคายเลือดจำนวนมากออกมา

 

「!!ก๊าซซซซซซซซซซ!!」

 

แต่ฉันก็ยังเอาชนะมันไม่ได้ ดวงตาสีแดงนับไม่ถ้วนของมันจ้องมาที่ฉันด้วยความโกรธและพุ่งมาอีกครั้ง

 

 

อย่างไรก็ตามฉันเคลื่อนไหวได้ไม่มากเพราะความเจ็บปวดจากแรงกระแทกเหล่านั้น ปลายนิ้วมือสั่นเทา มือที่จับคันธนูก็แทบจะหมดแรง

 

 

(……ไม่ยอม……)

 

 

เมื่อเผชิญหน้ากับความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันก็หายใจออกครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันหมดแรงลง

 

 

ฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องมาจบชีวิตเช่นนี้ ฉันสูญเสียพ่อแม่และพี่สาวไปที่เสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องฉันและให้ฉันหนีมาได้ ฉันไม่สามารถที่จะกลับบ้านเกิดได้ มิมุรุและเพื่อนๆที่ออกมากับฉัน และเมื่อวานทอมก็ต้องรับบาดเจ็บก็เพราะฉัน

 

 

ไม่รู้ว่าเพราะความตายกำลังใกล้เข้ามาหรืออย่างไร แต่สัตว์อสูรสีดำตรงหน้าดูเชื่องช้าเหลือเกิน

 

 

(ยังไงก็ตาม ขอโทษด้วยนะทุกคนเลย……)

 

 

ข้างหลังสัตว์อสูรที่กำลังใกล้เข้ามา เห็นเหล่าวิญญาณที่มารวมตัวกันภายใต้พันธสัญญาวิญญาณแสงอันริบหรี่สั่นอย่างผิดปกติและเริ่มตื่นขึ้นมา

 

 

(……อืมทุกคนเองก็เหมือนกับฉันสินะ กลัวเหมือนกันละสิ)

 

 

ฉันสังเกตเห็นวิญญาณทั้งหลายต่างหวาดกลัวสัตว์อสูรตัวนี้ ดังนั้นเลยไม่สามารถทำสัญญาได้เพราะเป็นฝ่ายฉันที่สื่อสารอยู่ฝ่ายเดียว

 

 

ใช่แล้วโดยเฉพาะการออกคำสั่งกับอีกฝ่ายโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของฝ่ายตรงข้าม พวกเขาก็จะไม่ให้ความร่วมมือยิ่งสั่งให้ “ต่อสู้”กับคนที่พวกเขากลัวด้วยแล้ว

 

 

(อาาา………ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆที่ผ่านมาไม่ได้สังเกตเลย)

 

 

ตอนที่ฉันอยู่ในป่าฟอสซิล วิญญาณทั้งหมดนั้นเป็นเพื่อนของฉัน ฉันคิดยังงั้น แล้วฉันก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างถูกต้อง ฉันไม่ใช่คนเดียวที่เป็นฝ่ายบงการ พวกเขาเองก็ต้องการอิสระเช่นกัน

 

แต่มันสายเกินไปแล้ว สัตว์อสูรสีดำเข้ามาใกล้และกำลังจะกินฉันด้วยกรามอันใหญ่โตของมัน

เมื่อเนื้อสีแดงสดและเปื้อนเลือดกำลังจะปิดปากตรงหน้าลงนั้น

 

 

「ก๊าซซซซซซซซซซซซ!!!!」

 

 

มีเงาบางอย่างทะลุผ่านกลางระหว่างฉันกับสัตว์อสูร