นอกห้องของเชอรีสมีเมอร์ลิน, เลห์แมน, มาดามหน้าอกใหญ่, เมซี่ส์และคนอื่น ๆ กําลังเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ

เลห์แมนได้ก้าวเดินมาหาเมอร์ลินและพูดเบา ๆ ว่า “เมอร์ลิน ลูกไม่กังวลไป เชอรีสจะต้องปลอดภัย”

เมอร์ลินพยักหน้าแต่สีหน้าของเขายังไม่ผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย

*ตึกตึก*

ทันใดนั้น ร่างหนึ่งได้พุ่งเข้ามาจากด้านนอก เขาคือเบนินที่สวมชุดเกระและเหนื่อยหอบเนื่องจากการเดินทางที่เร่งรีบ

“ท่านบารอน พี่สาวของผมเป็นอย่างไรบ้าง” เบนินถามเมอร์ลินอย่างร้อนรน

“เชอรีสสบายดีแต่ว่านะการที่นายอยู่ ๆ โผล่มาแบบนี้ทางกองกําลังปกป้องเมืองไม่ว่าอะไรหรือ?”

เมอร์ลินขมวดคิ้ว แม้ว่าเบนินจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อนแต่เขาก็ยังไม่สามารถสลัดนิสัยเก่า ๆ ที่เขาเคยมีก่อนหน้านี้ได้ ตอนนี้เขาได้ทํางานให้กับกองกําลังปกป้องเมืองแต่เขามักจะก่อปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสนอ ด้วยเหตุนี้จึงทําให้เขาไม่พอใจเบนินเป็นอย่างมาก

เบนินค่อนข้างกลัวเมอร์ลิน เขาเลยรีบอธิบายไปว่า “ผมได้อธิบายสถานการณ์ให้ผู้บัญชาการรับทราบแล้ว ก่อนที่ผมจะออกมา”

“เข้าใจแล้ว”

เมอร์ลินได้ค่อยอยากจะยุ่งกับเบนินเท่าไหร่นัก เขาเลยตัดบทไปอย่างดื้อ ๆ

ส่วนเบนิน เขาก็ยืนรออย่างเงียบ ๆ เขาหันไปมองในห้องของเชอริสซึ่งเสียงร้องอันเจ็บปวดของเธอได้ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เสียงร้องของทารกได้ดังลั่นไปทั่วปราสาท เมอร์ลินรีบเดินเข้าไปในห้องอย่างเร่งรีบ

ประตูห้องถูกผลักออกและเขาเห็นสาวใช้คนหนึ่งกําลังอุ้มทารกแรกเกิด

“ขอแสดงความยินดีด้วยเจ้าค่ะท่านบารอน มาดามเชอรีสได้ให้กําเนิดบุตรสาวเจ้าค่ะ”

เมอร์ลินก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและรับทารกจากอ้อมแขนของสาวใช้ ทันทีที่เขาได้เห็นใบหน้าของทารก ความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้เกิดขึ้นภายในใจของเขา บางทีนี่อาจเป็นความรู้สึกที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง

“ท่านบารอน ได้โปรดตั้งชื่อให้คุณหนูด้วยเจ้าค่ะ” สาวรับใช้กล่าวพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส

“ชื่องั้นเหรอ?” เมอร์ลินรู้สึกไปไม่ถูก เขาคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เขาเลยหันไปมองเลห์แมนและพูดว่า “ท่านพ่อช่วยผมเลือกชื่อได้มั้ยขอรับ”

เลห์แมนได้ส่ายหัว เขาหรี่ตาเล็กน้อยและพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “เมอร์ลิน ตอนนี้ลูกเป็นพ่อคนแล้ว ลูกต้องเป็นคนเลือกชื่ออด้วยตัวเอง”

เมอร์ลินได้กลับมาเลือกชื่ออีกครั้งซึ่งเขามีชื่อจํานวนมากอยู่ในใจ เขาไม่สามารถหาชื่อที่เหมาะสมได้ เขาจึงกล่าวออกมาไปว่า

“หลังจากที่แอวริลคลอดลูก ผมจะตั้งชื่อลูกทั้งสองพร้อมกัน”

เลห์แมนพยักหน้า “ไม่เป็นไร แต่ลูกพาเด็กไปหาเชอรีสก่อนนะ”

เมอร์ลินพยักหน้าและอุ้มลูกของเขาไปหาเชอรีสที่นอนอยู่บนเตียง

หลังจากนั้นก็ผ่านไปครึ่งเดือน แอลริลได้ให้เกิดบุตรชาย เมอร์ลินได้ใช้เวลาคิดชื่ออย่างหนักเป็นเวลาสามวันกว่าจะได้ชื่อออกมา โดยลูกสาวของเขาชื่อว่า ซีเลีย วิลสัน ส่วนลูกชายมีชื่อว่า แบ็ตแทน วิลสัน

แต่เลห์แมนรู้สึกว่าชื่อของลูกชายดูธรรมดาไป เขาจึงเปลี่ยนชื่อให้เป็นโคซิออน วิลสันเพื่อให้พ้องกับเมืองคอนซิออน ดูเหมือนเลห์แมนจะตั้งใจให้ลูกชายของเมอร์ลินปกครองเมืองนี้ในอนาคต

เมอร์ลินไม่ได้คัดค้านอะไรกับเรื่องนี้ จากนั้นเขาก็ใช้เวลาอันแสนอบอุ่นกับภรรยาทั้งสองของเขา

หลังจากนั้นก็ผ่านไป 3เดือน โครงสร้างเวทมนต์ของคาถาที่สามได้สะสมพลังเวทย์ได้มาพอสมควร เขาสามารถร่ายคาถาโล่ปฐพีได้มากกว่าสิบครั้งอย่างต่อเนื่อง

“ได้เวลาออกเดินทางแล้ว”

แม้ว่าตอนนี้เมอร์ลินจะได้ใช้ชีวิตอันแสนสงบและสุขสบายแต่นี่ไม่ใช่ชีวิตที่เมอร์ลินต้องการ ในใจของเขาต้องการจะมุ่งหน้าไปดินแดนมนต์ดําตลอดเวลา

แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขายังมีเรื่องต้องทํานั่นก็คือทําการเจรจาต่อรองกับเคานต์เซลินและกล่าวอําลาพ่อมดฮิลล์

เมอร์ลินได้เดินทางไปยังปราสาทของเคานต์เซลิน เมื่อเคานต์เซลินได้รู้ว่าเขามีเหรียญตราของดินแดนมนต์ดํา มันก็ทําให้เขามีความสุขมาก ตอนนี้เมอร์ลินเป็นบารอนของเมืองปรากาซ หากเขาสามารถเข้าร่วมกับดินแดนมนต์ดําได้ แค่นี้ก็ถือว่าเมืองปรากาซได้เกี่ยวข้ององค์กรนักเวทย์อย่างสมบูรณ์

เคานต์เซลินได้ให้คําสาบานต่อเมอร์ลินว่าจะดูแลตระกูลวิลสันให้ดีที่สุด เมอร์ลินพยักหน้าอย่างพอใจ เขายังต้องการการสนับสนุนของเคานต์เซลินเพื่อให้ตระกูลวิลสันเจริญเติบโตอย่างสงบสุขในเมืองปรากาซ

หลังจากนั้นเขาเดินทางไปยังบ้านไม้ที่พ่อมดฮิลล์

ตอนนี้สีหน้าของชายชราดีขึ้นมาก ยิ่งเวลาผ่านไป อาการของเขาก็ยิ่งทุเลามากขึ้นเรื่อย ๆ ดูเหมือนเขาจะสามารถควบคุมโครงสร้างเวทมนต์ในร่างกายได้แล้ว

“พ่อมดฮิลล์ ผมกําลังจะเดินทางแล้ว”

เมื่อเมอร์ลินเขาเข้าไปในบ้าน เขาก็พูดออกมาทันที ชายชราเงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาพูดด้วยเสียงอันแหบแห้งว่า

“นี่ก็เป็นเวลากว่าปีหนึ่งแล้วสินะ ในที่สุดเจ้าก็ตัดสินใจจะออกเดินทางซะที ฮิฮิ ตาแก่คนนี้กําลังรอคอยยาที่ทําให้โครงสร้างเวทมนต์เสถียรอย่างคาดหวัง อย่างไรก็ตามอย่าปล่อยให้ตาแก่คนนี้รอนานเกินไปนะ…”

เมอร์ลินรู้ดีว่าพ่อมดฮิลล์กังวลเรื่องนี้มากเพียงใด เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับปัญหานี้เป็นเวลาหลายปี

“พ่อมดฮิลล์ไม่ต้องกังวล ถ้าผมหาสูตรที่ทําให้โครงสร้างเวทมนต์เสถียรได้เมื่อไหร่ ผมจะกลับมาหาท่านทันที”

เมอร์ลินได้นึกย้อนในตอนที่เขาสู้กับเมอแรงค์ ชายชราเพิกเฉยต่อการพังทลายของโครงสร้างเวทมนต์และได้ช่วยเหลือเขาจะอันตราย ทําให้เขาสามารถรอดจากคาถาหมอกรัตติกาลมาได้ เขารู้สึกว่าตัวเองได้ติดหนี้บุญคุณกับชายชราอันใหญ่หลวง

นอกจากนี้ชายชรายังมอบคาถาโล่ปฐพีให้เขาเป็นของขวัญด้วย ตัวเขาที่ได้รับความช่วยเหลือมาหลายอย่าง ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาต้องตอบแทนชายชราบ้างแล้ว

หลังจากพูดคุยกันสักพัก เมอร์ลินก็ลุกขึ้นยืนและเตรียมตัวที่จะกลับปราสาท จู่ ๆ ชายชราก็พูดขึ้นว่า “พ่อมดเมอร์ลิน ข้าจะช่วยดูแลตระกูลวิลสันให้เอง ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้มีอะไรเกิดขึ้นกับตระกูลของเจ้าอย่างเด็ดขาด”

เมอร์ลินหยุดมองพ่อมดฮิลล์แวบหนึ่ง จากนั้นเขาก็โค้งคํานับให้กับชายชราและออกจากบ้านไม้ไป

ตอนนี้ตระกูลวิลสันได้อยู่ภายใต้การดูแลของเคานต์เซลินและพ่อมดฮิลล์ นั่นทําให้เมอร์ลินรู้สึกโล่งใจ แม้เขาจะจากเมืองนี้ไปตระกูลของเขาก็ยังปลอดภัย

ในค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย แอวริลกับเชอรีสซึ่งปกติคนหัวโบราณมาโดยตลอด พวกเธอไม่เคยร่วมรักกับเขาพร้อมกันสามคนแต่ตอนนี้พวกเธอได้เข้ามาหาเมอร์ลินซึ่งกําลังนอนบนเตียง

พวกเธอรู้ว่าเมอร์ลินกําลังจากจากไปดังนั้นพวกเธอจึงเข้ามาหาอ้อมกอดอันอ่อนโยนของเมอร์ลินในค่ำคืนสุดท้ายนี้

เมอร์ลินได้ใช้ช่วงราตรีอันยาวนานและบ้าคลั่งกับแอวริลกับเชอรีส เขาใส่เต็มที่ด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี จนในที่สุดพวกเธอต่างหลับใหลสู่ห้วงนิทรา

ส่วนเมอร์ลิน เขาไม่ได้หลับไปพร้อมกับพวกเธอ เขาได้นั่งสมาธิอยู่สองสามชั่วโมง จากนั้นเขาก็ลุกยืนขึ้นอย่างช้าๆ ในยามรุ่งสาง เขาได้หันมามองแอวริลกับเชอรีสด้วยสีหน้าอันซับซ้อน

“ฉันจะกลับมาแน่นอน”

เมอร์ลินได้ลูบแหวนดําบนมืออย่างแผ่วเบา แม้เขาจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์แต่ต้องข่มความรู้สึกนั้นไว้และเดินออกจากห้องไป เขาออกจากปราสาทเพียงลําพังโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ใครทราบ

หลังจากนั้นที่เมอร์ลินออกจากปราสาทได้ไม่นาน ก็มีชายร่างกํายําสูงใหญ่ราวกับยักษาได้ปรากฏตัวขึ้นในเงามืด เขาเฝ้ามองเมอร์ลินที่ค่อย ๆ หายไปการมุมสายตาด้วยแววตาที่ซับซ้อน…